ตอนที่ 194 : แทรกซึม
“มาดามเชอรอน?”
ดันน์ทราบทันทีว่านั่นคือชื่อของแม่หม้ายภรรยาบารอนโฮอี้ เป็นบุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงชั้นสูงเมืองทิงเก็น
ภรรยาส.ส.เมย์นาร์ดหันไปชำเลืองมองสตรีร่างผอมบางด้านข้าง ราวกับปล่อยให้อีกฝ่ายอธิบายเรื่องราวทั้งหมดแทน
หญิงสาวไร้เรี่ยวแรงในชุดดำนั่งไตร่ตรองคำพูดสักพักก่อนเปล่งเสียง
“ถูกต้อง มาดามเชอรอน ภรรยาของท่านบารอนโฮอี้ผู้ล่วงลับ…หล่อนเป็น-”
หญิงสาวอึกอักก่อนแผดเสียงสบถอย่างเดือดดาล
“หล่อนเป็นนังร่าน!”
เมื่อได้ยินถ้อยคำสาปแช่ง ไคลน์พลันนึกถึง ‘หนังผู้ใหญ่’ ในนิมิตทำนายฝัน เส้นขนทั่วร่างตั้งชูชันชั่วขณะ แต่ก็สงบลงภายในไม่กี่วินาที ชายหนุ่มตระหนักได้ว่าคำกล่าวอ้างของสตรีร่างผอมบางมิได้เกินจริงสักเท่าไร
‘ไม่ใช่ว่ามาดามเชอรอนไม่มีสิทธิ์แต่งงานใหม่หรือรักกับใคร แต่แบบนี้ไม่เรียกว่าใจง่ายไปหน่อยหรือ? หลุมศพบารอนโฮอี้ได้มัวหมองกันพอดี’
ดันน์ไม่เปลี่ยนสีหน้า ยังคงนั่งบนโซฟาในท่าเดิมพลางกล่าวเสียงนุ่มนวล
“แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอเป็นอาชญากร คุณอาจทราบเรื่องราวชัดเจน แต่ทางเราก็ทราบชัดเจนไม่ต่าง กระนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาดามเชอรอนคือผู้มีอิทธิพลมากในเมืองทิงเก็น หากสะกดรอยตามหรือบุกรุกบ้านพักโดยพลการ ผลกระทบตามมาคงร้ายแรงมาก”
“นังนั่นเป็นฆาตกร!” สตรีร่างผอมตวาด
“มันเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ต้องตาย! แต่กลับใช้อิทธิพลจากหนึ่งในคนรักอันมากมายของมันกดดันกรมตำรวจให้สรุปสำนวนว่า พี่เสียชีวิตเพราะดื่มหนักเกินไป และเกิดความสุขทางเพศต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน พวกมันทั้งหมดคือฆาตกร!!”
‘…พวกมัน’
จากประโยคล่าสุด ไคลน์ได้ทราบว่าสตรีร่างผอมผู้นี้คือน้องสาวของเมย์นาร์ด และยังได้ทราบว่ามาดามเชอรอนยังมี ‘คนรัก’ อีกจำนวนหนึ่ง ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบแทนบารอนโฮอี้ผู้ล่วงลับ
‘เข้าใจแล้ว ถ้าเป็นเรื่องอื้อฉาวการส่งคนรับใช้มาจ้างวานแทนคงไม่ฉลาดนัก มีแต่ต้องอธิบายด้วยตัวเอง’
ไคลน์ผงกศีรษะกระจ่างแจ้ง
มาดามเมย์นาร์ดลูบหลังสตรีร่างผอมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเจือความเยือกเย็น
“หล่อนเป็นฆาตกรไม่ผิดแน่ หากทางคุณได้รับความเสียหายจากภารกิจนี้ ดิฉันจะชดเชยให้อย่างเหมาะสมและคอยสนับสนุนในทุกเรื่อง”
‘…วิธีการพูดแบบนี้ สมกับเป็นบุตรสาวของหัวหน้าพรรคหัวก้าวหน้า ถ้ากรมตำรวจไม่ได้เบาะแสการตายจากนิมิตฝันของเรา ไม่มีทางทราบเลยว่าสตรีผู้นี้จะกดดันพวกเขาหนักหน่วงแค่ไหน’
ไคลน์รำพัน
ดันน์เงียบงันเกือบยี่สิบวินาทีก่อนจะกล่าว
“…เข้าใจแล้ว แต่ผมมีคำถามหนึ่งข้อ เหตุใดคุณถึงมั่นใจว่าพวกเราจะพบเบาะแสเพิ่มเติม”
หญิงสาวผอมบางผงกศีรษะรับ
“พ่อค้ายาสูบ มิสเตอร์วิคโรลล์ แนะนำให้พวกเรามาหาคุณ เขาบอกว่าบริษัทหนามทมิฬคือเพชรในตมแห่งอุตสาหกรรมนี้ สามารถเสกเรื่องมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นได้”
‘พ่อค้ายาสูบ? มิสเตอร์วิคโรลล์? ใครกัน?’
