ตอนที่ 215 : คุณนายซาเมอร์
“คุณเห็นเด็กวัยรุ่นไหม? หมอนั่นสวมเสื้อโค้ทตัวเก่าสภาพโทรม!”
บุรุษผู้หนึ่งซักถามพนักงานตรวจตั๋วด้วยน้ำเสียงดุดันขึงขัง
ไคลน์ชำเลืองมองจากหางตา อีกฝ่ายมีรูปร่างผอม แต่ลักษณะแข็งแรง ผิวสีเข้มเกิดจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน เบ้าตาลึกผิดแผกไปจากรูปโฉมปกติของชาวโลเอ็น
‘ชาวเขา? หรือลูกผสม? ’
ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบาไม่ให้อีกฝ่ายสังเกต
ช่วงแถบตอนกลางของทวีปเหนือ บริเวณเขตเทือกเขาโฮนาซิส จุดดังกล่าวมีทุ่งกว้างขนาดใหญ่เหมาะแก่การพักอาศัย แต่ข้อเสียคืออากาศร้อนและแห้งมาก
ทุ่งกว้างส่วนใหญ่อยู่ในเขตอาณาจักรเฟเนพ็อต แต่ทางตะวันตกเป็นเขตของสาธารณรัฐอินทิส และทางตะวันออกเป็นเขตของอาณาจักรโลเอ็น ชาวเขาพื้นเมืองส่วนมากมีรูปร่างผอมแห้ง แต่แข็งแรง อุปนิสัยดุร้ายป่าเถื่อน ข้อดีคือความกล้าหาญ เหมาะแก่การทำสงครามอย่างยิ่ง
ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ชนเผ่าชาวเขาถือเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่เรื้อรังของสามอาณาจักรข้างเคียงอยู่หลายปี จนกระทั่งถึงยุคเทคโนโลยีดินปืนเจริญก้าวหน้า รวมถึงกลยุทธ์ศึกอันหลากหลาย ไม่พึ่งพาพละกำลังเพียงอย่างเดียว ชาวเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนนต่อสามอาณาจักร
มีจำนวนไม่น้อย อพยพลงจากภูเขาและกลายเป็นเป็นพลเมืองของกรุงเบ็คลันด์ เมืองทรีอาร์ เมืองเฟเนพ็อต และเมืองท่าเจริญอื่นๆ บนทวีปเหนือ
หลายคนเลือกใช้แรงงาน แต่อีกหลายคนก็เลือกเป็นสมุนของแก๊งอันธพาลท้องถิ่น พวกมันป่าเถื่อนและฆ่าไม่เลือก ไม่เกรงกลัวผลลัพธ์ภายหลัง
พนักงานตรวจตั๋วเป็นเพียงบุรุษร่างเล็กในวัยยี่สิบกว่า มันหดเกร็งทันทีเมื่อได้ยินคำถามตะคอกจากอีกฝ่าย ไม่มีทางเลือกนอกจากรีบชี้นิ้วไปทางห้องโดยสารชั้นสาม
“ทะ…ทางนั้นครับ…”
ผู้นำกลุ่มสวมโค้ทดำและหมวกทรงกึ่งสูง มันผงกศีรษะรับ จากนั้นก็พาลูกน้องเข้าไปในห้องโดยสารชั้นสามโดยไม่แยแสบรรยากาศผู้คนรอบข้าง
‘ถ้าเราเป็นเด็กคนนั้น ป่านนี้คงลงจากรถไฟเรียบร้อยแล้ว’
ระหว่างก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ ไคลน์ใช้ความคิดเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งหนึ่งนาทีถัดมารถจักรไอน้ำส่งเสียงหวูด ประตูห้องโดยสารถูกปิดเสียงดังโครมอีกครั้ง
ฉึกฉักๆ !
