ตอนที่ 100 : ตีความคำทำนาย
“เบาะแสโอสถตัวตลก”
…
ณ เก้าอี้ประธานชุมนุมไพ่ทาโรต์ ไคลน์พึมพำประโยคซ้ำเจ็ดครั้งพร้อมกับเอนหลังพิงอย่างผ่อนคลาย
มันหลับใหลภายในเวลารวดเร็ว
สภาพแวดล้อมพลันแปรเปลี่ยนเป็นบรรยากาศเงียบสงบ การมองเห็นค่อนข้างพร่ามัว ภาพฉายบิดเบี้ยววูบวาบ คล้ายกับมองโลกผ่านหยาดน้ำค้างบนกลีบดอกไม้ยามเช้าที่โยกเอนตามสายลม
เมื่อเวลาผ่านไป จิตไคลน์เริ่มชัดเจนมั่นคง
มันมองเห็นเตาผิง มองเห็นเก้าอี้โยกที่มีหญิงชรานั่งอยู่ เธอสวมชุดสีขาวสลับดำ
ถึงจะมองไม่เห็นใบหน้าเพราะอีกฝ่ายกำลังก้มศีรษะ แต่ความรู้สึกประหลาดได้บอกกับไคลน์ว่า เธอคือหญิงชราที่มีอายุค่อนข้างมาก โดยสัญชาตญาณของตนก็ยืนยันไปในทิศทางเดียวกัน
หญิงชรากำลังหันหน้าเข้าหาโต๊ะไม้ บนโต๊ะมีกระป๋องดีบุกและหนังสือพิมพ์วางอยู่
“นี่มัน”
เป็นภาพที่คุ้นตาอย่างมาก และไคลน์ก็นึกออกภายในไม่กี่อึดใจ
ไม่ผิดแน่ ที่นี่คือห้องรีเอล·บีเบอร์!
หญิงชราในนิมิตคือมารดาของรีเอลที่เสียชีวิตภายในบ้าน มันไม่มีทางลืม เพราะนี่คือเหตุการณ์แรกที่ไคลน์ได้เผชิญความสยดสยองจนคลื่นไส้อาเจียนไม่หยุดพัก
“นี่คือเบาะแสของโอสถตัวตลก?”
ขณะกวาดสายตามองรอบห้องเพื่อหวังพบเงื่อนงำ ภาพรอบตัวเริ่มเปลี่ยนผันอีกครั้ง
คราวนี้เป็นโกดังสินค้าสีเทา อยู่ในส่วนลึกสุดจากบรรดาอาคารหลายหลัง ภายในห้องมีเศษกระดูกสีขาวแตกหักกระจัดกระจายเกลื่อน รวมถึงก้อนเนื้อสีแดงที่แหลกเหลวคล้ายกับถูกหินใหญ่ทุบใส่
กึ่งกลางคลังสินค้าปรากฏวัตถุทรงรีสีเทาขนาดเท่ากำปั้นวางอยู่ ผิวสัมผัสอ่อนนุ่มและเด้งดึ๋ง มีเมือกใสเปียกๆ เคลือบเป็นชั้นบาง ประหนึ่งสมองมนุษย์ที่เพิ่งถูกนำออกจากร่าง
ขณะไคลน์เริ่มคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและกำลังนึกถึงเบาะแสสำคัญ ฉากรอบตัวเกิดการเปลี่ยนแปลงและพร่ามัวอีกหน
คราวนี้เป็นร่างของบุรุษเปลือยกายบนโต๊ะยาวที่มีผ้าสีขาวปูรองไว้ ผิวหนังขาวซีดดุจดังซากศพ เหนือข้อมือมีก้อนวัตถุทรงกลมสีฟ้ากำลังลอยอยู่
ไคลน์ขมวดคิ้วพึมพำ
“นิมิตเริ่มที่บ้านของรีเอล·บีเบอร์ และนำพาเรามาถึงข้อมือของตัวตลกสวมสูท?”
