Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 218

Lord of the Mysteries 218

ตอนที่ 218 : ความรู้ทั่วไปให้เปล่า

“ 3 มิถุนายน หลังจากถกเถียงกับเอ็ดเวิร์ดและคนอื่นจนมั่นใจ เราคงต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน ไม่สามารถบอกโบสถ์สุริยันเจิดจรัสเกี่ยวกับแผนปฏิวัติได้ เพราะขุนนางเก่าและราชวงศ์เซารอนบางส่วน แอบสนับสนุนโบสถ์สุริยันเจิดจรัสอย่างลับๆ มาตลอด อาจทำให้แผนการของเราถูกรู้ไปถึงหูพวกมัน และนั่นจะทำให้เกิดผลลัพธ์เลวร้าย เฮ้อ…เจ้ากริมม์ไม่น่าตายในทะเลหมอก หมอนั่นฉลาดสุดในหมู่พวกเราแล้ว ความวุ่นวายจงบังเกิด! จงปั่นป่วนให้มากขึ้น! ต้องเป็นความวุ่นวายเท่านั้น เพราะปลาอย่างเราสามารถแหวกว่ายในท้องทะเลแห่งความปั่นป่วนได้อย่างอิสระ! รอจนกระทั่งเหล่าเชื้อพระวงศ์รับมือกับสถานการณ์ไม่ไหว ไม่สามารถควบคุมความสงบได้ ถึงตอนนั้นเราจะปรากฏตัวเพื่อกลายเป็นวีรบุรุษปราบจลาจลและคืนความสงบสุขแก่อินทิส! ต้องทำให้โบสถ์สุริยันเจิดจรัสยอมรับในฝีมือ! สงสัยต้องแอบยื่นมือช่วยเหลือฝ่ายกบฏมากหน่อย แต่ควรทำอย่างไรให้แนบเนียนและไม่ถูกสาวถึงตัว? 4 มิถุนายน ซาราธจากลัทธิเร้นลับแอบนัดพบเราอย่างกะทันหัน”

………

‘อ้าว? แล้วยังไงต่อ? ’

ไคลน์ต้องการทราบว่า เพราะเหตุใดมิสเตอร์ซาราธ ผู้นำลัทธิเร้นลับ ถึงแอบนัดพบจักรพรรดิโรซายล์ขณะกำลังวางแผนปฏิวัติอาณาจักรอินทิส

ชายหนุ่มพยายามพลิกสองหน้ากระดาษไดอารีเพื่อมองหา แต่ก็ไม่พบส่วนใดสอดคล้องกัน ความคับแค้นใจพลันสุมอก

แม้สองแผ่นถัดมาจะไม่ปรากฏข้อมูลสำคัญเหมือนสองแผ่นแรก แต่ก็เป็นบันทึกเหตุการณ์ปฏิวัติอย่างละเอียด ไคลน์สัมผัสถึงกลิ่นอายสงครามกลางเมืองประหนึ่งได้เข้าไปนั่งอยู่ในยุคสมัยดังกล่าว อาณาจักรอินทิสในช่วงปี 1173 หรือราวร้อยกว่าปีก่อน เกิดความโกลาหลสุดขีด และผลลัพธ์ในไดอารีก็ตรงตามตำราประวัติศาสตร์ทุกประการ

ในฐานะผู้ปราบกบฏและคืนความสงบให้อินทิสสำเร็จ โรซายล์ฉวยโอกาสยึดอำนาจพร้อมกับเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นสาธารณรัฐ ตามด้วยการแต่งตั้งตัวเองเป็นกงสุลใหญ่ ปกครองประเทศในฐานะพลเรือน มิได้ก่อตั้งราชวงศ์ใหม่

ในช่วงสิบเก้าปีถัดมา โรซายล์ทำการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเพื่อส่งเสริมการประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ และสนับสนุนแผนปฏิวัติวงการอุตสาหกรรม

