บทที่ 928 ข้อด้อย
ท้องฟ้าในห้วงฝันบรรพกาล มวลเมฆดำครึ้มลอยต่ำลงมา ท้องฟ้ามืดลงทันใด สายฟ้าปรากฏขึ้นวูบวาบ
“จะมาแล้วรึ?” จ้าวเฟิงตื่นเต้นดีใจ ลืมตาที่จริงจังและหนักแน่นขึ้น
นี่คือเหตุผลที่เขาสร้างโลกมิติส่วนตัวในห้วงฝันบรรพกาลแห่งนี้
เขารอพายุฝนฟ้าคะนองห่านี้มาโดยตลอด ความคิดนี้เคยเกิดขึ้นในหัวของจ้าวเฟิง เขาจะต้องลองมันสักรอบ พินิจหยั่งรู้มิติส่วนตัววายุอัสนีภายใต้พายุฝนฟ้าคะนองในห้วงฝันบรรพกาล
เปาะแปะ เปาะแปะ ท้องฟ้าค่อยๆ มืดมิด หยาดฝนละเอียดราวกับเส้นไหมตกลงสู่พื้น
เมื่อหยาดฝนร่วงลงสู่โลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าโลกมิติส่วนตัวของเขาที่อยู่ภายใต้สายฝนกระหน่ำไม่ขาดสาย เกิดความสับสนไม่เป็นระเบียบ
ฝนบรรพกาลที่เข้ามาในมิติส่วนตัว เขาไร้ซึ่งหนทางที่จะควบคุมมัน
“ตอนนี้ข้าควบคุมได้เพียงวัตถุที่ข้าสร้างในโลกมิติส่วนตัวเท่านั้น ส่วนวัตถุจากภายนอกแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากข้า กระทั่งส่งผลต่อความมั่นคงของมิติส่วนตัวด้วย!”
จ้าวเฟิงขมวดคิ้ว มิติส่วนตัวของเขาบอบบางเกินไป
แต่จ้าวเฟิงไม่รู้ ตัวเขาอยู่ที่ห้วงฝันบรรพกาล หากกลับไปยังมิติที่แท้จริง ในด้านการควบคุมและผลกระทบของมิติ โลกมิติส่วนตัวของเขาแข็งแกร่งกว่าโลกมิติส่วนตัวขั้นต้นของจักพรรดิทั่วไปเป็นไหนๆ
ฝนของห้วงฝันบรรพกาลคือฝนยุคดึกดำบรรพ์ แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายบรรพกาลมหาศาล แตกต่างกับฝนในมิติของจ้าวเฟิงอย่างสิ้นเชิง หากอยากจะควบคุมหยาดฝนพวกนี้ จำต้องเข้าใจโครงสร้างที่ลึกลงไปอีก อีกทั้งหากต้องการให้มันส่งผลกระทบต่อเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ของห้วงฝันบรรพกาล ก็จะต้องเข้าใจถึงแก่นแท้ของห้วงฝันบรรพกาลทั้งหมดในระดับหนึ่ง
จ้าวเฟิงยังห่างจากขั้นนี้อีกไกลโข
ครืน เปรี้ยง! ฝนยิ่งตกยิ่งหนัก และบางครั้งมีฟ้าแลบเกิดขึ้นด้วย
จ้าวเฟิงเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบน “พายุฝนรอบนี้น้อยกว่าเมื่อครั้งที่แล้วมากนัก”
มิติส่วนตัวของจ้าวเฟิง เมื่อโดนฝนกระหน่ำก็ยิ่งโปร่งแสงมากขึ้น ราวกับว่าอีกไม่นานมันจะหายไป
ดวงตาทั้งสองของจ้าวเฟิงส่องประกายวูบวาบ กระตุ้นมิติแก่นผลึก
ทันใดนั้น ปราณแท้จริงวายุอัสนีโหมซัดออกมา และหลั่งไหลเข้าไปในทุกมุมของโลกมิติส่วนตัว รอบด้านของจ้าวเฟิง เค้าโครงของโลกมิติส่วนตัวค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
เหนือห้วงฝันบรรพกาล เมฆฝนมืดดำครึ้มปกคลุมไปทั่ว หยดฝนเทลงมา บางครั้งก็มีประกายสายฟ้าฟาดผ่า ส่วนมิติข้างล่าง เมฆดำกึ่งโปร่งแสงลอยอยู่บนท้องฟ้า สายฟ้าและพายุโหมกระหน่ำ
ภาพทิวทัศน์เช่นนี้ช่างน่าอัศจรรย์ใจนัก ราวกับว่าโลกใบหนึ่งมีท้องฟ้าอยู่สองชั้น
จ้าวเฟิงจมดิ่งอยู่ท่ามกลางฝนห่าใหญ่ในห้วงฝันบรรพกาลเช่นนี้ พลางสัมผัสถึงกลิ่นอายวายุอัสนีที่แผ่วเบาในนั้น
โลกมิติส่วนตัวรอบด้านเขาเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ตามอารมณ์ของเขา มองไปแล้วยิ่งดูสมจริงยิ่งขึ้น
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าพลันดังลั่นเหนือหัวจ้าวเฟิง ภายในมิติส่วนตัววายุอัสนี สายฟ้าจำนวนมากเปล่งแสงอัสนีบาตออกมาพร้อมกัน แรงกดดันชวนหายใจติดขัดที่ครอบงำทุกสรรพสิ่งมาเยือนทันใด ความรู้สึกอันตรายเป็นล้นพ้นทำเอาตาซ้ายของจ้าวเฟิงเต้นระริกบอกเตือนถึงอันตราย
“แย่แล้ว!”
