ตอนที่ 199 : “ทอยเต๋า” ชนะ
หัวใจสุดกำลังเต้นยุบพอง
ของเหลวสีเหลืองปนเขียวน่าขยะแขยง
เปลวเพลิงสีดำลุกโชนอย่างเงียบงัน
ร่างบุรุษทรุดลงกับพื้น
ทั้งหมดปรากฏสู่สายตาไคลน์อย่างเด่นชัด ภาพตรงหน้าสลักลึกลงบนหัวใจชายหนุ่ม
แต่ไหนแต่ไรภารกิจอันตรายอันดับหนึ่งของไคลน์คงหนีไม่พ้นคดีตามล่ารีเอล·บีเบอร์ซึ่งอยู่ระหว่างการย่อยพลังจากสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส
แต่สัตว์ประหลาดน่าสะพรึงกลัวตนนั้นมิได้พรากชีวิตใครไป อย่างมากก็ทำให้ผู้วิเศษบางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากประสบการณ์ส่วนตัวของไคลน์ ความตายผู้วิเศษทั้งหมด รวมถึงลุงนีลล์ ล้วนเกิดจากภาวะคลุ้มคลั่งฉับพลัน
‘ฆาตกร’ แท้จริงจึงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวตนลึกลับหรือไม่ก็เทพนอกรีตซึ่งคอยกระซิบข้างหูให้ออกนอกลู่ทาง
สรุปโดยสั้นคือ ไม่เคยมีใครตายในภารกิจ
แต่วินาทีปัจจุบัน ไคลน์กำลังประจักษ์ความตายของพวกพ้องขณะปฏิบัติงาน โดยต้นตอหายนะเกิดจากความผิดพลาดสุดวิสัยเพียงหนเดียวเท่านั้น
‘เหยี่ยวราตรีคือผู้พิทักษ์ซึ่งคอยต่อสู้กับความบ้าคลั่งของโลกใบนี้’
หากก่อความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย อาจไม่มีโอกาสให้แก้ตัวเป็นคำรบสอง
โทสะไคลน์พลันปะทุอย่างเดือดดาล
ชายหนุ่มย่อเข่าลงพร้อมกับยกมือขวาเล็งผ่านศูนย์กระบอกปืน กระสุนปราบมารสีเงินห้านัดซ้อนถูกรัวยิงใส่มาดามเชอรอนในเวลาไล่เลี่ย
แต่ละนัดทะลวงผ่านใยแมงมุมโปร่งใส่ซึ่งถูกขึงใหม่ระโยงระยางรอบห้อง หัวกระสุนแหวกอากาศตรงเข้าใส่หน้าผากสตรีผมทองยาวในชุดเย้ายวน
ทันใดนั้นร่างมาดามเชอรอนคล้ายถูกกระชากไปทางอื่นด้วยบางสิ่งมองไม่เห็น รอดพ้นจากการกราดยิงอันบ้าคลั่งของไคลน์ไปได้ฉิวเฉียด
ชายหนุ่มเริ่มใจเย็นลง กลับมามีสติความคิดเป็นเหตุเป็นผลอีกครั้งหลังจากปืนพกในมือเกลี้ยงกระสุน ลักษณะคล้ายถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ด้วยระฆังสวรรค์
หัวใจเริ่มบีบรัดแน่นมันไม่มัวเสียเวลาบรรจุกระสุนเข้าไปใหม่ ไพ่ทาโรต์ถูกหยิบออกมาในจังหวะเดียวกับการโยนลูกโม่ทิ้งบนพรม
ฉึก!