ไคลน์รีบหันมองหัวหน้า เผื่อว่าอีกฝ่ายสามารถไขความกระจ่างให้ได้ แต่ดันน์กำลังแสดงสีหน้างุนงงไม่ต่างกัน
‘เรามันโง่เอง คาดหวังให้หัวหน้าจำได้ ขนาดเรายังจำไม่ได้เลย’
ชายหนุ่มถอนหายใจผิดหวัง
เมื่อสตรีร่างผอมเห็นทหารรับจ้างสองคนต่างออกอาการสับสน เธอรีบอธิบายเสริม
“บุตรชายของเขาถูกลักพาตัว และพวกคุณช่วยเหลือสำเร็จภายในไม่กี่ชั่วโมง”
‘อ้ะ!…คดีนั้นเอง คุณหนูเอลเลียต คดีลักพาตัวซึ่งนำไปสู่การค้นพบสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสในภายหลัง’
ไคลน์กระจ่างทันที
ดันน์ผงกศีรษะแผ่วเบา
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากเห็นท่าทีตอบสนอง สตรีร่างผอมทำการยื่นข้อเสนอ
“พวกคุณต้องสะกดรอยนังร่านทุกฝีก้าวเป็นเวลาสองสัปดาห์ ถึงจะไม่พบเบาะแสด้านอาชญากรรม แต่พวกคุณต้องจดบันทึกว่ามีใครผ่านเข้าออกบ้านของหล่อนบ้าง และแอบไปพบใครมาบ้าง ทางเรายินดีจ่ายห้าสิบปอนด์กับงานนี้ แต่หากมีเบาะแสอาชญากรรม ทางเราจะจ่ายเพิ่มอีก สองร้อยปอนด์”
‘เยอะเอาเรื่องเหมือนกัน’
ขณะไคลน์นึกได้ว่า ตนว่าจ้างนักสืบเอกชนเฮนรีด้วยเงินเพียงเจ็ดปอนด์กับการสืบสวนหาปล่องไฟแดง ชายหนุ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย
เล็กน้อยเท่านั้น
ดันน์ก้มหน้าไตร่ตรอง
“ไม่มีปัญหา เซ็นสัญญากันเลยไหม? แต่ทางคุณต้องจ่ายเงินมัดจำ ยี่สิบปอนด์”
‘หัวหน้า พวกเรามีกำลังคนไม่พอ เหยี่ยวราตรีส่วนใหญ่กำลังสืบคดีลาเนวุสไม่ใช่หรือ?’
ไคลน์ไม่คิดว่าดันน์จะตอบรับข้อเสนอ แม้ว่าตนจะคาดหวังเงินค่าจ้างพอสมควร
มาดามเมย์นาร์ดพยักหน้ารับ
“ไม่มีปัญหา พวกเราเชื่อมือคุณได้โปรดอย่าทำให้ผิดหวัง”
ดันน์อมยิ้มเงียบงัน มันหันไปมองโรแซน
“รบกวนร่างสัญญาให้ด้วย”
หลังจากประทับตราและรับเงินมัดจำ ดันน์ยืนส่งมาดามเมย์นาร์ดและสตรีร่างผอมเดินออกจากบริษัทหนามทมิฬ จากนั้นก็หันมาทางไคลน์และอธิบาย
“ภารกิจนี้ของคุณ”
“เห? ผม?” ไคลน์ฉงน
ดันน์ยิ้ม
“ไม่อยากเรียนเทคนิคสะกดรอยตามและเฝ้าจับตามองหรือ? โอกาสมาถึงแล้ว ไหนๆ ก็ว่างจากคดีลาเนวุสพอดี”
“เข้าใจแล้วครับ” ไคลน์ไม่ปฏิเสธ
ขณะยอมรับ หัวสมองกำลังประมวลผลในหลายเรื่องพร้อมกัน
‘ตามกฎแล้ว ครึ่งหนึ่งของค่าจ้างจะถูกแบ่งให้มาดามโอเรียนน่าเพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุนเหยี่ยวราตรี อีกครึ่งหนึ่งจะถูกแบ่งกันภายในทีมทำภารกิจ…แต่คดีนี้มีเราคนเดียว ต่อให้ผลลัพธ์คว้าน้ำเหลว แต่รายได้ขั้นต่ำจากคดีคือ ยี่สิบห้าปอนด์ ยังไม่รวมค่าจ้างตามปกติรายสัปดาห์ ถ้าพบเบาะแสอาชญากรรม เราจะได้รับเงินทั้งหมด หนึ่งร้อยยี่สิบห้าปอนด์! หัวหน้าฉลาดฉิบ!’