ครืน ครืน เปรี้ยง…
สายฟ้าเส้นยักษ์ผ่าฟาดลงมายังตำแหน่งของจ้าวเฟิง ทำลายทุกสรรพสิ่ง หลงเหลือไว้แค่เพียงหลุมไหม้ดำ
ภายในหลุมดำสามจั้งไร้ซึ่งสิ่งใด ต้นไม้ไหม้เกรียมที่ล้มเอนรอบด้านยังมีเปลวเพลิงลุกติด บนต้นไม้บรรพกาลที่สูงเสียดฟ้าห่างไกลออกไป นกอสูรและงูเหลือมยักษ์เนื้อตัวสั่น สายตาฉงนสงสัยมองไปยังหลุมไหม้ดำนั่น
ชั่วขณะต่อไป เด็กหนุ่มผมทองผู้หนึ่งปรากฏอยู่ใจกลางหลุมไหม้เกรียม
งูเหลือมยักษ์และนกอสูรมองเห็นทุกอย่างจนคุ้นชินแล้ว เจ้านายของพวกมัน แม้ระดับพลังจะไม่สูงส่งอะไร แต่กลับลึกลับซับซ้อนไม่อาจคาดเดาได้
“อันตรายจริง!” ใจของจ้าวเฟิงยังหวาดหวั่น เมื่อครู่เขาอยู่ในสภาวะหยั่งรู้ จึงสัมผัสถึงความเป็นไปที่โลกภายนอกได้ค่อนข้างน้อย หากไม่ใช่เพราะการเตือนภัยจากตาซ้ายทำเขาตกใจ เกรงว่าป่านนี้คงจะโดนฟ้าผ่าตายไปแล้ว
“สภาพอากาศเช่นนี้ หากพูดตามเหตุผลแล้วไม่น่าจะมีฟ้าผ่า ดูท่าคงจะเป็นเพราะแรงดึงดูดจากมิติส่วนตัววายุอัสนี!”
ใจจ้าวเฟิงกระจ่างแจ้ง ตั้งแต่ที่เมฆครึ้มมาเยือนจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่สายฟ้าบรรพกาลผ่าลงมา โลกมิติส่วนตัววายุอัสนีถือว่ายังอยู่ในช่วงแรกสุด การดึงดูดสายฟ้ายังสู้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้
หากกระตุ้นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ เกรงว่าจะเรียกสายฟ้าบรรพกาลมาได้หลายสายในทันที นอกจากนั้น สภาพอากาศเริ่มเลวร้ายลง โอกาสที่จะเกิดสายฟ้าบรรพกาลต่อจากนี้ก็ยิ่งมาก เช่นนี้แล้ว ต่อให้จ้าวเฟิงจะสามารถเข้าออกห้วงฝันบรรพกาลเมื่อใดก็ได้ เขาก็ไม่กล้าเรียกมิติส่วนตัววายุอัสนีออกมา
สุดท้าย จ้าวเฟิงสำรวจรอบด้านอยู่รอบหนึ่ง เก็บท่อนไม้ที่แฝงพลังสายฟ้าบรรพกาลค่อนข้างสูงมาบางส่วน แล้วนั่งขัดสมาธิลงใจกลางหลุมไหม้เกรียม
“ห่างจากศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทอีกเพียงแค่สองเดือน ข้าจะต้องสร้างโลกมิติส่วนตัวขั้นแรกให้สำเร็จ!”
