บทที่ 483 การต่อสู้กับเจ้าหอลัทธิมารจันทราชาด
ปราสาทเก่าแก่
หลังจากที่ม่านหมอกแห่งความตายสั่นไหวไปชั่วขณะ สุดท้ายแล้วมันก็กลับมามั่นคงเช่นเดิม
เจ้าหอโครงกระดูกถอนหายใจโล่งอก ยังไม่เข้าร่วมการต่อสู้โดยตรง ทำเพียงวาดธงไปมาควบคุมม่านหมอกสีหม่นให้ซ่อมแซมส่วนที่พังลง โดยเฉพาะส่วนที่ถูก ‘เนตรสวรรค์’ ทำลายไปพร้อมแกนกลาง ทว่าในยามนี้ ‘หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ย’ และยอดฝีมือฝ่ายลัทธิมารจันทราชาดคนอื่นๆ ได้ถูกจู่โจมจนต้องล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่า
โดยเฉพาะการโจมตีของยอดฝีมือดาบอย่างผู้อาวุโสไป๋และชางหยูเยว่ที่กวาดล้างไปทั่วอย่างง่ายดาย บนร่างกึ่งเป็นกึ่งตายของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยที่เต็มไปด้วยชั้นไขมันเต็มไปด้วยรอยบาดแผลลึกถึงกระดูก สภาพดูเลวร้ายนัก
“เร่งมือเข้า จัดการหัวหน้าสาขาลัทธิมารจันทราชาดให้ได้ หรือมิเช่นนั้นหากค่ายกลฟื้นฟูเสร็จสิ้นเราจะมีปัญหา”
ผู้เฒ่าซู่ควบคุมยอดฝีมือฝ่ายพันธมิตรสังหารมังกรหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันโจมตี
เคร้ง เปรี้ยง ตูม
อาการบาดเจ็บบนร่างของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในบรรดาคนทั้งหมดแล้ว เขาคงเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด
ฟึ่บ
ร่างของหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยพลันล่าถอย ไม่มีความคิดที่จะป้องกัน นำคนที่เหลือบางส่วนกลับไปยังปราสาทเก่าแก่
“ฆ่า! หัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว”
ขวัญกำลังใจของฝ่ายพันธมิตรสังหารมังกรพุ่งทะยานสูง ได้ครอบครองความได้เปรียบในที่สุด
“ไม่มีทางหนี มีเพียงแค่โจมตี”
ผู้เฒ่าซู่ลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจ
ผู้คนเบื้องหลังอาจถูกโจมตีโดยเจ้าหอโครงกระดูกได้ตลอดเวลา นอกจากนั้น ‘เนตรสวรรค์’ ก็ไม่อยู่แล้วในยามนี้
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
ยอดฝีมือระดับสูงจำนวนมากของฝ่ายพันธมิตรสังหารมังกรพุ่งทะยานตรงไปยังปราสาทเก่าแก่ ที่คาดไม่ถึงคือเจ้าหอโครงกระดูกหลบซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของปราสาทเพื่อฟื้นฟูค่ายกล ทั้งยังไม่ใส่ใจคนเหล่านี้เช่นเดิม
เสียงของสงครามได้เริ่มขึ้นในปราสาทเก่าแก่
ภายในปราสาทเก่าแก่เต็มไปด้วยกระดูกคนตาย ปราณหยินหนาแน่น หลายครั้งมักจะปรากฏโครงกระดูก ศพ และภูตผีวิญญาณขึ้น
“ภูตผีเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดพลังในการรักษาสภาพ ‘ค่ายกลกลืนหมื่นวิญญาณ’ เอาไว้ ทุกคนจัดการให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ผู้อาวุโสไป๋เอ่ยขึ้น
การเข่นฆ่ากระจายไปทั่วทั้งปราสาทเก่าแก่
ผู้คนมุ่งหน้าตรงไปยังตำแหน่งของ ‘แกนกลางค่ายกล’
“ก่อนหน้านี้ที่จ้าวเฟิงใช้วิชาดวงตาโจมตี พวกเราก็มั่นใจในตำแหน่งของ ‘แกนกลาง’ ของค่ายกลแล้ว”
ผู้เฒ่าซู่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ผู้คนเพียงเพิ่งไปถึงยังจุดหมายปลายทางก็เห็นหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยและเปลวเพลิงวิญญาณสามสายป้องกันอยู่รอบ ‘แกนกลางค่ายกล’
“ฆ่าภูตผีพวกนี้ก่อนแล้วค่อยไปจัดการเจ้าหอลัทธิมารจันทราชาดอีกที”
ผู้อาวุโสไป๋ที่มั่นใจในฝีมือของตนเองไร้ซึ่งความหวาดกลัว
ส่วนชางหยูเยว่ แม้ว่านางจะมีพลังฝึกตนเพียงขั้นครึ่งก้าวสู่ขั้นนายเหนือแท้ ทว่าวิชาดาบนั้นมีพลังที่แข็งแกร่ง พลังต่อสู้ของนางสามารถเทียบเคียงกับผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำทั่วไปได้แล้ว
ทว่าฝ่ายหัวหน้าสาขาป๋าเถี่ยและ ‘เปลวเพลิงวิญญาณ’ ทั้งสามสายก็ไม่อยู่เฉย เพียงก่อนหน้าไม่อาจรับมือกับเนตรสวรรค์ได้เท่านั้น
ฟู่วว!
