ตอนที่ 201 : ซักถาม
ไคลน์กลั้นหายใจขณะใช้แผ่นหลังพิงประตู ใบหน้าหันเข้าหาทางเดินมืดมิดบนชั้นสอง
‘หัวหน้ากำลังทำอะไร? เขาเป็นอะไรไป? ทำไมถึงต้องดื่มเลือด? สัญญาณการคลุ้มคลั่ง?’
สมองไคลน์เริ่มปั่นป่วน ประสิทธิภาพการคิดคำนวณลดลงจากปกติหลายเท่าตัว
เกือบยี่สิบวินาทีถัดมา มันขบกรามแน่นพร้อมกับเดินลงไปยังชั้นล่างด้วยฝีก้าวเงียบงันของตัวตลก
ถัดมาเป็นการจงใจย่ำเท้าเสียงดังกลับขึ้นมายังห้องนอนมาดามเชอรอน
ไคลน์เห็นดันน์กำลังผนึก 3-0271 ในผ้าดำอย่างระมัดระวัง แววตาค่อนข้างเคร่งขรึม แต่ใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลา
ราวกับเมื่อครู่เป็นเพียงภาพมายา
หางตาไคลน์รีบชำเลืองด้านข้าง และพบว่าศพโคเฮนรียังอยู่ในสภาพเดิมทุกประการ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มสูดลมหายใจ
“หัวหน้า ผมจะยืนยันได้อย่างไรว่าคนรับใช้อยู่ในภาวะหลับลึก ลำพังเนตรวิญญาณไม่เพียงพอจะช่วยระบุแน่ เพราะผมเห็นสีออร่าอารมณ์ของแต่ละคนแตกต่างกันไป คงเกิดจากความฝันในขณะนั้น”
ดันน์ใช้มือลูบคลำกระจกผู้สื่อวิญญาณแผ่วเบาพร้อมกับนิ่งเงียบนานหลายวินาที
ก่อนจะเปล่งเสียงแหบพร่า
“ขอโทษด้วย ผมลีมสนิท ค่ำคืนนี้ทำอะไรก็พลาดไปหมด คุณไม่ต้องแล้วเดี๋ยวผมตรวจสอบเอง”
ดันน์ยกมือแตะหว่างคิ้วพลางหลับตา เกิดคลื่นกระเพื่อมแผ่กระจายออกไปทั่วตัวบ้านรวมถึงชั้นหนึ่ง
สำหรับฝันร้าย การตรวจสอบว่าใครหลับใหลถือเป็นเรื่องแสนง่ายดาย
ไคลน์พลันผงะเมื่อเห็นภาพตรงหน้า มันก้มศีรษะลงพลางเม้มริมฝีปากแน่น
‘หัวหน้า คุณไล่ผมลงไปข้างล่างเพื่อจงใจซื้อเวลาใช่ไหม? วางแผนอะไรไว้กันแน่? คิดจะทำอะไร’
ไคลน์แหงนมองไปทางหน้าต่าง จันทร์แดงฉานสีเลือดนกลอยเด่นสง่าท่ามกลางท้องฟ้าอย่างเงียบงัน ราวกับมันอยู่ตรงนี้นานนับพันปีโดยไม่เคยเปลี่ยนตำแหน่ง
หลังจากรวบรวมสติ ไคลน์แสร้งทำเป็นเดินเก็บไพ่ทาโรต์ ปืนพก หมวกทรงกึ่งสูง และอุปกรณ์อื่นๆ แต่สายตาแอบตรวจสอบศพของโคเฮนรีและมาดามเชอรอนเป็นระยะ
สภาพทั้งคู่ยังเหมือนกับตอนเพิ่งตาย แต่ผิวหนังขาวซีดกว่าปกติเล็กน้อย คล้ายกับมีบางสิ่งเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น รวมถึงรอยช้ำสีเขียวและจุดดำประปรายตามลำตัว
‘น่าแปลก เหมือนมีบางสิ่งหายไป ไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่เราสัมผัสได้’
ไคลน์พึมพำเงียบงัน เส้นขนตั้งชันเล็กน้อยจากความหนาวเย็นของสายลมซึ่งพัดเข้ามาทางบานหน้าต่างแตก
ขณะเดียวกัน ดันน์ลืมตาขึ้นพร้อมกับเปล่งเสียงลุ่มลึก
“ทุกคนกำลังหลับ แต่บางคนใกล้ตื่นแล้ว”
“ครับ”
ไคลน์ยืนมองดันน์ด้วยสายตาเหม่อลอย ไม่รู้เลยว่าตนควรกล่าวสิ่งใดออกไป
หัวหน้าเหยี่ยวราตรีสำรวจรอบตัวครู่หนึ่งก่อนออกคำสั่ง
“ลบร่องรอยรอบจุดเกิดเหตุให้หมด จากนั้นก็พาตำรวจจากสถานีใกล้เคียงมาสักคน ส่วนคุณเดินทางกลับถนนซุตแลนเพื่อตามตัวฟรายมาช่วยผม”
ไคลน์ยืนมองดันน์ค้างหลายวินาที ก่อนผงกศีรษะรับพลางขบกรามแน่น
“ครับ”
ด้วยความร่วมมือของสองเหยี่ยวราตรี จุดเกิดเหตุจึงถูกลบเลือนเบาะแสในเวลาอันสั้น เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้น ไคลน์เดินออกจากบ้านมาดามเชอรอนทางประตูหน้า
ขณะเดินไปตามทางซึ่งสองฝั่งเป็นแปลงดอกไม้ ชายหนุ่มอดเหลียวมองกลับหลังไม่ได้ บรรยากาศรอบบ้านเชอรอนยังคงเงียบงันและมืดมิดเช่นเคย ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไป
มันหันหน้ากลับด้วยหัวใจหนักอึ้ง แต่ก็ทำตามคำสั่งโดยดีด้วยการไปยังป้อมตำรวจใกล้เคียงเพื่อตามตัวเจ้าพนักงาน ไคลน์คุ้นเคยกับป้อมตำรวจทั่วทิงเก็นเป็นอย่างดี สิ่งนี้คือพื้นฐานสำคัญของเหยี่ยวราตรี
ก็อกๆๆ
ไคลน์เคาะประตูโลหะ
หลายวินาทีถัดมา เจ้าพนักงานเข้าเวรเดินผ่านสนามหญ้าตรงมาทางชายหนุ่มพร้อมกับตะเกียงในมือ มันเปิดประตูพลางจ้องมองไคลน์ด้วยสีหน้าเคลือบแคลง
“มีอะไรหรือ?”
ไคลน์ไม่เก็บซ่อนอารมณ์ ด้วยใบหน้าดำมืดหม่นหมอง มันหยิบตราและบัตรตำรวจออกมาแสดงให้อีกฝ่ายเห็น
“เกิดคดีฆาตกรรมภายในบ้านหมายเลขสิบห้า บนถนนออสน่า ช่วยระดมกำลังและตามไปสมทบโดยด่วน!”
เจ้าพนักงานเข้าเวรก้มหน้าสำรวจบัตรตำรวจของไคลน์อย่างละเอียด ก่อนกระทบส้นเท้าชิดกันและทำท่าวันทยหัตถ์
“ครับท่าน!”
เมื่อจัดการส่วนนี้เสร็จ ชายหนุ่มเดินทางกลับถนนซุตแลนด้วยรถม้าเช่า
ระหว่างทางบนห้องโดยสารรถม้าอันมืดมิดและเงียบงัน ความคิดไคลน์ล่องลอยไปบนปุยเมฆอย่างขาดสมาธิ
‘โคเฮนรีตายแล้ว เขาเพิ่งหมั้นหมายกับคนรัก พ่อและแม่ยังมีชีวิตอยู่ หัวหน้ากำลังทำอะไร? ปรารถนาเลือดมนุษย์หรือไง? หรือมีจุดประสงค์อื่น?’
‘ความทรงจำของหัวหน้ายังแย่เหมือนเดิม ไม่มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลง หมายความว่าเขาไม่ได้ใกล้คลุ้มคลั่ง แต่หัวหน้าตระหนักถึงเทคนิคสวมบทบาทมาสักพักแล้วไม่ใช่หรือ ความทรงจำย่ำแย่อาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะคลุ้มคลั่ง ไม่สิ หัวหน้ายังหาเทคนิคสวมบทบาทให้เหมาะสมกับตัวเองไม่ได้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเป็นฝันร้ายต้องทำอย่างไร…โคเฮนรีตายเพราะ 3-0271 และผู้สั่งให้เขาถือกระจกไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้า บ้าจริง! เรากำลังคิดอะไรอยู่ การอนุมานย้อนกลับจากผลลัพธ์แบบนี้ไม่ถูกต้อง! แต่หัวหน้าเจาะจงเลือกใช้ 3-0271 ใจเย็นก่อนๆ! เราจะนำเหตุการณ์เมื่อครู่มาปรักปรำหัวหน้าไม่ได้! นั่นเป็นการใส่อคติมากเกินไป แต่ก็นิ่งเฉยไม่ได้เช่นกัน สถานการณ์อาจเลวร้ายขึ้นทุกขณะจนไม่สามารถแก้ไข ต้องรีบส่งจดหมายหามาดามดาลีย์เพื่อถามถึงความผิดปกติ บางทีเธออาจจะทราบสถานการณ์ของหัวหน้า หรือต่อให้ไม่ทราบ แต่เธอจะตระหนักถึงปัญหาและแจ้งไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้ทันเวลา ด้วยวิธีนี้ เราจะสามารถระงับปัญหาและช่วยดูแลหัวหน้าให้กลับมาเป็นปกติได้ก่อนจะสายเกินแก้ ไม่สิ บางทีหัวหน้าอาจไม่ได้ผิดปกติแต่แรก เราอาจเข้าใจผิดไปเอง ต้องรอให้มาดามดาลีย์ตอบจดหมายกลับมาก่อน’
……….
