Skip to content

King of Gods 485

King Of Gods

บทที่ 485 เงาอาวุธชั้นพิภพ

5-6 วันต่อมา ในส่วนลึกของป่าเมฆาคล้อย

กลุ่มก้อนพลังสายลมที่มีกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านอย่างน่าหวาดกลัวทะยานผ่านท้องฟ้าเหนือป่าไป สัตว์ปีศาจที่อยู่ไม่ไกลขดตัวร่างสั่นสะท้าน เงียบงันลงจนไร้เสียงใด

หลังจากผ่านไปหลายลมหายใจ

‘กลุ่มสายลมที่มีกระแสไฟฟ้าแล่น’ นั้นก็หม่นแสงลงก่อนจะพลิ้วลงบนยอดไม้สูงใกล้ๆ เมื่อหยุดลงบนยอดไม้แล้ว เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินก็หอบหายใจเล็กๆ ปีกวายุอัสนีเบื้องหลังหม่นแสงลง ดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มหดตัวกวาดมองไปรอบด้านหากลิ่นอายที่หลงเหลืออย่างรวดเร็ว

แม้ว่าจะเป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่อาจมองเห็นอย่างก๊าซและฝุ่นในอากาศ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของไอสวรรค์ ก็ไม่อาจหลบรอดไปจากสายตาของเด็กหนุ่มได้

“อยู่ที่นี่หรือ?” จ้าวเฟิงมองไปยังบริเวณที่ห่างออกไป อดที่จะเผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมาไม่ได้ ภาพเบื้องหน้าคือป่าและแม่น้ำ ริมฝั่งแม่น้ำอีกฟากจึงเป็นช่องเขาเล็กๆ ช่องเขานั้น จ้าวเฟิงมีความทรงจำที่ล้ำลึกกับมัน

ในอดีต เขาได้ถูกสัตว์อสูรระดับสูงไล่ต้อนจนตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง หลังจากนั้นจึงได้หลันเสี่ยวหยวนและศิษย์ของสำนักคนอื่นๆ ช่วยเหลือเอาไว้ ตัดศีรษะของมัน ทำให้จ้าวเฟิงสามารถรอดพ้นจากวิกฤตไปได้

ไม่คิดว่าวันนี้ จ้าวเฟิงที่ไล่ล่าศัตรูที่ทรงพลังมาจะมาถึงยังที่แห่งนี้อีกครั้ง

ไม่นานมานี้ จ้าวเฟิงได้ไล่ตาม ‘เจ้าหอโครงกระดูก’ ไปติดๆ แทบจะตามทันอยู่หลายครั้ง

ความสามารถของ ‘เจ้าหอโครงกระดูก’ นั่นลึกล้ำเกินจะคาดเดา แม้ว่าจ้าวเฟิงจะฝึกฝนมรดกของ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ ความเร็วเหนือกว่าผู้อื่นในระดับเดียวกัน แต่ก็ยังยากที่จะตามได้ทัน

หากไม่ใช่เพราะไม่กี่วันก่อน จ้าวเฟิงได้ฝึกฝน ‘ปีกวายุอัสนี’ ส่วนที่เหลือจนอยู่ในขั้นแรกเริ่มได้ล่ะก็ บางทีอาจจะถูกเจ้าหอโครงกระดูกสลัดหลุดไปแล้ว

เป็นเรื่องดีที่

แม้ว่าความเร็วของจ้าวเฟิงจะไม่ได้เปรียบอีกฝ่าย ทว่าด้วยความสามารถในการสังเกตที่ทรงพลังของดวงตาเทพเจ้าก็ทำให้เขาสามารถแกะรอยเจ้าหอโครงกระดูกได้อย่างเต็มที่

ในระหว่างที่พักหายใจเล็กน้อย ด้วยดวงวิญญาณและขอบเขตจิตวิญญาณที่ทรงพลัง ไอสวรรค์ในร่างของเด็กหนุ่มก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

“ข้างหน้า ดูสิว่าเจ้าจะหนีไปได้นานแค่ไหน”

จ้าวเฟิงเค้นเสียง ปีกวายุอัสนีปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังอีกครั้ง ทะยานผ่านช่องเขางูหลามโลหิตในอดีตไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อข้ามผ่านช่องเขาไป