ขณะกำลังจะตีความสัญลักษณ์ ฉากรอบตัวเริ่มวูบวาบและเปลี่ยนผัน
คราวนี้เป็นเหตุการณ์บนโต๊ะกาแฟหินอ่อนทรงกลม สองฝั่งมีโซฟาหนังวางตรงข้ามกัน โคมเทียนระย้าหรูหราห้อยแขวนบนเพดาน
ภายในห้องมีสามบุคคล
คนแรก ไคลน์·โมเร็ตติ เส้นผมดำขลับ ดวงตาน้ำตาลอ่อน บรรยากาศรอบตัวคล้ายนักวิชาการ คนที่สอง บุรุษร่างท้วมผิวขาว ฐานะมีอันจะกิน และคนสุดท้าย สุภาพสตรีสาวสวยที่สวมถุงมือตาข่ายดำหรูหรา
และเช่นเคย ฉากนิมิตเกิดสลับสับเปลี่ยนอีกครั้ง ภายในห้องยังคงมีสามบุคคลเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้า แต่เปลี่ยนตัวละคร และมีวัตถุแปลกปลอมถูกเพิ่มเข้ามาในฉาก
คนแรก ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำคล้ายนักบวช เส้นผมสีน้ำตาลของมันยาวแหลมเหมือนหนาม คนที่สอง บุรุษร่างท้วมผิวขาวคนเดียวกับภาพเมื่อครู่ และคนสุดท้าย ชายชราวัยกว่าครึ่งร้อย เส้นผมน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีฟ้าอมเทาหม่น ขนคิ้วยุ่งเหยิง
วัตถุที่เพิ่มเข้ามาคือ สมุดปกดำสนิทซึ่งถูกวางไว้กึ่งกลางโต๊ะกาแฟกลม หน้าปกสลักด้วยอักษรปริศนา แผ่กลิ่นอายความลึกลับและเก่าแก่โบราณเต็มเปี่ยม
ไม่ผิดแน่ สมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส!
ทันใดนั้น ภาพความฝันแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย สติไคลน์ถูกส่งกลับมายังห้วงมิติสายหมอกอีกครั้ง มันยังคงนั่งหลังตรงในตำแหน่งประธานชุมนุมไพ่ทาโรต์
หลังจากเหม่อลอยครู่หนึ่ง ไคลน์กวาดสายตามองกลุ่มดาวแดงรอบห้วงมิติ รวมถึงสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างที่โอ่อ่าอลังการ
เราทำนายหาเบาะแสโอสถตัวตลก แล้วเหตุใดถึงปรากฏเรื่องราวของสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสขึ้นมาแทน?
คิดเข้าสิ ต้องมีเหตุผลแน่
ชายร่างท้วมเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากเวิร์ช·แมคโกเวิน เด็กหนุ่มโชคร้ายที่ควักเงินซื้อสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสจนเกิดโศกนาฏกรรมน่าเศร้า ส่วนหญิงสาวเลอโฉมที่สวมถุงมือตาข่ายดำ เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนาย่า
จริงสิ จำได้แล้ว
โต๊ะกาแฟหินอ่อนที่มีโซฟาหนังสองตัววางตรงข้ามกัน สิ่งนี้คือเครื่องหมายแสดงถึงฐานะของผู้มีอันจะกิน ตนเคยเห็นเซตโต๊ะกาแฟดังกล่าวที่บ้านพักของเวิร์ช เมื่อครั้งถูกผู้สื่อวิญญาณดาลี่ย์สอบปากคำด้วยพิธีกรรม
หรือก็คือ ฉากที่นักศึกษาสามคนล้อมวงรอบโต๊ะกาแฟ หมายถึงช่วงเวลาที่ไคลน์คนก่อนและเพื่อนร่วมชั้นอีกสองคน ถกเถียงเกี่ยวกับเนื้อความในสมุดบันทึกอย่างตื่นเต้น
มันพยายามสงบจิตใจ มือขวาเคาะมุมโต๊ะทองเหลืองตามความเคยชิน
ถ้าอย่างนั้น ฉากสุดท้ายหมายถึงสิ่งใด?
มีเวิร์ช มีสมุด
หรือจะเป็นเหตุการณ์ในตอนที่เวิร์ชซื้อสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส?
