ตอนที่ 168 : โอสถตัวตลก
ผ่านสักที…
ผ่านจนได้!
เมื่อไคลน์ได้ยินคำประกาศของเครสไทน์ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแผ่วเบา ถึงจะเตรียมใจล่วงหน้าไว้บ้างแล้ว แต่ก็อดมีความสุขอย่างเต็มประดาเสียไม่ได้
ว่ากันตามตรง ไคลน์คิดว่าบททดสอบจะยากและหนักหนากว่านี้หลายเท่า และความคิดเหล่านั้นก็นับว่าสมเหตุสมผล เพราะหากตนใช้เวลาสามปีในการพัฒนาระดับเหมือนกับเหยี่ยวราตรีปรกติ ผู้ทดสอบจะเป็นแค่หัวหน้าหน่วยเหยี่ยวราตรีประจำเขตนั้น ไม่ใช่อาวุโสใหญ่ตัวแทนวิหารศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
มันเคยคิดว่าจะต้องถูกตรวจสอบข้อมูลทางการเงินรวมถึงประวัติด้านครอบครัวอย่างละเอียด… บางทีเครสไทน์อาจแอบทำเรื่องเหล่านั้นในทางลับตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว
รวมถึงบททดสอบ ไคลน์เคยคิดว่าจะถูกใช้ให้ไปทำภารกิจเดี่ยวแสนโหดหิน!
ฟู่ว!
มันคิดเตลิดไปคนเดียว…
การทดสอบของวิหารศักดิ์สิทธิ์มีจุดประสงค์เพียงต้องการทราบว่า เราย่อยโอสถไปถึงขั้นไหนแล้ว ตระหนักถึงเทคนิคสวมบทบาทหรือไม่ และได้นำไปบอกเล่าให้ใครฟังบ้างไหม… ชายหนุ่มนั่งปล่อยวางให้ความคิดตัวเองโบยบินเรื่อยเปื่อย
ก่อนจะเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
“ขอบคุณท่านมาก เทพธิดาจงเจริญ”
เครสไทน์ผงกศีรษะแผ่วเบา
“การพัฒนาลำดับผู้วิเศษมีเพื่อให้เหยี่ยวราตรีรับใช้เทพธิดาได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น และสามารถปกป้องพวกพ้องให้รอดพ้นจากภัยอันตรายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน… จดจำคำกล่าวเมื่อครู่ให้ขึ้นใจ เชื่อผม มันจะช่วยให้คุณเอาชนะเสียงล่อลวงซึ่งนำพาไปสู่ภาวะคลุ้มคลั่ง”
“เสียงล่อลวง…” ไคลน์พึมพำซ้ำ
ขณะเดียวกัน ดวงตาสีเขียวเข้มของเครสไทน์พองโตขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม
“เทคนิคสวมบทบาทอาจช่วยให้ประสิทธิภาพการย่อยโอสถสูงขึ้นและลดความเสี่ยงคลุ้มคลั่งลง แต่อย่าได้สวมบทบาทอย่างสุดโต่งจนเกินไป เพราะอาจนำไปสู่ความสับสนและแยกแยะไม่ออกว่าตัวเองกำลังสวมบทบาท เฉกเช่นนักแสดงในโรงละครบางคนซึ่งเข้าถึงบทบาทต่อเนื่องยาวนานจนเกิดปัญหาทางจิต บางรายอาจถึงขั้นเสียสติ”
ห้ามลืมว่ากำลังสวมบทบาทสินะ…
ข้อเน้นย้ำของเมืองเงินพิสุทธิ์ตรงกับคำแนะนำของอาวุโสเครสไทน์… ไคลน์พยักหน้าหนักแน่นอย่างเห็นพ้อง
“นอกจากนี้” เครสไทน์เน้นเสียง