เปลวเพลิงวิญญาณทั้งสามสายกลับกลายเป็นปราณเพลิงที่ส่องประกายสีเขียวสว่าง ระเบิดกระจายออกทุกทิศทาง การโจมตีด้วยพลังจิตนั้นได้ทำให้พันธมิตรสังหารมังกรตกอยู่ในความวุ่นวายเล็กๆ
เป็นเรื่องดีที่ผู้อาวุโสไป๋และชางหยูเยว่ฝึกฝนศาสตร์แห่งดาบ พลังที่ดุดันรวดเร็วของวิชาดาบได้ทะลวงผ่านเข้าไปในระดับจิตวิญญาณ เปลวเพลิงวิญญาณถูกตัดทำลายโดยชางหยูเยว่อย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงอีกสองสายแยกกระจายออก
หัวใจของผู้เฒ่าซู่เต็มไปด้วยความชื่นชม ผงกศีรษะซ้ำๆ พวกผู้อาวุโสไป๋ทั้งสองจากสำนักหมื่นดาบได้เข้าร่วมการโจมตีปราสาทเก่าแก่นี้นับว่าส่งผลต่อภาพรวมอย่างมาก
“จิจิ… หมดเวลาเล่นแล้ว”
น้ำเสียงแหบต่ำดังขึ้นก้องไปทั่วทั้งปราสาทพร้อมด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด
ฟึ่บ!
เจ้าหอโครงกระดูกคว้าธงสีดำเอาไว้ ร่างทะยานวูบ ในยามนี้เขาได้ซ่อมแซม ‘ค่ายกลกลืนหมื่นวิญญาณ’ เสร็จสิ้นแล้ว
จิตใจของคนจากพันธมิตรสังหารมังกรหนาวเยือก
ในที่สุดยักษ์ใหญ่ในระดับของเจ้าหอแห่งลัทธิมารจันทราชาดก็จะลงมือแล้ว
“เจ้าพวกเศษเดนจันทราชาด ตายซะเถอะ!”
ชายเสื้อของผู้อาวุโสไป๋โบกสะบัด ตัดผ่านเปลวเพลิงวิญญาณมุ่งตรงเข้าไปต้อนรับเจ้าหอโครงกระดูก
หมื่นดาบทลายฟ้า!
การโจมตีของผู้อาวุโสไป๋สร้างประกายคมดาบที่ดุดันเกรี้ยวกราดออกมา ทำให้อากาศบิดเบี้ยวอย่างไม่หยุดยั้ง ราวกับว่าจะสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้
ในยามนี้ พลังของดาบของผู้อาวุโสไป๋ได้รุนแรงจนถึงระดับที่เกินจะคาดเดา เหนือกว่าระดับของขั้นนายเหนือแท้ไปเล็กน้อย ด้วยพลังโจมตีของมันแทบจะเทียบเคียงได้กับขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้
“สมแล้วที่เป็นทายาทของหนานเจียนเฟิง”
เจ้าหอโครงกระดูกโบกธงสีดำในมือเล็กๆ ควบคุมกลุ่มเปลวเพลิงวิญญาณสายสุดท้าย
ปะทะ! ธงดำวาดออก ‘เปลวเพลิงวิญญาณ’ บิดเบี้ยว มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 20-30 ฟุต ใจกลางรายล้อมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำสนิท
‘ทวารเพลิง’ ที่ใจกลางถูกโอบล้อมไปด้วยเปลวเพลิงสีเทาดำ หมุนเวียนแพร่กระจายไปกว่า 40-50 จ้าง
เปรี้ยง ครืนนน
การโจมตีของผู้อาวุโสไป๋และทวารเพลิงเข้าปะทะกันสร้างเสียงระเบิดดังราวฟ้าผ่า สั่นสะท้านไปถึงดวงวิญญาณ
หลังจากผ่านไปหนึ่งลมหายใจ
ทวารเพลิงที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีเทาดำสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ตอบสนองเชื่อมโยงกับ ‘ค่ายกลกลืนหมื่นวิญญาณ’ ที่ครอบคลุมปราสาทเก่าแก่ พลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง มันพลันขยายตัวออก
ฟึ่บ
การโจมตีของผู้อาวุโสไป๋ถูกทำลายโดยทวารเพลิง ร่างบอบบางกระเด็นออกไป ใบหน้าขาวซีด
“ไม่ดีแล้ว!”