เวิร์ชกำลังอยู่กับชายปริศนาอีกสองคน หนึ่งในนั้นคุ้นหน้าคุ้นตาไคลน์มาก ตนเคยเห็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมดำคล้ายนักบวชจากที่ไหนมาก่อน
เส้นผมสีน้ำตาลยาวแหลม แถมขอบตายังค่อนข้างคล้ำ
นึกออกแล้ว
เฮเนส·วินเซนต์จากสโมสรพยากรณ์ บุคคลที่ ‘ไหลตาย’ อย่างสงบด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว หลังจากถูกหัวหน้าเข้าฝันและบังเอิญเห็นภาพของเทพแท้จริงเข้า
บุคคลที่เซเลน่าลอกเลียนแบบเทคนิคทำนายกระจกวิเศษ และแอบฟังบทสวดต้องห้ามจนเกิดเรื่อง
เป็นหมอนี่เองหรือ? ที่แอบขายสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสให้เวิร์ช
เบาะแสทั้งหมดบรรจบเข้าด้วยกัน โลกนี้ช่างแคบนัก ไม่สิ เมืองทิงเก็นช่างแคบนัก!
เมื่อลองนึกภาพตาม คงไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไร ที่เฮเนส·วินเซนต์จะมีสมุดบันทึกไว้ในครอบครอง ในสายตาไคลน์ วินเซนต์ไม่ใช่หมอดูธรรมดาตั้งแต่แรก มันถล้ำลึกเข้าไปในศาสตร์เร้นลับ จนถึงขั้นแอบติดต่อกับเทพนอกรีตบางตน
บุคคลเช่นนี้ย่อมมีเส้นสาย หรือช่องทางสำหรับครอบครองสมุดบันทึกโบราณที่ลัทธิเร้นลับบังเอิญทำสูญหาย
ไม่แปลกใจเลยสักนิด ถึงสาเหตุที่หัวหน้าและเหยี่ยวราตรีสืบไม่พบว่าเวิร์ชทำการซื้อสมุดบันทึกอันทีโกนัสมาจากใคร
พวกมันเอาแต่สืบสวนจากแหล่งใต้ดินหรือตลาดมืด ซึ่งนั่นไม่ได้ใกล้เคียงความจริง
หลังจากโบสถ์รัตติกาลได้ครอบครองสมุดบันทึกอันทีโกนัสอีกครั้ง การสืบสวนหาต้นตอก็ยุติลงทันที
น่าเสียดายที่เฮเนส·วินเซนต์เพิ่งเสียชีวิต ไม่อย่างนั้นคงได้เบาะแสเพิ่มเติมอีกมากเกี่ยวกับสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส
ในเมื่อมันอยู่ในแวดวงศาสตร์เร้นลับ ไม่มีทางที่เฮเนส·จะไม่เปิดอ่านและพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาด้านใน
บางที ความตายของมันอาจไม่ใช่เหตุบังเอิญ สมุดเล่มดังกล่าวเชี่ยวชาญการนำพาความตายมาสู่ผู้เกี่ยวข้องอยู่แล้ว
นอกเหนือจากนั้นยังมีอีกหนึ่งบุคคล ชายวัยห้าสิบกว่าที่ปรากฏตัวในฉากสุดท้ายร่วมกับเวิร์ชและเฮเนส เส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ขนคิ้วยุ่งเหยิง มันอาจเป็นคนเดียวที่ยังเหลือรอด และรับรู้เรื่องราวทั้งหมด
ไคลน์หยุดเคาะนิ้ว มันทบทวนฉากความฝันใหม่หมดตั้งแต่ต้น
เริ่มจากบ้านของรีเอล·บีเบอร์ ถัดมาเป็นแหล่งกบดานสำหรับดูดซับพลังสมุด เศษชิ้นส่วนกระจัดกระจาย วัตถุประหลาดที่ลอยเหนือข้อมือตัวตลกสวมสูท บ้านของเวิร์ชซึ่งมีอดีตไคลน์ นาย่า และเวิรช์จับกลุ่มสนทนาอย่างสนุกสนานตื่นเต้น
ไม่ว่าจะอย่างไหน ทุกสิ่งล้วนนำพาไปสู่สมุดบันทึกตรกูลอันทีโกนัสทั้งสิ้น
