ตอนที่ 243 : จับชู้
เช้าวันพุธ ณ ถนนเชอร์วู้ด ฝั่งตรงข้ามสำนักงานบริษัทโคอิม
ไคลน์กำลังนั่งบนม้านั่งยาวนอกห้างสรรพสินค้าการ์ดเล่ย์ มือข้างหนึ่งถือถุงกระดาษบรรจุพายเนื้อเดซีของร้านซินดี้ กล่าวกันว่ารสเลิศกว่าใครในย่านนี้ ส่วนอีกข้างถือถ้วยชาเย็นยกจิบสบายใจ
ด้านข้างเป็นคนจรจัดกำลังขดตัวหลับบนอีกมุมหนึ่งของม้านั่ง แต่เพียงไม่ถึงสิบนาที พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างได้เดินมาปลุกและไล่ออกไป
ไคลน์สวมหมวกทรงกึ่งสูงและแว่นตากรอบทองหรูหรา แต่สิ่งนี้มิได้ช่วยเพิ่มการมองเห็นแต่อย่างใด เพียงส่งเสริมบุคลิกให้มีมาดคล้ายสุภาพชนรอบตัว
สายตามจ้องมองไปยังบริษัทโคอิมฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ใส่ใจนัก มือขวายกขึ้นพลางใช้ปากกัดพายเนื้อเดซีร้านซินดี้คำโต สัมผัสแรกจากซอสเนื้อคือกลิ่นหอมฟุ้งคละคลุ้งเต็มช่องปากและกรุ่นอยู่ข้างในอีกสักพัก
พายเนื้อของอ่าวเดซีสูตรนี้โดดเด่นกว่าอาหารพายประเภทอื่น เพราะใช้นำมันและไขมันของเนื้อในปริมาณสูง แต่กลับไม่เลี่ยนเนื่องจากนำไขมันและเนื้อไปสับคลุกเคล้าอย่างละเอียดจนทานง่าย นุ่มละมุนลิ้น
น้ำมันเนื้อนำพาความชุ่มฉ่ำและกลิ่นเข้มข้นของเนื้อให้ทะลักออกมากระทบแป้งกรอบ ช่วยกลบจุดอ่อนด้านความแห้งเหือดจนมิดชิด แต่ปัจจัยสำคัญของอาหารจานนี้คือแอปเปิลหั่นเต๋าชิ้นเล็ก มอบรสเปรี้ยวและหวานจากธรรมชาติแถมยังช่วยตัดรสเลี่ยนของน้ำมันและไขมันสัตว์
ไม่เลวเลย…แม้สภาพอากาศค่อนข้างแย่และมีมลพิษเข้าขั้นเลวร้าย แต่เบ็คลันด์ก็ยังดีกว่าทิงเก็นในหลายด้าน อาหารมีหลากหลายกว่าแถมยังเข้าถึงได้ง่าย และหากใครเงินทองเหลือเฟือ ยังมีโรงละครเวทีและโอเปร่าหลายหลังคอยสร้างความบันเทิง…ถึงเราจะไม่กินแหลกหรือเข้าชมการแสดงแบบนั้น แต่อย่างน้อยก็มีให้เลือก ถือเป็นข้อได้เปรียบของเมืองใหญ่… ไคลน์ยกชาเย็นขึ้นจิบอย่างผ่อนคลาย
…
ชายหนุ่มแทบไม่ละสายตาออกจากประตูหลักของบริษัทโคอิม เพื่อเงินสิบปอนด์แล้ว มันยอมนั่งเช่นนี้มาตั้งแต่แปดโมงเช้า ไม่เสียเวลาทานอาหารในร้านด้วยซ้ำ ของกินซื้อเอาระหว่างการเดินทางมายังจุดซุ่มจับตามอง
แน่นอน สำหรับนักสืบเอกชนทุกคน ค่าจ้าง สิบปอนด์ถึงเป็นจำนวนล่อตาล่อใจจนยากปฏิเสธ เทียบเท่าค่าจ้างเฉลี่ยของชนชั้นกลางสามสัปดาห์เลยทีเดียว!