ขณะมาดามเชอรอนฉากหลบไปด้านข้าง สายตาเหลือบเห็นไพ่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าพุ่งเฉียดศีรษะเสียบกระจกเงาบนโต๊ะเครื่องแป้งจนเกิดเสียงกระทบแผ่วเบา
สตรีผมทองแสยะยิ้มอย่างดูแคลนนัยน์ตาน้ำตาลเริ่มส่องประกายแวววาว
แต่ทันใดนั้น เส้นผมยาวตรงคล้ายม่านน้ำตกสีทองพลันลอยขึ้นไปในอากาศราวกับถูกดึงด้วยฝ่ามือล่องหน
มาดามเชอรอนออกอาการผงะเจตนาต้องการหลบหลีก แต่ช้าไปครึ่งก้าวไพ่ทาโรต์ ‘เมจิกเชียน’ ของไคลน์ทำการขึงเส้นผมของเธอไว้กับกำแพงเรียบร้อยแล้ว
ปึด!
มาดามเชอรอนฝืนกระชากเส้นผมของตัวเองจนฉีกขาดพร้อมกับกลิ้งตัวไปด้านหน้า ร่างกายของเธอเลือนหายไปจากการมองเห็นของไคลน์อีกครั้งอย่างน่าทึ่ง
‘ล่องหน?’
ไคลน์หนีบไพ่ทาโรต์ค้างไว้ระหว่างร่องนิ้ว สายตากวาดมองรอบตัวอย่างใจเย็น
ระหว่างนั้น มันเริ่มตระหนักว่าเหตุใดมาดามเชอรอนถึงไม่โจมตีตอบโต้ และเหตุใดความเร็วของหล่อนจึงช้าลงจากปกติมาก
หากเป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงรุกโจมตีใส่ไคลน์จนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบนกหวีดทองแดงของอะซิกออกมาเป่า นั่นคือหนทางสุดท้ายในการรับมือผู้วิเศษทรงพลัง
หรือก็คือเหตุการณ์กำลังไม่ปกติ
‘ใช่แล้ว หัวหน้าต้องอยู่แถวนี้แน่’
ไคลน์เริ่มตื่นเต้นเจือความยินดี สายตาเริ่มสำรวจรอบตัว ก่อนจะให้ความสนใจกับบานหน้าต่างเป็นพิเศษ
มันพลันตระหนัก
‘เชอรอนกำลังคิดหนี!’
หล่อนทราบแน่ชัดว่ายังเหลือสมาชิกร่วมทีมอีกหนึ่งคนซึ่งใช้พลังดึงเข้าสู่ความฝัน แต่เชอรอนไม่มีข้อมูลมากกว่านี้ พวกตนอาจตามกำลังเสริมเพิ่มได้ทุกเมื่อ ไม่จำกัดว่าจะเป็นเหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา หรือจิตแห่งจักรกล
ถึงเธอจะแข็งแกร่ง แต่หากอีกฝ่ายผนึกกำลังในฐานะกองทัพผู้วิเศษ คงยากจะให้หนึ่งบุคคลสามารถเอาชนะได้ทั้งหมด
เมื่อเกิดความคิดดังกล่าว ไคลน์กระตุกข้อมือขว้างไพ่ทาโรต์ใส่บานหน้าต่างทันที
ฟุ่บๆๆ!
ชายหนุ่มซัดไพ่ออกไปห้าใบซ้อน สามใบดักทางหน้าต่าง อีกสองใบดักประตูห้อง
เพล้ง! ฉึกๆ!