จิตใจของจ้าวเฟิงแจ่มชัด
จักรพรรดิทั่วไปสามารถสร้างโลกมิติส่วนตัวเสร็จภายในหนึ่งปีได้ ก็เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอดแล้ว แต่จากความสามารถในการเรียนรู้ การวิเคราะห์ และประสบการณ์ของจ้าวเฟิง โลกมิติส่วนตัวธรรมดา แค่สี่เดือนก็เพียงพอแล้ว
แต่มิติส่วนตัววายุอัสนีที่เขาสร้างแฝงไว้ด้วยเสวียนอ้าวของห้วงฝันบรรพกาล ระดับความยากสูงมาก
เมื่อโลกมิติส่วนตัวขั้นต้นของจ้าวเฟิงสำเร็จ พลังต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน การบดยี้ทำลายโลกมิติส่วนตัวขั้นต้นของจักรพรรดิทั่วไปย่อมไม่ใช่ปัญหา ก็เหมือนกับตอนแรกที่จ้าวเฟิงเข้ามาในห้วงฝันบรรพกาล หายใจแค่สามเฮือกก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว
…….
ภายในตำหนักขององค์ชายเก้า ตัวแทนของกลุ่มอำนาจมารวมตัวกันพร้อมหน้า
จักรพรรดิและราชาจำนวนไม่น้อย ณ ที่นั้นยืนอยู่อีกฝั่ง
มีเพียงกลุ่มอำนาจสามดาว ผู้แข็งแกร่งที่มีบรรดาศักดิ์ และเซียนบางคนเท่านั้น จึงจะมีอำนาจในการออกเสียงส่วนหนึ่ง
หนึ่งในนั้นมีเซียนราตรีทมิฬ เฒ่าประหลาดสวี หนานเฟิงอ๋อง โจวซู่เอ๋อร์รวมอยู่ด้วย
แต่บรรยากาศค่อนข้างกดดันและอึมครึม
“องค์ชายเก้า ท่านจะยกตำแหน่งนักฝึกสัตว์ให้กับจ้าวเฟิงงั้นรึ?”
ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำผู้หนึ่ง สีหน้าแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ
ทุกการกระทำของเขาล้วนแผ่กระจายแรงกดดันจากพลังกายอันแข็งแกร่ง นี่ยังนับว่าอยู่ภายใต้การเก็บงำพลังไว้ด้วยซ้ำ สีหน้าขององค์ชายเก้าคร่ำเคร่ง ที่จริงเขาก็เตรียมตำแหน่งสมาชิกต่อสู้สายวิญญาณไว้ให้กับจ้าวเฟิง แต่ไม่คิดว่าจ้าวเฟิงจะยอมรับตำแหน่งนักฝึกสัตว์ในวังหลวงเสียเอง อีกทั้งตระกูลจีที่แต่เดิมสนับสนุนเขา พอได้รู้ว่าจ้าวเฟิงเป็นสมาชิกขององค์ชายเก้าก็จากไปทันที แล้วไปเข้าร่วมกับองค์ชายแปด ทำให้สูญเสียมหาศาล
เมื่อองค์ชายเก้าไปซักถาม ผู้อาวุโสตระกูลจีให้คำตอบว่า ‘มีจ้าวเฟิงอยู่ด้วย ตระกูลจีของพวกเขายากที่จะได้ตำแหน่งสู้รบสายวิญญาณ’
องค์ชายเก้าก็จนปัญญา แต่ว่าตระกูลจีเข้าร่วมกับองค์ชายแปดไปแล้ว ต่อให้องค์ชายเก้าอธิบายอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนจากจ้าวเฟิงก็นำความช่วยเหลือมาให้องค์ชายเก้าได้อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นหนานเฟิงอ๋องและหอควันสมุทร
แม้กระทั่งการที่โจวซู่เอ๋อร์ช่วยเหลือเขา ในระดับหนึ่งก็ล้วนเป็นเพราะจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิงก็เป็นนักฝึกสัตว์ที่โดดเด่นยิ่งนัก!”