สาธารณรัฐอินทิสภายใต้การนำของโรซายล์เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แข็งแกร่งขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร อีกทั้งยังก่อสงครามเหนือใต้โดยไม่หวั่นเกรง เปลี่ยนให้ประเทศมาซิน ลุนเบิร์ก เซกัล และประเทศอื่นกลายเป็นเมืองขึ้น อยู่ภายใต้การปกครองของสาธารณรัฐ แถมยังทำให้สามขั้วอำนาจใหญ่ของทวีปเหนืออย่าง ฟุซัค โลเอ็น และเฟเนพ็อต ยอมก้มศีรษะอย่างจำนน

จนกระทั่งช่วงท้ายของปี 1192 หรือเกือบยี่สิบปีหลังจากเหตุการณ์ปฏิวัติ โรซายล์เปลี่ยนระบอบการปกครองจากสาธารณรัฐเป็นจักรวรรดิ และสถาปนาตนเองในนาม :

– จักรพรรดิซีซาร์ –

แต่ไม่ถึงหกปีหลังจากนั้น โรซายล์จบชีวิตลงภายในบรมมหาราชวังเมเปิ้ลขาว ถือเป็นจุดสิ้นสุดของตำนานสำคัญในยุคสมัย 5

ยิ่งไคลน์ใช้ความคิด มันก็ยิ่งสัมผัสถึงความลึกลับซับซ้อนเบื้องหลังการตายของโรซายล์ มันเชื่อว่า เหตุการณ์คงไม่เรียบง่ายเหมือนผิวเผินตามตำราประวัติศาสตร์แน่

สิ่งนี้เคยมีตัวอย่างให้เห็นบ่อยครั้ง เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างผู้วิเศษด้วยกันเอง หลังจากฆ่าฟันด้วยพลังเหนือธรรมชาติเบื้องหลัง เมื่อจบศึก เบื้องหน้าต้องพยายามไกล่เกลี่ยให้เป็นเหตุการณ์ธรรมดา ตัวอย่างชัดเจนคงหนีไม่พ้นการตายของมาดามเชอรอน

‘คิดไว้แล้วเชียว กริมม์ หนึ่งในจตุรอาชา เสียชีวิตลงท่ามกลางทะเลหมอก จากเนื้อหาของไดอารีคราวก่อน โรซายล์เคยระบุว่า เกิดความผิดปกติขึ้นกับหนึ่งในจตุรอาชาของตน อีกฝ่ายขาดการติดต่อเป็นเวลานาน เรื่องนี้อาจเกี่ยวกับเกาะประหลาด เต็มไปด้วยสัตว์วิเศษ โรซายล์เคยระบุว่ามันคือลาภก้อนโต คือแดนสวรรค์ แต่เรากลับมองว่าเป็นหายนะมากกว่า’

ไคลน์ไตร่ตรองเนื้อหาจากไดอารีสี่แผ่นก่อนหน้า จากนั้นก็พลิกกระดาษไปยังแผ่นถัดไปด้วยสีหน้าคาดหวัง

แต่เนื้อหากลับน้อยจนน่าใจหาย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจิปาถะ เช่นความเห็นของโรซายล์หลังจากดื่มไวน์แดงเออร์เมียร์ปี 1128 การตัดพ้อถึงสตรีในฝันตอนเด็ก แต่ปัจจุบันแก่ตัวลงและอ้วนท้วน รวมถึงช่วงเวลาย่ำแย่ของชีวิตขณะเสพติดไพ่อย่างหนัก

ไดอารีแผ่นที่หกคล้ายกับแผ่นแรก ส่วนใหญ่เป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันทั่วไป แต่ย่อหน้าสุดท้ายกลับทำให้ดวงตาไคลน์ลุกวาว

“8 เมษายน เราทำการส่งคนไปสืบข่าวของลัทธิเร้นลับ ต้องมีข้อมูลของมันมากกว่านี้ จะปล่อยให้ความผิดพลาดในอดีตเกิดขึ้นซ้ำสองไม่ได้! ซาราธไม่มีสิทธิ์จูงจมูกเราอีกแล้ว!”