แต่ตนกำลังทำนายถึงโอสถตัวตลก ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด ไม่ว่าจะด้วยหลักเหตุและผลหรือหลักศาสตร์เร้นลับ
หลังจากกลายเป็นนักทำนายไม่นาน มันเคยลองทำนายหาที่อยู่ของสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสบ่อยครั้ง แต่เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่ทราบความพิเศษของมิติสายหมอก การทำนายทุกครั้งจึงจบลงด้วยผลล้มเหลว
แต่ปัจจุบัน มันทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และมีโอกาสทำนายอีกหลายเรื่องเพื่อขจัดความคาใจที่เคยเกิดขึ้น
หลังจากเงียบงันนานกว่ายี่สิบวินาที ไคลน์ก้มหน้าไตร่ตรองหาความหมายของนิมิตที่เห็น โดยใช้บรรทัดฐานจากข้อมูลไดอารีจักรพรรดิโรซายล์เป็นหลัก
ความเป็นไปได้แรก ตระกูลซาราธ หรือเรียกโดยรวมว่าองค์กรเร้นลับ กำลังออกตามหาสมบัติที่เคยเป็นของตระกูลอันทีโกนัสทั้งหมด ในการจะครอบครองสูตรผลิตโอสถตัวตลก ตนต้องใช้สมุดบันทึกตระกูลหลอกล่อลัทธิเร้นลับและเค้นข้อมูลจากพวกมัน
ประการที่สอง สูตรผลิตโอสถตัวตลกถูกบันทึกไว้ในสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสโดยตรง
สาเหตุหลักที่ตระกูลซาราธไล่ล่ารวบรวมสมบัติตระกูลอันทีโกนัส เพราะพวกมันอาจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างกันในอดีต เป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู
ฉะนั้น โอกาสที่ตระกูลอันทีโกนัสจะครอบครองเส้นทางนักทำนายจึงมีสูง และไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะบันทึกสูตรโอสถลำดับต่ำไว้ในสมุด
โดยสิ่งที่แน่ชัดคือ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหน มิตรแท้หรือศัตรูคู่อาฆาต แต่ทั้งสองตระกูลต้องรู้ไส้รู้พุงเป็นอย่างดีแน่
น่าเสียดายที่สมมติฐานอย่างหลังมีความเป็นไปได้ต่ำกว่า เพราะไม่ตอบโจทย์เรื่องก้อนของเหลวสีฟ้าที่ลอยเหนือข้อมือตัวตลกใส่สูท
ภายในใจลึกๆ แล้ว ไคลน์ต้องการให้สมมติฐานอย่างหลังเป็นความจริงมากกว่า
เหตุการณ์ต่อจากนี้จะได้ไม่ยุ่งยาก เพียงตนรอให้วิหารศักดิ์สิทธิ์ถอดเนื้อความในสมุดเรียบร้อย จากนั้นค่อยทำเรื่องขอเลื่อนระดับเมื่อย่อยพลังนักทำนายสำเร็จสมบูรณ์ ไม่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนให้เปลืองแรง
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ไม่เพียงสมมติฐานข้อแรกจะมีโอกาสเป็นจริงสูงกว่า แต่สัญชาตญาณนักทำนายของไคลน์ยังบอกใบ้ไปในทิศทางเดียวกันว่า เรื่องราวที่แท้จริงนั้นซับซ้อนและมีเงื่อนงำลึกกว่าที่เห็นมาก
เมื่อได้ข้อสรุป มันเลื่อนมือขึ้นมาลูบหน้าผากพร้อมกับตระหนักถึงขีดจำกัดของนักทำนาย
