Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 165

Lord of the Mysteries 165

ตอนที่ 165 : คำจารึก

“พวกเราคือผู้พิทักษ์ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งมีชีวิตน่าสงสาร ต้องคอยรับมือภัยคุกคามและความบ้าคลั่งของโลกตลอดเวลา”

คำพูดดันน์ดังก้องทั่วบ้านนีลล์ คลื่นเสียงพุ่งสะท้อนผนัง เพดาน รวมถึงภายในจิตใจและวิญญาณของไคลน์

มันไม่เคยเข้าถึงประโยคดังกล่าวอย่างแท้จริงมาก่อนในชีวิต

…จนกระทั่งเมื่อครู่

ชายหนุ่มรู้สึกอย่างแรงกล้าว่า ตนจะไม่มีทางลืมประโยคดังกล่าว ถึงแม้จะเดินทางกลับโลกเก่าแล้วก็ตาม

ดันน์ในท่าคุกเข่าหนึ่งข้างทำการหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกจากกระเป๋าเสื้อกันลม จากนั้นก็ใช้มันห่อคลุมดวงตาคริสตัลสีแดงหนึ่งคู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง

ดวงตาดังกล่าวเผยอารมณ์ความเจ็บปวดในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตชายชรา

ในเวลาเดียวกัน ไคลน์เพิ่งตระหนักว่าเปียโนหลังใหญ่ใจกลางบ้านได้หยุดบรรเลงไปสักพักแล้ว

ทันใดนั้น เงาลางสีขาวโปร่งแสงปรากฏตัวล่องลอยกลางอากาศ

นี่มัน…

ไคลน์เปิดเนตรวิญญาณค้างตั้งไว้แต่ก่อนเข้าบ้าน มันพลันชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

ตนไม่ได้ตระหนักถึง ‘วิญญาณ’ ลึกลับจนกระทั่งเมื่อครู่

เป็นเพราะตัวมันถูกลุงนีลล์ใช้พลังเบี่ยงเบนความสนใจ หรือเป็นเพราะพลังของร่างสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งกันแน่

เมื่อเห็นร่างสีขาวเลือนหาย ไคลน์เริ่มเข้าใจเหตุการณ์และความเป็นไปขึ้นเล็กน้อย

ขณะชายหนุ่มยืนระงับความเจ็บปวดตามลำพัง เสียงคำสั่งของหัวหน้าดังแว่วจากด้านข้างลำตัว

“ช่วยกันค้นหาเบาะแสเพิ่มเติมภายในบ้านลุงนีลล์อย่างระมัดระวัง”

“ครับ”

เมื่อสิ้นเสียงขานตอบ ไคลน์พลันขมวดคิ้วเนื่องจากไม่คุ้นเคยเสียงตัวเอง มันแหบพร่ากว่าปรกติคล้ายกับคนไม่สบาย

“ตกลง” รอยัลพยักหน้า

เสียงของเธอไม่ต่างจากไคลน์สักเท่าไร ประหนึ่งมีบางสิ่งปิดกั้นรูจมูกไว้

ชายหนุ่มยืนจ้องมองเพื่อนร่วมงานหญิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ ราวกับมันเพิ่งได้เห็นตัวตนแท้จริงของหล่อนเป็นครั้งแรก

ไคลน์กลับไปวางไม้ค้ำตรงราวแขวนร่มหน้าบ้าน จากนั้นเดินก็ผ่านกลางห้องรับแขกโดยขยับเท้าหลบ 3-0611 บนพื้น

มันเริ่มสำรวจห้องนั่งเล่นเป็นลำดับแรก จากนั้นค่อยขึ้นไปยังทุกห้องบนชั้นสอง

ลุงนีลล์หมั่นจ้างคนทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ บ้านจึงไม่รกรุงรังเหมือนกับชายโสดตามลำพังทั่วไป หลายจุดถูกจัดวางเป็นระเบียบคล้ายกับมีผู้หญิงร่วมชายคา…