ไม่นาน ป่าเบื้องหน้าได้หนาทึบขึ้น ดูราวกับเป็นป่าที่ค่อนข้างลึกลับ

“อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเป็นที่นั่น…” หัวใจของจ้าวเฟิงหนาวเยือก ดวงตาเทพเจ้าจ้องมองไปยังส่วนลึกของป่าที่เงียบสงบ ด้วยความสามารถในการสังเกตที่โดดเด่นของดวงตาเทพเจ้า เขามั่นใจได้ถึงตำแหน่งของเจ้าหอโครงกระดูก

ทว่า ‘ที่นั่น’ กระทั่งจ้าวเฟิงก็ยังหวาดผวา หากไม่จำเป็นจะไม่เหยียบย่างเข้าไป

“นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการฆ่าเจ้าหอโครงกระดูก เขากำลังหวาดกลัว ร่างกายและจิตใจอ่อนล้าอย่างมาก ไอสวรรค์เองก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก…”

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยจิตสังหาร ทะลวงผ่านป่าที่เงียบงันไป

ในเวลาเดียวกัน

ส่วนลึกของป่าที่เงียบสงัด สถานที่ที่เต็มไปด้วยม่านหมอกไร้ที่สิ้นสุดจนบดบังสายตาไป

ฟึ่บ

ร่างโครงกระดูกที่ได้รับความเสียหายอย่างมากร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ทั่วทั้งร่างถูกโอบล้อมไปด้วยแสงสีดำ แสงนั้นสั่นสะท้าน ให้ความรู้สึกหดหู่หม่นหมองอย่างแปลกประหลาด

“ไอ้เด็กหัวฟ้านั่นยังไม่ยอมแพ้ ไล่ตามข้ามา”

เจ้าหอโครงกระดูกขบฟันแน่น ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดแค้น

ทุกวันนี้ เขาได้ทำทุกวถีทางในการที่จะสลัดการไล่ล่าของจ้าวเฟิง ตัวอย่างเช่น ไม่สนถึงสิ่งแลกเปลี่ยนที่ตามมา ใช้ไอสวรรค์พลังชีวิตทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ ความเร็วก็เหนือกว่าเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวถึงสองเท่าตัวและตัวอย่างเช่น เขาใช้วิชาต่างๆ ในการปกปิดร่องรอยกลิ่นอายของตนเอง หรือทิ้งกลิ่นอายปลอมเอาไว้เพื่อหลอกล่ออีกฝ่าย

ทว่า

ทุกความพยายามอันยากลำบาก ทุกวิธีการของเจ้าหอโครงกระดูกที่ใช้ออกไปกลับไม่อาจสลัดการไล่ล่าของจ้าวเฟิงได้

สองวันก่อน เขาคิดว่าสามารถสลัดอีกฝ่ายหลุดได้สำเร็จ ในใจลอบถอนหายใจ อย่างโล่งอก ค้นหาสถานที่หลบซ่อน เตรียมจะฟื้นฟู

ทว่าในเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วยาม ‘เนตรสวรรค์’ ก็ปรากฏขึ้นที่กลางอากาศอย่างไร้ซุ่มไร้เสียง ใช้วิชาดวงตาโจมตีเจ้าหอโครงกระดูก ทำให้ดวงวิญญาณเสียหายเลวร้ายลงอีกครั้ง

“รีบๆ มายังแดนต้องห้ามร้อยหลุมศพเสียสิ ในทวีปนี้ ยอดฝีมือที่เข้ามา สามารถรอดชีวิตไปได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น”

เจ้าหอโครงกระดูกแสยะยิ้มเย็นเยียบ ประกายแสงสีดำทั่วทั้งร่างส่องประกายอีกครั้ง ทะยานร่างตรงไปยังส่วนลึกในม่านหมอก

ชั่วครู่ต่อมา

เจ้าหอโครงกระดูกมาถึงส่วนที่ถูกถมทับไปด้วยกระดูก พลังลึกลับที่ไม่อาจมองเห็นล่องลอยอยู่หนาแน่นในบริเวณจำกัดนี้ ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ได้ปรากฏหลุมศพกว่าร้อยหลุมขึ้น วางเรียงกันโอบล้อม ‘ลานผลึกเงิน’ ที่ใจกลาง

ในลานผลึกเงินนั้นได้ปรากฏแท่นหินขึ้น

กระทั่งผู้ที่แข็งแกร่งอย่างเจ้าหอโครงกระดูก ยามที่มาถึงยังที่แห่งนี้ยังรับรู้ได้ถึงความเย็นเยียบและกระวนกระวาย เขานำหยกสีโลหิตที่แตกหักออกมาอย่างระมัดระวัง

“สำหรับผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด การเข้ามาในแดนต้องห้ามนี้ยังไม่อาจที่จะต่อต้านพลังคำสาปได้อย่างง่ายดาย โชคดีที่ในอดีต ข้าได้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้กับท่านจ้าวลัทธิครั้งหนึ่ง มีวิธีในการป้องกัน”

เจ้าหอโครงกระดูกนั่งอยู่ท่ามกลางดินแดนที่ท่วมไปด้วยกระดูกคนตาย ทว่าไม่กล้าที่จะเข้าใกล้กลุ่มหลุมศพ หลังจากที่เข้ามาในแดนต้องห้ามร้อยหลุมศพ หัวใจของเจ้าหอโครงกระดูกจึงสงบลง สามารถฟื้นฟูได้อย่างสบายใจ

เขาไม่กลัวว่าจ้าวเฟิงจะมา กระทั่งรู้สึกคาดหวังอยู่ในใจ ถ้าเด็กนั่นกล้ามา ไม่ต้องให้ตัวเขาลงมือเอง ใช้เพียงพลังคำสาปก็เพียงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายนอนหยอดน้ำข้าวต้มแล้ว

ในความรู้ของเขา มีเพียงแค่ผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดที่สามารถออกจากแดนต้องห้ามร้อยหลุมศพไปได้อย่างปลอดภัย แม้จะเป็นผู้สูงศักดิ์ทั่วไป หากเข้ามาในแดนต้องห้ามร้อยหลุมศพก็ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนบางอย่าง

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วน้ำชาเดือด

สายลมพัดหวนผ่านจากดินแดนหมอกด้านนอกแดนแห่งกระดูก

“มาแล้ว”

เจ้าหอโครงกระดูกพลันรู้สึกยินดี คาดหวังถึงการมาของจ้าวเฟิง

“ฮี่ฮี่ อย่างที่เจ้าหวัง”

เสียงหัวเราะคิกคักดังผ่านจากดินแดนหมอกของแดนต้องห้ามร้อยหลุมศพ

เพียงสิ้นเสียง กลุ่มก้อนสายลมที่ปรากฏประกายกระแสไฟฟ้าก็ปรากฏขึ้น เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินลอยเข้ามาในแดนแห่งกระดูก

วูบ

พลังคำสาปที่ไม่อาจมองเห็นในแดนต้องห้ามร้อยหลุมศพใช้โอกาสนี้ในการพยายามแทรกซึมเข้าไปในร่างของจ้าวเฟิง

“หึ”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงหดลงเล็กน้อย ส่งกลิ่นอายเก่าแก่โบราณน่าพรั่นพรึงออกมาจางๆ กำจัดเทพมารอย่างง่ายดาย พลังคำสาปถูกทำลายสลายไป พลังสั่นสะท้านไปทุกทิศทาง

“ไอ้เด็กนี่กล้าเข้ามาจริงๆ? นี่มันกลิ่นอายเก่าแก่อันใด…”

เจ้าหอโครงกระดูกนั่งก้นยังไม่ทันร้อนก็เห็นจ้าวเฟิงทะลวงป่าอันเงียบสงัดนี้เข้ามาอย่างทรงพลัง เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

การรับมือกับคำสาปของ ‘แดนต้องห้ามร้อยหลุมศพ’ จ้าวเฟิงดูสะดวกสบายกว่าเจ้าหอโครงกระดูกนัก กระทั่งไม่จำเป็นต้องตั้งใจลงมือ

ในทางกลับกัน เจ้าหอโครงกระดูกต้องแบ่งสมาธิและพลังส่วนหนึ่งไปรับมือกับพลังคำสาปที่คอยเฝ้ารอโอกาสอยู่

อีกนัยหนึ่ง

ในแดนต้องห้ามร้อยหลุมศพ พลังต่อสู้ของจ้าวเฟิงยังอยู่ในระดับเดิม ทว่าเจ้าหอโครงกระดูกกลับอ่อนแอลง สถานการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้ได้ทำให้เจ้าหอโครงกระดูกแทบจะกระอักโลหิต

คมมีดวายุอัสนี

จ้าวเฟิงไม่ลังเล ลงมือโจมตีในเสี้ยวพริบตา

เคร้ง

คมมีดวายุอัสนีสีเขียวเข้มคมกริบขนาดยักษ์ส่งเสียงแหวกอากาศหวีดหวิว สร้างประกายแสงสว่าง ฟาดลงไปจากเหนือศีรษะของเจ้าหอโครงกระดูก เจ้าหอโครงกระดูกเสียแส้กระดูกสีทองเงินไปแล้ว ต้องใช้แขนข้างหนึ่งที่เหลือในการเข้าปะทะกับการจู่โจมที่รวดเร็วราวสายฟ้าฟาดของจ้าวเฟิง ประกายไฟส่องวูบ เสียงฟ้าคำรามระเบิดออก