หากไม่ใช่ผลลัพธ์ทำนายที่กระจ่างชัด การตีความต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง พิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ คล้ายกับการเดินริมหน้าผา หรือไม่ก็การเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง หากผลออกมาไม่เหมือนกับที่คิด เหตุการณ์อาจนำพาไปสู่หายนะ ตัวอย่างที่ชัดเจนไม่ต้องดูที่ไหนไกล ตัวตลกสวมสูทแสดงให้เห็นแล้ว
ทันใดนั้น พลังวิญญาณของไคลน์พลันส่งสัญญาณบอกใบ้ว่า ขั้นตอนการย่อยโอสถได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว เหลือแค่ก้าวเดียวก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
“ขอขอบคุณที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยให้ผมบรรลุสัจธรรม เทพธิดาจงเจริญ”
มันพึมพำพร้อมกับทำสัญลักษณ์สี่จุดบนหน้าอก
ถัดมา ไคลน์ทำนายว่า มิสเตอร์อะซิกคือผู้วิเศษระดับสูงหรือไม่ และมีเจตนาดีกับตนไหม
ผลลัพธ์ออกมาเป็นด้านบวกทั้งคู่
ท้ายที่สุด พลังวิญญาณของมันดำเนินมาถึงขีดจำกัด น่าเสียดายที่ไคลน์ไม่สามารถขจัดความอยากรู้อยากเห็นทั้งหมดได้ในคราเดียว ยังมีอีกหลายเรื่องให้ตั้งคำถาม
มันหยุดพักการทำนายและครุ่นคิดหาข้อสรุปของอนาคตอันใกล้
ประการแรก ต้องสืบหาอีกบุคคลหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์เดียวกับเวิร์ชและเฮเนสให้พบ เรื่องนี้อาจมีเบาะแสที่สโมสรพยากรณ์
ประการที่สอง ตนไม่ควรบุ่มบ่ามพบหน้าผู้วิเศษขั้นกลางถึงสูงอย่างมิสเตอร์อะซิกโดยตรง ชายคนนั้นอาจเป็นสมาชิกของโรงเรียนแห่งชีวิต แต่ด้วยความที่ข้อมูลน้อยเกินไป มีความเป็นไปได้มากที่ผลการทำนายจะออกมาล้มเหลว
ฟู่ว! ไคลน์ถอนหายใจยาวขณะก้มหน้ามองภาพของชายวัยห้าสิบผมน้ำตาลอ่อน ขนคิ้วยุ่งเหยิง ดวงตาสีฟ้า ที่ปรากฏบนกระดาษหนังแพะในมือ
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบุคคลที่สามในเหตุการณ์ซื้อขายสมุดบันทึกอันทีโกนัสระหว่างเวิร์ชและเฮเนส
เมื่อเห็นภาพซับซ้อนยุ่งยากตรงหน้า ไคลน์เกิดความหนักใจอยู่หลายส่วน
มันกลัวจะหลงลืมใบหน้าของชายคนนี้ จึงต้องการมีภาพเก็บไว้เพื่อใช้เทียบเคียง
แต่ภาพเหมือนใบหน้ามนุษย์คือสิ่งที่วาดได้ยาก แม้แต่ไคลน์ที่ได้คะแนนวิชาศิลปะสูงยังไม่สามารถวาดให้เหมือนจริงได้ด้วยลำพังความทรงจำ
ควรใช้พิธีกรรมเวทมนตร์ช่วยสร้างรูปภาพเหมือนกับที่ลุงนีลล์เคยทำดีไหม?
ไม่ดีแน่ การทำแบบนั้นต้องเอ่ยปากสรรเสริญเทพธิดารัตติกาล บนมิติสายหมอกที่ไคลน์ไม่ทราบว่ามีเทพตนใดปกครอง การเอ่ยนามเทพองค์อื่นอาจนำพาหายนะมาสู่
เดี๋ยวก่อน ยังมีวิธีนั้นอยู่
สวดภาวนาหาตัวเอง!