ดันน์ชำเลืองไคลน์
“เรียนเทคนิคสะกดรอยจากเลียวนาร์ดและฟรายในช่วงเช้า ส่วนคาบเรียนศิลปะการต่อสู้ในช่วงบ่ายคงต้องหยุดพักไว้ก่อนสักสองสัปดาห์ ผมจะส่งคนไปแจ้งกาเวนให้”
‘เรียนเทคนิคสะกดรอยจากเลียวนาร์ดและฟรายเนี่ยนะ?…ฟังดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไร’
ไคลน์อึ้งเล็กน้อย
มันจินตนาการภาพเลียวนาร์ดสะกดรอยตามเหยื่อไม่ออก นึกได้เพียงหมอนั่นคงยืนบรรเลงฟลุตเฟเนพ็อตพลางขับขานบทกวีอย่างไพเราะ เพื่อล่อลวงมาดามเชอรอนไปนอนบนเตียงและทำการ ‘เฝ้าจับตา’ ในระยะประชิด
สำหรับฟราย บรรยากาศรอบตัวมันมีเอกลักษณ์โดดเด่น ความเย็นชาและอึมครึมติดตามตัวไปทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเดินไปทางใดมักเป็นจุดสนใจจากผู้คนเสมอแล้วบุคคลเช่นนี้จะเป็นสายลับยอดฝีมือได้อย่างไร
กระนั้น ไคลน์พยักหน้ารับขึงขัง
“ครับ”
ดันน์ยิ้มตอบและเดินผ่านฉากกั้น ก่อนชะงักฝีเท้าและหันกลับมาแสดงสีหน้าลังเล
“คุณจำพ่อค้ายาสูบได้ไหม? แล้วคดีลักพาตัวหมายถึงอะไร?”
‘หัวหน้า คุณรับภารกิจโดยจำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหมแล้วไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน!’
ไคลน์นำมือก่ายหน้าผาก
……..
จากคำแนะนำของเลียวนาร์ด ไคลน์ตัดสินใจไม่สะกดรอยมาดามเชอรอนทันที แม้จะทราบว่าอีกฝ่ายอยู่บนถนนออสน่าในเขตตะวันตก
“จนกว่าจะทราบกิจวัตรของเป้าหมาย ห้ามสะกดรอยตามบุ่มบ่ามเด็ดขาด ไม่เพียงเท่านั้น การเฝ้าจับตามองถือเป็นเทคนิคยุ่งยากซับซ้อน รายละเอียดมากมายชนิดไม่สามารถจดบันทึกการกระทำของเป้าหมายได้ครบถ้วน นอกเสียจากคุณจะไม่กิน ดื่ม นอน หรือกลับบ้าน”
เลียวนาร์ดอธิบายไว้เช่นนั้น
ไคลน์ยอมทำตามคำแนะนำแต่โดยดี
การตัดสินใจแรกจึงเป็นเดินทางไปยังผับหมาล่าเนื้อและจ่ายเงินห้าปอนด์เพื่อจ้างหัวหน้าผับ ให้มันช่วยส่งลูกน้องอันธพาลหมุนเวียนเฝ้าจับตากิจวัตรประจำวันของมาดามเชอรอนอย่างคร่าวๆ
‘เงินส่วนนี้เบิกได้…เหมือนเรากำลังจ้างคนอื่นทำงานแทน’
………
ศุกร์บ่าย
ไคลน์ได้รับรายงานการสืบสวนจากหัวหน้าแก๊งอันธพาล
เรียกว่า ‘รายงานการสืบสวน’ คงเป็นการดูหมิ่นนักสืบเอกชนเกินไปสักหน่อย บรรดาลูกน้องแก๊งอันธพาลเหล่านี้ไม่รู้หนังสือ พวกมันอาศัยการวาดภาพและสัญลักษณ์ จากนั้นค่อยถูกตีความโดยหัวหน้าอีกทอด ซึ่งตัวหัวหน้าก็รู้หนังสือเพียงผิวเผิน จากการเรียนวันอาทิตย์ของโบสถ์เป็นเวลาหนึ่งปี
ไคลน์ปวดหัวไม่น้อยเมื่อต้องนั่งถอดข้อความใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะอ่านจบ
‘จากผลการสะกดรอย มาดามเชอรอนไม่ค่อยออกจากบ้านสักเท่าไรในระยะหลัง และมีแขกไม่มากแวะเวียนมาหาหล่อน คงเป็นผลกระทบจากการตายของส.ส.เมย์นาร์ดกระมัง ลูกน้องของกลุ่มอันธพาลทำงานได้ไม่เลว ถึงขนาดล้วงความลับจากแม่บ้านเชอรอน หืม…คืนนี้มีงานของเลี้ยงพรรคอนุรักษนิยม เธออาจกลับบ้านดึก หรืออาจไม่กลับเลย คงไม่มีวันใดเหมาะจะลองวิชาไปมากกว่านี้แล้ว’