“การคลุ้มคลั่งมิได้เกิดจากปัจจัยทางโอสถเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงอารมณ์และสุขภาพของผู้วิเศษด้วย สิ่งสำคัญคือการหมั่นควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่ง เอาชนะการล่อลวงจากเทพนอกรีตและปีศาจให้ได้ พยายามระงับอารมณ์ไม่จำเป็นเช่นละโมบและริษยา แน่นอน มนุษย์เราไม่ใช่พระอิฐพระปูน ไม่สามารถตัดขาดอารมณ์โดยสมบูรณ์แบบ ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่ตัวตนขั้นสูงอย่างครึ่งเทพ นอกเสียจากจะเป็นผู้วิเศษเส้นทางเชี่ยวชาญด้านระงับอารมณ์”
เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว ไคลน์พลันตระหนักถึงนีลล์ มันอดถามออกไปไม่ได้
“ต้องหมั่นรักษาอารมณ์ให้สุขุมอยู่เสมอ และต้องไม่เผลอใจไปกับคำล่อลวงอันผิดแผกไร้เหตุผลสินะครับ”
เครสไทน์ผงกศีรษะเคร่งขรึม
“ถูกต้อง”
ขณะตอบ มุมขอบตาของมันเผยรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อย
“นั่นคือคำเตือนทั้งหมดของผม ถึงเวลามอบสูตรโอสถตัวตลกและวัตถุดิบเกี่ยวข้องให้คุณแล้ว”
เครสไทน์ก้มตัวลงหยิบกระเป๋ากล่องสีเงินแวววาว มันยกไปวางไว้บนโต๊ะยาวมุมห้องพร้อมกับเปิดฝาออก แผ่นหลังยืนบดบังการมองเห็นของไคลน์พอดิบพอดี
แสงตะเกียงแก๊สภายในห้องเริ่มถูกดูดกลืนอีกครั้ง ชายหนุ่มเพิ่งตระหนักได้ว่า สูตรผลิตโอสถรวมถึงส่วนผสมถูกบรรจุอยู่ในกระเป๋าเงินมาโดยตลอด เพียงแต่สายตาตนถูกดึงดูดรุนแรงด้วยอำนาจของดาบกระดูกขาว จึงมองไม่เห็นสิ่งของชิ้นอื่นในกระเป๋า
ผ่านไปไม่กี่นาที แสงสว่างจากตะเกียงแก๊สภายในห้องแปรธาตุกลับคืนสภาพเดิม เครสไทน์ยกกระเป๋าเงินซึ่งถูกปิดสนิทไปวางหลบมุม ก่อนจะยืนหลบ เผยให้เห็นวัตถุดิบหลายชิ้นวางเรียงรายบนโต๊ะยาว
จากบรรดาทั้งหมด สิ่งสะดุดตาไคลน์คงหนีไม่พ้นเขาแพะขนาดเท่าฝ่ามือ ลักษณะคล้ายกับเขาแพะปรกติในฉบับย่อส่วน แต่พื้นผิวกลับเป็นผลึกใสแวววาวหลากสีสัน แถมยังมีอักขระลวดลายปรากฏในหลายจุด
ถัดจากเขาแพะคือดอกกุหลาบสีน้ำเงินเข้ม ตามกลีบมีเส้นเลือดใหญ่คอยเชื่อมต่อถึงกัน มองผิวเผินจะคล้ายกับใบหน้ามนุษย์กำลังเผยรอยยิ้มเจือจาง
ฮะฮะฮ่า! วุฮูฮู้! ฮะฮ่า! วุฮุฮุฮู้…
ไคลน์ได้ยินเสียงหัวเราะมายาดังสลับเสียงร่ำไห้เป็นระยะ ขณะเดียวกันก็เห็นควันสีเทาลอยกลางอากาศในลักษณะไม่ชัดเจน
เขาคริสตัลของแพะเทาภูเขาโฮนาซิสโตเต็มวัยและต้นสมบูรณ์ของกุหลาบโฉมมนุษย์!
วัตถุดิบหลักของโอสถตัวตลก!