ไคลน์ตัดสินใจหนักแน่นเมื่อรถม้าเคลื่อนตัวมาถึงบ้านหมายเลขสามสิบหก ถนนซุตแลน มันไม่กระวนกระวายและสิ้นหวังเหมือนเมื่อครู่
ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬด้วยย่างก้าวหนักแน่น จากนั้นก็ไขเปิดประตูห้องรับแขก
ภาพเครื่องเรือนอันคุ้นตาทำให้อาการสั่นคลอนภายในจิตใจสงบลงหลายส่วน ไคลน์รู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน มีดันน์เป็นพี่ใหญ่คอยให้คำปรึกษาในทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหา
ลมหายใจถูกสูดเข้าเต็มปอด ชายหนุ่มเดินไปทางห้องนันทนาการและพบฟรายกำลังอ่านบางสิ่งภายใต้แสงสลัวจากตะเกียงแก๊ส
ฟรายชำเลืองมองไคลน์ ใบหน้าเย็นชาเผยความกังวลและเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้น? หัวหน้าและโคเฮนรีอยู่ไหน?”
ไคลน์ตอบเสียงแหบพร่า
“โคเฮนรีตายแล้ว ถูกมาดามเชอรอนสังหารกับมือ พวกเราก่อความผิดพลาดขึ้น หัวหน้ากำลังเฝ้าจุดเกิดเหตุ รอให้คุณและผมตามไปสมทบ”
ก่อนเริ่มภารกิจ ดันน์แจ้งสถานการณ์เบื้องต้นกับฟรายไว้แล้ว และยังบอกด้วยว่า หากพวกตนไม่กลับมาภายในสองชั่วโมง จงรีบโทรเลขแจ้งไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ทันที
เฉกเช่นรอยัลผู้เข้าเวรประตูยานิส ดันน์ต้องทำเรื่องเบิก 3-0271 ออกมา เธอจึงได้ทราบข้อมูลคดีอย่างคร่าวๆ และตามกฎของเหยี่ยวราตรี การเบิกสมบัติวิเศษออกจากประตูยานิสตอนกลางคืน ต้องกระทำโดยหัวหน้าเหยี่ยวราตรีสาขาดังกล่าวเท่านั้น เพราะเป็นผู้เดียวซึ่งมีสิทธิ์เปิดประตูเข้าไปได้
ฟรายพลันผงะด้วยสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบาหนึ่งครั้งพร้อมกับวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงกึ่งกลางหน้าอก
มันหยิบหมวกกับเสื้อคลุมจากราวแขวนและเดินไปทางประตู
ขณะสวนกับไคลน์ ฟรายกล่าวอ่อนโยน
“ห้ามโทษตัวเองเด็ดขาด มนุษย์ทุกคนไม่มีทางเลี่ยงความผิดพลาดได้ พวกเราทำได้แค่เชื่อใจเพื่อนร่วมงานโดยไม่เคลือบแคลง”
“…เข้าใจแล้ว”
ไคลน์หลับตาลง ภาพการมองเห็นตรงหน้าพร่ามัวเล็กน้อยจากของเหลว
แต่ก่อนไปสบทบดันน์ ไคลน์และฟรายเดินลงไปยังประตูยานิสเพื่อแจ้งสถานการณ์กับรอยัล เมื่อเสร็จสรรพ ทั้งสองเดินออกจากบริษัทหนามทิฬโดยลงกลอนประตูแน่นหนา จุดหมายรถม้าคือบ้านมาดามเชอรอน
……….
เป็นเวลาใกล้รุ่งสางเมื่อร่างโคเฮนรีและมาดามเชอรอนถูกย้ายกลับมายังบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ
ดันน์ยืนหน้าห้องดับจิต สายตาจ้องมองข้าไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด ปล่อยให้เวลาเลือนผ่านสักพักก่อนหันกลับมาหาไคลน์
“คุณกลับบ้านไปก่อน เพิ่งผ่านการต่อสู้อันเข้มข้นดุเดือด คงเหนื่อยมากใช่ไหม”
“ได้ครับ” ไคลน์ไม่ปฏิเสธ
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นพลางชำเลืองมองแผ่นหลังดันน์·สมิทเป็นหนสุดท้าย จากนั้นจึงเดินออกจากสำนักงานเพื่อตรงกลับบ้านบนถนนดารารัตน์
เฉกเช่นทุกครั้ง ไคลน์ลงกลอนมิดชิดหลังจากย่างกรายเข้าห้องนอน
มีดเงินถูกนำมาใช้สร้างกำแพงวิญญาณผนึกมิติด้านในให้ตัดขาดจากด้านนอกโดยสมบูรณ์ ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อ่านหนังสือและรีบเขียนจดหมาย
“ถึงมาดามดาลีย์ เมื่อไม่นานมานี้ผมพบบางสิ่งที่ผิดปกติเกี่ยวกับหัวหน้า ระหว่างภารกิจเขาแอบ-”
ไคลน์ชะงักปากกาหัวสมองกำลังขาวโพลนเนื่องจากไม่ทราบว่าตนควรอธิบายสถานการณ์อย่างไรให้ดาลีย์เห็นภาพ
หมับ
มันวางปากกาลงพลางขยำกระดาษเป็นก้อนกลม จากนั้นก็ใช้มือทุบโต๊ะอ่านหนังสือเต็มแรงจนเกิดเสียง ‘โครม’ ดังสนั่นทั่วกำแพงวิญญาณ
ไคลน์หลับตาลงพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือสองข้างขึ้นมาปิดใบหน้า ค้างในท่าดังกล่าวเป็นเวลานานโดยไม่ขยับตัว ประหนึ่งรูปปั้นหินอ่อนก็มิปาน
ห้านาทีถัดมา มันถอนหายใจอ่อนเพลีย มือขวาเลื่อนลงไปเผาก้อนกระดาษด้วยพลังวิญญาณจนไหม้เกรียม สายตาจ้องมองซากขี้เถ้าโปรยลงในถังขยะข้างโต๊ะ
หลังจากจัดระเบียบความคิด ไคลน์นำกระดาษแผ่นใหม่ออกมาเขียน :
“ถึงมาดามดาลีย์ พวกเราเพิ่งบรรลุภารกิจโดยต้องเสียสละหนึ่งในพวกพ้องคนสำคัญ รายละเอียดทั้งหมดของคดีมีดังนี้…ในขณะนั้น ผมตระหนักว่าเนตรวิญญาณของตัวเองไม่สามารถระบุภาวะหลับใหลของคนใช้ภายในบ้าน และการทำนายรายบุคคลเป็นเรื่องเสียเวลาเกินไป จึงเดินกลับขึ้นไปเพื่อหวังซักถามหัวหน้าถึงวิธีตรวจสอบให้สะดวกและรวดเร็ว ทันใดนั้น ผมบังเอิญเห็นภาพสะท้อนจากกระจกเงา หัวหน้ากำลังคุกเข่าข้างศพโคเฮนรีโดยมีเลือดสีแดงสดเปียกชุ่มรอบริมฝีปาก ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่ทราบเลยว่าหัวหน้ากำลังอยู่ในสภาพไหน หวังว่าคุณสามารถมอบคำตอบให้ได้”
…………
หลังจากเขียนเสร็จ ไคลน์อ่านจดหมายซ้ำด้วยความรู้สึกแน่นหน้าอก ก่อนจะพับครึ่งเพื่อเตรียมส่ง
มันประกอบพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสารของมาดามดาลีย์พร้อมกับเปิดเนตรวิญญาณเตรียมพร้อม เพียงไม่นาน ใบหน้าโปร่งแสงซึ่งมีเพียงปากได้ปรากฏตัว นิ้วขาวซีดทั้งห้ากำลังขยับเหยียดออกจากปลายลิ้นยาว
ไคลน์ยื่นจดหมายให้ด้วยสีหน้ารีบเฉย
เมื่อสภาพแวดล้อมกลับเป็นปกติ มันนั่งลงและเริ่มเขียนจดหมายฉบับใหม่
คราวนี้เตรียมส่งหามิสเตอร์อะซิก
“…จากภารกิจล่าสุด มีบางสิ่งแปลกประหลาดเกี่ยวกับผู้บังคับบัญชาของผม เขาออกคำสั่งให้ผมลงไปชั้นล่าง จากนั้นก็แอบคุกเข่าข้างศพเพื่อนร่วมทีม ริมฝีปากเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสดสีแดงฉาน”
“คุณเคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้างไหม แล้วผมจะช่วยผู้บังคับบัญชาได้อย่างไร”
……………..