‘รุ่นพี่โรซายล์…คุณพบอะไรเข้า? ไม่คิดจะเล่าให้ฟังสักหน่อยหรือ? ’

เมื่อตระหนักว่าไดอารีจบลงเท่านี้ ไคลน์ทำได้เพียงนั่งปลงอย่างหงุดหงิด และหวังว่าไดอารีจากมิสเตอร์แฮงแมนหกแผ่นในการชุมนุมรอบหน้า จะช่วยบรรเทาความคาใจลงได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ไคลน์ทราบดี รายงานการสืบสวนของโรซายล์เมื่อร้อยกว่าปีก่อน คงไม่ช่วยให้ตนเข้าใจลัทธิเร้นลับยุคปัจจุบันได้มากขึ้นสักเท่าไร ผู้วิเศษจากยุคนั้นคงแก่ตายกันไปหมดแล้ว นอกเสียจากจะเป็นตัวตนพิเศษอย่างลำดับ 1 ไม่ต้องเอ่ยถึงลิ่วล้ออย่างลำดับกลางและต่ำ ไม่มีทางรอดถึงปัจจุบันแน่นอน

แต่ไคลน์ก็ยังอยากทราบ เพราะบางทีอาจช่วยให้ตนเข้าใจรูปแบบการทำงานของลัทธิเร้นลับมากขึ้น ถึงคนจะเปลี่ยน แต่เจตจำนงและเป้าหมายหลักขององค์กรเปลี่ยนกันยาก

หลังจากวางกระดาษไดอารีลงบนโต๊ะทองแดงยาว ไคลน์ใช้นิ้วชี้ขวาเคาะโต๊ะเป็นจังหวะจนเกิดเสียง สายตาบรรจงมองไล่เรียงจากจัสติส แฮงแมน และเดอะซัน

ในไดอารีของโรซายล์ยังมีการกล่าวถึงมหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง ตามตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์

‘หมอนั่นได้ยินชื่อนี้มาจากไหน? หรือจะเป็นองค์กรลับเก่าแก่ผู้คอยควบคุมชะตากรรมของโลกจากในเงามืด? องค์กรดังกล่าวถูกก่อตั้งก่อนยุคสมัย 2 อีกหรือ? ก่อนดินแดนเทพทอดทิ้ง จะถูกเทพทอดทิ้งตามชื่อ…’

ทันใดนั้น ไคลน์ผุดแนวคิดใหม่ มันกล่าวกับทุกคนพลางสวมรอยยิ้มอ่อนโยน

“โรซายล์เขียนหลายเรื่องลงในไดอารี มีทั้งด้านมืดของประวัติศาสตร์โลก ไปจนถึงความรู้ทั่วไปไม่ซับซ้อน แต่อย่างหลังทำให้เรานึกขึ้นได้ว่า มีบางสิ่งจำเป็นต้องบอกกับพวกเจ้า”

ทันใดนั้น ออเดรย์ตกตะลึงจนอ้าปากค้างไม่หุบ เด็กสาวค่อยๆ หันทั้งตัวมาทางเก้าอี้ประธานชุมนุม ราวกับกำลังถูกสะกดจิต

‘มิสเตอร์ฟูลตัดสินใจเปิดเผยเนื้อหาของไดอารีด้วยตัวเอง? มันเขียนอะไรไว้บ้าง? ’

ออเดรย์ตื่นเต้นจนตัวสั่น ภาวะผู้ชมแตกซ่านในพริบตา เมื่อเทียบกันแล้ว แฮงแมนยังทำตัวเยือกเย็นได้อยู่ แต่มันก็เผลอเหยียดหลังตั้งตรง ประหนึ่งร่างกายไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง

มีเพียงเดอะซัน แม้มันจะทราบว่ามิสเตอร์ฟูลสนใจประวัติศาสตร์ของโลก และไดอารีคงบันทึกปริศนาไว้มากพอสมควร แต่มันไม่รู้จักตัวละครใดเลย โรซายล์เป็นใครกัน มันไม่เคยทราบประวัติศาสตร์ของทวีปเหนือ จึงเชื่อว่าเนื้อความของไดอารีคงไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับโลกของตนสักเท่าไร อาการตื่นเต้นจึงน้อยกว่าอีกสองคนมาก พฤติกรรมของเดอร์ริคเป็นไปอย่างเหมาะสม

“มิสเตอร์ฟูล จักรพรรดิโรซายล์กล่าวถึงความรู้ทั่วไปเรื่องใดบ้างคะ? ดิฉันเต็มใจจ่ายเงินเพื่อให้ได้ฟังข้อมูลเหล่านั้น”

ออเดรย์ซักถามอย่างร้อนรน

‘แต่ขอฟังคนเดียวกันไหม…’

เด็กสาวรำพันเสริมในใจ

ไคลน์หัวเราะแผ่วเบา

“ไม่จำเป็น สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ความรู้ทั่วไป แต่หลังจากอ่านผ่านเนื้อหาช่วงดังกล่าว เรานึกขึ้นได้ว่า สมาชิกชุมนุมไพ่ทาโรต์ควรมีความรู้ทั่วไปติดตัวไว้บ้าง แน่นอนเนื่องจากเป็นความรู้พื้นฐาน บางคนคงทราบดีอยู่แล้ว”

ไคลน์กำลังหมายถึงเดอะซัน

ในเมื่อเมืองเงินพิสุทธิ์มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี หลักการพื้นฐานอย่าง ‘กฏความถาวรของพลังพิเศษ’ คงถูกบรรจุไว้ในตำราเรียนทั่วไป

ยิ่งไปกว่านั้น สภาพความเป็นอยู่ของเมืองเงินพิสุทธิ์ทุรกันดารกว่าทวีปเหนือมาก ถึงรอบเมืองจะมีสัตว์ประหลาดให้ฆ่าฟันตลอดเวลา แต่วัตถุดิบผลิตโอสถไม่มีทางหาได้ง่ายขนาดนั้นแน่

เพื่อให้เมืองอยู่รอดต่อไป คงมิอาจเลี่ยงการใช้ตะกอนพลังจากบรรพชนมาปรุงโอสถ สิ่งนี้คือทางรอดเดียวในการรักษาความแข็งแกร่งโดยรวมของเมืองไว้ บางทีอาจมาในรูปแบบของพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ เพื่อไม่ให้ชนรุ่นหลังเกิดความสะอิดสะเอียนขณะดื่ม

เฉกเช่นแฮงแมน จากการแลกเปลี่ยนในชุมนุมคราวก่อน มันคงมีข้อมูลไม่น้อยเช่นกัน

‘น่าเสียดาย แต่เราจะให้มิสจัสติสโอนเงินเข้าบัญชีลับเดิมบ่อยครั้งไม่ได้ เพราะนั่นจะทำให้ภาพลักษณ์ของ ’ ผู้สังหารคีลิงเกอร์’ ถดถอยลงในสายตาสมาชิก ภาพจำของผู้วิเศษระดับครึ่งเทพไม่ควรเสื่อมราคา

‘ไว้ค่อยสร้างผู้รับใช้คนใหม่เพิ่มในอนาคต ต้องอ่อนแอกว่ามิสเตอร์อะซิก จะได้รับเงินจากจัสติสได้โดยไม่เสียภาพพจน์ การมีผู้รับใช้อ่อนแอไม่ใช่เรื่องแปลกของตัวตนระดับเทพ เฉกเช่นเทพธิดารัตติกาล พระองค์มีเหยี่ยวราตรีปลายแถวจำนวนมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าพระองค์อ่อนแอ’

ไคลน์ถอนหายใจเบา

“ขอบคุณค่ะ! เป็นพระกรุณาอย่างยิ่ง!”

ออเดรย์ขานตอบลิงโลด ว่ากันตามตรง เธอนึกเสียใจอยู่ราวสามวินาที หลังจากหุนหันพลันแล่น พยายามขอซื้อข้อมูลด้วยเงิน

ไคลน์หยุดเคาะโต๊ะ มันอธิบายด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเจือความเย็นชา

“ความรู้ทั่วไปข้อแรก กฏความถาวรของพลังพิเศษ พลังพิเศษจะไม่มีวันถูกทำลายหรือลดลงจากเดิม ไม่ว่ากรณีใด เพียงส่งต่อจากภาชนะเก่าไปยังภาชนะใหม่เท่านั้น”

‘เราเผลอพูดด้วยสำเนียงของหัวหน้า…’

มุมปากไคลน์กระตุกแผ่วเบา

‘ไม่วันถูกทำลายหรือลดลง ส่งต่อจากภาชนะเก่าไปยังภาชนะใหม่’

ออเดรย์ก้มหน้าคิดตาม เธอตระหนักว่าภายใต้ประโยคสั้นและเรียบง่าย กลับแฝงมาด้วยความนัยปริมาณมหาศาล

แต่แววตาเปลี่ยนไปขณะแอบชำเลืองทางแฮงแมนและเดอะซัน เพราะคนทั้งสองไม่แสดงอากัปกิริยาประหลาดใจ หมายถึงทราบกฏข้อนี้อยู่ก่อนแล้ว

‘มีเพียงเรา…’

เด็กสาวรู้สึกเจ็บใจ แต่ขณะเดียวกันก็นึกสรรเสริญความใจกว้างของเดอะฟูล

มาถึงจุดนี้ไคลน์อธิบายเสริม

“ในกรณีผู้คลุ้มคลั่ง หากพวกมันเสียชีวิต ซากศพจะหลงเหลือตะกอนพลัง อัดแน่นด้วยพลังพิเศษเส้นทางตัวเอง ตะกอนพลังก้อนนี้อาจกลายเป็นวัตถุดิบปรุงโอสถ หรือไม่ก็กลายเป็นสมบัติวิเศษ อย่างหลังค่อนข้างอันตราย จำเป็นต้องถูกผนึกและเก็บไว้อย่างมิดชิด ในกรณีไม่ได้คลุ้มคลั่ง ผลลัพธ์จะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ตะกอนพลังนั้นบริสุทธิ์กว่ามาก มีคุณสมบัติเกือบเทียบเท่าโอสถ ขาดเพียงวัตถุดิบเสริมอีกเล็กน้อย แน่นอน ตะกอนพลังทั้งสองแบบจะอัดแน่นด้วยพลังพิเศษเส้นทางนั้นๆ จึงสามารถนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษได้เช่นกัน”

คำอธิบายเรียบง่ายผ่านเข้าสมองออเดรย์ ก่อนจะบรรจงซ้อนทับกันทีละชั้นจนตกผลึกเกิดเป็นความรู้ใหม่ ขณะเด็กสาวกำลังมองว่า แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการกินมนุษย์ด้วยกัน เธอพลันฉุกคิดถึงคำถามของตนเมื่อสองสัปดาห์ก่อน คราวนั้นถามไว้กับแฮงแมนว่า :

“ถ้าหากซาลามันเดอร์สีรุ้งเกิดสูญพันธุ์จริง แล้วเส้นทางผู้ชมจะไม่ถูกตัดขาดเอาหรือ?”