จากข้อมูลของแมรี·เกเลอร์ สามีของเธอดำรงตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของบริษัทโคอิม หัวหน้างานของลุค·ซาเมอร์ แต่หุ้นส่วนของบริษัทโคอิมนั้นตกทอดมาจากบิดาของแมรีผ่านทางมรดก
สาเหตุหลักทำให้แมรีสงสัยว่าสามีของตนมีภรรยาน้อยคือ พนักงานบริษัทโคอิมแอบคาบข่าวมาบอกว่า โดรัค·เกเลอร์จะออกจากสำนักงานตามลำพังในช่วงเช้าของวันพุธและศุกร์ โดยจะกลับมาสำนักงานอีกครั้งตอนบ่ายแก่วันเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้น โดรัค·เกเลอร์จะเลิกงานเร็วกว่าปรกติสองวันต่อสัปดาห์แบบไม่ตายตัว แต่แมรีกลับไม่เคยเห็นโดรัคกลับบ้านก่อนหนึ่งทุ่มแม้แต่ครั้งเดียว
หลังจากทานมื้อเช้าเรียบง่ายเสร็จ ไคลน์นั่งรอบนม้านั่งอีกชั่วโมงกว่าจนกระทั่งเห็นเป้าหมายเดินออกจากประตูสำนักงานโคอิม
อีกฝ่ายสวมหมวกทรงกึ่งสูงสีดำ เสื้อขนสัตว์กระดุมสองแถวตัวใหญ่ และเนคไทหูกระต่ายสีดำแบบมาตรฐาน โดรัคมีรูปร่างท้วม จอนสีเหลืองอ่อน ใบหน้าค่อนข้างยาว
โดรัค·เกเลอร์…ไคลน์ทวนชื่อเป้าหมายอย่างเงียบงันในใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน ปัดม้านั่งให้สะอาด หยิบไม้ค้ำและกล้องถ่ายรูปตัวใหญ่เดินข้ามถนนไปยังอีกฝั่ง
โดรัคไม่ได้ให้รถม้าส่วนตัวมารับ แต่กลับยืนริมถนนและต่อคิวบริการเช่ารถม้าแทน
ไคลน์รีบฉวยโอกาสข้ามถนนเข้าไปประชิดตัวเป้าหมาย จากนั้นก็แสร้งทำเป็นไม่ระวังตัวและเดินชนโดรัค
“ขอโทษครับ ผมกำลังมองทางอยู่” ไคลน์รีบก้มศีรษะต่ำเพื่อขอโทษ
โดรัคขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงเงียบงัน เพียงโบกมือเป็นเชิงว่าตนไม่ถือสา
ไคลน์โค้งศีรษะขอโทษอีกครั้งและเดินตรงไปจนกระทั่งสุดถนน
ชายหนุ่มมิได้แกล้งชนโดรัคเพื่อขโมยสิ่งของประจำตัวสำหรับใช้เทคนิคทำนายด้วย ‘แท่งวิญญาณ’ วิธีนี้ถูกอีกฝ่ายรู้ตัวง่ายเงินไป
ในขณะเดินชนกัน ด้วยความชำนาญและคล่องแคล่วของตัวตลก ไคลน์แอบกระทำเพียงสิ่งเดียวคือ ยัดกระดุมของตนใส่ในลงกระเป๋าเสื้อช่องไม่สำคัญบนโค้ทของโดรัค โดยกระดุมเม็ดดังกล่าวคือกระดุมสำรองของเสื้อไคลน์เอง
หลังจากเลี้ยวเปลี่ยนเส้นถนน ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าและเดินย้อนกลับเล็กน้อย โน้มตัวแอบมองว่าโดรัคขึ้นรถม้าเช่าไปแล้วหรือยัง
ไคลน์ไม่รีบร้อนสะกดรอยตาม มันยืนรออย่างใจเย็นหลายนาที ก่อนจะเดินไปเช่ารถม้าคันอื่นและบอกกับคนขับว่า :
“ขับตามคำบอกของผม ก่อนอื่นให้ตรงไปจนสุดสายถนนเส้นนี้”
“ครับ” คนขับรถไม่ซักถามเหตุผล
ภายในห้องโดยสาร ไคลน์จับไม้ค้ำแน่นขนัดพร้อมกับเริ่มทำนาย
แต่ประโยคทำนายไม่ได้พุ่งไปยังตัวโดรัค·เกเลอร์โดยตรง ไคลน์กลับเลือกใช้คำว่า “พิกัดกระดุมสำรองของเสื้อตัวนี้!”
