Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 126

Lord of the Mysteries 126

ตอนที่ 126 : พลังทำนายมิได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น

น้องสาว เธอเป็นห่วงกันเกินไปแล้ว…

แต่ก็เจ๋งเป้ง! ขอบคุณสวรรค์!

ไคลน์พลันมีเรี่ยวแรง มันรีบอมยิ้ม

“เมลิสซ่า เธอเดาได้ถูกเผง อาหารของสำนักงานห่วยมาก ไม่มีทางที่ฉันจะกินอิ่ม ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อน ค่อยลงมาจัดการมื้อค่ำทีหลัง”

แม้น้ำลายกำลังสอ แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ตนจำเป็นต้องหาทริสซี่ให้พบโดยเร็ว

ไม่สามารถเดาพฤติกรรมและความคิดของฆาตกรโฉดนั่นได้เลย มันอาจกำลังวางแผนชั่วร้ายเตรียมฆ่าใครอีกก็เป็นได้

“ตกลง”

เมลิสซ่าขานตอบโดยไม่เงยหน้าจากสมุดการบ้าน

ตึก ตึก ตึก

ไคลน์รีบวิ่งขึ้นชั้นสองพร้อมกับเปิดประตูห้องนอน มันล็อกประตู ถอดเสื้อนอกและซองปืนรักแร้แขวนไว้บนราวผ้า ก่อนจะหยิบมีดเงินออกจากลิ้นชัก

หลังจากผนึกห้องนอนด้วยกำแพงวิญญาณเสร็จ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามระงับอารมณ์ส่วนเกิน เท้าขยับก้าวเดินเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสทวนเข็ม

ปากท่องคาถาเหมือนทุกครั้ง เพียงพริบตา ไคลน์ถูกส่งขึ้นมาบนมิติสายหมอก บรรยากาศรอบตัวยิ่งใหญ่หรูหราและเปี่ยมด้วยปริศนา

ขณะจิตถูกส่งขึ้นมา เสียงกระซิบแหบพร่ายังคงดังเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ร่างกายเริ่มคุ้นเคยแล้ว

วันนี้มันประกอบพิธีกรรมตลอดทั้งวัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากต้องบีบนวดศีรษะให้หลุดพ้นจากอาการอ่อนล้า

ท้ายที่สุด ไคลน์กัดฟันเสกกระดาษหนังขึ้นมาบนโต๊ะทองเหลืองยาว ยี่สิบสอง ที่นั่ง

มันครุ่นคิดจริงจัง ข้อความถูกเขียนผ่านจิตด้วยปากกาหมึกซึมสีแดง

“ที่อยู่ของทริสซี่”

ไคลน์ไม่มั่นใจว่าชื่อของเธอถูกต้องไหม จำเป็นต้องนึกภาพใบหน้าประกอบ รวมถึงข้อมูลส่วนตัวเสริมอีกเล็กน้อยเพื่อให้ผลทำนายแม่นยำ

หลังเขียนเสร็จ มันถือกระดาษหนังไว้ในมือพร้อมกับเอนหลังพิงเก้าอี้ ชายหนุ่มพยายามหลับตานึกข้อมูลของทริสซี่ให้ได้มากที่สุด ปากพึมพำประโยคทำนายจบครบเจ็ดครั้ง

ถัดมา ไคลน์ทำสมองให้โล่งและเข้าฌานเพื่อสะกดตัวเองหลับใหล

ผ่านไปไม่กี่วินาที ภาพมายาถูกฉายขึ้นท่ามกลางกลุ่มหมอกสีเทา มันเห็นรถจักรไอน้ำกำลังพ่นควันสีขาวพลุ่งพล่าน เบาะโดยสารทำจากหนังตั้งเรียงรายเป็นทิวแถว รวมถึงตู้รถไฟบรรยากาศสะอาดน่าใช้บริการ

สาวงามทริสซี่กำลังนั่งชิดขอบหน้าต่างพลางมองออกไปด้านนอก รูปลักษณ์ยังคงไม่เปลี่ยน ใบหน้ากลมกลึง ดวงตาเรียวคม และบรรยากาศรอบตัวอ่อนโยน บนโต๊ะไม่ห่างออกไปมีหมวกปีกกว้างติดตาข่ายวางอยู่

ไคลน์พยายามทำนายซ้ำอีกหลายหนเพื่อมองหาเลขขบวนข้างตู้โดยสาร แต่น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จ

จนกระทั่งฝืนตัวเองไม่ไหว จำต้องออกจากมิติความฝันและกลับสู่โต๊ะชุมนุมไพ่ทาโรต์

ดาวแดงมากมายกำลังลอยเรียงรายตรงหน้าอย่างสงบ

“เรายืนยันได้เพียงว่า ทริสซี่นั่งรถจักรไอน้ำหนีออกจากทิงเก็นไปแล้ว นอกจากนั้นก็ไม่มีเบาะแสเพิ่มเติม…เฮ่อ…ดูเหมือนมิติสายหมอกแห่งนี้จะช่วยได้เพียงป้องกันการถูกรบกวน มิได้เสริมประสิทธิภาพพลังทำนาย ผลลัพธ์ยังคงเกิดจากพลังวิญญาณตัวเรา”

ไคลน์ใช้นิ้วเคาะขอบโต๊ะเป็นจังหวะ สมองกำลังประมวลผลวิเคราะห์แผนต่อไป

จากผลการทำนายเมื่อครู่ มันค่อนข้างมั่นใจว่าเป้าหมายในฝันคือคนเดียวกันกับนักกระตุ้น·ทริส

ทริสซี่หนีออกจากทิงเก็นไปแล้ว หากไตร่ตรองให้ดี ข้อมูลนี้จะไม่มีประโยชน์กับเหยี่ยวราตรีมากนัก เพราะอีกไม่นาน ดันน์ก็คงทราบเบาะแสจากสายข่าว

ไคลน์ตัดสินใจได้

“หัวหน้าเคยบอกแล้วว่า จะส่งโทรเลขไปบอกทางหน่วยเบ็คลันด์ ท่าเรือเอ็นมาร์ท และเขตอื่นๆ ที่มีรถจักรไอน้ำแล่นผ่าน ให้ช่วยดักจับกุมตัวทริสซี่ไว้ ดังนั้นไม่ช้าก็เร็ว ทริสซี่จะถูกออกหมายจับทั่วราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ ข้อมูลทำนายเมื่อครู่ จะรายงานหรือไม่ก็คงมีค่าไม่ต่างกันนัก…ไม่สิ การรายงานจะยิ่งส่งผลให้หัวหน้าสงสัยเรามากขึ้น”

ไคลน์มั่นใจ ต่อให้ตนไม่บอกเรื่องนี้กับดันน์ แต่หัวหน้าเหยี่ยวราตรีคงสะสางปัญญาได้ด้วยตัวเอง

แม้แต่เทคนิคทำนายอันดับหนึ่งอย่างทำนายด้วยฝัน ยังมิอาจบอกเลขขบวนรถไฟได้แม่นยำ ดังนั้นเทคนิคทำนายชนิดอื่นคงไม่ดีไปกว่ากันนัก

สถานการณ์คล้ายกับปล่องไฟแดง…

ปัจจุบัน ไคลน์เหนื่อยมากแล้ว มันไม่ต้องการอาศัยบนมิติหมอกต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว

ภาพจิตดำชายหนุ่มพลันดิ่งกลับสู่โลกปรกติในพริบตา

หลังจากตระหนักได้ว่าตน ‘กลับถึง’ ห้องนอน ไคลน์จินตนาการกลิ่นอันหอมหวานของขาแกะสุดเย้ายวน

“เราจะใส่ใบยี่หร่าเพิ่ม…เทพธิดาจงเจริญ!”

มันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ กำแพงวิญญาณถูกทำลายอย่างรีบเร่งก่อนจะเปิดประตูห้องกลับลงไปชั้นล่าง

เช้าวันถัดมา 8.40 น.

ไคลน์มาถึงสำนักงานหนามทมิฬพร้อมกับไม้ค้ำในมือซ้าย

“อรุณสวัสดิ์ไคลน์! ฉันมีข่าวดี!”

โรแซนโบกมือไม้อย่างตื่นเต้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะรับแขก

ไคลน์ถ่างตาถาม

“หัวหน้าจับทริสซี่ได้แล้วหรือ?”

“ทริสซี่? หล่อนเป็นใคร?”

โรแซนนัยน์ตาเขียวขมวดคิ้วถาม

“…ช่างมันเถอะ แล้วข่าวดีคืออะไร?”

มันกลับวกเข้าประเด็น

โรแซนตอบพลางฉีกยิ้มกว้าง

“คำร้องของหัวหน้าผ่านแล้ว! กรมตำรวจสัญญาว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ทั่วไปสองคน ที่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ มาทำงานกับเหยี่ยวราตรีในฐานะสมาชิกพลเรือน! ฉันไม่ต้องเข้าเวรทั้งคืนบ่อยๆ อีกแล้ว! เทพธิดาจงเจริญ!”

“ยินดีด้วย”

ไคลน์กล่าวยินดีจากใจ

หลังจากแลกเปลี่ยนข่าวสารกับโรแซนพอหอมปากหอมคอ ไคลน์เดินผ่านฉากกั้นและตรงไปยังชั้นใต้ดินโดยไม่รีรอ จุดประสงค์เพื่อเรียนศาสตร์เร้นลับกับลุงนีลล์

หลังจากเดินผ่านห้องทำงานหัวหน้าและห้องนันทนาการของสมาชิก ชายหนุ่มรีบชะงักฝีเท้าและเหลียวมองกลับหลัง คล้ายกับฉุกคิดบางสิ่งได้

เมื่อครู่…ตนเห็นดันน์ เลียวนาร์ด และเหยี่ยวราตรีคนอื่นๆ อยู่ภายในห้องของตัวเอง

สิ่งนี้บอกเป็นนัยว่า ผลการค้นหาต่อยอดจากเมื่อคืนล้มเหลวไม่เป็นท่า ถัดจากนี้คงต้องพึ่งพาฝีมือกรมตำรวจเท่านั้น ทุกคนจึงกลับมารอข่าวคราวอย่างไม่มีทางเลือก

ในตอนต้น ไคลน์เกิดความคิดจะเดินเข้าไปคุยกับดันน์ถึงความคืบหน้า แต่กลับเปลี่ยนใจหลังจากเห็นอีกฝ่ายกำลังคร่ำเคร่งส่งโทรเลข

มันตัดสินใจไม่ไปรบกวน ไว้ค่อยคุยกันตอนมื้อเที่ยงก็ยังไม่สาย

ชายหนุ่มมุ่งหน้าลงใต้ดินด้วยบันไดหินตามปรกติ สองข้างผนังมีโคมไฟแก๊สติดไว้บนลูกกรงเหล็กเช่นเคย รวมถึงทางเดินใต้ดินอันเงียบงันซึ่งมีเพียงแสงสลัว

ไคลน์สูดอากาศเย็นสดชื่นเข้าปอดพลางขยับขาก้าวเท้าเดิน แต่สักพักพลันต้องชะงัก

มันยืนจ้องมองโคมไฟอย่างเหม่อลอย คิ้วยิ่งขมวดชนกันเมื่อยิ่งครุ่นคิด

…ตนทำพลาดไปมหันต์!

ความผิดพลาดซึ่งจะเกิดเฉพาะบุคคลที่เคยอาศัยอยู่บนโลกเก่าเท่านั้น!

เมื่อคืน ไคลน์ทำนายบนมิติสายหมอกเพื่อหาที่อยู่ของทริสซี่ ซึ่งฉากในฝันปรากฏภาพของรถจักรไอน้ำ…

ส่งผลให้ตัวมันเข้าใจว่า ปัจจุบันทริสซี่กำลังอยู่บนรถไฟ

ทว่า…โลกใบนี้ยังไม่มีกระแสไฟฟ้าแบบพกพา เมื่อท้องฟ้ามืดสนิท รถไฟโดยสารสำหรับมนุษย์จึงไม่ฝืนวิ่ง เต็มที่จะมีเพียงรถไฟสำหรับขนส่งซึ่งไม่ต้องการแสง

ไคลน์เคยชินกับโลกเก่าที่กลางคืนยังมีรถไฟทางไกลวิ่งตามปรกติ ส่งผลให้มองข้ามความจริงข้อนี้โดยไม่รู้ตัว

หรือก็คือ ภาพทริสซี่ในฝันของตน แท้จริงแล้วไม่ใช่เหตุการณ์ขณะนั้น!

แต่เป็นภาพจากอนาคต…

มีความเป็นไปได้สูงว่า เหตุการณ์บนรถไฟจะเกิดขึ้นในเช้าวันถัดมา

หัวใจไคลน์พลันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม มันเดินวนไปมาราวสิบวินาทีก่อนจะรีบสับขาขึ้นบันไดหินกลับสู่สำนักงานหนามทมิฬ

มันเคาะประตูห้องนันทนาการและรีบเปิดออก ก่อนจะเห็นนักกวีเลียวนาร์ดกำลังเปล่งเสียงขับขานตามลำพังข้างหน้าต่าง สีหน้าค่อนข้างห่อเหี่ยว

ไคลน์เมินโคเฮนรี่ รอยัล และซิก้าที่กำลังจับกลุ่มสามคนเล่นไพ่พิชิตจอมมาร ชายหนุ่มตรงไปหาเลียวนาร์ดและส่งเสียง

“ผมมีบางสิ่งจะถามคุณ”

“ต้องการให้ผมสอนเทคนิคพิชิตใจสาวอย่างนั้นหรือ?”

เลียวนาร์ดแหย่เล่น ริมฝีปากชะงักการท่องบทกวีโด่งดังของจักรพรรดิโรซายล์ มันรีบตามไคลน์ไปยังห้องบันไดหินแต่โดยดี

ขณะคนทั้งสองเดินลงไปได้ครึ่งทาง นักกวีเลียวนาร์ดหันมามองไคลน์พลางแสยะยิ้ม

“เมื่อคืนทำนายเห็นอะไรดีๆ เข้าหรือ?”

ไคลน์ไม่อธิบายยืดยาว มันรีบเข้าประเด็น

“เมื่อคืน…ผมเห็นภาพทริสซี่กำลังโดยสารรถจักรไอน้ำ”

นับตั้งแต่คุยเปิดใจกันระหว่างในคดีซาลัสเผาตัวตาย ไคลน์ไม่ลังเลเมื่อต้องบอกเล่าความลับกับเลียวนาร์ด

“รถจักรไอน้ำ…เที่ยวเช้าสุดคือเจ็ดโมง!”

เลียวนาร์ดหยิบนาฬิกาพกออกมาเปิดฝาตรวจสอบ

“มัวช้าไม่ได้แล้ว! ผมจะรีบไปบอกหัวหน้าว่าบังเอิญได้รับเบาะแสที่น่าเชื่อถือ”

นักกวีเที่ยงคืนรีบวิ่งขึ้นบันไดหินกลับไปยังสำนักงานหนามทมิฬ

หลังจากไคลน์ยืนรอดูท่าทีข้างล่างเพียงไม่กี่นาที มันถอนหายใจผ่อนคลายเมื่อได้ยินดันน์เปิดประตูห้อง เรียกรวมเหยี่ยวราตรีคนอื่นและพากันออกไปปฏิบัติการ

ขณะย้อนนึกถึงความสะเพร่าอย่างไม่น่าให้อภัยของตน มันครุ่นคิดทบทวนบทเรียนที่ได้รับจากตัวตลกสวมสูท

‘อย่ามั่นใจในคำทำนายเกินไป’

เป็นความผิดพลาดในลักษณะคล้ายกัน ตัวมันมั่นใจว่าทริสซี่ออกจากทิงเก็นไปแล้ว และการบอกกับหัวหน้าคงไม่เกิดประโยชน์

แต่นั่นไม่จริงเลยสักนิด!

โชคดีว่า ความประมาทของไคลน์ไม่นำไปสู่จุดจบเหมือนกับตัวตลกสวมสูท แต่บทเรียนดังกล่าวได้สลักคำมั่นสัญญาลงในใจชายหนุ่ม

ไคลน์เปิดประตูห้องคลังอาวุธและถอดเสื้อนอกกับหมวกแขนราวผ้าตามปรกติ

นีลล์เพิ่งชงกาแฟบดเสร็จ มันจิบของเหลวอุ่นอย่างมีความสุขและซักถาม

“ซักถ้วยไหม?”

“ก็ดีครับ”

ไคลน์นั่งลง ทำตัวตามสบายเยี่ยงบ้าน

นีลล์ชำเลืองชายหนุ่มพลางขมวดคิ้ว

“ยังดื่มแบบน้ำตาลสามก้อนกับนมหนึ่งช้อนอีกหรือ? ลิ้นหวานชะมัด รู้ไหมว่าไม่ดีต่อฟันและสุขภาพ?”

“ทราบครับ แต่ผมจะดื่มหวานเฉพาะกับกาแฟเท่านั้น หากเป็นสเต๊กหรือเนื้อย่าง ผมชอบเกลือ พริกไทย ยี่หร่า และสมุนไพรชนิดอื่นมากกว่าน้ำตาล”

ไคลน์พยายามโน้มน้าวให้นีลล์เชื่อว่าตนคือแฟนตัวยงของทุกรสชาติเท่าเทียม

ชายชรารีบกระดกกาแฟจนหมดถ้วย

“พักก่อนไหม? หรือเริ่มเรียนเลย?”

“ผมขอนั่งจัดการอารมณ์ตัวเองสักครู่ครับ หัวหน้ากับคนอื่นกำลังออกไปล้อมจับทริสซี่ ผมกังวลว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร…”

ไคลน์ถอนหายใจ · นีลล์ส่ายศีรษะ

“มีเบาะแสแจ้งเข้ามาหรือ? แล้วทราบหมายเลขขบวนไหม?”

“ไม่ครับ ยังไม่ได้รับการยืนยัน”

ไคลน์อธิบายด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว

หากไม่เพราะตนประมาท ป่านนี้คงจับตัวทริสซี่ได้ไม่ยากเย็นแล้ว เพียงแค่ส่งกองทัพผู้วิเศษไปดักรถไฟไว้ทุกสถานี!

นีลล์หัวเราะ

“จากสิ่งที่เจ้าเล่ามา โอกาสล้มเหลวมีมากกว่าสำเร็จ ทริสซี่เป็นถึงผู้วิเศษลำดับไม่ต่ำกว่าเจ็ด ด้วยพลังระดับนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายหากหวังจับกุมตัว ฮะฮะ! อย่าเชื่อคำนำนายให้มาก มันมิได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น เจ้าจะได้รับเพียงสัญลักษณ์บ่งชี้จากเทพ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการตีความอีกทอดหนึ่ง”

ไคลน์เศร้าหนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อถูกตอกย้ำความผิดพลาดภายในใจ

“ใช่แล้วครับ…พลังทำนายไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น”

เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มถอนหายใจยาวเชิงตำหนิตัวเอง

ทันใดนั้น…ร่างกาย จิตใจ และดวงวิญญาณไคลน์พลันซาบซ่านไปด้วยความรู้สึกสุดพิสดาร

มันรีบเอนหลังเพื่อสูดลมหายใจเข้าปอด ในวินาทีดังกล่าว ภายในหัวสมองได้ยินเสียง ‘เพล้ง!’ พร้อมกับความรู้สึกคล้ายกับบานกระจกแตกละเอียด

ไคลน์สัมผัสได้ ร่างกายตนกำลัง ‘ย่อย’ บางสิ่งเข้ากับดวงวิญญาณอย่างสมบูรณ์

มันรีบหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ซึมซับความรู้สึกประหลาดซึ่งยากอธิบาย อย่างเงียบงันลำพัง

ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็ทราบว่า…ตนกำลังจะย่อยโอสถนักทำนายเสร็จสมบูรณ์

หมู่บ้านขนาดเล็ก ‘วีเนียร์’ ตั้งอยู่เลียบแม่น้ำทัสซอค ถัดลงมาจากทิงเก็นไม่ไกลนัก และที่นี่ยังเป็นสถานีรถจักรไอน้ำแรกระหว่างทิงเก็นถึงเบ็คลันด์

บนชานชาลา ทริสซี่เปลี่ยนชุดเป็นเดรสยาวสีน้ำตาลอ่อน ศีรษะสวมหมวกปีกกว้างของสุภาพสตรีปกปิด บนใบหน้ามีตาข่ายซึ่งห้อยลงมาจากหมวกคลุมไว้จนมองเห็นไม่ชัดเจน

ทริสซี่ได้ส่งโทรเลขแจ้งกับพวกพ้องในเมืองทิงเก็นแล้ว เนื้อหาคือการเตือนให้อีกฝ่ายระวังตัวมากกว่าเดิม รวมถึงเรื่อง ตนนำเงินที่ขโมยมา ไปซื้อตั๋วรถจักรไอน้ำเที่ยวทิงเก็นสู่เบ็คลันด์

สาเหตุที่ทริสซี่ไม่ขึ้นจากสถานีทิงเก็นโดยตรง เลือกมาขึ้นสถานีวีเนีย์แทน เพราะสัญชาตญาณความหวาดระแวงของนักลอบสังหารยังคงทำงาน

ปู๊น!

รถไฟส่งเสียงหวีดแหลม ยักษ์เหล็กแล่นมาจอดเทียบชานชาลาพร้อมกับควันขาวคละคลุ้งและประกายไฟจากโลหะเสียดสี

ทริสซี่เดินตัวเปล่าขึ้นไปยังห้องโดยสารตู้แรกโดยไม่ทำตัวมีพิรุธ

หลังจากผ่านไปสามสถานี ทริสซี่เลือกลงจากรถไฟและลอบเข้ากรุงเบ็คลันด์ด้วยวิธีอื่น

ณ ห้องใต้ดินเบื้องล่างวิหารพระแม่เซเลน่า ไคลน์กำลังหลับตาเอนหลังพิงเก้าอี้ผ่อนคลาย

ชายหนุ่มลิ้มรสวินาทีที่โอสถย่อยเสร็จสิ้นสมบูรณ์ หมู่ดาวจำนวนมากกำลังแล่นผ่านสายตาดวงแล้วดวงเล่า

หมู่ดาราเหล่านั้นพยายามสร้างการเชื่อมต่อกับดวงจิตไคลน์ ขณะเดียวกันก็หลอมรวมเป็นดาวใหญ่เพียงหนึ่งเดียว

หลังจากความรู้สึกหิวกระหายซึ่งยากจะอธิบายจบลง ไคลน์กลับสู่โลกปรกติอีกครั้งอย่างเงียบงัน ไม่มีเหตุการณ์ประหลาดใดเกิดขึ้นเพิ่มเติม

ปัจจุบัน จิตมันกำลังผุดผ่องน่าเหลือเชื่อ

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นและพิจารณารอบตัว

ตนกลายเป็นนักทำนายโดยสมบูรณ์…

นักทำนายที่แท้จริง!

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!