ท่ามกลางเสียงกระจกแตก ไพ่ทาโรต์สองใบพุ่งปักบานประตูไม้หน้าห้องนอนซึ่งอยู่ในลักษณะเปิดแง้ม
เป็นไปตามคาด ไคลน์ได้ยินเสียงของการขยับร่างกายหลบหลีก
มันเริ่มกราดปาไพ่อีกครั้งโดยอาศัยสัญชาตญาณของตัวตลกช่วยนำทาง
จนกระทั่งสันไพ่ชะงักค้างกลางอากาศราวกับพุงปักบางสิ่งล่องหน
ทันใดนั้นร่างบุคคลผู้หนึ่งถูกเผยให้เห็น ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมาดามเชอรอนผมน้ำตาลในชุดเย้ายวน
วินาทีดังกล่าว ดวงตาเชอรอนอับแสงคล้ายถูกดึงเข้าสู่ภวังค์หลับใหล ประหนึ่งวิญญาณหลุดออกจากร่างฉับพลันในท่ายืนนิ่ง
‘…หัวหน้า’
ไคลน์สำรวจรอบตัว ไม่มีเจตนาขว้างไพ่ปลุกให้เชอรอนตื่น เพราะนั่นจะทำให้อีกฝ่ายหลุดพ้นจากภวังค์ของดันน์·สมิทได้เร็วขึ้น
แต่ไม่ใช่ไม่คิดโจมตี ชายหนุ่มต้องสร้างความเสียหายรุนแรงและหนักหน่วงภายในสองสามวินาทีหลังจากนี้เพื่อมิให้ศัตรูหนีรอดเมื่อหลุดจากห้วงความฝัน
ยิ่งอยู่ไกลเท่าใดพลังลากผู้อื่นเข้าสู่ความฝันก็จะยิ่งอ่อนแอ และมีระยะเวลาน้อยลง
ชายหนุ่มตัดสินใจงอเข่ากลิ้งไปข้างหน้าในแนวทแยง เมื่อเข้าสู่ระยะแขนขวาเหยียดคว้ากระจกผู้สื่อวิญญาณซึ่งวางแผ่บนพรมในลักษณะหงายขึ้น
ข้อมือถูกสะบัดรวดเร็วพร้อมกับออกแรงขว้าง 3-0271 ไปทางมาดามเชอรอน ไคลน์พยายามหลีกเลี่ยงมิให้ภาพตัวเองปรากฏบนผิวกระจกอย่างสุดความสามารถ
ทันใดนั้น ร่างเชอรอนเริ่มสั่นกระตุก นัยน์ตาน้ำตาลกลับคืนสีปกติพร้อมกับปรับระยะการมองเห็นให้คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม
ก่อนจะคืนสติสมบูรณ์ เชอรอนทำการฉาบร่างกายด้วยแผ่นน้ำแข็งหนาและทนทาน
อย่างไรก็ตาม ภาพตรงหน้าหล่อนมิใช่การพุ่งเข้าหาของไพ่ทาโรต์หรือกระสุนปราบมารสีเงินบริสุทธิ์ หากแต่เป็นกระจกเงา ซึ่งกำลังลอยเข้าใกล้ทุกขณะ
ผิวกระจกปรากฏภาพใบหน้าไร้เดียงสาและเปี่ยมด้วยเสน่หาของตัวหล่อนเอง
ทันใดนั้นใบหน้าอันงดงามของเชอรอนพลันบิดเบี้ยว ริ้วรอยเหี่ยวย่นและคราบเลือดสยดสยองปรากฏบนร่างกายหลายจุดอย่างฉับพลัน ผิวหนังเน่าเปื่อยพุพองน่าขยะแขยง
“ไม่!!”
สตรีผมทองแผดเสียงแหบพร่าคล้ายกับได้เห็นคนรักจบชีวิตต่อหน้าต่อตา
ผิวพรรณเคยขาวเนียนแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวช้ำ หนองเหลืองสุกไหลซึมออกจากเบ้าตาและทวารอีกหกแห่ง
โดยไม่รีรอมาดามเชอรอนรีบใช้เปลวเพลิงสีดำแผดเผาท่วมร่างตัวเองอย่างเงียบงัน ราวกับหวังขจัดปัดเป่าบางสิ่งออกไป