เดิมที เทคนิคทำนายด้วยแท่งวิญญาณมีไว้สำหรับค้นหาสิ่งของ ยกเว้นเพียงนักทำนาย เพราะเส้นทางดังกล่าวสามารถใช้ตามหาตัวบุคคลได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ไคลน์กำลังเลือกใช้พลังตามจุดประสงค์ดั้งเดิมของมัน
แต่ไหนแต่ไร ไคลน์มักหาสิ่งของเกี่ยวกับตัวเองได้ง่ายกว่าปรกติเสมอ ดังนั้นในสถานการณ์ปัจจุบันจึงไม่มีข้อยกเว้น!
ตลอดทาง ชายหนุ่มสั่งให้คนขับเลี้ยวตามทิศทางของไม้ค้ำเป็นระยะ จนกระทั่งรถม้าเริ่มเคลื่อนตัวเป็นวงกลมเมื่อเข้าสู่ย่านบ้านริมถนนแห่งหนึ่ง ไคลน์เริ่มตระหนักว่าเป้าหมายการค้นหาของตนต้องอยู่กึ่งกลางวงกลมละแวกนี้แน่นอน มันจึงตั้งใจสำรวจจนพบบ้านสวนใหญ่หลังใหญ่ใจกลาง แตกต่างจากบ้านหลังอื่นในละแวกใกล้เคียง
ไม่ผิดแน่ แท่งวิญญาณกำลังยืนยันชัดเจนว่าโดรัค·เกเลอร์อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวพร้อมกระดุมเสื้อของตน
หลังจากจ่ายค่าบริการ สองซูล ไคลน์เดินผ่านรูปปั้นหินอ่อนและตรงไปยังประตูบ้านหลังต้องสงสัย ด้านหน้ามีชายสองคนสวมชุดลายตารางสีขาวสลับดำคล้ายพนักงานตำรวจ
“ไม่คุ้นหน้า…มีบัตรสมาชิกไหม”
หนึ่งในสองพนักงานชุดขาวสลับดำ บุรุษผิวเข้มตามแบบฉบับชาวทวีปใต้ เดินมายืนขวางหน้าไคลน์ไว้
“บัตรสมาชิก?” ไคลน์รีบซ่อนกล้องถ่ายภาพไว้ด้านหลังพลางขมวดคิ้วฉงน
ทันใดนั้น สีหน้าชายผิวเข้มพลันขึงขัง
“ข้างในคือสโมสรครักซ์ ต้องมีบัตรสมาชิกเท่านั้นจึงจะผ่านได้ หนึ่งบัตรต่อหนึ่งคน”
ไคลน์รีบซักถาม :
“จะสมัครเข้าร่วมสโมสรได้อย่างไร”
“ต้องมีสมาชิกสโมสรช่วยรับรอง สองคน”
ชายผิวเข้มไม่ขับไล่ไสส่งไคลน์ด้วยพละกำลัง เพียงกล่าวอธิบายอย่างอดทน
ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าไคลน์จะไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสโมสรในภายหลัง
“เข้าใจแล้ว” ชายหนุ่มกัดริมฝีปากล่างพลางตัดสินใจดำเนินการแผน B
มันลงชื่อเข้าพักโรงแรมละแวกใกล้เคียงเป็นเวลาสี่ชั่วโมง
ถัดมา ไคลน์ลงกลอนห้องและขึงม่านปิดอย่างมิดชิด ตามด้วยการเข้ามิติเหนือสายหมอกเทา เสกกระดาษหนังสีน้ำตาลและปากกาหมึกซึมขึ้นบนโต๊ะสำริดยาวตรงหน้า
มันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะลงมือเขียนประโยคทำนายเหมือนคราวก่อนทุกประการ
“พิกัดกระดุมสำรองของเสื้อตัวนี้”
อย่างไรก็ตาม คราวนี้ไม่ใช่เทคนิคแท่งวิญญาณ แต่เป็นเทคนิคนิมิตฝัน!
ไคลน์ไม่เสียเวลาทำนายในโลกจริงเพราะสงสัยว่าสโมสรครักซ์จะเป็นแหล่งซ่องสุมของบุคคลระดับสูง อาจมีผู้วิเศษแข็งแกร่งแฝงตัวด้านในจนรบกวนผลทำนาย จึงเลือกเข้ามาทำนายในห้วงมิติหมอกเทาทีเดียวให้จบเรื่อง ไม่ต้องกระทำซ้ำซากหลายรอบ
ท่ามกลางโลกพร่ามัวสีเทา ไคลน์มองเห็นโค้ทดำของโดรัคแขวนอยู่บนราวผ้า ใกล้กันมีโต๊ะกลมวางอยู่บนพรม
เมื่อภาพเริ่มขยายออก ไคลน์พบฉากร่วมเพศระหว่างชายหญิงคู่หนึ่งบนเตียงนอน ฝ่ายชายไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโดรัค·เกเลอร์ ส่วนฝ่ายหญิงยังสาวอยู่มาก ผมของเธอสีทองเงางาม อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบตอนต้น
สีหน้าเจ็บปวดของหญิงสาวขณะขมวดคิ้วชนกันช่างเย้ายวนกระตุ้นแรงขับเคลื่อนทางเพศชายฉกรรจ์ได้เป็นล้นพ้น…ทำไมเราถึงได้เห็นอะไรแบบนี้อีกแล้ว…ไคลน์ตื่นจากฝันพลางใช้มือก่ายหน้าผาก
แน่ชัดแล้วว่าโดรัคมีภรรยาน้อย…แต่เราจะหาหลักฐานแบบรูปธรรมอย่างไร…อัญเชิญตัวเองเพื่อเรียกความทรงจำ… แต่วิธีทำได้เพียงวาดภาพเหมือน ไม่ใช่การถ่ายภาพจริงจากกล้องสักหน่อย…เราไม่เก่งกาจขนาดวาดภาพให้สมจริงได้ด้วยมือ สงสัยวันนี้คงต้องยอมถอยก่อน ไว้ค่อยสะกดรอยตามผู้หญิงคนนั้นคราวหลัง เราไม่เชื่อว่าพวกมันจะนัดพบกันในสโมสรครักซ์ทุกครั้ง…นักสืบไคลน์เริ่มคำนึงถึงแผนการขั้นต่อไป
แต่ขณะกำลังจะดำดิ่งออกจากห้วงมิติหมอกเทา ชายหนุ่มผลันฉุกคิดบางสิ่ง
สิ่งนั้นคือการทำนายว่า พยาธิสีดำเมื่อคืนวันก่อนถูกควบคุมโดยผู้วิเศษเส้นทางนักทำนายจริงหรือไม่
เหตุผลของการไม่ทำนายก่อนหน้านี้เพราะไคลน์คิดว่าตนมีข้อมูลของอีกฝ่ายน้อยเกินไป ไม่ว่าจะทำนายบนโลกจริงหรือมิติหมอกเทาก็คงล้มเหลวไม่ต่าง ยิ่งไปกว่านั้น การขึ้นมิติสายหมอกหนก่อนๆ ทุกครั้งล้วนถูกใช้กระทำเรื่องสำคัญ จึงไม่มีทั้งเวลาและพลังวิญญาณเหลือพอจะทำนายเล่น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคือเวลาว่างอันเหมาะสมจะใช้พลังทำนายแบบไม่กลัวเสียของ
ส่วนเหตุผลว่าตนควรติดต่อมิสเตอร์อะซิกดีหรือไม่ ไคลน์เคยทำนายไว้นานแล้ว และคำตอบออกมาเป็นอันตราย แถมยังไม่ใช่อันตรายเล็กน้อย จึงเก็บไว้เป็นไพ่ตายฉุกเฉินใบสุดท้ายเท่านั้น
หลังจากเขียนประโยคทำนายจบ ไคลน์ปลดโซ่เงินจากข้อมือซ้ายและปล่อยให้ปลายจี้บุษราคัมห้อยเหนือแผ่นกระดาษเล็กน้อย
“พยาธิสีดำเมื่อคืนวันก่อนถูกควบคุมโดยผู้วิเศษเส้นทางนักทำนาย”
…
เมื่อท่องครบเจ็ดหน ไคลน์ลืมตาและได้เห็นลูกตุ้มวิญญาณกำลังแกว่งตามเข็มนาฬิกาด้วยความถี่สูงและเป็นวงกว้าง
เชิงบวก…คำตอบคือใช่!