ชายหนุ่มพยักหน้าหนักแน่นขณะลุกเดินเข้าไปใกล้โต๊ะยาว
“น้ำบริสุทธิ์ 80 มิลลิลิตร น้ำแอปเปิ้ลหนาม 5 หยด ผงทานตะวันขอบดำ 7 กรัม ผงหญ้าปล้องทอง 10 กรัม พิษใบเฮ็มล็อก 3 หยด…”
ชายหนุ่มจ้องมองแผ่นกระดาษหนังเรียบเนียนพร้อมกับเปรียบเทียบสูตรผลิตโอสถตัวตลกในความทรงจำ
เมื่อพบว่าไม่มีความแตกต่าง ไคลน์พยายามระลึกถึงวิธีการปรุงโอสถซึ่งนีลล์เคยสาธิตให้ดูเมื่อเดือนก่อน
มันสูดลมหายใจเข้าออกทีละนิดอย่างละเมียดละไม อารมณ์ถูกปรับให้สุขุมเยือกเย็น ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือภายในห้องแปรธาตุ อันดับแรกต้องกลั่นน้ำบริสุทธิ์เสียก่อน
น้ำบริสุทธิ์ในทุกสูตรโอสถจะหมายถึงน้ำสะอาดซึ่งถูกกลั่นซ้ำหนแล้วหนเล่าจนใสบริสุทธิ์
ถัดมา หลังจากล้างหม้อโลหะสีดำเสร็จ ชายหนุ่มโยนวัตถุดิบเสริมลงไปทีละชนิด หากย้อนกลับไปสมัยโลกเก่า ตัวมันนับว่ามีทักษะการใช้แล็บเคมีเข้าขั้นเชี่ยวชาญ
เนื่องจากวัตถุดิบวิเศษยังไม่ถูกใส่ลงไปเพื่อสร้างปฏิกิริยาเหนือธรรมชาติ ภาพในหม้อจึงมีเพียงเศษผงสีสันต่างๆ กำลังลอยเหนือผิวน้ำ
เมื่อเตรียมการเสร็จ ไคลน์ชำเลืองมองสองวัตถุดิบหลักพลางครุ่นคิด
ในสูตรไม่ได้ระบุน้ำหนักของเขาแพะและดอกกุหลาบ มีความเป็นไปได้ว่า ขอเพียงเป็นเขาแพะสมบูรณ์หนึ่งกิ่งก็นับว่าใช้ได้ กุหลาบโฉมมนุษย์เองก็เช่นกัน ไม่สนว่าจะมีน้ำหนักหรือปริมาณเท่าใด…
ต้องใช่แน่ ในโลกลึกลับสุดพิสดารของผู้วิเศษ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาด
เช่นนั้นก็ไม่ต้องมัวตวงให้เสียเวลา ไม่มีคำว่ามากเกินไปสำหรับวัตถุดิบหลัก
หลังจากไตร่ตรองไม่กี่วินาที ไคลน์จัดแจงโยนกุหลาบโฉมมนุษย์ลงไปในหม้อโลหะสีดำ
เมื่อผิวดอกไม้ประหลาดสัมผัสกับของเหลว มันส่งเสียง ‘ฉ่า’ คล้ายกับน้ำเปล่ากระเซ็นลงไปในกระทะน้ำมันร้อน เสียงหัวเราะมายารวมถึงเสียงร่ำไห้พลันหวีดแหลม
ฮิฮะฮ่าฮิฮะฮ่า!
ไคลน์ไม่มัวรีรอ มันรีบโยนเขาแพะเทาตามลงหม้ออย่างคล่องแคล่ว
ฟุ่บ!