ยอดฝีมือของพันธมิตรสังหารมังกรอุทานออกมา
โจมตี
ทวารเพลิงขยายอีกราวๆ 70-80 จ้าง เปลวเพลิงสีเทาดำเต็มไปด้วยฝุ่นควันหลอมรวมเข้ากับค่ายกลจนมีรูปลักษณ์ราวกับร่มขนาดยักษ์ ทว่าคนของพันธมิตรสังหารมังกรที่อยู่ใจกลางของทวารเพลิงรูปร่มรู้สึกราวกับถูกบีบอัด
“จิจิ… ‘ม่านราตรีวิญญาณ’ นี่คือแผนสอง คนที่พยายามจะเข้ามาในปราสาทจะถูกจับในครั้งเดียว” เจ้าหอโครงกระดูกหัวเราะด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด วาดธงดำควบคุม ‘ทวารเพลิง’ ที่มีรูปลักษณ์คล้ายร่มไปกดทับยังร่างของผู้คนที่อยู่บนพื้น
“หมื่นดาบคืนสู่สามัญ!”
“ทลายนภา!”
“ทำลาย”
ผู้คนที่อยู่ใต้ม่านราตรีวิญญาณเริ่มโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรง
ทว่าการโจมตีจำนวนมากนั้นเพียงเข้าไปใกล้ก็ถูกพลังของ ‘ทวารเพลิง’ ดูดกลืนเข้าไปอย่างลึกลับ
“อย่าได้เปลืองแรงเลย ‘ม่านราตรีวิญญาณ’ นี้ของข้าสามารถส่งเสริมกันกับ ‘ค่ายกลกลืนหมื่นวิญญาณ’ ได้ พลังของมันไร้ที่สิ้นสุด”
เจ้าหอโครงกระดูกวาดธงสีดำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“อ๊ากกกก”
คนบางคนได้ถูกพลังของม่านราตรีวิญญาณกลืนกินเข้าไป เหลือเพียงผู้อาวุโสไป๋ ชางหยูเยว่ และผู้เฒ่าซู่สามคนเท่านั้นที่ยังสามารถต่อต้านได้อย่างยากลำบาก แต่ชัดเจนว่าไม่อาจต้านทานไว้ได้นานนัก
ในยามนี้ ด้านนอกปราสาทได้ปรากฏเสียงที่ผิดแผกออกไปขึ้น
ประกายกระแสไฟฟ้าและสายลมพลันพุ่งทะยานมาจากขอบฟ้า พลังของมันน่าพรั่นพรึง ตามมาด้วยเสียงฟ้าคำราม
“ผู้เฒ่าซู่! ทุกคนไม่ต้องกังวล!”
เด็กหนุ่มผู้มาใหม่มีเรือนผมสีน้ำเงินพลิ้วไหว เบื้องหลังมีปีกวายุอัสนีคู่หนึ่งที่ส่องประกายระยิบระยับสร้างเสียงหวีดหวิวของสายลมและเสียงครืนครางของสายฟ้า ไอสวรรค์วายุอัสนีในฟ้าดินตอบสนอง ราวกับว่าเทพแห่งสายฟ้าได้จุติลงมาบนโลก
ฟึ่บ!
ปีกวายุอัสนีบนแผ่นหลังของจ้าวเฟิงจางหายไป ในฝ่ามือปรากฏกลุ่มพลังสายลมและสายฟ้าสีเขียวเข้มที่มีกลิ่นอายน่าหวาดกลัวขึ้น
“พายุอัสนี!”
