Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 217

Lord of the Mysteries 217

ตอนที่ 217 : มิสเตอร์ประตูเล่าเรื่อง

‘มิสเตอร์ประตู…? ลักษณะการตั้งชื่อคล้ายเรามาก ชักน่าสนใจ สหายน่าสมเพชผู้หลงทางและถูกขังท่ามกลางพายุมืดมิดเป็นใคร และอยู่บนเส้นทางไหนกันแน่ หรืออาจเป็นดังข้อสันนิษฐานของโรซายล์ มิสเตอร์ประตูคือเทพนอกรีตหรือไม่ก็ปีศาจ’

ไคลน์หัวเราะแผ่วเบา เป็นอารมณ์ขบขันผสมความเยือกเย็น สมองของมันกำลังสนใจประวัติศาสตร์ของยุคสมัย 4

“เรารู้จักเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อย่าง ‘สงครามสี่จักรพรรดิ’ เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ทราบถึงรายละเอียดเชิงลึกและตัวละครสำคัญ เพราะเจ็ดโบสถ์หลักมิได้แพร่งพรายข้อมูลมากนัก บุคคลทั่วไปจึงทราบเพียงตัวตนสำคัญอย่าง ‘จักรพรรดิมืด’ แห่งฝ่ายจักรวรรดิโซโลมอน เราจึงไม่เคยรู้มาก่อน จนกระทั่งมิสเตอร์ประตูเล่าให้ฟังในวันนี้ ว่าจักรพรรดิอีกสามคนเป็นใครบ้าง ประกอบด้วย คนแรก จักรพรรดิโลหิตแห่งราชวงศ์ทูดอร์ มันอยู่ในภาวะกึ่งเสียสติ คนสอง จักรพรรดิรัตติกาลแห่งจักรวรรดิทรันซอสต์ และคนสุดท้าย จักรพรรดิยมโลกแห่งทวีปใต้ หรือรู้จักกันในนาม เทพมรณา จากคำบอกเล่าของมิสเตอร์ประตู สงครามครั้งนี้ได้พลิกโฉมประวัติศาสตร์โลกอย่างใหญ่หลวง เหล่าจักรพรรดิต่างร่วงหล่นในเวลาไล่เลี่ย เรียงจากจักรพรรดิมืด จักรพรรดิโลหิต และจักรพรรดิรัตติกาล ขณะเดียวกันก็หมายความว่า จักรพรรดิยมโลก เทพมรณา ทำการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสงครามได้มหาศาลในฐานะฝ่ายกำชัย หลังจากเล่าถึงจุดดังกล่าว มิสเตอร์ประตูได้เน้นย้ำใจความสำคัญว่า หลังจากมรณาทำการเก็บตัวเพื่อ ‘ย่อย’ ราวหนึ่งศตวรรษ มันเกิดเสียสติกะทันหัน แต่ขณะเดียวกันก็ทรงพลังขึ้นจากเดิมหลายระดับ เป็นเหตุให้เทพมรณาจับมือกับแม่มดบรรพกาล นำพาภัยพิบัติ ‘ไร้ชีวิตชีวา’ มายังทวีปเหนือ แน่นอน มิสเตอร์ประตูมิได้ประจักษ์เรื่องราวในช่วงหลังด้วยตัวเอง แต่ได้ยินมาจากการแวะเวียนไปยังโลกจริงทุกเดือน น่าเหลือเชื่อมาก! เทพมรณาเสียสติ แต่ขณะเดียวกันก็แข็งแกร่งขึ้น! เหตุใดตัวตนระดับเทพถึงยังเกิดภาวะเสียสติได้อีก? แม้แต่เทพก็ยังไม่ปลอดภัยงั้นหรือ? เราต้องเปลี่ยนมุมมองต่อเทพใหม่ทั้งหมด! อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวช่วยยืนยันสมมติฐานของเราหลายข้อ เช่นประเด็นการปรากฏตัวบนโลกมนุษย์บ่อยครั้งของเหล่าเจ็ดเทพองค์หลักในช่วงก่อนยุคสมัย 5 พวกเขาคอยแผลงอิทธิฤทธิ์สร้างความสมดุลให้ทวีปเหนือใต้มาโดยตลอด บางรายเคยลงมาเหยียบโลกมนุษย์เหมือนกับมรณาด้วยซ้ำ! เราตัดสินใจถามมิสเตอร์ประตูไปว่า คุณเข้าร่วมสงครามสี่จักรพรรดิด้วยหรือไม่? และอยู่ฝ่ายใด มีบทบาทอย่างไรบ้าง รวมถึง เจ็ดเทพหลักวางตัวอย่างไรในช่วงสงครามดังกล่าว? พวกเขาอยู่ฝ่ายไหน? และมีบทบาทอย่างไร?”

“แต่มิสเตอร์ประตูไม่ยอมตอบคำถาม เพียงเล่าอย่างมีเลศนัยว่าจำนวนของตัวตนเฉียดเทพในสงครามสี่จักรพรรดิ มีมากกว่าจินตนาการของเราหลายเท่านัก”

“นอกจากนั้น เขายังอธิบายถึง ‘กฏเหล็ก’ แสนสำคัญ 2 ข้อบนโลกผู้วิเศษ ข้อแรก ‘กฏความถาวรของพลังพิเศษ’ และข้อสอง ‘กฏการอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง’ รายละเอียดตรงกับข้อมูลในมือเราทุกประการ กฏสองข้อดังกล่าว เราเคยได้ยินมาจากองค์กรเก่าแก่ลึกลับอันดับหนึ่งของโลก และเคยพิสูจน์ด้วยตาตัวเองมาบ้างแล้ว ฮะๆ ! สิ่งนี้จะนำไปสู่ข้อสรุปน่าสนใจมากมายบนโลกผู้วิเศษ! เกิดมุมมองใหม่จากคำสอนคลุมเครือของบรรพชน! หากพวกจิตอ่อนได้ยินเข้า อาจถึงขั้นตกตะลึงจนแข้งขาอ่อนแรงเลยทีเดียว! ตัวอย่างเช่น หากเส้นทางใดมีผู้วิเศษลำดับสูงมากเกินไป จำนวนผู้วิเศษลำดับต่ำก็จะลดลงอย่างมาก หรือสรุปได้ว่า พลังพิเศษจากแหล่งต้นกำเนิดมีปริมาณจำกัด จะไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเด็ดขาด! หรือสิ่งนี้จะเป็นการยืนยันว่า โลกของเรามีมหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลังอยู่เบื้องหลังจริง? พระองค์คอยสร้างเหล่าเทพแต่ละเส้นทาง จากนั้นก็แบ่งพลังบางส่วนไปให้?”

ไดอารีวันนี้ยาวเป็นพิเศษ ทั้งหมดคือข้อความของ 16 ธันวาคมเท่านั้น ต้องใช้สองแผ่นกระดาษเต็มในการถ่ายทอดจนครบถ้วน ไคลน์จินตนาการออกทันที ไดอารีของจริงต้องเขียนติดกันทั้งด้านหน้าและหลัง แต่ถูกแยกสองแผ่นเพราะการคัดลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

‘ข้อมูลน่าเหลือเชื่อมาก’

ไคลน์ถอนหายใจเงียบงัน

ในฐานะนักเรียนวิชาประวัติศาสตร์ทั่วไป มันเชื่อมาตลอดว่า จักรวรรดิโซโลมอน ราชวงศ์ทูดอร์ และจักรวรรดิทรันซอสต์ เกิดขึ้นในยุคสมัยเรียงต่อกันเป็นเส้นตรง ก่อนจะถึงยุคปฏิวัติการเมืองและการปกครองโฉมใหม่

แต่มิสเตอร์ประตูกลับทำลายสามัญสำนึกของคนปกติจนไม่เหลือชิ้นดี มันระบุชัดเจน สงครามสี่จักรพรรดิคือศึกใหญ่ระหว่างสามราชวงศ์ใหญ่ข้างต้น รวมถึงราชวงศ์มรณา

สิ่งนี้จึงหมายความว่า ทั้งสามจักรวรรดิเกิดขึ้นและแผ่ขยายความยิ่งใหญ่ในยุคสมัยเดียวกันมาตลอด!

หากข้อมูลดังกล่าวเป็นจริง วิชาประวัติศาสตร์โลกของอาณาจักรโลเอ็นต้องถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะยุคสมัย 4

ไคลน์พลันหวนนึกถึงไคลน์·โมเร็ตติคนก่อน เด็กหนุ่มผู้หลงใหลประวัติศาสตร์และความลึกลับของยุคสมัย 4 มาโดยตลอด

‘ความฝันของนายเป็นจริงแล้วนะ บางที มรณาอาจเพิ่งกลายเป็นเทพหลังจากคว้าชัยในสงครามสี่จักรพรรดิ แต่คำบอกเล่าของมิสเตอร์ประตูมีน้อยเกินไป เราไม่สามารถด่วนสรุปเอาเองได้ ข้อเท็จจริงมีเพียง จักรพรรดิยมโลก หรือเทพมรณา ผู้ได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากสงครามสี่จักรพรรดิ มันทำลายขีดจำกัดเดิม และยกระดับกลายเป็นเทพเต็มตัว แต่ดันโชคร้ายเกิดภาวะเสียสติแทรกซ้อน ใครจะไปคิดว่า แม้แต่เทพยังเสียสติได้… ลำพังแค่นึกภาพตาม หัวใจยังหวาดหวั่นสั่นกลัวจนแข้งขาอ่อนแรง คำอธิบายของจักรพรรดิโรซายล์ไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด แล้วเป็นไปได้ไหมว่า เหล่าเทพนอกรีตจำนวนมาก อาจเคยเป็นเทพในจารีตมาก่อน แต่เกิดการเสียสติภายหลัง ถ้าสมมติฐานนี้ถูกต้อง สักวันโลกก็จะมีแต่เทพนอกรีตเพ่นพ่านเต็มไปหมด โดยไม่หลงเหลือเทพจารีตแม้แต่องค์เดียว สิ่งนี้หมายถึงวันสิ้นโลก? เลี่ยงไม่ได้เลยหรือ? ’

ไคลน์ฝืนยิ้มมุมปากเพื่อเก็บซ่อนอารมณ์กระวนกระวาย มันเริ่มตระหนักว่า อนาคตวันข้างหน้าคงไม่สดใสสักเท่าไร เป็นสีเทาหม่นหมองอึมครึม

ขณะเดียวกันไคลน์ประเมินตัวตนอย่างจักรพรรดิมืด จักรพรรดิโลหิต และจักรพรรดิรัตติกาล ใหม่ทั้งหมด บางทีกลุ่มคนเหล่านี้อาจเป็นตัวตนเฉียดเทพตามคำบอกเล่าของมิสเตอร์ประตู

หรือก็คือ ลำดับ 1 ของเส้นทางตัวเอง

จุดสูงสุดของผู้วิเศษ!

จากสมมติฐานข้างต้น คงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกแล้ว หากจักรพรรดิมืดจะมีอายุยาวนานหลายร้อยถึงหลักพันปี โดยไม่เคยเปลี่ยนมือเลยสักครั้ง

สิ่งนี้ช่วยไขความกระจ่างของไคลน์ในอดีตได้มาก เพราะเคยมีครั้งหนึ่ง คำบอกเล่าของอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ ได้ขัดแย้งกับข้อมูลจากสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส ส่งผลให้ไคลน์คนก่อนเข้าใจว่า ‘จักรพรรดิมืด’ คือฉายาของจักรพรรดิโซโลมอนในแต่ละยุคสมัย สามารถครอบครองได้หลายคน

แต่วันนี้ ไคลน์เริ่มเกิดมุมมองใหม่ บางทีจักรพรรดิมืดแห่งโซโลมอนอาจเป็นคนเดียวกันมาตลอด อย่างไรก็ตาม ยังไม่ควรตัดความเป็นไปได้อื่นทิ้ง

ตัวอย่างเช่น จักรพรรดิมืดอาจเปลี่ยนมือมาแล้วสักสองสามครั้ง แต่ชื่อของโอสถลำดับ 1 เส้นทางดังกล่าวคือจักรพรรดิมืด จึงถูกเรียกว่าจักรพรรดิมืดสืบต่อกันเรื่อยมา

‘เกิดคำถามคาใจอีกแล้ว มิสเตอร์ประตูเป็นใครในยุคสมัย 4 กันแน่? ’

จักรพรรดิโรซายล์ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ว่า ความผิดพลาดในการทดลองคือสิ่งใด และอุบัติเหตุแบบไหน ถึงโชคดีทำให้มันบังเอิญสนทนากับมิสเตอร์ประตูได้ ไคลน์จึงไม่มีเบาะแสวิธีการติดต่อกับมิสเตอร์ประตูเลย

กฏความถาวรของพลังพิเศษ โรซายล์ใช้คำพูดเดียวกับ คำอธิบายของดันน์ก่อนเสียชีวิตทุกประการ หรือบางที คำอธิบายของกฏนี้อาจมีต้นตอจากจักรพรรดิโรซายล์แต่แรก

‘หัวหน้า…’

ไคลน์อมยิ้มอบอุ่น

หากยึดตามคำอธิบายของมิสเตอร์ประตูเป็นหลัก กฎทั้งสองข้อทำให้ไคลน์เกิดมุมมองใหม่ต่อโลกผู้วิเศษเป็นอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น อ้างอิงตามกฏอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง โบสถใดมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์และผู้วิเศษลำดับสูงมาก ผู้วิเศษลำดับต่ำก็ควรมีจำนวนน้อยลง แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทุกโบสถ์ล้วนมีผู้วิเศษลำดับต่ำมากมาย สังกัดเหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา หรือจิตแห่งจักรกล กระจายตัวอยู่ทั่วทั้งอาณาจักรและในทะเล

หมายความว่ามิสเตอร์ประตูหลอกลวง? คิดว่าไม่น่าใช่ ฉะนั้น สมมติฐานสมเหตุสมผลจึงเหลือเพียง เทพแต่ละองค์ยอม ‘แบ่ง’ พลังของตัวเองเพื่อเพิ่มให้แก่สาวก

ตัวอย่างถัดไป ถ้ากฏอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงเป็นจริง ก็เข้าใจได้ว่า เพราะเหตุใดโบสถ์รัตติกาลถึงต้องทำลายแคว้นรัตติกาลบนเทือกเขาโฮนาซิสทิ้ง การมีอยู่ของฝ่ายหลังทำให้วัตถุดิบโอสถเส้นทางผู้ไร้หลับลดลง หรือไม่ก็ยิ่งแคว้นรัตติกาลเพิ่มจำนวนผู้วิเศษมากขึ้น พลังของเทพธิดารัตติกาลก็ยิ่งอ่อนแอลง

ตัวอย่างถัดไป ถ้ากฎความถาวรของพลังพิเศษเป็นจริง บรรดาสมบัติวิเศษของแต่ละโบสถ์ก็ควรถูกใช้เป็นวัตถุดิบโอสถได้เช่นกัน บางทีอาจมีคุณสมบัติเทียบเท่าโอสถด้วยซ้ำ แต่ต้องไม่ลืมขจัดจิตตกค้างด้านลบให้หมด

….

ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไร ว่าเหตุใดเอกสารโบราณ รวมถึงศิลาจารึก ถึงพร้อมใจกันเรียกขานยุคสมัย 4 ว่า ‘ยุคแห่งเทพ’ เพราะยุคดังกล่าวมีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เทพได้ปรากฏกายบนโลกมนุษย์บ่อยครั้ง

‘แล้วเหตุใด เทพถึงหยุดปรากฏกายบนโลกหลังจากยุคสมัย 5? แถมยังไม่มีหลักฐานการชี้นำจากเทพเพิ่มเติม หากไม่เพราะผู้วิเศษได้รับการตอบสนองจากพิธีกรรมเรียกขานเทพ หลายคนคงเคลือบแคลงการมีอยู่ของเทพเป็นแน่’

สมองไคลน์กำลังโลดแล่น มันตระหนักว่าตนกำลังเข้าถึงส่วนลึกของศาสตร์เร้นลับบนโลกผู้วิเศษ แต่หลังจากพยายามพลิกหาไดอารีสี่แผ่นถัดไป มันเกิดความผิดหวังเมื่อไม่มีเนื้อหาส่วนต่อเนื่องเกี่ยวกับมิสเตอร์ประตู

ด้วยความสามารถตัวตลก ไคลน์ควบคุมมัดกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ไร้จุดตำหนิ สมาชิกชุมนุมไพ่ทาโร่ต์จึงไม่สามารถตรวจจับอารมณ์ผิดปกติได้ แม้จะมีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมอย่างออเดรย์ก็ตาม

ชายหนุ่มพยายามระงับจิตใจว้าวุ่น ก่อนจะก้มหน้าอ่านไดอารีต่อในแผ่นสาม

“10 กันยายน เราทำใจได้แล้ว แต่ก็อดหัวเสียไม่ได้สักที! เราต้องมีสมองอึหมาขนาดไหนกัน ถึงโง่เลือกเส้นทางนักปราชญ์ในตอนแรก! แน่นอน พลังนักปราชญ์ช่วยให้เราดึงความรู้จากโลกเก่ามาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพก็จริง ส่งผลให้โบสถ์ชื่นชอบในตัวเรามาก แต่ปัญหาคือ ทำไมช่วงลำดับต้นของเส้นทางถึงได้ขาดแคลนพลังต่อสู้ขนาดนี้!? วันๆ เอาแต่พึ่งพาสมบัติวิเศษและตัวช่วยภายนอก! ตัวอย่างเช่น ลำดับ 9 นักปราชญ์ จุดเด่นคือความทรงจำ การเรียนรู้สิ่งใหม่ และสามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ช่ำชอง ลำดับ 8 นักโบราณคดี ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย มีภูมิความรู้โบราณ และสามารถประกอบพิธีกรรมพื้นฐาน ลำดับ 7 นักประเมิน เชี่ยวชาญการใช้งานสมบัติวิเศษ สามารถตระหนักถึงคุณสมบัติของวัตถุปริศนาได้รวดเร็ว ช่วยให้หลีกเลี่ยงอันตรายแฝงทันท่วงที ลำดับ 6 ช่างฝีมือ เก่งกาจด้านการสร้างกลไกซับซ้อน แต่ไม่ถึงขั้นสมบัติวิเศษทรงพลัง นอกเหนือจากนั้น พลังด้านพิธีกรรมจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ชื่อตามสมัยใหม่ของโอสถขวดนี้คือ ‘ผู้เชี่ยวชาญเครื่องจักร’ ยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับเส้นทางผู้ส่องความลับ ลำดับ 7 จอมอาคม และลำดับ 6 ปรมาจารย์คัมภีร์! แค่ฟังจากชื่อก็กินขาดแล้ว! คงดีกว่านี้ถ้าโบสถ์ของเราครอบครองเส้นทางผู้ส่องความลับโดยสมบูรณ์ รวมถึงไม่มีตัวตนน่าหวาดกลัวอย่างปราชญ์เร้นลับคอยล่อลวง อย่างไรก็ตาม เส้นทางนักปราชญ์ก็ไม่เลวร้ายเสียทีเดียว เราเพิ่งได้รับข่าวดี อีกไม่นานจะได้รับพลังต่อสู้เป็นของตัวเองแล้ว! ลำดับ 5 นักโหราศาสตร์! แต่ชื่อใหม่ของมันทำให้เราวิตกเล็กน้อย เพราะถูกเรียกในยุคปัจจุบันว่า ‘นักดาราศาสตร์’ เราไม่กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์สติฟั่นเฟือนเอาหรือ? สวรรค์ได้โปรดเมตตาด้วย! ข้ายังเป็นแค่เด็กสอบเข้ามหาวิทยาลัยรอบสองอยู่เลย!”

‘ไม่ผิดนักถ้าจะกล่าวว่า จักรพรรดิโรซายล์เชี่ยวชาญการปล่อยมุกตลกผ่านตัวอักษร’

ยอดเยี่ยมถึงขนาด ทำให้ไคลน์ผู้กำลังหดหู่ เกิดอาการมุมปากกระตุกได้ ทำเอาอยากประกอบพิธีสวดส่งวิญญาณให้รุ่นพี่ไปสู่สุคติเลยทีเดียว

‘การหมั่นศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ลิงฉลาดขึ้นได้จริง’

ไคลน์รำพันติดตลก สมองพลางจดจำลักษณะเด่นผู้วิเศษเส้นทางโบสถ์จักรกลไอน้ำ เผื่ออาจได้ใช้ในสักวัน เส้นทางนักปราชญ์ขาดแคลนพลังต่อสู้ แต่เก่งด้านสร้างและใช้งานสมบัติวิเศษ

ชายหนุ่มพลิกไดอารีแผ่นสามกลับหลัง ตามด้วยการก้มหน้าอ่านแผ่นถัดไป

“2 มิถุนายน อาณาจักรเริ่มสร้างความวุ่นวายใหญ่หลวง เอาแต่ก่อสงครามอย่างไม่จบสิ้น พวกเราไม่ได้แข็งแกร่งขนาดบดขยี้จักรวรรดิฟุซัค อาณาจักรโลเอ็น และอาณาจักรเฟเนพ็อตให้สิ้นซากได้สักหน่อย ส่งผลให้ราชวงศ์ไม่มีทางเลือก ต้องสร้างหนี้ก้อนโตให้อาณาจักร จนเศรษฐกิจใกล้ล่มสลายเต็มที จากมุมมองของเรา กลุ่มพ่อค้า ชาวเมือง และทหาร เริ่มไม่พอใจเป็นอย่างมาก ขอเพียงเกิดประกายไฟเล็กน้อย การจลาจลครั้งใหญ่ก็จะเริ่มขึ้นอย่างง่ายดาย นี่คือโอกาสของเรา! แต่ห้ามประมาทเด็ดขาด ราชวงศ์เซารอนแห่งอินทิสคือหนึ่งในผู้เข้าร่วมสงครามสี่จักรพรรดิ พวกมันเป็นตระกูลเก่าแก่ ย่อมมีผู้วิเศษลำดับสูงจำนวนมาก เราต้องการแรงสนับสนุนจากโบสถ์จักรกลไอน้ำ รวมถึงได้รับความเห็นชอบจากโบสถ์สุริยันเจิดจรัส จะรีบเผยตัวไม่ได้เด็ดขาด ขั้นแรก ต้องกำชับให้คนของเราก่อจลาจลรุนแรง พยายามทำผิดกฎหมายเข้าไว้ จากนั้น เราค่อยนำกำลังทหารเข้าปราบปราม และยึดครองประเทศอย่างชอบธรรม ในนามของกงสุลใหญ่ โรซายล์·กุสตาฟ! ชื่อเท่ชะมัด…”

…………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!