Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 153

Lord of the Mysteries 153

ตอนที่ 153 : เตรียมการขั้นสุดท้าย

กรามใหญ่ ผมมัดจุกด้านหลังคล้ายกับอัศวินยุคก่อน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหยียดหยาม

ซิลเดียร์ชาหย่อนก้นลงบนโซฟาในบ้านตัวเอง ขณะพิจารณาภาพวาดบุคคลเป้าหมายจากมิสออเดรย์ ในสายตาเธอ โจรสลัดผู้นี้ไม่ต่างอะไรกับหีบสมบัติเดินได้

หลังจากจดจำใบหน้าพลเรือโทคีลิงเกอร์อย่างขึ้นใจ ซิลเลื่อนสายตาลงมาอ่านข้อความด้านล่างแผ่นกระดาษ

“ผมน้ำตาล นัยน์ตาเขียวเข้ม รูปภาพนี้ใช้เพียงอ้างอิงเบื้องต้นเท่านั้น เพราะเป้าหมายสามารถแปลงโฉมเป็นบุคคลอื่นได้อย่างสมบูรณ์ ทางเราไม่ทราบว่าระยะเวลาแปลงโฉมคงอยู่นานแค่ไหน”

ใช้เพียงอ้างอิง…เป้าหมายแปลงโฉมได้…

แล้วมัวเสียเวลาจำทำไมฟะ…!

สีหน้าซิล เดียร์ชาพลันดำมืด ราวกับเพิ่งตระหนักได้เป็นครั้งแรก ว่าโลกใบนี้ช่างโหดร้ายกับตนเพียงใด

สตรีร่างเล็กเงยหน้าขึ้น ฝั่งตรงข้ามเป็นเพื่อนสนิทสาวสวย ฟอร์สวอลล์ กำลังทิ้งตัวลงบนโซฟาหนานุ่ม อีกฝ่ายกำลังพึมพำในลักษณะไม่ต่างกัน

“พวกเราไม่มีทางตามหาเบาะแสของบุคคลไร้ใบหน้าพบอยู่แล้ว ข้อมูลเดียวคือ หมอนั่นไม่ใช่คนของเบ็คลันด์ แล้วในหนึ่งวัน เบ็คลันด์มีคนนอกเดินทางเข้ามาเป็นล้าน!”

ฟอร์สพยายามพยุงตัวลุกจากโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ล้มเหลวสามครั้งรวด

“ฉันเป็นผู้ฝึกหัด ไม่ใช่ผู้ตัดสินสักหน่อย…”

เธอตัดพ้ออย่างน้อยใจขณะวางมือลงบนจุดพักแขนโซฟา ก่อนจะออกแรงแขนพยุงร่างตัวเองให้ลุกพรวดขึ้นในคราวเดียว

“คุณหนูคนนั้นคิดว่าพวกเราเป็นนักพยากรณ์หรือยังไงกัน…”

ฟอร์สยังคงบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

ขณะซิลกำลังจะตอบกลับในทิศทางเดียวกัน สายตาบังเอิญเหลือบเห็นข้อความท้ายกระดาษซึ่งเพิ่งจะลงมาเห็น

สตรีร่างเล็กอ่านออกเสียง

“ขอแนะนำให้ค้นหาด้วยวิธีดังนี้ : หนึ่ง คีลิงเกอร์พกพาวัตถุอันตรายติดตัวมาด้วย มันต้องกลืนกินดวงวิญญาณและเลือดเนื้อของมนุษย์หนึ่งคนทุกวัน สามารถเริ่มสืบสวนได้จากคดีบุคคลสูญหาย สอง สืบประวัติคีลิงเกอร์อย่างละเอียด และตามหาเบาะแสจากงานอดิเรกหรือพฤติกรรมเฉพาะตัว สาม ใบหน้าอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่อุปนิสัยแก้ได้ยาก หากปราศจากการฝึกพิเศษ คีลิงเกอร์จะยังมีบุคลิกคล้ายเดิม ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการกิน การเดิน เอกลักษณ์เฉพาะตัว”

ฟอร์สเริ่มพยักหน้าเห็นด้วย

“มิสออเดรย์ไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาเหมือนกับข่าวลือ เธอรอบคอบและช่างสังเกตมาก”

“งั้นหรอกหรือ…?”

ซิล เดียร์ชาพลันประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเพื่อนสนิทของตนจะเปลี่ยนท่าทีง่ายขนาดนี้

สตรีร่างเล็กกล่าวเสนอแนะ

“ฉันจะออกไปรวบรวมข้อมูลและสืบประวัติ เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว เธอต้องวิเคราะห์เจ้าหีบสมบัติ…เอ่อ ฉันหมายถึงโจรสลัดเป้าหมายของเรา…จากนั้นก็สร้างสมมติฐานขึ้น พวกเราจะเริ่มสืบหาจากตรงนั้น ทำได้ไหม?”

ฟอร์สหรี่ตาลงและหันมาจ้องซิลเขม็ง มือขวาของเธอเขย่ากล่องโลหะบรรจุบุหรี่

“เธอคิดจะให้ฉันทำเรื่องแบบนี้จริงหรือ? คิดดีแล้วหรือ กับการให้นักแต่งนิยายผู้สง่างามและอ่อนไหว ตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับอุปนิสัยของโจรสลัดโฉดชั่ว”

ซิลเงยหน้ามองเพื่อนสนิท พลังของผู้ตัดสินได้ปล่อยอำนาจคุกคามโดยไม่รู้ตัว

“ฉันเคยอ่านนิยายของเธอ คฤหาสน์วายุสลาตัน นางเอกในเรื่องสามารถตั้งสมมติฐานได้ชาญฉลาดมาก”

ฟอร์สพลันก้มศีรษะมองโต๊ะกาแฟเนื่องจากถูกพลังสะกด

“เธอรู้ไหมว่า…กว่าฉันจะเขียนพารากราฟดังกล่าวออกมาได้ ต้องดึงผมออกไปกี่กระจุก ต้องอดนอนไปทั้งหมดกี่วัน!?”

ฟอร์สเงยหน้าขึ้นราวหนึ่งวินาทีและก้มกลับลงไปใหม่ เสียงบ่นอุบอิบดังเล็ดลอดออกจากปาก

“ชีวิตมนุษย์แสนสั้น ยังเหลืออีกหลายสิ่งให้ลองทำ ทำไมพวกเราต้องมาเสียเวลากับการตั้งสมมติฐานอย่างไม่เกิดประโยชน์ด้วย ถ้าทำแล้วดันไม่พบเบาะแส นั่นจะไม่เป็นการเสียเวลาฟรีหรอกหรือ”

ก็สมเหตุสมผล…ซิลเริ่มคล้อยตาม

สตรีร่างเล็กพยักหน้ารับ อำนาจคุกคามในบรรยากาศเริ่มเจือจางลง

“แล้วเธอมีวิธีแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้หรือ”

ซิลพยายามกล่าวเสียงทุ้มเพื่อให้ฟังดูน่าเกรงขาม โทนเสียงคล้ายสาวน้อยของเธอลุ่มลึกกว่าปรกติเล็กน้อย

ฟอร์สก้มหน้าครุ่นคิดราวยี่สิบวินาที

“นึกออกแล้ว จ้างมืออาชีพไง! หลังจากเธอรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของเจ้านั่นได้ เราก็จะนำข้อมูลอย่างละเอียดไปจ้างให้นักสืบเอกชนช่วยตั้งสมมติฐาน

และลงมือแกะรอย โดยไม่ต้องบอกว่าเป้าหมายเป็นใคร งานของพวกเรามีเพียงจ่ายเงินค่าจ้างนักสืบเท่านั้น!”

ทำไมตนถึงคิดเรื่องง่ายแบบนี้ไม่ออก…

ซิลยืนมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างตกตะลึง สองสาวประสานสายตาโดยไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน

ขณะบรรยากาศเงียบสงัด ซิลกระแอมในลำคอเสียงเบา

“ตกลง พวกเราจะทำตามนั้น”

เมื่อพูดจบ หล่อนรีบเสริม

“แต่เธอต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าจ้างนักสืบ!”

ถนนฮาเวิส สโมสรพยากรณ์

“สวัสดีค่ะ มิสเตอร์โมเร็ตติ”

พนักงานต้อนรับสาวสวย แอนเจลิก้า กล่าวทักทายด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ดิฉันไม่ค่อยได้พบคุณวันศุกร์สักเท่าไร”

ไคลน์กำลังเหน็ดเหนื่อยจากการค้นหาบ้านปล่องไฟแดง มันฝืนยิ้มพลางกล่าวด้วยมาดสุขุมลุ่มลึก

“โชคชะตามักไม่วนเวียนซ้ำเดิมตลอดไป มนุษย์เราจึงเผชิญเรื่องประหลาดใจอยู่เสมอ”

ความจริงคือ…มันเพิ่งเสร็จจากการค้นหาบ้านปล่องไฟแดงละแวกนี้ และรถม้าเช่ารายชั่วโมงใกล้ครบกำหนด จึงหยุดพักการเดินทางเพื่อแวะดื่มชาฟรีและนั่งพักผ่อน

ยิ่งไปกว่านั้น ไคลน์ต้องหาเรื่องมาเยือนสโมสรพยากรณ์สักครั้ง จะได้เป็นข้ออ้างบอกกับดันน์ว่าตนสัมผัส ‘ประสบการณ์’ แปลกประหลาดได้ขณะมาเยือน

เพียงเท่านี้ก็จะสร้างความน่าเชื่อถือมากพอสำหรับยื่นคำร้องขอเลื่อนลำดับพลัง

“ถ้อยคำของคุณมักแฝงปรัชญาไว้เสมอ”

แอนเจลิก้าชื่นชม

ไคลน์ก้มหน้าครุ่นคิดราวสิบวินาที จากนั้นก็อธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“หลังจากวันนี้ไป ผมคงไม่ได้มาเยือนสโมสรพยากรณ์บ่อยครั้งเหมือนเดิม คุณไม่ต้องแนะนำผมให้ลูกค้าแล้วนะครับ”

โอสถนักทำนายถูกย่อยโดยสมบูรณ์แล้ว ได้เวลาเปลี่ยนไปสวมบทบาทอาชีพอื่นแทน!

“ทำไมกันคะ…?” แอนเจลิก้าทำหน้าตะลึง

“คุณอุตส่าห์สร้างชื่อเสียงอย่างยากลำบากจนกลายเป็นหมอดูโด่งดังลำดับต้นๆ ของสโมสรพยากรณ์เรา คำทำนายของคุณมักแม่นยำและน่าเหลือเชื่อเสมอ พวกเรากำลังวางแผนชักชวนคุณมาเป็นผู้บรรยายในคาบเรียนวันอาทิตย์…”

ถ้าการดูดวงได้เงินครั้งละหนึ่งปอนด์ก็น่าอดทนทำอยู่หรอก…

ไม่สิ ไม่ว่าอย่างไร ตนก็ต้องรีบค้นหาบ้านปล่องไฟแดงให้พบ จะได้ทราบสักทีว่าศัตรูผู้บิดเบือนดวงชะตาเป็นใคร

ไคลน์ส่งรอยยิ้มอบอุ่น

“มาดามแอนเจลิก้าครับ อย่าคิดยื้อผมอีกเลย โชคชะตาของมนุษย์ทุกคนล้วนถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้เลิกแวะสโมสรเป็นการถาวร เพียงแต่ลดความถี่ลง ไม่บ่อยครั้งเหมือนก่อน ยังคงพยายามจ่ายค่าสมาชิกให้ตรงเวลาเสมอ”

เฉพาะผมเบิกได้ยังไงล่ะ…คิกคิก

ด้วยข้ออ้างต้องการสอดส่องพฤติกรรมน่าสงสัยของสโมสร ไคลน์สามารถเบิกเงินค่าสมาชิกกับเหยี่ยวราตรีได้ทุกปี เพียงต้องแวะเวียนมาบ้างเพื่อไม่ให้น่าสงสัย

“น่าเสียดายจัง…นับตั้งแต่ถูกคุณช่วยไว้เมื่อครั้งหลงทาง ดิฉันก็หวังมาตลอด ว่าคุณจะอยู่กับสโมสรของเราตลอดไป”

แอนเจลิก้าถอนหายใจยาว

เธอตระหนักว่า ตนเริ่มใจเย็นลง และไม่ได้ประหลาดใจเท่ากับตอนได้ยินครั้งแรก

หมอดูผู้เคารพกฎแห่งโชคชะตา บุคคลยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่มีทางถูกเหนี่ยวรั้งไว้ในสโมสรพยากรณ์เล็กๆ ในทิงเก็นตลอดไป

หญิงสาวเงยหน้า ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ไคลน์

“ชาดำซิบป์นะคะ?”

“ครับ” ไคลน์อมยิ้มตอบ

มันใช้เวลานั่งพักภายในสโมสรราวยี่สิบนาที ก่อนจะโดยสารรถม้ากลับบ้านตระกูลโมเร็ตติบนถนนดารารัตน์

เมื่อออกจากสถานีปลายทาง ชายหนุ่มหยุดยืนหน้าตู้จดหมายพร้อมกับตรวจสอบตามกิจวัตร แล้วก็ได้พบจดหมายฉบับหนึ่งเพิ่งถูกใส่ไว้ไม่นาน

ไคลน์เปิดอ่านจดหมาย และได้พบว่ามาจากมิสเตอร์อะซิก

“…ผมจะเดินทางไปยังหมู่บ้านมอร์สในวันอาทิตย์ และกลับถึงทิงเก็นในวันพุธ”

ชาวบ้านมอร์สเกือบทั้งหมดเป็นผู้ศรัทธาโบสถ์เทพธิดา…

หากอะซิกลงมือสร้างความปั่นป่วนวันอาทิตย์ จากประสิทธิภาพโดยทั่วไปของกรมตำรวจ คดีจะถูกส่งต่อถึงเหยี่ยวราตรีในช่วงวันอังคารหรือไม่ก็พุธ

ตรงกับตนเข้าเวรพอดี

ถ้ามิสเตอร์อะซิกยังจำภารกิจของตนได้ ก็ขอภาวนาให้จำได้ด้วยว่า อย่าพยายามลงมือด้วยตัวเองเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะถูกตรวจพบเบาะแส ควรใช้วิธีอัญเชิญวิญญาณรับใช้ออกมาสร้างความปั่นป่วนแทน

ไคลน์ผงกศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็ถ่ายพลังวิญญาณออกมาแผดเผากระดาษจดหมายด้วยแรงเสียดทาน

มันสะบัดข้อมือเพื่อเปลี่ยนเปลวเพลิงให้กลายเป็นซากขี้เถ้าร่วงกราวลงพื้นถนน

วันเสาร์ช่วงบ่าย ไคลน์สวมชุดกันลมสีดำสนิท หมวกทรงกึ่งสูง และไม้ค้ำในมือซ้าย

ชายหนุ่มเดินเข้าไปในสำนักหนามทมิฬด้วยท่าทีผ่อนคลาย เมื่อกล่าวทักทายโรแซนเสร็จ ชายหนุ่มชำเลืองมองข้ามฉากกั้นและพบว่าประตูห้องทำงานหัวหน้าเปิดอยู่

ไคลน์แสร้งตะโกนเสียงดัง

“เมื่อวานผมแวะสโมสรพยากรณ์ บังเอิญพบเด็กสาวคนหนึ่งหน้าตาเหมือนคุณมาก”

“จริงหรือ?” โรแซนถามตื่นเต้น

ไคลน์ผงกศีรษะหนักแน่น

“ใช่แล้ว ด้วยความสัตย์จริง ผมคิดว่าเป็นน้องสาวของคุณในตอนแรก”

“ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันไม่มีน้องสาว หรือแม้กระทั่งญาติห่างๆ ก็ไม่”

โรแซนหัวเราะ

“แล้วคุณได้ถามชื่อเธอไหม”

“เปล่า…ผมไม่ได้ถามชื่อ ตอนแรกคิดว่าเป็นคุณ เพราะใบหน้าของเธองดงามมาก”

“นั่นคำชมใช่ไหม”

โรแซนเป็นสาวช่างจ้อ เธอไม่จำเป็นต้องรอให้อีกฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา ก็สามารถเปิดประเด็นพูดคุยขึ้นมาได้เอง

“ไคลน์ ในสโมสรพยากรณ์ คุณคงทำเงินได้เพียบเลยใช่ไหม ไม่เหมือนกับหมอดูงานอดิเรกคนอื่น แต่คุณเป็นนักทำนายตัวจริงเสียงจริง แบบนี้ไม่เอาเปรียบไปหน่อยหรือ”

สาวน้อย พวกเรายังเป็นเพื่อนกันได้ถ้าเธอไม่ตอกย้ำเรื่องนี้บ่อยเกินไปนัก…

ไคลน์ตัดพ้อพลางกระแอมในลำคอ

“ผมเป็นนักทำนายผู้เคารพโชคชะตา ไม่สามารถใช้พลังทำนายเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเองได้”

“นั่นคือหลักปฏิบัติของนักทำนายหรือ”

โรแซนถามอยากรู้อยากเห็น เธอเคยได้ยินนีลล์ผู้ถึงหลักปฏิบัติของผู้ส่องความลับอยู่บ่อยครั้ง

ทำตามใจชอบ แต่ต้องไม่เดือดร้อนใคร

“ถูกต้อง” ไคลน์พยักหน้ารับ

หลังจากพูดคุยเรื่อยเปื่อยอีกเล็กน้อย ชายหนุ่มโบกมืออำลาโรแซนและเดินผ่านฉากกั้นเข้ามาด้านใน

ก๊อก! ก๊อก! ก็อก!

ไคลน์เหลือบมองดันน์สมิทด้านในห้องทำงาน ก่อนจะลงมือเคาะบานประตูซึ่งถูกเปิดค้างไว้

“เชิญ” ดันน์เงยหน้าพร้อมกับขานตอบ

มันรีบขยับท่านั่งให้เหมาะสม สายตาจ้องมองไคลน์เดินเข้ามาในห้อง

ชายหนุ่มแอบสำรวจท่าทีของดันน์มาตลอดสองวันเต็ม อีกฝ่ายจะตระหนักถึงเทคนิคสวมบทบาทแล้วไม่ผิดแน่ หลักฐานพิสูจน์คือ ดันน์หมั่นเข้าฝันมาแกล้งตนอย่างต่อเนื่อง

แต่หัวกลับไม่ได้เอ่ยถึง ‘เทคนิคสวมบทบาท’ กับคนอื่นเลยสักครั้ง คล้ายกับกำลังเคลือบแคลงเบื้องบนว่า เป็นเพราะสาเหตุใด ถึงไม่ยอมเปิดเผยเทคนิคดังกล่าวให้พนักงานระดับล่างทราบ

เมื่อปิดประตูมิดชิด ไคลน์เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามดันน์ ก่อนจะก้มหน้าเรียบเรียงคำพูดสักพัก

จากนั้น ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นเจืออาการตื่นเต้น

“หัวหน้าครับ ผมมั่นใจว่าตัวเองย่อยพลังนักทำนายสมบูรณ์แล้ว และต้องการยื่นคำร้องขอเลื่อนลำดับทันที”

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!