กลุ่มสายลมและสายฟ้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นรูปน้ำวนก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่ใจกลางคือช่องว่างที่ไร้ก้นบึ้ง ล้อมรอบไปด้วยพายุขนาดยักษ์ ตามมาด้วยกระแสไฟฟ้าที่แล่นเปรี้ยะรอบๆ มุ่งตรงไปเบื้องล่าง
“เร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก…”
เจ้าหอโครงกระดูกตกใจ ทว่าไม่ได้รู้สึกแปลกใจ
ฟึ่บ!
มืออีกข้างของเจ้าหอโครงกระดูกปรากฏแส้โครงกระดูกสีทองเงินขึ้น ประกายแสงสีดำปรากฏขึ้นพร้อมกับแรงสั่นสะเทือน สร้างเปลวเพลิงสีม่วงแดงขึ้นในอากาศราวกับเปลวเพลิงของมังกรกระดูก เข้าปะทะกับ ‘พายุอัสนี’ เหนือศีรษะอย่างรุนแรง
พายุอัสนีและเพลิงมังกรกระดูกเข้าปะทะกัน พลังรุนแรงมหาศาลทำให้ค่ายกลของปราสาทสั่นสะท้านเล็กๆ
“ไอ้เด็กนี่ได้ครอบครองมรดกอันใดกัน มีพลังฝึกตนเพียงแค่ขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำ ทว่ากลับมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งเพียงนี้…”
สีหน้าของเจ้าหอโครงกระดูกเคร่งเครียดขึ้น แส้สีทองเงินในมือส่องประกายสีดำ ขยับเคลื่อนไหวราวกับมังกรกระดูก
“วายุอัสนีผ่านภา!”
จ้าวเฟิงสะบัดมือข้างหนึ่งลง คมดาบวายุอัสนีแหลมคมสีเขียวเข้มยาวหลายฟุตส่องประกายอยู่กลางอากาศพร้อมกับเสียงคำรามของสายฟ้า มุ่งตรงไปยังร่างของเจ้าหอโครงกระดูก
เจ้าหอโครงกระดูกรู้ตัวอยู่ก่อน ควบคุมธงสีดำให้กดดันคนเบื้องล่างเอาไว้ อีกมือวาดแส้กระดูกเข้าปะทะกับจ้าวเฟิงตรงๆ
ฟุ่บ เปรี้ยง
กระบวนท่า ‘วายุอัสนีผ่านภา’ นี้ของจ้าวเฟิง พลังของมันสามารถคร่าชีวิตของผู้ฝึกคนขั้นนายเหนือแท้ระดับสูงได้ ทว่ากลับถูกแส้ของเจ้าหอโครงกระดูกทำลายลงได้โดยง่าย
ขอบเขตจิตวิญญาณของเจ้าหอโครงกระดูกลึกล้ำ หนึ่งคำพูดดูดดึงพลัง ราวกับว่าตนเองเป็น ‘ตาพายุ’ ของไอสวรรค์ นับว่าคล้ายคลึงกับระดับของลู่เทียนอี้ในซากปรักหักพังสือเฉิง
“เป็นระดับของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดจริงๆ เพียงแต่ร่างกายของเจ้าหอโครงกระดูกนี่อ่อนแอ ไอสวรรค์ได้รับความเสียหายอย่างมาก ทำให้สามารถใช้พลังได้เพียง 3-4 ส่วนเท่านั้น”
จ้าวเฟิงเปิดดวงตาเทพเจ้า ล่วงรู้ทุกรายละเอียดบนร่างของเจ้าหอโครงกระดูก
ความจริงแล้ว ด้วย ‘เนตรสวรรค์’ ที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้า จ้าวเฟิงก็ได้คาดประเมินเจ้าหอโครงกระดูกไว้แล้วในระดับหนึ่ง
แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ในขณะที่เจ้าหอโครงกระดูกกำลังไล่ต้อนพวกผู้อาวุโสไป๋ ชางหยูเยว่ ผู้เฒ่าซู่และยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงคนอื่นๆ ก็ยังสามารถแบ่งพลังออกมาปะทะกับจ้าวเฟิงได้
“ดูเหมือนว่าการโจมตีทั่วไปยังยากที่จะจัดการเขาได้ ระดับของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสามารถดูดกลืนช่วงใช้ไอสวรรค์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่สิ่งที่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงจะสามารถเทียบเคียงได้…”
จ้าวเฟิงเข้าใจอย่างชัดเจน ไม่ได้รู้สึกคาดไม่ถึง
หลังจากที่ออกจากการปิดด่านฝึกตน พลังดวงตาของจ้าวเฟิงก็วิวัฒนาการ ความเข้าใจในมรดกเพิ่มมากขึ้น โดยปกติแล้ว พลังต่อสู้ของเขาสามารถอยู่ในระดับของขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดได้
และหากระเบิดพลังออกอาจจะมีพลังเทียบเคียงกับขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้ ทว่าสิ่งที่ก้าวหน้ามากที่สุดของเขากลับไม่ใช่เรื่องนั้น
ฟึ่บ!