ครืน เปรี้ยง

ร่างของเจ้าหอโครงกระดูกสั่นสะท้านกระเด็นถอยไปหลายก้าว กระดูกบนร่างปรากฏรอยไหม้อยู่บ้าง อาการบาดเจ็บไม่ชัดเจน

“เจ้าหอโครงกระดูก ดูจากร่างกายที่แตกหักของเจ้าแล้ว เจ้าจะทนได้นานเท่าใดกัน”

จ้าวเฟิงแย้มยิ้มบาง ท่าทีสงบนิ่งมั่นใจ

หลังจากที่ต่อสู้กันมาหลายวัน พลังต่อสู้ของจ้าวเฟิงก็ได้เข้าใกล้ขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเข้าไปทุกที แก่นแท้สำนึกรู้ที่ลึกล้ำบางอย่างของ ‘อนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ’ รวมทั้งวิชาต่อสู้และการใช้พลังบางอย่างที่จ้าวเฟิงเข้าใจก่อนหน้าก็พัฒนาขึ้น

พลังสายลมและสายฟ้าอ่อนจางบนร่างของจ้าวเฟิงส่องประกายสีเขียวเข้มราวผลึก ไอสวรรค์อัสนีในฟ้าดินหมุนวนมีเขาเป็นใจกลาง มีพลังมหาศาล

ทุกการเคลื่อนไหวทุกการกระทำของเขาได้ทำให้มันควบรวมกันมากขึ้น

ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณนั้น จ้าวเฟิงเทียบได้กับผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด นี่คือผลประโยชน์ที่ได้รับมาจากแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษาและการเลียนแบบการหลอมรวมกับฟ้าดินของซินอู๋เหิน

ในระดับของแนวคิดนั้น จ้าวเฟิงก็เข้าใกล้ขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอด แทบจะเรียกว่าอยู่ในระดับเดียวกัน

ดังนั้นแล้ว แม้ว่าจ้าวเฟิงจะมีพลังฝึกตนเพียงขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำ ความสามารถในการต่อสู้กลับอยู่ในจุดสุดยอดของขั้นนายเหนือแท้ กระทั่งขั้นครึ่งก้าวสู่อีกระดับ

“ไอ้หนู อย่าได้จองหองต่อหน้าเปิ่นซั่ว”

สีหน้าของเจ้าหอโครงกระดูกมืดทะมึนลง เขากำลังอ่อนแอ พลังต่อสู้เมื่อเทียบกับ 5-6 วันก่อนแล้วยังด้อยกว่าหลายส่วน

ในทางกลับกัน จ้าวเฟิงไม่ได้รับกระทบจากสภาพแวดล้อม ความเข้าใจในวิชาหลายส่วนเพิ่มขึ้นจากการต่อสู้จริง อาจกล่าวได้ว่าชนะไปครั้งแล้วครั้งเล่า

ร่างของเจ้าหอโครงกระดูกกระเด็นล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่สามารถเอาชนะการจู่โจมราวสายฟ้าฟาดของจ้าวเฟิงได้ การโจมตีทั่วไปของจ้าวเฟิง เจ้าหอโครงกระดูกรับไปตรงๆ ยังพอรับมือได้

ทว่าดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเกินกว่าจะจินตนาการ ในช่วงเวลาสำคัญจะใช้วิชาดวงตา ทำให้อาการบาดเจ็บของดวงวิญญาณของเจ้าหอโครงกระดูกเลวร้ายลง เจ้าหอโครงกระดูกใช้วิชาก้นหีบ ‘วิชาหลากวิญญาณ’ ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือคนใดก็ยากที่จะรับมือได้

ทว่าน่าเสียดายที่การโจมตีในระดับจิตใจต่อจ้าวเฟิงนั้นอาจนับได้ว่าไร้ซึ่งผลใดๆ

เช่นเดียวกับความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณที่เทียบได้กับขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ไพ่ตายที่ทรงพลังบางอย่างของเจ้าหอโครงกระดูกไม่ส่งผลต่อเขา

“เช่นนั้นก็มีเพียงแค่วิธีนี้…”

เจ้าหอโครงกระดูกพลันขบฟันแน่น ร่างโครงกระดูกสีทองเงินระเบิดเปลวเพลิงสีดำออกมา

ครืนนน

กลิ่นอายพลังอำนาจบนร่างของเจ้าหอโครงกระดูกเพิ่มขึ้นครึ่งขั้นในเสี้ยววินาที พลังอำนาจมหาศาลนั้นได้ทำให้ไอสวรรค์สั่นไหวอย่างรุนแรง

พลังอำนาจนั้นเหนือกว่าขั้นนายเหนือแท้ บางทีอาจเข้าใกล้ยามที่รุ่งโรจน์ที่สุดของเจ้าหอโครงกระดูก

“รีดเค้นพลังชีวิตและแหล่งกำเนิดพลัง?”