องค์ชายเก้ายิ้มพูดขึ้น เขาเชื่อว่าความสามารถของจ้าวเฟิงไม่ได้ทำออกมาเพื่อตบตาเขา
หอควันสมุทรและหนานเฟิงอ๋องต่างรู้สึกสงสัย จ้าวเฟิงมีพรสวรรค์ในด้านฝึกสัตว์ก็จริง
แต่ก็สู้กำลังรบที่แท้จริงของเขาไม่ได้เลย ไหนจะยังมีวิชาดวงตาที่ลึกลับเกินหยั่งถึงนั่นอีก ทว่าสมาชิกหอควันสมุทรไม่มีสิทธิ์ไต่ถามการตัดสินใจของจ้าวเฟิง
ชายร่างใหญ่กำยำไม่พูดอะไรอีก ตระกูลสือของเขาคือแปดตระกูลใหญ่หนึ่งเดียวที่ยืนหยัดข้างองค์ชายเก้า
เขาไม่ได้จะแย่งตำแหน่งนักฝึกสัตว์ เพียงแต่คิดถึงส่วนรวมเท่านั้น และหวังว่าสมาชิกของกลุ่มจะสามารถยืนอยู่ในตำแหน่งที่ตนเองเชี่ยวชาญที่สุด
เพราะคู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป!
อันดับความแข็งแกร่งทั้งหมดที่แต่เดิมหน่วยข่าวกรองทำการสำรวจ องค์ชายเก้าอยู่ในอันดับหก
ในยามนี้ร่วงมาอยู่อันดับเจ็ดแล้ว! หรือก็คือ โอกาสขององค์ชายองค์อื่นๆ ในช่วงระยะนี้ห่างจากองค์ชายเก้าไปไกลนัก และแต่เดิมองค์ชายแปดที่ถูกจัดอยู่อันดับเจ็ด ในตอนนี้อยู่อันดับสี่ มีอำนาจวาสนาที่จะชิงตำแหน่งรัชทายาท
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าองค์ชายและสมาชิกในกลุ่มที่น่าสะพรึงกลัว ในใจของทุกคนล้วนไม่มั่นใจ
“สืออวี่เหลย ขอเพียงพวกเราเหล่าสมาชิกสามัคคีปรองดอง เมื่อรวมเข้ากับการวางกลอุบายของเฉินจีจื่อ ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ทางสู้เสียทีเดียว!”
เสียงของเฒ่าอิงที่อยู่ข้างๆ ลอยอ้อยอิ่ง
“ยามนี้ข้ายังไม่อาจตัดสินอะไรได้ แต่เรื่องทั้งหมดล้วนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา!”
ในตำแหน่งด้านล่าง ผู้อาวุโสเคราขาวมือถือไม้เท้าเอ่ยขึ้นช้าๆ
เฉินจีจื่อ ปราชญ์นักทำนายผู้มีชื่อในอดีตแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน ปกปิดชื่อเสียงเรียงนามมานานหลายปี
การปรากฏตัวของเขาทำเอาผู้อาวุโสที่อยู่ที่นั่นตื่นตะลึง
ผู้อาวุโสทั้งสองพูดคนละประโยค ก็สามารถทำให้เหล่าทหารสงบใจลงได้
“พรุ่งนี้ก็เป็นศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตามแล้ว จ้าวเฟิงยังไม่ออกจากปิดด่านอีกรึ?”
เสียงต่ำทุ้มไม่พอใจดังมาจากผู้อาวุโสกลุ่มอำนาจสามดาวทั่วไป
ศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตามเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการยืนยันตำแหน่ง แต่ว่าขั้นตอนนี้จริงๆ แล้วเสียเวลาไม่มากนัก ยกตัวอย่างเช่นองค์ชายเก้าที่มีเจ็ดตำแหน่ง
โจวซู่เอ๋อร์ในฐานะที่เป็นแพทย์ ชื่อเสียงการแพทย์อันเลื่องลือขจรขจายไปนานแล้ว ไม่มีใครจะมาแย่งตำแหน่งนี้ อีกทั้งไม่มีใครหาญกล้า หรือสืออวี่เหลย อัจฉริยะตระกูลสือรุ่นก่อนผู้มีพรสวรรค์ปลุกสายเลือดดวงตา
อำนาจของตระกูลสือ สามารถพูดได้ว่าเป็นกลุ่มอำนาจที่ทรงอิทธิพลที่สุดขององค์ชายเก้า ไม่มีใครกล้าคิดจะแย่งตำแหน่งของสืออวี่เหลย
แม้กระทั่งหากตระกูลสืออยากจะได้ตำแหน่งผู้ติดตามรายชื่อที่สอง กลุ่มอำนาจทั่วไปก็ไม่กล้าพูดอะไร อีกทั้งศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตามยังมีกฎพิเศษอีกสองข้อ
หนึ่งคือ มีเพียงอิทธิพลเบื้องหลังองค์ชาย หรือไม่ได้เป็นกลุ่มอำนาจใดเลย จึงจะมีสิทธิ์แย่งชิงตำแหน่ง
สองคือ หากแย่งชิงตำแหน่งใดก็แล้วแต่ ระดับพลังของตนจะต้องไม่สูงเกินกว่าตำแหน่งผู้ถูกท้า
หรือก็คือนักฝึกสัตว์คนใด หากอยากแย่งตำแหน่งของจ้าวเฟิง เช่นนั้นนักฝึกสัตว์คนนี้จะเป็นอำนาจอิทธิพลเบื้องหลังขององค์ชายคนอื่นไม่ได้ ระดับก็จะสูงกว่าจ้าวเฟิงไม่ได้เช่นกัน ด้วยกฎเกณฑ์ที่กำหนดต่างๆ ศึกชิงรายชื่อไม่ได้ซับซ้อนดุเดือดอะไรขนาดนั้น
“จ้าวเฟิง หากพรุ่งนี้ยังไม่ออกจากปิดด่าน เช่นนั้นก็ต้องรบกวนแล้ว!”