แผ่นหลังของจ้าวเฟิงพลันปรากฏปีกวายุอัสนีผ่างออก ภายใต้การกระพือเล็กน้อย ในเวลา 1-2 ลมหายใจก็สามารถล่าถอยไปได้ห่างกว่าหนึ่งลี้
จากนั้นร่างของเด็กหนุ่มจึงหยุดยืนนิ่ง เรือนผมสีน้ำเงินพลิ้วไหวในอากาศ สีสันของมันพลันแปรเปลี่ยนไป
เปลี่ยนพลังดวงตา?
เจ้าหอโครงกระดูกเผยความตื่นตะลึงออกมา
หลังจากผ่านไปครึ่งลมหายใจ ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงก็เปลี่ยนไปเป็นสีเขียว
ดวงตาซ้ายสีเขียวนั้นราวกับนรกอันไร้ก้นบึ้ง แรงกดดันของพลังดวงตาที่น่าหวาดผวาแพร่กระจายออกอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ในยามนี้ แรงกดดันพลังจิตของจ้าวเฟิงได้หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งทะลวงผ่านสามสวรรค์ของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงไป
“ดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งเพียงนี้ เข้าใกล้ขั้นผู้สูงศักดิ์…”
เจ้าหอโครงกระดูกพลันเปลี่ยนสีหน้า จิตใจสั่นไหวกระวนกระวาย
แม้ว่าในยามที่รุ่งโรจน์ เขาจะเป็นผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด พลังวิญญาณเองก็อยู่ในระดับของผู้สูงศักดิ์ ทว่ายามนี้เขาอยู่ในสภาวะอ่อนแอ ดวงวิญญาณเองก็ด้อยกว่ายามที่อยู่ในช่วงสมบูรณ์พร้อม
ในยามนี้ จ้าวเฟิงได้ใช้วิชาดวงตา ในเสี้ยววินาทีก็ใช้ออก รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่าตัว!
“เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า!”
ดวงตาซ้ายสีเขียวที่ราวกับนรกอันไร้ก้นบึ้งปรากฏแสงสีเขียวเข้มส่องประกายวาบ มันกระทั่งเริ่มมีสีม่วงอ่อนจางปะปนขึ้น
ฟึ่บ เปรี้ยง!
เพลิงวายุอัสนีสีใสในรูปลักษณ์ของมังกรราวกับทะลวงผ่านมาจากอีกมิติ เสียงคำรามของสายฟ้าดังก้อง พุ่งจู่โจมร่างของเจ้าหอโครงกระดูก
เฮือก! เจ้าหอโครงกระดูกส่งเสียงครางออกมา ร่างกายถูกเปลวเพลิงวายุอัสนีระเบิด สายฟ้าวิ่งพล่านอาละวาดไปพร้อมกับสายลม ที่น่าหวาดกลัวที่สุดคือมันสามารถทะลวงผ่านไปยังดวงวิญญาณได้
พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงเหนือกว่าขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด อยู่ในระดับของผู้สูงศักดิ์ วิชาดวงตาของเขาสะท้อนให้เห็นถึงระดับของดวงวิญญาณของเขาอย่างชัดเจน
การโจมตีด้วยดวงตานี้ได้สร้างความเสียหายรุนแรงให้แก่เจ้าหอโครงกระดูก
ฟึ่บ!
เจ้าหอโครงกระดูกสมองว่างโล่ง ‘ม่านราตรีวิญญาณ’ ด้านล่างถูกแรงกระชากจนแตกสลายด้วยพลังดาบสีแดงสดน่าหวาดกลัวสองสาย
“เศษเดนแห่งจันทราชาด ตายเสียเถอะ!”
ผู้อาวุโสไป๋และชางหยูเยว่ส่องประกายคมดาบแหลมคม มุ่งตรงไปจู่โจมเจ้าหอโครงกระดูกตรงๆ