ครึ่งชั่วโมงถัดมา ไคลน์ค้นพบแผ่นกระดาษเขียนไว้ด้วยลายมือ ซ่อนอยู่บนชั้นหนังสือใหญ่ในห้องนอนของนีลล์

เป็นกระดาษจดบันทึกพิธีกรรมประหลาด :

เสริมแกร่งชีวิต

วัสดุหลักประกอบด้วย :

– น้ำจากบ่อน้ำพุเอลฟ์ (บ่อน้ำพุทองคำบนเกาะโซเนียร์) หนึ่งร้อย มิลลิลิตร

– คริสตัลดวงดาว ห้าสิบ กรัม

– ทองคำบริสุทธิ์หนักครึ่งปอนด์

– ฟลอจิสตัน ห้า กรัม

– เหล็กแดง สามสิบ กรัม

– เลือดสดปริมาณมาจากมนุษย์ยังมีชีวิต…

นีลล์เขียนคำอธิบายเพิ่มใต้วัตถุดิบสุดท้าย

“เราจะใช้เลือดตัวเองเท่านั้น หมั่นเก็บเล็กผสมน้อยและใช้พิธีกรรมเวทมนตร์ถนอมไว้”

เราจะใช้เลือดตัวเองเท่านั้น…

ไคลน์หลับตาลงพร้อมกับขยำโน้ตสุดแรง

เช้าวันพฤหัสบดี เก้าโมงตรง

ฤกษ์แห่งดวงจันทร์

ณ สุสานราฟาเอล

ไคลน์สวมสูทสีดำยืนเงียบงันในมุมหนึ่งของสุสาน กระเป๋าเสื้อมีผ้าเช็ดหน้าสีขาวพับไว้เรียบร้อย มือขวากำลังถือบุปผาหลับใหล

ดันน์ ฟราย เลียวนาร์ด และโคเฮนรี่รับภาระเดินแบกโลงศพวางลงในหลุมใหญ่อย่างนุ่มนวล

โรแซนสวมเดรสดำสนิท ดอกไม้ขาวประดับศีรษะ เมื่อเห็นดินสีน้ำตาลเริ่มกลบถมหลุม หล่อนพลันร่ำไห้เสียงดัง

“ใครก็ได้ช่วยบอกฉันที…นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม ไม่ใช่การอำเล่นใช่ไหม…ทำไมเขาถึงคลุ้มคลั่ง…ทำไมถึงต้องดื่มโอสถเข้าไป ทำไมถึงเลือกเป็นผู้วิเศษ ทำไมโลกนี้ต้องมีวิญญาณร้ายและสัตว์ประหลาด…ไม่มีวิธีไหนปลอดภัยกว่านี้แล้วหรือ…”

ไคลน์ยืนมองเหตุการณ์จนกระทั่งโลงศพของนีลล์ถูกดินกลบอย่างสมบูรณ์…

จนกระทั่งการมีตัวตนของชายชราผู้หนึ่งถูกตัดขาดจากโลก

“ขอให้เทพธิดาอวยพรคุณ”

ชายหนุ่มวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงกลางหน้าอกพร้อมกับเดินไปด้านหน้าสองก้าว

บุปผาหลับใหลถูกโยนไว้เหนือหลุมศพ

“ขอให้เทพธิดาอวยพรคุณ”

ดันน์ ฟราย และคนอื่นต่างทำสัญลักษณ์บนหน้าอกแบบเดียวกัน จากนั้นก็กล่าวคำส่งท้ายโดยเรียงลำดับตามเข็มนาฬิกา

ไคลน์เงยหน้ามองป้ายหลุมศพ มันเห็นภาพขาวดำของชายชราผู้หนึ่ง

นีลล์สวมหมวกสักหลาดสีดำตัวโปรด รอบหมวกมีไรผมสีเทาแซมออกมาประปรายบ่งบอกถึงอายุ รอบริมฝีปากและดวงตาปรากฏรอยเหี่ยวย่น นัยน์ตาสีแดงเข้มขุ่นมัว

เขาไปสบายแล้ว…

ไม่ต้องเผชิญความโศกเศร้า เจ็บปวด หรือหวาดกลัวอีกต่อไป

มีถ้อยคำจารึกประโยคหนึ่งถูกเขียนไว้ใต้ภาพขาวดำ เป็นข้อความจากหน้าสุดท้ายของไดอารีส่วนตัวนีลล์

“ถ้าฉันช่วยเธอไม่ได้…คงมีแต่ต้องตามไปอยู่ด้วยกันเท่านั้น”

สายลมอบอุ่นพัดผ่านอย่างอ่อนโยน บรรยากาศรอบสุสานราฟาเอลถูกปกคลุมด้วยความเงียบงันและว่างเปล่า

ในช่วงบ่าย ไคลน์ถือเอกสารประทับตราโดยดันน์·สมิทลงไปยังห้องคลังแสง

บานประตูซึ่งถูกเปิดค้างไว้ครึ่งหนึ่งเสมอ ชายหนุ่มผลักมันเข้าไปและพบไบรท์กำลังนั่งเข้าเวรหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่

ไคลน์ชะงักงันหลายวินาที ก่อนจะได้สติกลับมายื่นเอกสาร

“กระสุนธรรมดา ห้าสิบนัด”

ขณะวางกระดาษลงบนโต๊ะ ชายหนุ่มชำเลืองมองกระป๋องกาแฟ

…มันได้กลิ่นกาแฟโดยไม่ต้องชง

มาพร้อมกับคำพูดติดตลกดังก้องในหัว

“ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเงินสด เจ้าสามารถนำเรื่องนี้ไปเบิกค่าใช้จ่ายกับดันน์ได้ทันที!”

เมื่อไบรท์สังเกตเห็นสีหน้าดำมืดของไคลน์ มันถอนหายใจแผ่วเบา

“ผมเข้าใจความรู้สึกคุณ…ไม่มีใครอยากเชื่อว่าลุงนีลล์จะด่วนจากไปแบบนั้น…ผมเองก็อยากให้สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความฝันซึ่งหัวหน้าสร้างขึ้น”

“บางที นี่อาจเป็นชะตากรรมของเหยี่ยวราตรีอีกหลายคนบนโลก…”

ไคลน์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มขื่นขม

หลังจากเหตุการณ์ลุงนีลล์ มันยิ่งทวีความผิดหวังและโกรธแค้นต่อเบื้องบนของโบสถ์

…เหตุใดพวกมันถึงเลือกปกปิดเทคนิคสวมบทบาทไว้เป็นความลับจากบุคลากรระดับล่าง?

“ได้แต่หวังว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะลดน้อยลงในอนาคต ขอให้เทพธิดาคุ้มครองพวกคุณ”

ไบรท์วาดสัญลักษณ์จันทร์แดงกลางหน้าอก จากนั้นก็หยิบกระดาษและเดินเข้าไปเบิกพัสดุตามรายการ

ปัง! ปัง! ปัง!

กลิ่นดินปืนฟุ้งกระจายเต็มอากาศ ไคลน์ระบายความขุ่นเคืองใจกับเป้านิ่งซ้อมยิง

กระสุนซ้อมห้าสิบนัดหมดลงในพริบตาราวกับถูกเผาทิ้ง

ไคลน์สงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนเก็บของและเดินทางไปยังบ้านครู่ฝึกกาเวนด้วยรถม้า

ชายหนุ่มฝืนออกแรงอย่างบ้าคลั่งราวกับหวังทรมานร่างกายให้ฉีกขาด ชนิดกาเวนยังต้องบอกให้หยุดพัก

