ตอนที่ 237 : ลำดับ 2
“ 19 ตุลาคม หัวหน้าลัทธิเร้นลับอย่างมิสเตอร์ซาราธแอบเข้าพบเราอีกครั้ง เขาไม่ได้พูดคุยเรื่องสำคัญ เพียงสนทนาจิปาถะเรื่อยเปื่อยจนยากจะคาดเดาเจตนาแท้จริง หรือเขากำลังหวังสานสัมพันธ์กับเราให้แน่นแฟ้น จะได้เข้าใจกันและกันได้มากขึ้น”
“เราเคยพบผู้วิเศษลำดับสูงของโบสถ์มาแล้วสองคน แต่กลับสัมผัสได้ชัดเจนว่าซาราธแข็งแกร่งและลึกลับกว่าคนเหล่านั้นมาก จึงตัดสินใจหยั่งเชิงถามซาราธออกไปว่าเขาอยู่ลำดับเท่าไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อ! ซาราธยอมตอบเรา! เขาอยู่ลำดับสอง ผู้ชี้นำปาฏิหาริย์! ลำดับสอง…! หากใช้เกณฑ์เดียวกับโบสถ์จักรกลไอน้ำ นั่นคือตำแหน่งของเทวทูต! บุคคลผู้เข้าใกล้ความเป็นเทพ! เราเคยพบ ‘นักแปรธาตุ’ และ ‘ผู้บรรลุความลับ’ ของโบสถ์จักรกลไอน้ำมาแล้ว แต่ซาราธทรงพลังกว่าอย่างเทียบไม่ติด อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณส่วนลึกบอกเราว่าเขาไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด บางทีลำดับสอง อาจเป็นตำแหน่งเก่า หรือไม่ก็ใกล้เลื่อนลำดับเต็มทีแล้ว ผู้ชี้นำปาฏิหาริย์…เป็นผู้เชี่ยวชาญการสร้างปาฏิหาริย์หรือไง? ลำพังชื่อโอสถก็มากพอจะทำให้จินตนาการของมนุษย์ฟุ้งซ่าน! ในเมื่อเป็นลำดับสอง ของเส้นทางนักทำนาย หรือผู้ชี้นำปาฏิหาริย์สามารถควบคุมชะตากรรมได้ดังใจนึก? เราถามหยั่งเชิงซาราธไปว่า วลีปาฏิหาริย์หมายถึงปาฏิหาริย์แห่งโชคชะตาหรือไม่? และนักทำนายคือเส้นทางสำหรับศึกษาโชคชะตาไปทีละนิด จนกระทั่งสามารถควบคุมมันได้สมบูรณ์ในภายหลังใช่ไหม ซาราธไม่ยอมตอบคำถามแรก บอกเพียงว่าโชคชะตาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเส้นทางนักทำนาย และไม่ได้เป็นสาระสำคัญด้วยซ้ำ เส้นทางเกี่ยวพันกับโชคชะตาโดยตรงคือ ‘สัตว์ประหลาด’ ต่างหาก!”
“จากนั้นซาราธก็ไล่เรียงชื่อโอสถบนเส้นทางสัตว์ประหลาดให้เราฟังบางส่วน ประกอบด้วยลำดับเจ็ด ผู้โชคดี ลำดับห้า ผู้ชนะ ลำดับสอง เทพพยากรณ์ และลำดับหนึ่ง อสรพิษปรอท! หรืออีกชื่อหนึ่งคืออสรพิษแห่งโชคชะตา! ลำดับหนึ่ง…! เราเพิ่งเคยได้ยินชื่อโอสถลำดับหนึ่ง เป็นครั้งแรก! ซาราธเจ๋งชะมัด! จากข้อมูลของเรา เส้นทางสัตว์ประหลาดถูกควบคุมโดยโรงเรียนแห่งชีวิต ได้ยินว่าโรงเรียนแห่งนี้ยังถือครองเส้นทางนักปรุงยาไว้บางส่วนด้วย หลักคำสอนของพวกมันแบ่งโลกออกเป็นสามชั้น ประกอบด้วยโลกแห่งสติ โลกแห่งวิญญาณ และโลกแห่งกายวัตถุ ล้ำลึกชะมัด! ซาราธยังเล่าอีกว่า โรงเรียนแห่งชีวิตเชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ พวกมันใช้ยา เสียงเพลง แสงสว่าง ไวน์ และกลิ่นหอม ช่วยให้มนุษย์มองไม่เห็นดาวบางดวง เพราะดาวเหล่านั้นไม่จำเป็นต่อการทำนาย ตามด้วยการเริ่มทำนายดวงชะตาจากกลุ่มดาวหลงเหลือบนท้องฟ้า พวกเขายังเชื่อว่า ภัยพิบัติและโรคระบาดเกิดจากการขาดสมดุลระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ รวมถึงการขาดสมดุลระหว่างมนุษย์และสติของตัวเอง ซาราธปิดท้ายประเด็นนี้ด้วยการเล่าเรื่องราวน่าตกใจคือ โรงเรียนแห่งชีวิตกราบไหว้บูชาดวงจันทร์! ได้แต่นึกสงสัย ในเมื่อบูชาดวงจันทร์ทั้งที แล้วทำไมถึงไม่ยกระดับขึ้นไปบูชาเทพธิดารัตติกาลเสียเลย”
ไดอารีแผ่นแรกเป็นแบบเขียนไว้ทั้งด้านหน้าและหลัง แถมยังมีใจความต่อเนื่องกัน
‘ข้อมูลน่าทึ่งมาก!’
ไคลน์ถอนหายใจด้วยอารมณ์หลากหลาย เป็นหนแรกของมันอย่างแท้จริงกับการได้ทราบชื่อของโอสถลำดับหนึ่ง
อสรพิษปรอท
อสรพิษแห่งโชคชะตา
แค่ชื่อก็กินขาดแล้ว
‘ขณะเดียวกันก็เป็นครั้งแรกกับการได้ทราบชื่อโอสถลำดับสอง แถมยังเป็นลำดับสองของเส้นทางตัวเอง! เส้นทางนักทำนาย! ผู้ชี้นำปาฏิหาริย์…ชื่อฟังดูดีไม่เลว แฝงไว้ด้วยความหมายลึกล้ำ มอบความรู้สึกยิ่งใหญ่ให้แก่ผู้ฝัง แต่แน่นอน เมื่อเทียบกับชื่อ ’ เทพพยากรณ์’ แล้วยังด้อยกว่าพอสมควร
‘โชคชะตาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทางนักทำนาย และไม่ใช่สาระสำคัญ…เราต้องจดจำประโยคนี้ให้ขึ้นใจ เพื่อคอยเตือนตัวเองอย่างสม่ำเสมอและไม่ลุ่มหลงไปกับการใช้โชคชะตานำทางชีวิต นั่นอาจเป็นจุดจบของเทคนิคสวมบทบาท คำพูดของซาราธล้วนสอดคล้องกันทั้งหมด ไม่มีส่วนใดขัดแย้งให้จับผิดได้เลย ฉะนั้นจึงหมายความว่า เส้นทางสัตว์ประหลาดคือผู้กุมโชคชะตาตัวจริง เทพพยากรณ์…เคยได้ยินชื่อนี้มานาน เป็นผู้วิเศษลำดับสองเองหรือ ถ้าอย่างนั้น ตัวเราก็เคยได้ยินชื่อโอสถลำดับสอง มาสักพักแล้ว’
แม้สายตาไคลน์กำลังจ้องกระดาษในมือ แต่สมองกลับล่องลอยไปถึงเส้นทางของตัวเองโดยไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
จากประสบการณ์ส่วนตัวในการย่อยโอสถนักทำนายและตัวตลก ไคลน์พบว่าทั้งสองโอสถมีพลังเกี่ยวข้องกับโชคชะตาอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะตัวตลกผู้มาพร้อมนิมิต
อย่างไรก็ตาม อนาคตจากพลังตัวตลกไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป และการได้รู้อนาคตจากพลังนักทำนายก็มิได้หมายถึงไร้เทียมทาน
ตัวมันไม่มีพลังมากพอจะแทรกแซงอนาคต ดังนั้นต่อให้ทำนายเห็นความตายตัวเองตรงหน้า ก็มิอาจหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขได้อยู่ดี
สิ่งนี้เรียกว่า ‘ยอมจำนนต่อโชคชะตา’
อย่างไรก็ตาม ไคลน์เคยเชื่อมาตลอดว่าเส้นทางนักทำนายคือผู้ควบคุมโชคชะตาแห่งโลกผู้วิเศษ หากไม่ได้อ่านไดอารีโรซายล์ล์ มันคงนำหลักการข้อนี้ไปใช้ตั้งกฏ ‘เทคนิคสวมบทบาท’ ของโอสถลำดับถัดไปแน่นอน
ส่วนซาราธพูดความจริงหรือไม่นั้น ไคลน์ค่อนข้างเชื่อว่าเส้นทางสัตว์ประหลาดเป็นผู้ควบคุมโชคชะตาตัวจริง เพราะสิ่งนี้สอดคล้องกับข้อมูลในเอกสารลับเหยี่ยวราตรี ยิ่งไปกว่านั้น ไคลน์เคยได้ยินชื่อโอสถ ‘เทพพยากรณ์’ มานานแล้ว
ในเมื่อมีเส้นทางหนึ่งเกี่ยวพันกับโชคชะตา ก็ยากจะให้เส้นทางนักทำนายเดินซ้ำรอยเท้าเดียวกัน ฟังดูขัดกับหลักการและเอกลักษณ์ของ ยี่สิบสองเส้นทางผู้วิเศษเกินไป
ด้วยเหตุนี้ ไคลน์จึงเชื่อว่าคำพูดของซาราธสมเหตุสมผล รวมถึงเชื่อว่าโชคชะตาไม่ใช่สาระสำคัญของเส้นทางนักทำนาย
‘ไดอารีสองหน้านี้มีค่ากับเรามาก…’
ส่วนทางด้าน ‘นักแปรธาตุ’ และ ‘ผู้บรรลุความลับ’ ตามคำบอกเล่าของโรซายล์ล์ คงหมายถึงชื่อโอสถลำดับสูงจากเส้นทางนักปราชญ์ และหากประเมินจากวิธีการบรรยายของมัน ทั้งสองโอสถคงไม่ใช่ลำดับสอง หรือ หนึ่ง อย่างแน่นอน
หมายความว่าเป็นได้ทั้งสาม และ สี่ แต่มันไม่มีข้อมูลมากพอจะด่วนสรุปว่าโอสถชนิดใดคือ สาม และชนิดใดคือ สี่
เมื่อถึงทางตัน ไคลน์รวบรวมสมาธิเพื่อตั้งใจอ่านไดอารีแผ่นถัดไป ส่วนสาเหตุว่าทำไมโรงเรียนแห่งชีวิตถึงนับถือดวงจันทร์ แต่ไม่ยอมนับถือเทพธิดารัตติกาล ไคลน์ไม่มีข้อมูลมากพอให้สรุปผลเช่นกัน
แผ่นถัดไปของไดอารีจักรพรรดิโรซายล์เล่าเกี่ยวกับการประดิษฐ์เครื่องยนต์พลังไอน้ำรุ่นแรก ในช่วงนั้น โรซายล์หวาดกลัวว่าพฤติกรรมของตนจะถูกจับกุมในฐานะนอกรีต รวมถึงกังวลว่าตนจะถูกแย่งชิงผลงานสิ่งประดิษฐ์โดยฝีมือคนใหญ่คนโต ถ้อยคำตัวอักษรแฝงความหวาดกลัวไว้ชัดเจน คล้ายกับกำลังถูกขู่ฆ่าอย่างต่อเนื่อง
‘แม้แต่จักรพรรดิโรซายล์ผู้เรียกตัวเองว่าเป็นวีรบุรุษแห่งยุคสมัย ก็ยังมีช่วงเวลาเลวร้ายเหมือนกับคนอื่นสินะ’
มุมปากไคลน์กระตุกเล็กน้อยขณะเลื่อนเปิดอ่านไดอารีแผ่นถัดไป
“18 เมษายน มาทิลด้าตั้งครรภ์แล้ว ไม่ผิดคาดสักเท่าไร ด้วยความสัตย์จริง เราสามารถบอกได้กระทั่ง ค่ำคืนใดคือสาเหตุของการตั้งครรภ์ เพราะสัมผัสได้ชัดเจนว่าตะกอนพลังของตัวเองสูญหายไปบางส่วน เมื่อการปฏิสนธิเสร็จสมบูรณ์ ตะกอนพลังบางส่วนของเราถูกถ่ายทอดไปยังทารกในครรภ์ด้วยช่องทางพิเศษ หลังจากค่ำคืนนั้น เรารีบซักถามท่านอาร์คบิชอปฟาน·แอสตินด้วยท่าทีกระวนกระวาย แต่อีกฝ่ายเพียงอมยิ้มและตอบว่าเป็นปรากฏการณ์ปรกติ สำหรับผู้วิเศษลำดับเจ็ด ลงไป ตะกอนพลังของพ่อแม่จะไม่ถูกส่งต่อให้กับทายาท แต่ก็มีข้อยกเว้นในบางกรณี ส่วนลำดับหกและห้า จะสูญเสียเศษตะกอนพลังบางส่วน แต่จะไม่ส่งผลกระทบกับพลังโดยรวมของพ่อแม่ ทารกจะเกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษใกล้เคียงลำดับเก้า แต่ข้อเสียคือเส้นทางจะตายตัว สำหรับผู้วิเศษลำดับสูง ตั้งแต่ลำดับสี่ ขึ้นไป การสืบทอดตะกอนพลังสามารถควบคุมได้ดังใจนึกคิด พวกเขาเลือกได้ว่าจะให้ทายาทสืบทอดตะกอนพลังหรือไม่ และในปริมาณเท่าใด เพียงเล็กน้อย สามส่วนสิบ หรือทั้งหมด สรุปคือ ทายาทของผู้วิเศษลำดับสูงสามารถกลายเป็นผู้วิเศษทันทีหากพ่อแม่ต้องการ และลำดับเริ่มต้นจะถูกกำหนดโดยใครสักคนจากฝ่ายพ่อหรือแม่ ชักน่าสนใจแล้วว่า ทายาทของตัวตนระดับเทพจะเกิดมาพร้อมลำดับสูงสุดเท่าใด”
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ในสมองไคลน์ผุดคำพูดขึ้นมาสองประโยคคือ ‘กฏการอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง’ และ ‘กฏความถาวรของพลังพิเศษ’
‘กฏพวกนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้บรรดาสัตว์วิเศษสามารถดำรงสายพันธุ์ไว้ได้สินะ เราเคยอ่านเอกสารลับและพบว่า สัตว์วิเศษบางชนิดจะเลือกผสมพันธุ์ในยามใกล้ตายเท่านั้น และบางสายพันธุ์จะฆ่าไม่เลือกหน้าหลังจากให้กำเนิดทายาท เป้าหมายการฆ่าส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์เดียวกัน หรือบางรายฆ่าแม้กระทั่งคู่ชีวิตตัวเอง ทั้งหมดทำไปเพื่อฟื้นฟูระดับตะกอนพลังของตนให้กลับมาเท่าเดิมก่อนถ่ายทอดให้ทายาท แต่ถ้าใช้หลักการนี้ เมื่อลองคิดในมุมกลับ แล้วตะกอนพลังพิเศษก้อนแรกของโลกถือกำเนิดขึ้นได้อย่างไร? จากอากาศอันว่างเปล่า หรือจากพระผู้สร้างต้นกำเนิดตามตำนาน? ’
ขณะเดียวกัน ในเมื่อมิสจัสติสกลายเป็นนักอ่านใจแล้ว ไคลน์ไม่กล้าเปิดเผยสีหน้าตัวเองอย่างโจ่งแจ้งเหมือนสมัยอดีต มันระงับความเคยชินพลางพลิกไดอารีอ่านต่อไป
แผ่นห้าเป็นบทวิพากษ์วิจารณ์ของโรซายล์ในประเด็นเกี่ยวกับ ไม่มีใครในยุคสมัยปัจจุบันชื่นชอบดนตรีป๊อปแม้แต่คนเดียว บุคคลรอบข้างมักคิดว่าโรซายล์ส่งเสียงดังน่ารำคาญเสมอ
ถัดมาเป็นการรำพันถึงรสนิยมคล้ายคลึงกันของผู้คนจากต่างโลก โรซายล์ได้ลอกเลียนแบบนิยายจากโลกเก่า ‘ท่านเคาต์แห่งมองเตกรีสโต*’ และตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์จนโด่งดังเป็นพลุแตก
(* The Count of Monte Cristo)
‘รุ่นพี่โรซายล์ ไม่คิดเหลือช่องทางทำมาหากินให้รุ่นน้องเลยหรือ’
ไคลน์อมยิ้มอย่างขบขัน ก่อนจะพลิกกระดาษไดอารีไปยังแผ่นสุดท้าย
“10 พฤศจิกายน โจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่อย่างซาวินญี่·โซโลมอนขอเข้าพบขณะเรากำลังพักผ่อนในมหาราชวังเมเปิ้ลขาว เรายื่นข้อเสนอให้เขาช่วยปล้นฆ่าศัตรูของเราบนเส้นทางเดินเรือใหม่ รวมถึงลอบโจมตีเรือรบของพวกสวะฟุซัค เฟเนพ็อต และโลเอ็นให้สิ้นซาก สิ่งแลกเปลี่ยนคือการช่วยให้เขากลายเป็นผู้วิเศษลำดับสูงโดยเร็ว”
“เส้นทางผู้วิเศษของจักรพรรดิมืดช่างพิสดารเหมือนกับเส้นทางแม่มด มีแต่ชื่อไม่เป็นมงคลเช่น การเน่าเปื่อย ความวุ่นวาย ความเสื่อมถอย และความโกลาหล แต่เพื่อให้เข้ากับภาพลักษณ์อันสูงส่งของจักรพรรดิมืด พวกมันจึงเพิ่มคำนำหน้าเสริมเข้าไป ตัวอย่างเช่น บารอนแห่งการเน่าเปื่อย ผู้บงการความวุ่นวาย เคาต์แห่งการเสื่อมถอย และองค์ชายแห่งความโกลาหล เพื่อให้สมฐานะของซาวินญี่ เราตัดสินใจมอบตำแหน่งทางการเมือง ‘เอิร์ลแห่งราชสำนัก’ ให้มันอย่างลับๆ ซาวินญี่มีบุตรชายชื่อว่านาสต์·โซโลมอน สัญชาตญาณของเราบอกว่าเด็กคนนี้จะกลายเป็นราชาผู้ปกครองห้าห้วงสมุทรในอนาคต”
‘นาสต์·โซโลมอน…! ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร? นาสต์? หนึ่งในสี่ราชาโจรสลัดนาสต์ผู้เรียกตัวเองว่าทายาทแห่งจักรวรรดิโซโลมอนคนนั้น? หมอนั่นเกิดในยุคของโรซายล์!’
ไคลน์ถึงกับผงะ
ขณะเดียวกันก็ตระหนักได้อีกหนึ่งเรื่อง ในเมื่อโรซายล์เอ่ยถึง ‘เส้นทางเดินเรือใหม่’ ไคลน์สามารถเดาช่วงปีเหตุการณ์ในไดอารีได้ทันที
เส้นทางเดือนเรือใหม่ถูกพบครั้งแรกในปี 1194 พร้อมกันกับการค้นพบทวีปใต้ ส่วนจักรพรรดิโรซายล์ถูกลอบสังหารในปี 1198 ข้อความของไดอารีจึงถูกเขียนขึ้นระหว่างสองตัวเลขนี้แน่นอน
หรือก็คือราวหนึ่งร้อยห้าสิบเอ็ด ถึง หนึ่งร้อยห้าสิบห้า ปีก่อน
และถ้า ‘ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร’ นาสต์เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานในช่วงนั้น แปลว่ามันต้องมีอายุเกือบหนึ่งร้อยหกสิบปีเข้าไปแล้ว!
‘มันอายุยืนยาวเพราะพลังของผู้วิเศษลำดับสูง หรือเพราะเหตุผลอื่นกันแน่’
ไคลน์ก้มหน้าครุ่นคิดเคร่งขรึม
แต่หลังจากถึงทางตัน มันไม่มีทางเลือกนอกจากสลายไดอารีหกแผ่นทิ้งพร้อมกับเงยหน้ามองทุกคน
“เริ่มสนทนาค้าหรือขายอิสระได้”
‘ท่านไม่เล่าความรู้ทั่วไปสักหน่อยหรือคะ’
ออเดรย์แสดงท่าทีผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะไปมองทางเดอะซันและกล่าว
“ดิฉันอยากซื้อข้อมูลเผ่ามังกรจากคุณ”
เธอจำได้แม่นยำว่ามิสเตอร์ซันเรียกเส้นทางผู้ชมว่า ‘เส้นทางมังกร’ พร้อมกับระบุว่ามีต้นกำเนิดมาจากมังกรสมัยอดีตกาล
“ไม่มีปัญหา ผมต้องการสูตรโอสถลำดับแปด ของเส้นทางนักขับขาน…”
เดอร์ริค เดอะซันชะงักประโยคกลางคันอย่างลังเล เนื่องจากมันหวังใช้โอกาสนี้แลกเปลี่ยนข้อมูลของโลกฝั่งแฮงแมนและจัสติส เผื่อตนจะเข้าใจบทสนทนาของคนอื่นได้บ้าง แต่เนื่องจากโอสถนักขับขานย่อยได้รวดเร็วผิดคาดและใกล้สมบูรณ์เต็มที เด็กหนุ่มจึงต้องเร่งพัฒนาพลังของตัวเองเป็นอันดับแรก
………………….