องค์ชายเก้าไร้ซึ่งหนทาง จำได้ว่าครั้งแรกที่เขามาเยี่ยมเยือนจ้าวเฟิง เขาก็ปิดด่านฝึกตนอยู่ แต่ว่าองค์ชายเก้าก็คาดหวังไว้
จ้าวเฟิงเป็นสมาชิกคนสำคัญที่เขายอมรับ หากพลังแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี
ฟู่! ทันใดนั้น กลิ่นอายมหาศาลไหลทะลักเข้ามา
ยอดฝีมือที่อยู่ ณ ที่นั้นมีสีหน้านิ่ง มองไปยังนอกตำหนัก
“องค์ชายเก้า ข้าน้อยแซ่เถี่ยรบกวนแล้ว!”
เห็นเพียงแค่ผู้อาวุโสทรงอำนาจชุดแดงเข้ม ยืนอยู่นอกตำหนัก พลังสยบไร้รูปร่างทำเอายอดฝีมือในตำหนัก หายใจติดขัด ข้างกายยังมีอีกหลายคนล้วนเป็นคนตระกูลเถี่ย หนึ่งในนั้นมีสตรีงดงามสะคราญนางหนึ่ง แววตากวาดไปทั่วทั้งตำหนัก
“ผู้อาวุโสหงหนาน พรุ่งนี้ก็จะเป็นศึกชิงตำแหน่งรายชื่อแล้ว ท่านมาหาข้าที่นี่ มีอะไรชี้แนะงั้นรึ?”
องค์ชายเก้ายิ้มเดินไปรับหน้า
ตระกูลเถี่ยเป็นสุดยอดในแปดตระกูลใหญ่ ตระกูลทรงอำนาจที่ไม่แพ้แม้กระทั่งสำนักสามดาวขั้นสุดยอด บัดนี้ยืนอยู่ข้างองค์ชายสี่
“ข้ามาหาจ้าวเฟิง!” เสียงของเถี่ยหงหนานกังวาน ดังก้องไปทั่วตำหนัก
และการกระทำที่ไร้มารยาทเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าเข้าขัดขวาง แม้แต่ตัวแทนตระกูลสือ ก็ได้แต่ก้มหน้าไร้คำพูด ถึงแม้จะเป็นแปดตระกูลใหญ่เช่นกัน
แต่ตระกูลสือไม่อาจสู้ตระกูลเถี่ยที่ปกปักแถบตะวันตกเฉียงเหนือจากพวกต่างเผ่าพันธุ์ อีกทั้งเถี่ยหงหนานท่านนี้คือเซียนตระกูลเถี่ยที่อาวุโสที่สุด
“ผู้อาวุโสหงหนาน จ้าวเฟิงยังปิดด่านฝึกตนอยู่!”
องค์ชายเก้ายิ้มขอโทษ
“หืม? ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจหลบหน้าแซ่เถี่ยอยู่รึ!”
สีหน้าของเถี่ยหงหนานเกี้ยวกราด กลิ่นอายพลังร้อนแรงทรงอำนาจมหาศาลแผ่กระจายเข้ามา ยอดฝีมือจำนวนมากในตำหนักกายใจกดดัน วิญญาณสั่นสะท้าน ปราณที่แท้จริงและเลือดลมในกายเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง