ตอนที่ 235 : วันจันทร์อันวุ่นวาย
ไคลน์ไม่รีบร้อนยืนยันสมมติฐานตัวเอง มันแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาอ่าน
ข้อมูลเกี่ยวกับเอียนทั้งหมดบนกระดาษเป็นความจริงโดยไม่มีการบิดเบือน หากผู้วิเศษใช้พลังทำนายใส่กระดาษแผ่นนี้ก็จะได้รับคำตอบเป็นเชิงบวก
ดังนั้นไคลน์จึงเชื่อว่า คนของราชทูตต้องแกะรอยเอียนตามข้อมูลบนกระดาษ จากนั้นก็จะได้รับความคืบหน้าไม่มากก็น้อย คงยังไม่ลงมือสังหารตนภายในช่วงนี้แน่นอน
ขณะเดียวกันกระดาษบนโต๊ะไม่ได้จงใจวางไว้ให้ฝ่ายราชทูตอ่านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงฝ่ายกองทัพโลเอ็นด้วย พวกมันจะได้ทราบข้อมูลของเอียนอย่างคร่าวๆ และความสนใจของคดีก็จะมุ่งไปสู่การตามล่าตัวเอียนทันที
รัฐบาลย่อมต้องการชิงตัวเอียนให้ได้ก่อนราชทูตแน่นอน และถ้าเหตุการณ์ดำเนินไปในลักษณะดังกล่าว อันตรายของไคลน์ก็จะยิ่งลดลง
‘รู้สึกเหมือนกำลังเดินบนเชือกเลยแฮะ เดี๋ยวสิ…เดินบนเชือกก็เป็นความถนัดของตัวตลกไม่ใช่หรือ’
ไคลน์ติดตลกพลางส่ายหัว
มันเดินไปเปิดมุขหน้าต่างโดยหวังสูดอากาศยามเช้าแสนสดชื่น แต่กลับได้พบหมอกหนาทึบเป็นสิ่งตอบแทน จึงไม่มีทางเลือกนอกจากเลื่อนบานหน้าต่างปิดอย่างเงียบงัน
กระดาษ ‘คำชี้แจง’ เกี่ยวกับข้อมูลของเอียนถูกวางบนโต๊ะอ่านหนังสือโดยมีขวดหมึกทับไว้ ถัดมา ไคลน์เดินไปทางห้องน้ำใกล้สุดเพื่อล้างหน้าทำความสะอาดเบื้องต้น ตามด้วยการหยิบโค้ทสีดำกระดุมสองแถวและหมวกทรงกึ่งสูงจากราวแขวนผ้ามาสวม และเดินลงไปยังชั้นล่าง
‘วันนี้มีนัดทานอาหารเช้ากับนักกฎหมายเยอร์เก้น’
ไคลน์หยิบไม้ค้ำเลี่ยมเงินจากชั้นวางร่มหน้าบ้านและเดินเลียบถนนท่ามกลางหมอกหนาทัศนวิสัยคับแคบไม่เกินสิบเมตร จนกระทั่งมาถึงหน้าบ้านเลขที่ห้าสิบแปด ถนนมินส์
ชายหนุ่มดึงกริ่งบ้านหลังสีทึบ หลังจากระฆังกังวานเล็กน้อย นิมิตแจ้งเหตุของไคลน์ตอบสนองทันที เป็นภาพแมวดำดวงตาเขียวครามกำลังยกหางเดินมาทางประตูบ้าน
โบรดี้ง้างท่าเตรียมหนึ่งอึดใจก่อนกระโดดใช้ขาหน้าเกี่ยวด้ามจับคันโยก จากนั้น แมวดำร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงพร้อมกับรั้งให้กลอนประตูบ้านปลดออก
แอ้ด~ สายลมยามเข้าพัดกระทบบานประตูจนเปิดเข้าไปด้านในอย่างเชื่องช้า
โบรดี้แหงนหน้ามองไคลน์อย่างโอหัง ก่อนจะเดินหลบให้เข้าไปด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก
“ฉลาดจัง”
ขณะไคลน์กล่าวชมจากใจ หางตาเหลือบเห็นหญิงชรามาดามดอริสผู้มาในผ้ากันเปื้อนสีขาว
ดอริสยิ้มจนริ้วรอยบนใบหน้าเจือจาง
“ขึ้นอยู่กับอารมณ์ บางครั้งก็ซื่อบื้อจนน่าหงุดหงิด พูดอะไรไปก็ไม่เข้าใจสักอย่าง อ้ะ! จริงสิ ฉันเตรียมซุปถั่วหัวผักกาดแสนอร่อยเตรียมไว้ให้คุณแล้ว ต้องกินคู่กับขนมปัง”
‘ซุปถั่วหัวผักกาด? ฟังดูเหมือนการนำวัตถุดิบมาปรุงรวมกันอย่างส่งเดช’
ไคลน์ยิ้ม
“แล้วจะรอทานนะครับ”
นักกฎหมายเยอร์เก้นเดินออกจากห้องน้ำ
แม้กระทั่งในบ้านตัวเอง แม้กระทั่งเพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน เยอร์เก้นยังแต่งกายด้วยคะแนนเต็มสิบ เชิ้ตขาวถูกรีดเรียบจนจีบคมกริบสามารถบาดนิ้วเลือดไหล เสื้อกั๊กสีเหลืองขนาดพอเหมาะร่างกาย รวมถึงกางเกงขายาวสีดำจีบคมประหนึ่งเพิ่งรีดเสร็จ หากใช้มือจับคงสัมผัสได้ถึงความอุ่น
“สัญญาของคุณเสร็จแล้ว ช่วยตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง เผื่อมีบางจุดยังตกหล่น”
ดวงตาสีฟ้าของเยอร์เก้นหันมองไคลน์ มันไม่คิดเกริ่นถึงสุขภาพหรือสภาพอากาศ เพียงมุ่งเข้าประเด็นอย่างฉับไว
เส้นผมถูกหวีเรียบกริบ น้ำมันใส่ผมสะท้อนแสงไฟจนแวววาวสมบูรณ์แบบ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
“ตกลง”
ไคลน์วางไม้ค้ำพิงหน้าบ้านพร้อมกับถอดหมวกและเสื้อโค้ทแขวนราวผ้า จากนั้นก็เดินตามเยอร์เก้นเข้าไปในห้องอ่านหนังสือชั้นหนึ่ง ด้านในมีเอกสารปึกหนึ่งถูกเตรียมรอไว้แล้ว
ไคลน์ยืนพลิกอ่านอย่างตั้งใจ
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป สมองของมันก็ยิ่งปวดแปลบ ลงเอยด้วยการเลือกอ่านเฉพาะคำหรือย่อหน้าสำคัญเท่านั้น
ไคลน์ได้แต่หวังว่าความต้องการทั้งหมดของตนจะถูกระบุไว้โดยไม่ตกหล่น ขณะเดียวกันก็ได้เห็นส่วนน่าสนใจ มันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เยอร์เก้นระบุว่าเงินสนับสนุนจะถูกแบ่งจ่ายเป็นสามงวด ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของงาน ไม่ใช่การเทเงินก้อนใหญ่ หนึ่งร้อยปอนด์ให้เลพเพิร์ดในคราวเดียว
‘ก้อนแรก ห้าสิบปอนด์ ถ้าเป็นแบบนี้เรายังไม่ต้องเดินทางไปถอนเงินจากบัญชีลับธนาคารเบ็คลันด์ เพราะเงินติดตัวเรามีมากพอสำหรับจ่าย’
ไคลน์ปิดเอกสารและหันไปยิ้มให้เยอร์เก้น
“ผมพึงพอใจมาก ความมืออาชีพของคุณเกินจินตนาการผมไปไกล”
เมื่อพูดจบชายหนุ่มหยิบธนบัตร หนึ่งปอนด์สองใบยื่นให้เยอร์เก้น สิ่งนี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน
เยอร์เก้นรับเงินพร้อมกับมอบสัญญาตัวเต็มให้ไคลน์ จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ถ้ามีอุบัติเหตุเกินขึ้นระหว่างการลงนามในสัญญา ผมเตรียมสำเนาเผื่อไว้สองฉบับ คุณห้ามลืมทำลายสัญญาเก่าทิ้งเด็ดขาด”
ในยุคปัจจุบันเครื่องทำลายเอกสารยังอาศัยการทำงานด้วยแรงคน ต้องหมุนด้วยมือคล้ายกบเหลาดินสอ
ขณะไคลน์กำลังผงกศีรษะ คุณนายดอริสตะโกนมาจากห้องรับประทานอาหาร
“พ่อหนุ่ม! ถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว!”
“คุณย่าท่านหูไม่ค่อยดีอาจส่งเสียงดังไปสักหน่อย”
เยอร์เก้นอธิบายพลางส่งสัญญาณมือเชื้อเชิญไคลน์ นักสืบหนุ่มเดินตามนักกฎหมายหนุ่มเข้าไปในห้องและได้พบคุณนายดอริสกำลังตักของเหลวสีเขียวปนเหลืองแยกใส่ถ้วยของแต่ละคน
“เอ้านี่! ซุปถั่วผักกาด ส่วนนี่เป็นขนมปัง”
คุณนายดอริสฉีกยิ้มกว้างขณะชี้นิ้วไปทางอาหารหน้าตาพิสดาร
เมื่อไคลน์หันไปพบว่าเยอร์เก้นกำลังทำสีหน้าตึงเครียดยิ่งกว่าปกติ หัวใจชายหนุ่มพลันหยุดเต้นไปสองสามวินาที
ไคลน์นั่งเก้าอี้ด้วยแข้งขาสั่นเทา จากนั้นก็ฉีกชิ้นขนมปังจุ่มลงในของเหลวสีเหลืองอมเขียวและยัดเข้าปากพรวดเดียวราวกับชีวิตตัวเองไม่มีค่า
“…” มันแสดงสีหน้าประหลาดใจทันใด
รสชาติอร่อยกว่าในจินตนาการมาก!
รสเค็มเจือจางผสานกับรสหวานเข้มข้นจากธรรมชาติ มาพร้อมกลิ่นหอมช่วยกระตุ้นให้ต่อมรับรสทำงานเต็มประสิทธิภาพ แน่นอนว่าขนมปังเองก็มีบทบาทสำคัญ
“คุณย่าเคยเป็นแม่ครัวมือฉมังมาก่อน”
เยอร์เก้นพิถีพิถันลิ้มรสอาหารเช้าด้วยสีหน้าแววตาผ่อนคลายผิดกับเมื่อครู่
‘แล้วเอ็งจะทำหน้าเครียดทำไม เราเกือบกินไม่ลงแล้วเชียว’
ไคลน์บ่นเป็นหมีกินผึ้งก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาจัดการมื้อเช้าค่อนไปทางอร่อยจนอิ่มหนำ
หลังจากโบกมืออำลาเยอร์เก้นและดอริส ไคลน์เดินทางไปถึงเขตนักบุญจอร์จด้วยการต่อรถสามเที่ยว จากนั้นก็ลงนามทำสัญญากับเลพเพิร์ดและจ่ายเงินก้อนแรก ห้าสิบปอนด์
งวดสองมีมูลค่า สามสิบปอนด์และต้องจ่ายในอีกสองสัปดาห์ถัดไป แต่กระนั้นก็ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของเลพเพิร์ดอีกที
มาถึงจุดนี้ไคลน์เหลือเงินติดตัวเพียง ยี่สิบเอ็ดปอนด์ แปดซูล
ถัดมา ชายหนุ่มเดินทางกลับเขตเชอร์วู้ดและเข้าใช้บริการหอสมุดของเมืองเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์ทัสซอคย้อนหลังครึ่งปี มันต้องการทราบทุกข่าวเกี่ยวกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินทิสประจำอาณาจักรโลเอ็น
จนกระทั่งเกือบบ่าย ไคลน์ได้พบภาพขาวดำของใบหน้าคุ้นเคยในนิมิตความฝัน
“เบเคอร์ลัน·ฌอง·มาติน”
ไคลน์พึมพำชื่อของราชทูตอินทิสภายในใจ ก่อนจะเดินออกจากหอสมุดเพื่อหาอาหารเติมเต็มความอิ่มท้อง
………
14 : 50
ไคลน์แสร้งทำเป็นงีบในห้องนอน
ผ้าม่านในห้องถูกขึงมิดชิดพร้อมกับการเดินทวนเข็มสี่ก้าวส่งตัวเองเข้าไปในห้วงมิติเหนือหมอกเทา
ประโยคทำนายแรกคือคนของกองทัพลดระดับการตรวจตราลงหรือยัง และคำตอบออกมาเป็นเชิงบวก จากนั้นจึงเขียนประโยคคำถามถัดไป มันคิดเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนเช้า
“ผู้บุกรุกเมื่อคืน”
ไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้พลางพึมพำประโยคเสียงค่อยจนครบเจ็ดครั้ง เปลือกตาเริ่มปิดลงจากผลของการสะกดจิตตัวเอง
ภาพการมองเห็นเปลี่ยนเป็นฉากห้องนอนตัวเองบนโลกจริง แต่ภาพค่อนข้างไม่คมชัดและล่องลอยคล้ายโลกมายา ทันใดนั้นไคลน์เห็นเงาตะคุ่มมุดเข้ามาใต้ขอบประตูด้านล่าง!
พยาธิตัวกลมสีดำแวววาวคล้ายโลหะ กำลังเลื่อนชอนไชเข้ามาในห้องนอนทีละนิดด้วยท่าทางพิสดาร ขนาดของมันค่อนข้างยาว ใช้ลักษณะการเคลื่อนไหวแบบโก่งตัวก่อนเหยียดตรง ทำซ้ำเรื่อยๆ จนกระทั่งคลานไปถึงโต๊ะอ่านหนังสือ
จังหวะการเคลื่อนไหวแข็งทื่อผิดธรรมชาติ ประหนึ่งไคลน์กำลังเล่นภาพช้าแสดงทีละฉาก นับเป็นสิ่งมีชีวิตสุดพิลึกกึกกือ
ถัดมา พยาธิตัวกลมสีดำปีนขึ้นโต๊ะอย่างไม่ยากเย็น ระหว่างนั้นได้ทิ้งเมือกใสไว้เป็นทาง แต่เมือกก็ระเหยหายไปในเวลาอันสั้น
สิ่งมีชีวิตประหลาดหยุดลงตรงหน้าแผ่นกระดาษ ‘คำชี้แจง’ เกี่ยวกับข้อมูลของเอียน ตามด้วยการยกหัวและท่อนกลางลำตัวตั้งตรง เหลือเพียงส่วนฐานคอยพยุงร่างกาย ลักษณะคล้ายกับมนุษย์ไม่มีผิดเพี้ยน
หลังจากมันอ่านจบ พยาธิตัวกลมหมุนองศากระดาษและเคลื่อนตัวกลับไปใต้ประตูห้องนอนด้วยท่าทางแบบเดิมทุกประการ
‘แบบนี้เองหรือ ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเมตตาไว้ชีวิตเรา เพียงแต่มันฆ่าไม่ได้ นอกเสียจากพยาธิตัวดำจะมีพิษร้ายแฝงอยู่’
ไคลน์ผงกศีรษะแผ่วเบาหลังจากกระจ่าง ถัดมามันทำนายเพื่อยืนยันว่า ผู้บงการพยาธิดำได้ทำตามคำสั่งของราชทูตเบเคอร์ลันหรือไม่ และผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นเชิงบวกอีกครั้ง
หลังจากพึงพอใจ ไคลน์นำถุงกระดาษสีน้ำตาลไปวางในจุดลึกของห้วงสายหมอก ก่อนจะกลับมาส่งข้อความแจ้งเตือนให้เดอะซันทราบว่าจะมีการเริ่มชุมนุม
เมื่อเข็มสั้นนาฬิกาพกชี้ไปตรงยังเลขสาม ชายหนุ่มทำการดึงจัสติส แฮงแมน และเดอะซันขึ้นมาพร้อมกัน ชุมนุมทาโรต์ในสัปดาห์นี้ยังคงดำเนินไปตามปกติเช่นเคย!
……..
เมื่อเห็นตัวตนอันยิ่งใหญ่และรายล้อมด้วยหมอกหนาปรากฏตัวตรงหน้า ออเดรย์ผู้เลื่อนเป็นลำดับ 8 ได้ไม่ยากเย็น ทำการดึงชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าวทักทายอย่างมีความสุข
“ทิวาสวัสดิ์ค่า~ มิสเตอร์ฟูล~ ทิวาสวัสดิ์มิสเตอร์แฮงแมน ทิวาสวัสดิ์มิสเตอร์ซัน!”
ไคลน์เปิดเนตรวิญญาณค้างไว้นานแล้ว จึงสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของชั้นวิญญาณดาราในตัวมิสจัสติส สิ่งนี้เป็นความช่วยเหลือพิเศษจากห้วงมิติเหนือหมอกเทา
ชายหนุ่มคิกคักเสียงค่อย
“สวัสดี คุณนักอ่านใจ”
ออเดรย์อมยิ้มสงวนกิริยาตามด้วยการกล่าวถ้อยคำถ่อมตนเล็กน้อยและหันไปสนทนากับบุรุษฝั่งตรงข้าม
“มิสเตอร์แฮงแมน ถึงเวลามอบไดอารีจักรพรรดิโรซายล์หกแผ่นให้ท่านแล้ว”
‘บางทีหากมิสเตอร์ฟูลอารมณ์ดี เขาอาจยอมแบ่งปันเนื้อหาเหมือนกับความรู้ทั่วไปของสัปดาห์ก่อน!’
มุมปากเด็กสาวยกโค้งอย่างตื่นเต้น
อัลเจอร์ผงกศีรษะแผ่วเบาพลางก้มหน้าเขียนเนื้อหาไดอารีหกแผ่นจากความช่วยเหลือของเดอะฟูล
ในตอนแรก มันเคยผุดแนวคิดจะสังเวยไดอารีทั้งหมดส่งมอบผ่านพิธีกรรมในคราวเดียว แบบนั้นท่านคงไม่ต้องรอนานหลายสัปดาห์
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เอ่ยถึงมันจึงไม่กล้าเริ่มเปิดประเด็นก่อน เพราะเข้าใจสาเหตุว่าทำไมเดอะฟูลถึงไม่รีบร้อน
ท่านเป็นถึงมิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่!
ไดอารีจักรพรรดิโรซายล์อาจมีข้อมูลน่าสนใจเขียนไว้ก็จริง แต่สำหรับผู้มีความรู้กว้างขวางดุจดังเอกภพ ข้อมูลจากโรซายล์หาได้สำคัญจนต้องรีบร้อนคว้าไว้
ได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
เพียงไม่กี่อึดใจไดอารีหกแผ่นถูกจัดการเสร็จสรรพ แต่ขณะแฮงแมนกำลังจะส่งมอบแผ่นกระดาษให้เดอะฟูลบนเก้าอี้หัวโต๊ะ ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นในสมอง อัลเจอร์รีบก้มศีรษะกล่าวอย่างนอบน้อม
“มิสเตอร์ฟูลขอรับ ผมรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลัทธิเร้นลับเพิ่มเติมได้บางส่วน”
สำหรับมหาสมุทรข้อมูลข่าวสารไม่มีวันถูกปิดบังได้อย่างมิดชิด ข้อมูลใดยังไม่ทราบ หมายถึงยังใช้เวลากับมันไม่มากพอ
แน่นอนโจรสลัดและกองทัพเรือต่างประเมินค่าข้อมูลไว้สูง พวกมันมักส่งลูกเรือหรือคนในองค์กรให้เดินทางไปยังเกาะต่างๆ เพื่อรวบรวมข่าวสารตลอดเวลา จนกระทั่งอัลเจอร์ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมของลัทธิเร้นลับ
“ทำได้ดี”
ไคลน์พยักหน้าพึงพอใจพลางส่งสัญญาณมือบอกใบ้ให้อีกฝ่ายเริ่มเล่า ชายหนุ่มไม่กังวลว่ามิสจัสติส และเดอะซันจะได้ยินข้อมูลราคาแพงไปพร้อมกัน
สำหรับฝ่ายแรกไคลน์ต้องการปลุกปั้นเธอให้เป็นสายข่าวชั้นยอดอยู่แล้ว จึงต้องมีความรู้พื้นฐานติดตัวไว้บ้าง ส่วนฝ่ายหลัง เด็กหนุ่มไม่มีทางเข้าใจเรื่องราวของโลกฝั่งนี้แน่
ในเวลาเดียวกัน ไคลน์เสกให้ไดอารีหกแผ่นย้ายมาปรากฏในมือตน
แฮงแมนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“ลัทธิเร้นลับแอบมีสายสัมพันธ์กับสาธารณรัฐอินทิสขอรับ”
‘สาธารณรัฐอินทิส…นั่นสินะ จักรพรรดิโรซายล์มาจากอินทิส และซาราธก็เคยไปหาถึงบ้านในกรุงทรีอาร์ เมืองหลวงของอินทิส ยิ่งไปกว่านั้นลัทธิเร้นลับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญในสาธารณรัฐอินทิสมากมาย จึงไม่แปลกหากพวกมันจะมีสายสัมพันธ์ยาวจนถึงปัจจุบัน’
หลังจากปะติดปะต่อเรื่องราวในอดีตเข้ากับข้อมูลใหม่ ไคลน์มั่นใจว่าข่าวกรองของแฮงแมนถูกต้อง
‘หารู้ไม่ว่า เราก็กำลังหาทางเชือดเอกอัครราชทูตอินทิสประจำอาณาจักรโลเอ็นอยู่’
วันนี้ไคลน์ไม่รีบร้อนก้มหน้าอ่านไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ เพียงกวาดสายตาไปยังสมาชิกทั้งสามอย่างมีเลศนัย
……………..