รถไฟใต้ดินพลังงานไอน้ำเริ่มเร่งความเร็วเพื่อส่งผู้โดยสารไปให้ถึงจุดหมาย
ทันใดนั้น ไคลน์เริ่มเอะใจถึงบางสิ่งมันเงยหน้ามองไปทางประตูห้อง บานประตูดังกล่าวเชื่อมติดกับห้องโดยสารชั้นสองอีกห้องหนึ่ง
เด็กชายวัยรุ่นคนเดิมเดินผ่านเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน มันยังคงสวมเสื้อโค้ทเก่า หมวกทรงกลม และกระเป๋าสะพายผิวขรุขระใบเดิม
ใบหน้าค่อนข้างเด็กและสะอาดเกลี้ยงเกลา แต่ดวงตาสีแดงกลับสุขุมเกินวัยไปมาก
……
‘ไม่เลว…หมอนี่ลงจากรถไฟทางฝั่งห้องโดยสารชั้นสาม และแอบขึ้นมาใหม่ทางห้องของชั้นสอง แต่ไม่กลัวบ้างหรือ? บางทีกลุ่มอันธพาลอาจมีพรรคพวกคนอื่นปะปนอยู่บนรถไฟ’
ไคลน์แสดงสีหน้าประหลาดใจ มันมองว่าเด็กคนนี้นิ่งและกล้าหาญเกินอายุ รับมือกับสถานการณ์รอบตัวอย่างรอบคอบระมัดระวัง อย่างน้อย ไคลน์ก็ไม่เคยเห็นบุรุษวัยยี่สิบตอนต้นคนไหนเยือกเย็นขนาดนี้มาก่อน
มันตัดสินใจกระทบกรามซ้ายเพื่อเปิดเนตรวิญญาณ หลังจากตรวจสอบไคลน์พบว่าเด็กวัยรุ่นเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย สีออร่าอารมณ์ตรึงเครียดเจือปนหดหู่ แต่ยังปรากฏสีฟ้าหมายถึงความเยือกเย็น
‘ไม่เลว…อายุแค่นี้’
ไคลน์พึมพำเงียบงัน ก่อนจะก้มศีรษะลงไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
เด็กวัยรุ่นมิได้ตระหนักว่า เมื่อครู่เพิ่งถูกผู้วิเศษคนหนึ่งสำรวจร่างกาย มันย่องตรงไปทางประตูฝั่งตรงข้ามด้วยฝีก้าวเงียบเชียบ ปลายทางเป็นห้องโดยสารชั้นสาม และการเดินทางของวันนี้คงจบลงอย่างราบรื่น
…….
ยี่สิบนาทีถัดมา ไคลน์นั่งรถไฟใต้ดินมาลงหนึ่งในสามของสถานีใต้ดินเขตเชอร์วู้ด จากนั้นเป็นการเช่ารถม้าอีกเกือบสิบนาทีเพื่อมาถึงถนนมินส์
อาศัยการนำทางของแผนผังเมือง ไคลน์พาตัวเองหยุดยืนหน้าบ้านหมายเลขสิบเจ็ดเป็นบ้านหลังติดกับหมายเลขสิบห้าเป้าหมายการเช่าอยู่อาศัยของมัน
จากนั้นก็กดกริ่ง
กุ๊กกูๆ ~
เสียงกริ่งดังไปทั่วบ้านพร้อมกับกลไกส่งให้นกไม้แกะสลัก โผล่ออกมาร้องทักทายไคลน์จากด้านบนบานประตู ขนาดประมาณฝ่ามือ ด้านหลังติดเฟืองและกลไกอื่นอีกเล็กน้อย
นกไม้ผงกศีรษะถี่ๆ พลางส่งเสียงร้องคล้ายนกกาเหว่า
‘ของเล่นน่าสนใจดีถึงจะไม่ได้สลักอย่างประณีตก็เถอะ’
ไคลน์วิเคราะห์ตามนิสัย
ราวยี่สิบวินาทีถัดมา บานประตูสีมืดถูกดึงเปิดจากด้านใน หญิงสาวในชุดขาวดำจ้องมองไคลน์หัวจรดเท้า ก่อนจะกล่าวถาม
“ให้ช่วยอะไรหรือคะ?”
ไคลน์เพียงยิ้ม ตามด้วยการโบกไม้ค้ำรอบแท่งไม้ถูกพันด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์
“ผมกำลังตามหาคุณนายซาเมอร์ ต้องการพูดคุยเกี่ยวกับสัญญาเช่าบ้านพัก ขอเดาว่ายังไม่ถูกเช่าตัดหน้าไปใช่ไหม?”