เสียงหัวเราะน่าขยะแขยงหายไปฉับพลัน หมอกสีเทาเลือนรางเริ่มถูกดูดลงไปในหม้อต้มทีละนิด
ชายหนุ่มก้มหน้าจ้องมองการเปลี่ยนแปลงอย่างตั้งใจ และพบว่าชั้นของเหลวเริ่มมีการแบ่งตัวชัดเจนเป็นสามสี ประกอบด้วยสีทอง สีแดง และสีเหลือง อย่างไรก็ตาม สามสีดังกล่าวถูกแบ่งแยกชัดเจนโดยไม่มีท่าทีว่าจะรวมตัวกันได้
ฟองอากาศผุดขึ้นใต้ผิวของเหลวเป็นระยะ แต่พวกมันมิอาจแทรกผ่านผิวขึ้นมาได้ ทำเพียงระเบิดตัวเองใต้น้ำอย่างสงบ
ฉากตรงหน้าทำให้ไคลน์หวนนึกถึงเครื่องดื่มยี่ห้อสไปรท์จากโลกเก่า
น่ากินเหมือนกันแฮะ… ความคิดตะกละผุดขึ้นในหัวสมองสมกับเป็นพลเมืองของจักรวรรดิแห่งอาหาร
มันพยายามระงับความตื่นเต้นและกังวล ชายหนุ่มเพ่งสมาธิบรรจงเทของเหลวจากหม้อโลหะลงในแก้วใส
เรื่องน่าประหลาดก็คือ ไม่มีเศษโอสถตกค้างอยู่ภายในหม้อแม้แต่หยดเดียว ก้นหม้อเรียบเนียนและสะอาดยิ่งกว่าเพิ่งล้างเสร็จ
สมกับยาเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นผู้วิเศษ
ไคลน์ยกแก้วในมือขวาขึ้นพลางจ้องมองผิวของเหลวหลากสีโดยไม่กะพริบตา สีหน้าคล้ายกำลังกังวลอันตราย
เครสไทน์ซึ่งเงียบงันมานานเผยรอยยิ้มพลางอธิบาย
“ไม่ต้องห่วง อย่างน้อยผมก็ไม่พบความผิดปรกติในขั้นตอนการปรุงของคุณ ผมยังอยู่ข้างคุณก็เพื่อคอยช่วยเหลือหากเกิดปัญหาหลังจากดื่มโอสถ ขอรับประกันว่าคุณจะปลอดภัย นอกเสียจากเกินปัญหาร้ายแรงเกินเยียวยา”
จริงด้วยสินะ… ไคลน์ผงกศีรษะพร้อมกับวางแก้วโอสถลงบนโต๊ะ
จากนั้นก็ปลดโซ่เงินข้อมือซ้ายและห้อยปลายจี้บุษราคัมไว้เหนือผิวของเหลวไม่มาก
สำหรับผู้วิเศษเส้นทางอื่น ลูกตุ้มวิญญาณจะระบุผลลัพธ์เพียงใช่หรือไม่ ขาวหรือดำ เท่านั้น ไม่สามารถจำแนกข้อมูลได้ละเอียดเหมือนนักทำนาย หากลูกตุ้มไม่หมุนจะหมายถึงการทำนายล้มเหลว
แต่สำหรับไคลน์ มันสามารถระบุความเข้มข้นของผลทำนายได้จากความเร็วการหมุน
นัยน์ตาชายหนุ่มพลันกลายเป็นสีเข้มขณะปากพึมพำประโยคทำนาย
“โอสถแก้วนี้อันตราย โอสถแก้วนี้อันตราย”
…
เมื่อครบเจ็ด มันเลิกเปลือกตาซึ่งหรี่ไว้เพียงครึ่งในตอนแรก และได้พบจี้บุษราคัมกำลังหมุนตามเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วแสนเชื่องช้า
ตามเข็มหมายถึง ประโยคทำนายเป็นจริง
อีกนัยหนึ่งก็คือ โอสถในแก้วใสเป็นอันตราย แต่การหมุนแสนเชื่องช้าหมายถึงมีอันตรายเพียงน้อยนิด
นั่นสินะ… โอสถทุกชนิดบนโลกมีโอกาสเปลี่ยนให้มนุษย์คลุ้มคลั่ง จะมีอันตรายบ้างก็คงไม่แปลก
หากอันตรายไม่มากย่อมหมายถึงไม่มีข้อผิดพลาดในการปรุงโอสถ… ไคลน์ผ่อนลมหายใจแผ่วเบาอย่างโล่งอก จากนั้นก็พันโซ่เงินกลับข้อมือซ้ายและปกปิดไว้ด้วยชายเสื้อ
ขณะเดียวกัน เครสไทน์ถอนหายใจ
“…สมกับเป็นนักทำนายมืออาชีพ”
“ในเมื่อมีพลัง ผมต้องใช้ให้เกิดความได้เปรียบกับตัวเองอย่างสูงสุด แต่ห้ามพึ่งพาพลังทำนายมากเกินไป และห้ามคิดว่าผลลัพธ์การทำนายถูกต้องเสมอ”
ไคลน์ตอบเสียงค่อยพร้อมกับยกแก้วใส
หลังจากดื่ม… ตนจะกลายเป็นลำดับ 8
เมื่อสิ้นสุดชุดความคิดเมื่อครู่ ชายหนุ่มรีบยกแก้วเทเข้าปากในลักษณะเอียงศีรษะไปด้านหลังเล็กน้อย
ปราศจากความลังเล
โอสถตัวตลกอึกแล้วอึกเล่าถูกกลืนลงคอ
ขมสัตว์!