“ศิลปการต่อสู้ไม่ได้มีไว้เพื่อทำร้ายตัวเอง”

กาเวนจ้องไคลน์ด้วยนัยน์ตาสีเขียวมรกต

“ขอโทษครับครูฝึก วันนี้ผมรู้สึกไม่ดี”

ไคลน์อธิบายขณะหายใจเข้าออกเสียงดัง

“เกิดอะไรขึ้น” กาเวนถามเสียงเรียบ

ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับอย่างซื่อตรง

“เพื่อนคนสำคัญด่วนจากไปกะทันหัน”

กาเวนเงียบงันราวสามวินาที จากนั้นก็ใช้มือขวาลูบเคราทองพร้อมกับกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า

“สมัยก่อน ฉันเคยสูญเสียพวกพ้องจำนวน สามร้อยยี่สิบห้าคนภายในเวลาเพียงห้านาที จากบรรดาคนเหล่านั้น มีสิบคนเป็นเพื่อนสนิทซึ่งเชื่อใจชนิดสามารถฝากชีวิตไว้ได้”

ไคลน์ถอนหายใจ

“สงครามช่างโหดร้าย…”

กาเวนชำเลืองมองชายหนุ่มพร้อมกับหัวเราะแห้งเชิงตำหนิตัวเอง

“นายรู้ไหมว่าอะไรโหดร้ายกว่าสงคราม…การตระหนักว่าตัวเองไม่สามารถแก้แค้นให้พวกเขาได้ชั่วชีวิตยังไงล่ะ…คนเป็นต้องอยู่อย่างรู้สึกผิดไปจนตาย แต่สำหรับนายยังมีโอกาส ถึงจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นายยังหนุ่มยังแน่นและมีอนาคตอีกยาวไกล”

ไคลน์เงียบงันสักพัก มันสูดลมหายใจเต็มปอดขณะพยายามสงบสติ

“ขอบคุณครับ… ครูฝึก”

กาเวนพยักหน้าแผ่วเบาพร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“พักสิบนาที…จากนั้นก็ฝึกเพิ่มอีกสิบเท่าจากก่อนหน้านี้”

“…” ชายหนุ่มหมดถึงกับคำพูด

มันไม่ทราบว่าตนควรรู้สึกอย่างไร

เช้าวันศุกร์ ภายในห้องนันทนาการของเหยี่ยวราตรี

ไคลน์ ซิก้า·ทีรอน และฟราย ต่างนั่งล้อมวงโดยมีโต๊ะกลมคั่นกลาง

แต่พวกมันไม่ได้เล่นไพ่เหมือนทุกที

คนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เงียบงัน อีกคนจ้องมองนอกหน้าต่างโดยไม่กล่าวสิ่งใด และคนสุดท้ายจับปากกาพยายามขีดเขียนบางสิ่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ

บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดอย่างแท้จริง ไม่มีบทสนทนา ไม่มีการเล่นมุกตลก

มีเพียงความหนักอึ้ง

ฟู่ว…ไคลน์ผ่อนลม

มันลดหนังสือพิมพ์ลงเล็กน้อยเพื่อค้นหาหัวข้อน่าสนใจ

ทันใดนั้น ดันน์·สมิทเคาะห้องและเปิดประตูเข้ามา มันกวาดสายตาหนึ่งรอบก่อนจะเปล่งเสียง

“ไคลน์ ออกมาสักครู่”

เกิดอะไรขึ้น?

ชายหนุ่มสังหรณ์ใจประหลาด แต่ก็ลุกขึ้นปฏิบัติตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

ดันน์หยุดยืนหน้าประตูห้องบันไดหินลงสู่ทางลับใต้ดิน มันหันหลังกลับมาจ้องไคลน์

“คนของวิหารศักดิ์สิทธิ์มาถึงแล้ว”

ผู้ทดสอบมาถึงแล้วหรือ?

สติชายหนุ่มพลันตื่นตัว

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!