ชื่อเต็มของสุภาพสตรีซาเมอร์ ถูกเขียนไว้ในหนังสือพิมพ์ว่า ‘สตาร์ลิ่ง·ซาเมอร์’
“ยังค่ะ รบกวนช่วยรอสักครู่”
สตรีในชุดขาวดำก้มต่ำอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินกลับเข้าข้างในและรายงานให้นายหญิงฟัง
เพียงไม่กี่นาทีถัดมา หญิงสาวคนเดิมเดินออกมาพร้อมกับนำทางไคลน์เข้าไป
หลังจากผ่านบานประตู เธอช่วยไคลน์วางไม้ค้ำไว้บนราวแขวนไม้ วางกระเป๋าสัมภาระไว้ในโถงรับแขก และแขวนหมวกกับเสื้อคลุมไว้บนราวผ้าอย่างเป็นระเบียบ
สายลมอุ่นปะทะร่างกายชายหนุ่ม ช่วยคลายอาการหนาวเหน็บก่อนหน้าเป็นปลิดทิ้ง
สายตากวาดมองรอบบ้าน จุดเด่นสะดุดตาคงหนีไม่พ้นเตาผิงลักษณะแปลกตา เมื่อจ้องเข้าไปด้านใน ไคลน์พบถ่านสีแดงปลอดควันกำลังถูกเผาไหม้อย่างร้อนระอุ
ห้องนั่งเล่นบ้านซาเมอร์ค่อนข้างกว้าง ลำพังห้องเดียวมีขนาดเกือบเท่ากับชั้นหนึ่งของบ้านโมเร็ตติทั้งหลัง บางจุดถูกตกแต่งด้วยพรมหนา หรือไม่ก็ภาพวาดสีน้ำมัน เป็นภาพวิวเสมือนจริงสวยงาม
สาวใช้พาไคลน์มานั่งบนโซฟา และหันไปกล่าวกับนายหญิงของเธอในชุดเหลืองอ่อน
“มาดามคะ แขกมาถึงแล้วค่ะ”
นายหญิงอยู่ในวัยสามสิบกว่า ผมสีทอง ดวงตาฟ้าครามงดงาม บรรยากาศรอบตัวอบอุ่น สัมผัสได้ถึงความน่ารักและขี้เล่น มือข้างหนึ่งกำลังถือพัดเงินประดับขนนกหรูหรา
เมื่ออยู่ในบ้านตัวเอง อากาศจึงอบอุ่นกว่าด้านนอก คุณนายซาเมอร์ไม่จำเป็นต้องสวมผ้าพันคอ เผยให้เห็นลำคอรวมถึงเนินอกอันขาวผ่องเรียบเนียน
“สวัสดีครับ คุณนายซาเมอร์”
ไคลน์กางมือทาบหน้าอกพลางโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเป็นพิเศษ ทางด้านสตาร์ลิ่งยิ้มตอบอย่างสงวนกิริยา
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ เชิญนั่งก่อนจะรับกาแฟหรือชาคะ?”
ไคลน์นั่งทำตัวตามสบายบนโซฟา มุมปากขยับตอบด้วยรอยยิ้ม
“ชาดำครับ”
“ยูเลียนน่า ชาดำมาร์ควิสหนึ่งถ้วย”
คุณนายซาเมอร์หันไปสั่งก่อนจะหันกลับมามองไคลน์พลางซักถาม
“แล้วดิฉันควรเรียกคุณว่าอย่างไรดี?”
“เชอร์ล็อก…เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ เรียกเชอร์ล็อกเฉยๆ ก็ได้ครับ”
ไคลน์โพล่งชื่อปลอมออกไป แน่นอนสิ่งนี้ถูกเตรียมไว้นานแล้ว
ทันใดนั้น จมูกพลันตระหนักถึงกลิ่นหอมเย้ายวนแปลกประหลาด สายตารีบจ้องไปทางครัวตามสัญชาตญาณ และได้พบท่อแก๊สถูกวางอย่างซับซ้อนแต่ไม่ส่งเดช
“ฮิๆ …สามีของดิฉันเป็นคนออกแบบเอง ถึงแม้งานประจำจะเป็นผู้จัดการของบริษัทโคอิม แต่มีอุปนิสัยหลงใหลในเครื่องจักรมาก รวมถึงเป็นสมาชิกสมาคมต่อต้านเขม่าแห่งอาณาจักรโลเอ็น”
เมื่อเห็นไคลน์จ้องมองผังท่อแก๊สอย่างสนใจ ซาเมอร์อธิบายเรื่องราวพร้อมรอยยิ้ม
‘มาดาม ผมไม่ต้องการทราบลึกขนาดนั้น ไม่ได้นัดบอดกับสามีคุณสักหน่อย’
ไคลน์รำพันติดตลก ขณะเดียวกันก็ตอบกลับอีกฝ่ายโดยคงยังรอยยิ้มไว้
“คุณนายซาเมอร์ครับ ผมต้องการเช่าบ้านหมายเลขสิบห้า”
มาดามสตาร์ลิ่งนั่งตัวตรงด้วยกิริยามารยาทสง่างาม เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอเตือนล่วงหน้าสักเรื่องนะคะ หลังสิบห้าไม่มีท่อแก๊สแบบนี้ ไม่มีเก้าอี้แบบปรับนอนได้ ไม่มีโต๊ะเล่นไพ่ ไม่มีตู้กับข้าวไม้มะฮอกกานี ไม่มีเครื่องลายครามหรูหรา ไม่มีเครื่องครัวเงินแท้ ไม่มีชุดน้ำชาเลี่ยมทอง และไม่มีพรมแบบถอดซักได้…”
ระหว่างอธิบายซาเมอร์ชี้ไปทางเครื่องเรือนชิ้นต่างๆ ภายในบ้าน เมื่อเสร็จสรรพ สตรีวัยสามสิบกล่าวเสริม
“เดิมทีหลังนั้นเป็นของพี่สาวและพี่เขย แต่เนื่องจากธุรกิจล้มละลาย พี่เขยจึงไม่มีทางเลือกนอกจากย้ายไปทำงานบนทวีปใต้ อย่างน้อยก็ยังพอมีไร่สวนในเขตไบลัม แต่ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของพวกเขาสักเท่าไร หลานสาวและหลานชายต้องตกระกำลำบากโดยไม่จำเป็น เขตไบลัมไม่มีโรงเรียนวิชาการ ไม่มีครูสอนพิเศษถึงบ้าน”
‘มาดามครับ ผมไม่ต้องการทราบอะไรแบบนี้เลยสักนิด…สาบานได้’
ชายหนุ่มผงกศีรษะขึงขัง
“นอกจากสภาพอากาศ ทวีปใต้ไม่มีจุดใดเหนือกว่ากรุงเบ็คลันด์แน่นอน”
เมื่อได้ยินถ้อยคำเห็นด้วยของไคลน์ คุณนายซาเมอร์แสดงอากัปกิริยาพึงพอใจเป็นอย่างมาก ดวงตาของเธอส่องประกายแวววาวกว่าปกติ
“บ้านหมายเลขสิบห้ามีสัญญาเช่ายาวสามปี และดิฉันต้องการให้คุณจ่ายก้อนแรกเป็นเงินเทียบเท่าค่าเช่าหนึ่งปีเต็ม สิบแปดซูลต่อสัปดาห์ หากต้องการใช้เครื่องเรือนจะคิดเพิ่มหนึ่งซูลต่อสัปดาห์ สรุปก็คือคุณต้องจ่ายห้าสิบปอนด์แรกเริ่ม และสามารถพักอาศัยได้นานหนึ่งปีเต็ม”
ไคลน์ส่ายศีรษะพลางยิ้ม
“คุณนายซาเมอร์ คุณคงเดาได้ ผมเพิ่งเดินทางมาถึงเบ็คลันด์ได้ไม่นาน ไม่มีทางทราบว่าจะเกิดอุบัติเหตุใดขึ้นบ้าง ฉะนั้นการจ่ายเงินรวดเดียวห้าสิบปอนด์ จะทำให้สภาพคล่องทางการเงินของผมเป็นอันตราย และไม่เหลือมากพอสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน ขีดจำกัดของผมคือครึ่งปียี่สิบห้าปอนด์”
ไคลน์มีแผนเช่าหอพักหนึ่งเตียงนอนในเขตตะวันออกไว้สำรอง ห้องดังกล่าวมีเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและปลอมตัว รวมถึงหลบซ่อนตัวจากการถูกไล่ล่า จำเป็นอย่างมากสำหรับแผนการในอนาคต
สตาร์ลิ่ง·ซาเมอร์ผงกศีรษะแผ่วเบาพลางซักถามอย่างสนใจ
“คุณจบโรงเรียนวิชาการสินะคะ?”
ไคลน์หัวเราะ
“ใช่ครับ แต่ศึกษาภาควิชาประวัติศาสตร์ด้วยตัวเองในตอนหลัง”
“มีบัตรประชาชนไหมคะ?”
ซาเมอร์ไต่ถาม
“เสียใจด้วยครับ ผมค่อนข้างรีบร้อนตอนออกจากบ้าน จึงลืมพกบัตรติดตัวมาด้วย อ้ะ! ลืมแนะนำตัวเอง ผมมาจากแคว้นเลียบทะเลครับ”
ไคลน์แสร้งพูดเลียนแบบสำเนียงของเวิร์ช อดีตเพื่อนร่วมชั้นผู้มาจากแคว้นเลียบทะเล
แต่เมื่อคำว่า ‘ลืม’ หลุดจากปาก ชายหนุ่มพลันคิดถึงดันน์·สมิทขึ้นมาจับใจ รอยยิ้มบนใบหน้าไคลน์เริ่มเจือความอบอุ่น
ในเวลาเดียวกันสาวใช้ยูเลียนน่าเดินถือชาดำหนึ่งถ้วยมาวางตรงหน้า ถ้วยชาเป็นเครื่องลายครามสีขาว สลักลวดลายดอกไม้แบบโบราณ บางจุดถูกฉาบด้วยทองคำอร่าม
หลังจากยกจิบ ไคลน์ตระหนักถึงกลิ่นหอมละมุนเจือจาง เป็นรสชาติอันสมบูรณ์แบบระหว่างความเปรี้ยวและหวาน ยอดเยี่ยมกว่าชาดำซิบป์ถ้วยโปรดของตนในทิงเก็นมาก
“สมกับเป็นชาดำมาร์ควิส”
ไคลน์กล่าวชมเชยส่งเดช แต่มั่นใจว่าไม่มีทางปล่อยไก่แน่นอน
คุณนายซาเมอร์ยกมุมปาก
“ตกลงค่ะ เงินก้อนแรกจ่ายครึ่งปียี่สิบห้าปอนด์”
ไคลน์ขอบคุณหล่อนตามมารยาทก่อนจะนั่งสนทนาเรื่อยเปื่อยกับเธอสักพัก จนกระทั่งสาวใช้พบเอกสารเช่าบ้านภายในห้องอ่านหนังสือ
หลังจากทั้งสองฝ่ายลงนามในสัญญา ชายหนุ่มนับธนบัตรยี่สิบห้าปอนด์ด้วยความรู้สึกใจหาย จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือเลื่อนปึกธนบัตรไปทางคุณนายซาเมอร์
สตาร์ลิ่งก้มหน้านับอย่างเงียบงัน ตามด้วยการเผยรอยยิ้ม
“มิสเตอร์โมเรียตี้ คุณคงวางแผนทำงานในเบ็คลันด์ไว้แล้วใช่ไหม?”
“ใช่ครับ” ไคลน์ตอบเชื่องช้า
มุมปากสตาร์ลิ่งยกขึ้นอีกครั้ง
“ดิฉันสามารถมอบคำแนะนำให้คุณได้ หากมีรายรับต่อสัปดาห์ไม่ถึงสามปอนด์ ไม่ขอแนะนำให้พักในเขตเชอร์วู้ด เพราะทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าแก๊ส ค่าถ่าน และค่าเดินทาง ทั้งหมดจะไม่ต่ำกว่าสองปอนด์ ห้าซูลแน่นอน เชื่อฉันเถอะ เมืองนี้คือเบ็คลันด์ ไม่เพียงเท่านั้นคุณยังต้องพิจารณาการซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ เครื่องครัว รวมถึงชุดชาสำหรับรับแขก สิ่งนี้หมายถึง เงินสามปอนด์ต่อสัปดาห์เป็นเพียงค่าครองชีพขั้นต่ำสุด หากคุณมีรายรับต่อสัปดาห์ห้าปอนด์ ดิฉันขอแนะนำให้จ้างสาวใช้ส่วนตัว ในกรณีหกปอนด์ สามารถทดสอบจ้างพ่อครัวหากชื่นชอบอาหารรสเลิศเป็นพิเศษ ในกรณี เจ็ดปอนด์ คุณสามารถจ้างบุรุษรับใช้ และสำหรับแปดปอนด์ คุณควรจ้างแม่บ้านหลายคน”
‘มาดามสตาร์ลิ่ง คุณกำลังอวดโอ่ความมั่งคั่งของตัวเองอยู่หรือ? จะบอกอะไรให้ ผมคนนี้เคยมีรายรับสูงกว่าสิบปอนด์ต่อสัปดาห์มาก่อน!’
ไคลน์ยังคงยิ้ม มันรับบทผู้ฟังชั้นดี
ทันใดนั้น ประตูหลักของบ้านซาเมอร์ถูกผลักเข้ามาจากด้านนอก ตามด้วยการปรากฏตัวของบุรุษร่างท้วม แต่งกายในชุดคลุมสีดำกระดุมสองแถว ถุงมือหนังสีเดียวกัน เหนือริมฝีปากเป็นหนวดเขี้ยวสง่างาม
“ลุค ทางนี้คือมิสเตอร์โมเรียตี้ เขาเป็นเพื่อนบ้านใหม่ของเรา”
สตาร์ลิ่ง·ซาเมอร์เดินเข้าไปแนะนำ
ลุคเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของบ้าน มันถอดเสื้อโค้ทออกพร้อมกับยื่นให้บุรุษรับใช้ข้างกาย ตามด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพ
“มิสเตอร์โมเรียตี้ ต้องการทานอาหารเย็นร่วมกับพวกเราไหม?”