ถัดมาเป็นการฉาบแผ่นน้ำแข็งสีใสเคลือบร่างตัวเองแน่นหนา โดยยังปล่อยให้เพลิงทมิฬลุกโชนอยู่เช่นนั้น ประหนึ่งเตรียมสร้างโลงศพไว้สำหรับนอนหลับพักผ่อนตลอดกาล
เส้นด้ายกึ่งล่องหนของเธอ เริ่มเปลี่ยนสีจนมองเห็นชัดด้วยตาเปล่า พวกมันบรรจงรัดพันโลงน้ำแข็งแนบแน่นราวกับเป็นดักแด้ยักษ์
กึกๆๆ
สมบัติปิดผนึก 3-0271 ตกลงพื้นพร้อมกับกลิ้งไปด้านหน้าหลายตลบ ก่อนจะหยุดสนิทใกล้กับ ‘รังดักแด้’ ขนาดใหญ่ของเชอรอน
ถัดมาเป็นเสียง ‘เพล้ง’
เกิดจากฝีมือดันน์·สมิททำลายกระจกหน้าต่างและกลิ้งเข้ามาในห้องนอนเพื่อช่วยสนับสนุนไคลน์
หลังจากชำเลืองเห็นร่างของโคเฮนรีนอนหมดลมหายใจแผ่ไปกับพื้น สีหน้าดันน์พลันเปลี่ยนไปเป็นดำมืดเจือความเศร้า
ทันใดนั้นดักแด้เริ่มสลายตัว โลงศพน้ำแข็งแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เพลิงทมิฬเงียบงันด้านในสุด พลันระเบิดทุกทิศรอบตัวพร้อมกับก่อประกายแสงส่องสว่างชวนให้แสบตาชั่วขณะ
สีผิวเชอรอนกลับคืนปกติ สีหน้าแววตาเผยความอ่อนเพลียชัดเจน แต่ก็ไม่ปรากฏความผิดปกติร้ายแรงเหมือนก่อนหน้า
ดวงตาของหล่อนส่องสะท้อนร่างไคลน์บนพรมซึ่งอยู่ในท่ากึ่งนอน รวมถึงร่างดันน์·สมิทซึ่งกำลังวางมือไว้กึ่งกลางหน้าผากในสภาพหลับตา
รอบศีรษะดันน์ปรากฏคลื่นพลังวิญญาณกระเพื่อมเป็นระยะ
ขณะเปลือกตาเชอรอนต้องการปิดตัวลงอย่างสุดความสามารถ ภายใต้เสื้อกันลมสีดำของดันน์ก็เริ่มปรากฏบางสิ่งคล้ายฝูงอสรพิษกำลังเลื้อยคดเคี้ยว
เมื่อไคลน์ตระหนักว่าดันน์คงเหนี่ยวรั้งมาดามเชอรอนไว้ได้ไม่นาน เฉกเช่นเหตุการณ์สัตว์ประหลาดรีเอล·บีเบอร์ ชายหนุ่มรีบม้วนตัวคว้าปืนพกซึ่งถูกทิ้งไว้บนพรมในจังหวะก่อนหน้า
กระสุนปราบมารสีเงินสามนัดถูกล้วงออกจากกระเป๋าด้วยมือซ้ายและยัดลงในรังกระสุนอย่างชำนาญ
กริ๊ก!
ไคลน์ตบโม่กลับพลางลุกยืน ปากกระบอกปืนถูกยกขึ้นด้วยมือสองข้างโดยมีปลายทางเป็นหว่างคิ้วมาดามเชอรอน
ปัง!
ร่างกายอันคล่องแคล่วและความใจเย็นในการยิงล้วนเป็นผลมาจากโอสถตัวตลก
กระสุนปราบมารสีเงินสว่างวาบก่อนทะลวงร่าง ‘เป้านิ่ง’ แม่นยำ
โลหิตสาดกระเซ็นสยดสยองจากกึ่งกลางหน้าผากมาดามเชอรอน แต่เนื่องจากคล้ายกระสุนต้องทะลวงผ่านม่านป้องกันล่องหนหลายชั้นก่อนกระทบผิวหนัง พลังทำลายส่วนใหญ่จึงถดถอยจนมิอาจระเบิดกะโหลกศีรษะเป้าหมายให้เป็นผุยผง
ไคลน์ยิงซ้ำอีกสองนัดโดยปราศจากความลังเลในหัวใจ สายตาเหลือบเห็นเชอรอนกำลังได้สติกลับคืนทีละนิด
ปังๆ!