ปัจจุบันเธอได้ทราบคำตอบแล้ว แต่เป็นคำตอบไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไร สีหน้าของเด็กสาวหดหู่เจือความสะอิดสะเอียน

‘ทำไมโลกผู้วิเศษถึงโหดร้ายนัก? ทำไมเบื้องหลังถึงดำมืดเช่นนี้? ’

ออเดรย์เคยพบความเลวร้ายจากฝีมือผู้วิเศษมามากก็จริง แต่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะอีกฝ่ายมีจิตใจชั่วร้าย เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ตัวอย่างชัดเจนคือคีลิงเกอร์ หรือมิสเตอร์ A

อย่างไรก็ตาม ผู้วิเศษชั่วร้ายไม่ได้ทำให้เด็กสาวหลงใหลโลกผู้วิเศษและศาสตร์เร้นลับน้อยลง เพราะเธอทราบดี ทุกคนไม่ได้เป็นแบบนี้ทั้งหมด

แต่ความจริงแสนหดหู่จากปากเดอะฟูลเมื่อครู่ เนื้อหาค่อนข้างรุนแรง เป็นหนแรกอย่างแท้จริง กับการได้ทราบ ‘ธรรมชาติ’ อันดำมืดและเลวร้ายของโลกผู้วิเศษ

‘ได้สติสักที! ออเดรย์! เธอไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาแล้วนะ! ยอมรับความจริงซะ! ไม่มีโลกใบไหนสดใสไปทุกด้าน! ในเมื่อเลือกเดินบนเส้นทางนี้ด้วยตัวเองก็ต้องก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญเท่านั้น!’

ออเดรย์พยายามให้กำลังใจตัวเอง ผลของโอสถผู้ชมช่วยให้สงบสติได้รวดเร็วกว่าปกติ

หลังจากแอบชำเลืองแฮงแมนและเดอะซัน เธอตระหนักว่าทั้งสองไม่มีอาการตกใจแต่อย่างใด หมายถึง พวกเขาทราบเรื่องโหดร้ายเช่นนี้มาโดยตลอด

‘ฮึ่ม! มิสเตอร์แฮงแมนแย่มาก! เขาคิดใช้ข้อมูลน่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ แลกเปลี่ยนกับเราเมื่อสองสัปดาห์ก่อน! ถึงข้อมูลเหล่านี้จะเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อนของคุณ แต่สำหรับมิสเตอร์ฟูล มันเป็นเพียงความรู้ทั่วไปเท่านั้น! แบร่~’

ออเดรย์แลบลิ้นปลิ้นตาในใจ อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่เริ่มเจือจาง เด็กสาวรีบสลัดภาพหดหู่ออกจากสมอง

ไคลน์ไม่ประหลาดใจกับท่าทีของสมาชิกทั้งสามสักเท่าใด มันกล่าวต่อด้วยเสียงเรียบ

“ความรู้ทั่วไปข้อสอง กฏการอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง”

‘กฏการอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง? ’

แฮงแมนขยับเปลี่ยนท่านั่งโดยไม่รู้ตัว มันเคยได้ยินกฏข้อนี้และเข้าใจบางเรื่อง แต่ยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้ มองไม่เห็นภาพตัวอย่างชัดเจน

ด้านจัสติสและเดอะซันก็ไม่ต่าง พวกมันแสดงสีหน้าฉงนแม้จะได้ยินชื่อเต็มของกฏ

“เส้นทางใกล้เคียง?”

อัลเจอร์โพล่งถาม

ไคลน์ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย

“สำหรับคำถามข้อนี้ เจ้าต้องการจ่ายสิ่งใดเพื่อแลกเปลี่ยน?”

แนวคิดชั่วร้ายใหม่ของไคลน์คือ :

ความรู้ทั่วไปให้เปล่า แต่คำอธิบายมีราคา

ทั้งสองส่วนสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของเดอะฟูลอย่างลงตัว และไม่เป็นการทำให้ข้อมูลสำคัญเสื่อมราคา

อัลเจอร์อาจไม่ทราบ

แต่ของฟรีมักมาพร้อมการสิ้นเปลืองเสมอ

……………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!