ร่างกายและจิตใจของจ้าวเฟิงโหวงวูบ ภายใต้การจ้องมองของดวงตาเทพเจ้า ใบหน้าซีดขาวลงเล็กๆ

“วิญญาณยักษ์กระดูก”

ในเวลาสั้นๆ กลิ่นอายของเจ้าหอโครงกระดูกก็เทียบได้กับผู้สูงศักดิ์ กระดูกที่แตกหักทั่วทั้งร่างสีทองเงินพลันขยายใหญ่ขึ้น

เจ็ดฟุต… เก้าฟุต… หนึ่งจ้าง… สองจ้าง…

ในเวลาไม่กี่นาที ร่างโครงกระดูกสีทองเงินของเจ้าหอโครงกระดูกก็ขยายออกจนมีขนาดเท่าตึกสูง ประกายแสงสีดำพลิ้วไหว

จ้าวเฟิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าราวกับทารกที่อยู่เบื้องหน้ายักษ์

นอกจากนั้น

ร่างกายใหญ่โตแตกหักของเจ้าหอโครงกระดูกราวกับหลอมรวมเข้ากับกระดูกที่ถูกกลบฝังอยู่ในพื้น กลืนกินพลังบางส่วนของโครงกระดูกเหล่านั้น ซ่อมแซมกระดูกที่แตกหักของตนเอง

“ตายซะ…”

กลิ่นอายบนร่างของเจ้าหอโครงกระดูกมหาศาล ทุกการเคลื่อนไหวทุกการกระทำทำให้ไอสวรรค์ในฟ้าดินพุ่งพล่าน ดูราวกับมีศูนย์กลางเป็นเพียงผู้สูงศักดิ์ผู้นี้คนเดียว ภายใต้สภาวะนี้ พลังต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า สามารถฆ่าผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดได้อย่างง่ายดาย

หากผู้อาวุโสไป๋เมื่อหลายวันก่อนมา บางทีอาจไม่สามารถรับมือเจ้าหอโครงกระดูกได้แม้แต่หมัดเดียว

“เป็นพลังที่น่าหวาดกลัวนั่น ทำให้ลู่เทียนอี้จากสำนักจันทร์กระจ่างนั่นดูธรรมดาไปเลย”

จิตใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน รู้สึกทรมาน

ในยามวิกฤต จ้าวเฟิงก็ยังไม่ลนลาน

นัยน์ตาของเด็กหนุ่มปรากฏประกายบ้าคลั่งขึ้น พลังสายเลือดทั่วทั้งร่างราวกับได้รับการกระตุ้น สั่นกระเพื่อมเป็นคลื่นสูงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเย็นเยียบอย่างกะทันหัน

“หอกจักรพรรดิเหมันต์”

มือทั้งสองของจ้าวเฟิงประสานกัน ฝ่ามือปรากฏ ‘เงาหอกสีฟ้าเย็น’ ใสขึ้น

ครืนนน

อากาศรอบด้านสั่นไหว บรรยากาศเย็นเยียบน่าพรั่นพรึงแผ่ซ่านอย่างไม่อาจอธิบาย ความเย็นในบริเวณนี้ได้ทำให้ไอสวรรค์ถูกแช่แข็งในเสี้ยววินาที

“ไม่ดีแล้ว… เป็นไปได้อย่างไร… เงาอาวุธชั้นพิภพ?”

หมัดของเจ้าหอโครงกระดูกที่เพิ่งจะสะท้านสวรรค์ไป รู้สึกได้ว่าแนวคิดของตนเองได้รับการตอบรับ ดูราวกับถูกแช่แข็ง ร่างกายแข็งทื่อ

เขาสิ้นเสียงไปด้วยความตื่นตะลึง ในเบ้าตาปรากฏความละลาน มองไปยังพลังสายเลือดของจ้าวเฟิงที่กระตุ้นการเคลื่อนไหวของ ‘เงาหอกสีฟ้าเย็น’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!