‘นี่สินะ ผู้จัดการบริษัทโคอิมอะไรสักอย่าง รวมถึงสมาชิกสมาคมต่อต้านเขม่าแห่งอาณาจักรโลเอ็น’
ไคลน์ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ต้องขออภัยด้วยครับ มิสเตอร์ซาเมอร์ ผมทานอาหารบนรถไฟจนอิ่มท้องแล้ว แม้ว่ากลิ่นหอมจากครัวจะสุดพรรณาก็ตาม”
หลังจากทักทายตามมารยาท ยูเลียนน่าเดินนำไคลน์ออกจากบ้าน และเปิดประตูเข้าไปในบ้านหมายเลขสิบห้า หลังติดกัน
สถาปัตยกรรมภายในคล้ายคลึงหลังหมายเลขสิบเจ็ดมาก ชั้นแรกประกอบด้วยห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ห้องรับประทานอาหารมีแสงส่องทั่วถึง ห้องนอนแขกสองห้อง ห้องน้ำ ห้องใต้ดิน และห้องครัวยาว
บนชั้นสองประกอบด้วยสี่ห้องนอน ห้องกิจกรรม ห้องอาบแดด ห้องอ่านหนังสือ ห้องน้ำสองห้อง และระเบียงใหญ่
“คุณนายซาเมอร์ฝากบอกว่า คุณสามารถแบ่งเช่าให้บุคคลอื่นได้ แต่ต้องไม่ใช่คนงาน หรือนำไปใช้จัดกิจกรรมเสียงดัง”
“อ้ะ! ดิฉันต้องขอตัวกลับไปนำผ้าห่ม ผ้าปูเตียง และปลอกหมอนกลับมาให้คุณก่อน”
ยูเลียนน่ารีบเดินกลับบ้านหมายเลขสิบห้าหลังจากแจ้งให้ไคลน์ทราบ หล่อนเดินไปกลับเช่นนั้นหลายรอบ จนกระทั่งบ้านของไคลน์ในกรุงเบ็คลันด์พร้อมอยู่อาศัย
ชายหนุ่มนั่งบนพื้นห้องนั่งเล่นว่างเปล่าด้วยความรู้สึกอ้างว้าง มันบังคับสมองให้คิดถึงแผนการในอนาคตอันใกล้
แม้ไม่อยากยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การแก้แค้นคงมิอาจสำเร็จภายในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นต้องหางานมั่นคงเลี้ยงชีพจะได้รอดพ้นจากปัญหาทางการเงิน
แต่งานดังกล่าวต้องไม่ผูกมัด มอบอิสระให้ไคลน์ได้มากกว่าสมัยเหยี่ยวราตรี และต้องไม่กระทบกับแผนการวันข้างหน้า หรือก็คือแนวโน้มอาจต้องเป็นเจ้าของกิจการตัวเอง
หลังจากไตร่ตรองพลางตัดอาชีพไม่เข้าข่ายออกไป ไคลน์เหลือเพียงสามทางเลือก
หนึ่ง นักเขียน เอาดีด้านการลอกเลียนแบบนิยายชื่อดังจากโลกเก่า อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของนักเขียนค่อนข้างเป็นปัญหา ยิ่งโด่งดังมากเท่าไรปัญหาก็ยิ่งมากมายเป็นหางว่าว
ลงเอยด้วยมันต้องตัดใจจากอาชีพนักเขียนอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตัวเลือกสอง นักข่าว ถือเป็นอาชีพค่อนไปทางมั่นคง และมีเกียรติในยุคสมัยปัจจุบัน แต่การสมัครงานจำเป็นต้องใช้เอกสารยืนยันตัวตนเข้มงวดมันยังคงไม่มีทางออกในจุดนี้
ไคลน์จำใจเลือกทางสามเพราะไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้อีกแล้ว
นักสืบเอกชน!
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมไคลน์ถึงต้องใช้ชื่อปลอม และทำไมถึงต้องเป็น ‘เชอร์ล็อก’
…………….