ขมฉิบหาย! ขมบรรลัยวายป่วง!
รสชาติสุดระยำ!
มันตระหนักได้ทันทีว่า ห้ามตัดสินทุกสิ่งจากรูปลักษณ์ภายนอก สีหน้าไคลน์บิดเบี้ยวรุนแรงคล้ายต้องการอาเจียน แต่มันก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ โอสถเวรตะไลแก้วนี้ตนต้องฝ่าฟันอันตรายกว่าจะได้มาครอบครอง
ตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
เริ่มด้วยใบหน้าแดงก่ำ ถัดมาเป็นผิวพรรณในส่วนอื่น
ไคลน์มั่นใจมากว่าสภาพปัจจุบันของตนไม่ต่างจากล็อบสเตอร์นึ่ง ส่วนด้านจิตใจและพลังวิญญาณ มันสัมผัสว่าสองสิ่งดังกล่าวถูกแบ่งออกเป็นเข็มหมุดขนาดเล็กเพื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งกับโอสถ จากนั้นก็หันมากระหน่ำทิ่มแทงร่างกายจนพรุนทั่ว
ภาพจิตชัดเจนแจ่มแจ้งชนิดไม่ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ก็ทราบว่า ทุกเซลล์ผิวหนังของตนถูกสิ่งแปลกปลอมบุกรุกจนถ้วนทั่ว
ผ่านไปราวสามวินาที มันตระหนักว่าตัวเองคล้ายกับหุ่นยนต์ซึ่งถูกเปลี่ยนแผงวงจรใหม่หมด
ออลนิวไคลน์!
ผ่านไปนานเพียงใดไม่มีใครทราบได้ ภาพจิตของไคลน์เริ่มฉายให้เห็นเค้าโครงร่างกายตัวเองอย่างละเอียดชัดเจน
การฉายภาพแปลกประหลาดเช่นนี้ช่วยให้มันสามารถควบคุมกล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายได้อย่างอิสระ… โดยเฉพาะกล้ามเนื้อใบหน้า!
ขณะเดียวกัน โสตประสาทพลันอื้ออึงเนื่องจากได้ยินเสียงเพรียกก้องกังวาน
เป็นเสียงซึ่งห่างหายไปนานมากแล้ว
โฮนาซิส… เฟรเกีย… โฮนาซิส… เฟรเกีย
ฟู่ว!
ไคลน์รีบสร้างบอลแสงซ้อนทับในภาพจิต ก่อเกิดเป็นภวังค์เข้าฌานเพื่อสงบสติอย่างรวดเร็ว แต่ละวินาทีผ่านไปอย่างสุขุม ชายหนุ่มควบคุมมิให้พลังวิญญาณของตนรั่วไหลออกจากร่างซึ่งเป็นบ่อเกิดของภาวะคลุ้มคลั่ง
ในวินาทีนี้ ไคลน์ตระหนักว่าตัวมันเลื่อนลำดับพลังสำเร็จลุล่วงแล้ว
ผู้วิเศษลำดับ 8
ตัวตลก
……………………