สายฝนโลหิตพร้อมด้วยของเหลวขาวขุ่นสาดกระเซ็นท่วมห้องนอน
ในวินาทีนี้ เชอรอนไม่สมควรถูกเรียกว่าสิ่งมีชีวิตอีกต่อไป กลายเป็นสตรีไร้วิญญาณซึ่งหลงเหลือกะโหลกเพียงครึ่งเดียว ภาพตรงหน้าอาจทำให้ชายหนุ่มหื่นกระหายหลายคนต้องฝันสลาย
ร่างลวงตาถูกใช้หมดไปแล้ว
แฮ่กๆ
ไคลน์ลดทอนแขนลง โม่ถูกดันไปทางซ้ายพร้อมกับปลอกกระสุนร่วงกราว ชายหนุ่มหายใจลึกในลักษณะเหนื่อยหอบ ทางมาดามเชอรอนผู้มีกะโหลกศีรษะเพียงครึ่งเดียวกำลังเอนตัวล้มฟุบลงพื้น เรือนร่างของเธอยังคงสมส่วนงดงามแม้จะเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต ผิวพรรณแพรวพราวกระจ่างใสไร้จุดตำหนิ
ดันน์ยืนตัวตรงพลางลืมตาขึ้น ฝ่ามือยังค้างอยู่กึ่งกลางศีรษะเช่นเดิม ใบหน้าขาวซีดคล้ายกับคนใกล้หมดลมหายใจ แม้ร่างกายปราศจากบาดแผลภายนอก แต่ผิวหนังกับเหือดแห้งประหนึ่งสูญเสียเลือดทั้งหมดในร่างกาย
“หากไม่เพราะเธอตัดสินใจฆ่าพวกเราสักสองสามคนก่อนหลบหนี และหากไม่เพราะสมบัติวิเศษ 3-0271 บังเอิญฉายใบหน้าของเธอในจังหวะสำคัญ เราสองคนคงหมดสิทธิ์เอาชนะเธอโดยสิ้นเชิง”
ดันน์เดินเข้ามาหาไคลน์พลางเปล่งเสียงแผ่วเบาราวกับถูกช่วงชิงกล่องเสียง
‘ถ้าไม่เพราะเราเป็นคนพิเศษซึ่งต้านทานภาวะหลับใหลทุกชนิด ชะตากรรมคงไม่ต่างจากโคเฮนรีสักเท่าไร’
ชายหนุ่มชำเลืองไปด้านข้าง จ้องมองศพโคเฮนรีนอนแผ่ไปบนพื้นอย่างเงียบงัน บนร่างกายปรากฏรอยไหม้สีดำหลายจุด
“หัวหน้า…โคเฮนรีเขา”
“…ผมรู้” ดันน์ตอบเสียงแหบพร่า
“เป็นความผิดของผมเอง ถูกเชอรอนหลอกให้เข้าใจว่าเธอตกอยู่ในภวังค์ความฝันโดยสมบูรณ์”
มันเว้นวรรค
“แต่คุณต้องทำใจ เหยี่ยวราตรีมีโอกาสตายขณะปฏิบัติภารกิจได้ทุกคนบางทีคราวหน้าอาจเป็นผม”
ไคลน์เงียบงันโดยไม่รู้ว่าต้องตอบเช่นไร
ด้านข้างลำตัวคือร่างปราศจากวิญญาณของโคเฮนรีซึ่งกำลังแหงนหน้ามองเพดาน
“โคเฮนรี ขอให้เทพธิดาสถิตกับคุณตลอดไป พระองค์จะมอบรัตติกาลนิรันดร์อันสุขสงบให้แน่นอน”
ดันน์เดินมาคุกเข่าข้างโคเฮนรีพร้อมกับวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงกลางหน้าอก
จากนั้นก็โน้มตัวลงใช้มือปิดเปลือกตาศพ
‘ขอให้เทพธิดาคุ้มครองคุณ หากเป็นอาณาจักรของพระองค์ คุณคงไม่ต้องเผชิญกับความบ้าคลั่งของโลกอีก…โคเฮนรี’
ไคลน์ก้มหน้ารำพันในใจอย่างเจ็บปวด
ถัดมาสองสามวินาที มันหันกลับไปด้านหลังพร้อมกับซักถามเสียงค่อย
“หัวหน้า พวกเราประกอบพิธีกรรมสื่อวิญญาณกับศพเชอรอนได้ไหม?”