จากการทดสอบในอดีตของมิสจัสติสและแฮงแมน การสวดภาวนาหามิสเตอร์ฟูลจะได้รับข้อมูลทั้งภาพและเสียง ถึงปัจจุบันจะใช้พลังวิญญาณหนักๆ อย่างการทำนายไม่ได้ แต่หากเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างสวดภาวนาย่อมไม่มีปัญหา
เมื่อผุดไอเดียน่าสนใจ จิตไคลน์รีบดำดิ่งกลับสู่โลกปรกติทันที
ภายในห้องนอนที่ยังคงปิดผ้าม่านมิดชิด มันจุดโคมไฟพร้อมกับเริ่ม ‘ท่องคาถา’
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ ข้าขอวิงวอน ข้าปรารถนาความรักจากท่าน ข้าปรารถนาภาพนิมิตของบุคคลผู้หนึ่งสำหรับใช้วาดภาพเสมือนจริง”
หลังจากกล่าวจบ ไคลน์มิได้เผาสมุนไพรหลากชนิดเหมือนกับที่เคยระบุไว้ในพิธีกรรมของมิสจัสติสและแฮงแมน
เพราะตนกำลังสวดภาวนาหาตัวเอง ตัวมันไม่ได้จู้จี้เรื่องเครื่องสังเวยขนาดนั้น!
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรม ไคลน์เดินทวนเข็มเป็นนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่กลางห้อง เสียงกระซิบอันแหบพร่าดังขึ้นตามนัดหมาย พร้อมกับจุดดำสี่จุดที่ปรากฏบนหลังมือซ้าย
เมื่อกลับขึ้นมายังมิติสายหมอก เหตุการณ์ไม่เหมือนกับเมื่อครั้งมิสจัสติสและแฮงแมนประกอบพิธีกรรม ปราศจากดาวแดงสั่นกระเพื่อมให้เห็นตรงหน้า ความผิดปรกติเพียงอย่างเดียวคือ ด้านหลังเก้าอี้ประธานชุมนุมไพ่ทาโรต์ ปรากฏภาพมายาของเนตรสีม่วงไร้นัยน์ตาดำกำลังลอยอยู่กลางอากาศ มันส่องกะพริบเล็กๆ เป็นสัญญาณเตือนความเปลี่ยนแปลง
ไคลน์เดินเข้าไปหาและเงี่ยหูแนบฟัง หลังจากยืนยันว่าเป็นเสียงภาวนาของตน มันรีบโอนถ่าย ‘ภาพ’ ของบุรุษลึกลับคนดังกล่าวเข้าไปในเนตรไร้นัยน์ตาสีม่วงด้วยพลังวิญญาณอันน้อยนิดที่หลงเหลือ
หลังจากเสร็จกระบวนการ มันเพ่งจิตดำดิ่งกลับสู่โลกปรกติโดยเร็ว สภาพแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนเป็นห้องนอนอีกครั้ง
เมื่อได้สติ ภายในสมองไคลน์พลันปรากฏ ‘คำตอบ’ จากเดอะฟูลบนมิติสายหมอก
เป็นภาพเหมือนที่คมชัด ของบุรุษปริศนาในเหตุการณ์ซื้อขายสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสระหว่างเวิร์ชและเฮเนส
มันไม่รีรอ รีบเดินไปนั่งบนเก้าอี้และหยิบกระดาษเปล่าออกมาวาดตามทันที ด้วยความที่มีพื้นฐานด้านศิลปะอยู่บ้าง การ ‘ร่างแบบ’ โดยมีภาพเทียบไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น
เพียงไม่นาน ภาพเสมือนของบุคคลต้องสงสัยก็เสร็จสิ้นด้วยความรวดเร็ว ผลลัพธ์ออกมาคล้ายคลึงตัวจริงจนน่าทึ่ง ไม่ต่างจากภาพวาดของนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์โดยตรง
ถัดมาเป็นการลงสีและแต่งเติมจุดตำหนิปลีกย่อยให้เหมือนตัวจริงยิ่งกว่าเก่า หลังจากทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ ไคลน์ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย ถึงแม้มือขวาจะกำลังสั่นเทาเล็กน้อยเนื่องจากไม่ถูกใช้วาดภาพมานานมาก
ท้ายที่สุด มันเพ่งจิตเพื่อสลายภาพเสมือนที่ตกค้างภายในหัวทิ้งไป
……………………