มันควรออกมาล้มเหลวไม่ใช่หรือ? ไคลน์ไม่อยากเชื่อว่าตนจะได้ผลลัพธ์ สัญชาตญาณนักทำนายของตนมั่นใจว่าผลการทำนายมีโอกาสสำเร็จต่ำมาก
ทำไมกัน? ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสับสน ก่อนตัดสินใจทำนายถึงเป้าหมายด้วยวิธีอื่น
คราวนี้จะเป็นการทำนายถึงตัวคนควบคุมพยาธิสีดำโดยตรงด้วยเทคนิคนิมิตฝัน!
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ออกมาเป็น ไคลน์ไม่เห็นภาพใดในความฝันเลย และไม่ได้รับเบาะแสเกี่ยวกับผู้วิเศษเส้นทางนักทำนาย
“ผลควรออกมาเป็นแบบนี้แต่แรก…” มันพึมพำพลางนึกทบทวนการกระทำก่อนหน้าทั้งหมด สมองกำลังประมวลผลหนักหน่วง
ผลลัพธ์ควรล้มเหลวเหมือนกันทั้งสองรูปแบบ ไม่ใช่สำเร็จแค่ครั้งแรก…หรือห้วงมิติเหนือหมอกเทาจะช่วยเติมเต็มเงื่อนไขบางประการ? หรือมิติแห่งนี้แฝงพลังของเส้นทางนักทำนายไว้บางส่วน? ไคลน์ผุดแนวคิดใหม่
บางที ห้วงมิติเหนือสายหมอกเทามีอาจมีบางสิ่งเกี่ยวข้องกับเส้นทางนักทำนาย!
หืม…ชายหนุ่มเคาะโต๊ะสำริดยาวขณะใช้ความคิด แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนอยู่นาน มันไม่สามารถหาเหตุผลหรือหลักฐานมารองรับทฤษฎีนี้ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดความคาใจไว้และส่งตัวเองกลับโลกจริง
“แต่ถึงอย่างนั้น มีหนึ่งสิ่งแน่ชัดแล้ว รอบตัวราชทูตเบเคอร์ลันมีผู้วิเศษเส้นทางนักทำนายลำดับกลาง ไม่สำคัญว่าจะมันเป็นสมาชิกลัทธิเร้นลับหรือไม่…แต่โอกาสครอบครองสูตรโอสถลำดับเจ็ด หรือแม้กระทั่ง หก มาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว!”
ชายหนุ่มนำพลังวิญญาณห่อหุ้มร่างกายพร้อมกับดำดิ่งผ่านม่านหมอก
…
ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องอ่านหนังสือคฤหาสน์ไวเคาต์กายลิน
ออเดรย์บอกให้เจ้าของบ้านเฝ้าประตูห้องอ่านหนังสือไว้ ส่วนตัวเธอกำลังจ้องหน้าซิลและฟอร์สอย่างเงียบงันหลายวินาที
“ฉันมีภารกิจให้พวกคุณทำ”
“ภารกิจ?” ดวงตาซิลพลันลุกวาวราวกับได้กลิ่นหมึกพิมพ์ธนบัตร
ออเดรย์เผยรอยยิ้มเยือกเย็น
“ลอบสังหารราชทูตอินทิสประจำอาณาจักรโลเอ็น มิสเตอร์เบเคอร์ลัน·ฌอง·มาติน”
………………….