ดันน์ผงกศีรษะ
“แต่ห้ามถามถึงแม่มดบรรพกาลโดยเด็ดขาด หล่อนอันตรายเกินไป และไม่ต้องกังวล ผมจะคอยคุ้มกันคุณจากอันตรายทุกชนิด”
ไคลน์ไม่รีรอแม้แต่วินาทีเดียว ขวดวัตถุดิบพิธีกรรมจำนวนมากถูกหยิบมาวางเรียงรายบนพรมแดง แท่นบูชาเรียบง่ายก่อตัวเป็นรูปร่างในเวลาอันสั้น
หลังจากท่องคาถาจบ ชายหนุ่มก้าวถอยหลังพร้อมกับใช้นิมิตทำนายฝัน
“ผู้สมรู้ร่วมคิดของเชอรอน ผู้สมรู้ร่วมคิดของเชอรอน”
………
เมื่อครบเจ็ดครั้ง ไคลน์เข้าสู่ห้วงความฝันและมองเห็นดวงวิญญาณมาดามเชอรอนล่องลอยท่ามกลางโลกใบสีเทา
มันเอื้อมมือสัมผัสร่างกายโปร่งแสงของอีกฝ่ายพลางประจักษ์ความเปลี่ยนแปลง
สักแห่งในยามค่ำคืน มาดามเชอรอนในชุดคลุมยาวสีดำสนิท ยื่นหนังสือโบราณปกทองเหลืองให้กับบุรุษใบหน้ากลมกลึง ‘นักกระตุ้น’ ทริส และเมื่อได้ยินอีกฝ่ายตัดพ้อเกี่ยวกับโอสถ ‘แม่มด’ ในลำดับถัดไป หล่อนอมยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางกล่าวด้วยเสียงเรียบ
“ไม่นึกสงสัยบ้างหรือว่าเหตุใดอาวุโสระดับสูงทุกคนของนิกายล้วนเป็นสตรี?”
‘นิกายแม่มด! สมมติฐานของเลียวนาร์ดถูกเผง! ชักสงสัยแล้ว ความลับของหมอนั่นคืออะไรกันแน่? แต่แบบนี้ก็หมายความว่าลำดับ 7 ถัดจากนักลอบสังหารและนักกระตุ้นคือแม่มด! ไอ้พวกสาวดุ้น!’
อารมณ์ไคลน์พลันพลุ่งพล่าน
ภาพการมองเห็นแปรเปลี่ยนอีกครั้ง ไคลน์ได้พบห้องโถงใหญ่เหนือศีรษะเป็นหน้าต่างบานเล็ก และสตรีในชุดคลุมสีขาวศักดิ์สิทธิ์กำลังยืนอยู่ใจกลาง
เธอฉีกยิ้มกว้างขณะจ้องมองเชอรอน
“ยิ่งพวกเราเข้าใกล้พระองค์ท่าน ร่างกายก็ยิ่งบริสุทธิ์ผุดผ่องมากขึ้น หลุดพ้นจากบาปทั้งปวง และจะมีชีวิตรอดในวันพิพากษา”
มาดามเชอรอนก้มศีรษะลงพลางซักถามด้วยน้ำเสียงเจือความฉงน
“แต่ทำไมพวกเราต้องกลายเป็นสตรี? เพราะพระองค์ท่านเป็นสตรี? หรือเพราะสตรีคือตัวแทนแห่งหายนะและภัยพิบัติ?”
หญิงในชุดคลุมกำลังหันหลังให้เชอรอน ส่งผลให้ไคลน์มองไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่าย หล่อนเปล่งเสียงตอบเชอรอนลุ่มลึก
“ผิดแล้ว บุรุษเองก็เป็นตัวแทนแห่งสงครามไม่ต่างกันจึงมีอีกหนึ่งเส้นทางสำหรับบุรุษโดยเฉพาะคล้ายคลึงพวกเรามาก”
……………..