ไคลน์ตัดสินใจลอบค้นบ้านมาดามเชอรอนเพื่อหาข้อมูลอาชญากรรม
เนื่องจากการสืบสวนคดีลาเนวุสในส่วนของมันจบลง รวมถึงการสิ้นสุดคดีคีลิงเกอร์และไม่ต้องฝึกภาคบ่ายกับกาเวน งานในปัจจุบันของมันจึงเหลือเพียงสองอย่าง
ประการแรก ตรวจสอบหาเบาะแสบ้านปล่องไฟแดง และประการที่สอง สะกดรอยและเฝ้าจับตามองมาดามเชอรอน
หรือก็คือค่อนข้างว่าง
สองวันก่อน ไคลน์ได้รับจดหมายตอบกลับจากมิสเตอร์อะซิก ข้อความเขียนไว้เพียงประโยคเดียวอย่างสั้นห้วน ‘ผมค้นพบบางสิ่งจากยุบพองหิวโหย’
ไคลน์ยืนยันได้ทันทีว่าบุคคลสังหารคีลิงเกอร์คือมิสเตอร์อะซิก และอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์สมองเสื่อมผู้มีชีวิตยืนยาวคนนี้ในอดีตต้องเป็นผู้วิเศษลำดับสูงลิบแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ไคลน์ไม่คิดซักไซ้รายละเอียดยุบพองหิวโหย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการแจกแจง เพราะหากไม่ใช่ก็คงมีการอธิบายยืดยาวมาพร้อมจดหมายแล้ว
มันเพียงตอบกลับไปว่า ยุบพองหิวโหยมีความกระหายเลือดเนื้อและวิญญาณคนเป็น ขอให้อะซิกรีบหาวิธีผนึกโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นวิญญาณของผู้สวมจะถูกกลืนกิน
จัสติสและแฮงแมนไม่ได้สวดภาวนาเพื่อแจ้งข่าวเพิ่มเติม แต่ไคลน์มิได้กังวลเข้าใจว่าทั้งสองคนคงถูกจับตามองเป็นพิเศษไปอีกพักใหญ่ จึงไม่ต้องการประกอบพิธีกรรมโฉ่งฉ่าง
……..
โคมไฟแก๊สบนถนนออสน่ามอบแสงสลัวแก่บรรยากาศโดยรอบ เหนือท้องฟ้าเป็นจันทร์แดงเลือดนกแพรวพราวระยิบระยับ
ไคลน์อาศัยความคล่องตัวและสมดุลอันเป็นเลิศของตัวตลก กระโจนผ่านกำแพงบ้านมาดามเชอรอนเข้าไปอย่างเงียบเชียบ
หลังจากย่องข้ามแปลงดอกไม้ ชายหนุ่มอ้อมไปด้านข้างตัวบ้านพร้อมกับปีนท่อรางน้ำขึ้นไปบนระเบียบชั้นสอง
ในวัยเด็กทั้งไคลน์และโจวหมิงรุ่ยเฟอะฟะชนิดมิอาจปืนต้นไม้สำเร็จ เหตุการณ์ในวันนี้จึงถือเป็นพัฒนาการครั้งใหญ่
ชายหนุ่มหยิบไพ่ทาโร่ต์ออกจากกระเป๋าเสื้อกันลม สอดเข้าไปในช่องว่างข้างประตูและดันขึ้น กลอนห้องถูกเปิดออกง่ายดาย
‘…คนใช้ไม่ระวังเอาเสียเลย ไม่ได้ล็อกกลอนใหญ่ ไม่อย่างนั้นเราคงต้องเดือดร้อนปืนหน้าต่าง’
ไคลน์พึมพำพลางเดินเข้าไปในบ้าน
ตามข้อมูลจากหัวหน้าแก๊ง ห้องนอนมาดามเชอรอนจึงถูกพบในเวลาอันสั้น ชายหนุ่มบิดกลอนพร้อมกับย่างกรายเข้าไปด้วยท่าทีระมัดระวัง
เมื่อปิดประตูกลิ่นหอมเจือจางลอยเตะปลายจมูกไคลน์ ทำเอานึกถึงกลิ่นอันเย้ายวนของสตรีซึ่งมีฤทธิ์สั่นคลอนหัวใจชายหนุ่ม
ไคลน์วิงเวียนเล็กน้อยร่างกายเกิดการตอบสนองอย่างประหลาด ราวกับเส้นเลือดสูบฉีดรุนแรงผิดปกติ
มันรีบเข้าฌานเพื่อสงบจิต พลางครุ่นคิดด้วยสีหน้าสุดฉงน
“น้ำหอมของเธอทำจากยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศหรือไง?”
………………