Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 247

Lord of the Mysteries 247

ตอนที่ 247 : เรื่องราวทั้งหมด

ไคลน์มองเห็นบุคคลในกระจกเงาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่ความจริงตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อลงว่า เมื่อครู่เคยมีสตรีสวมเดรสสีดำหรูหราปรากฏตัว

ชายหนุ่มแอบเปิดเนตรวิญญาณอย่างลับๆ แต่กลับไม่พบความผิดปรกติเฉกเช่นทุกครั้ง

นี่เราจ้างผีผู้หญิงเป็นคนคุ้มกันหรือ? แถมยังแปลกกว่าผีมาก…เพราะอย่างน้อยก็ยังเห็นผีได้จากเนตรวิญญาณ…ไคลน์ล้วงจับนกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิกตามสัญชาตญาณ สัมผัสแรกคือความเย็นเฉียบตามปรกติ ไม่มีส่วนใดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแม้แต่น้อย

เธอไม่ได้รับผลจากนกหวีด…หมายความว่าไม่ใช่วิญญาณคนตาย…แต่เรายังยืนยันเรื่องนั้นไม่ได้อยู่ดี เพราะขณะนกหวีดถูกฝังพร้อมเราในสุสานราฟาเอล หลุมศพรอบข้างก็ไม่เกิดความผิดปรกติแต่อย่างใด…หรือเป็นเพราะถูกนักบวชและบิชอปส่งดวงวิญญาณไปสู่สุคติแล้ว? เมื่อไรนกหวีดจะแสดงผล และเมื่อไรถึงไม่? หากเหตุการณ์เบเคอร์ลันจบลงและเรายังมีชีวิตอยู่ คงต้องหาโอกาสทดสอบพลังนกหวีดโดยเร็ว การพกพาระเบิดเวลาติดตัวไปไหนต่อไหนคงไม่ใช่เรื่องดีแน่…ไคลน์รีบล้างหน้าและเดินออกจากห้องน้ำ

หลังจากหยิบหนังสือพิมพ์ในห้องนั่งเล่นและกำลังตัดสินใจว่าตนควรอ่านในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน เสียงกริ่งของบ้านดังแว่ว

ขณะเสียงระฆังดังกังวาน จิตใจไคลน์ถูกสั่นคลอนเล็กน้อย มันรีบสวมโค้ทพร้อมด้วยอุปกรณ์ต่อสู้ทุกชนิด และเดินไปทางประตูบ้านอย่างระมัดระวังตัว

ไคลน์ยังไม่ลืมว่าภัยอันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อภายในสามวันข้างหน้า!

หลังจากยืนรอหน้าประตูสักพัก นิมิตลางบอกเหตุเกี่ยวกับบุคคลด้านนอกเริ่มผุดขึ้นในสมอง

จันทน์แดงส่องแสงนวลท่ามกลางท้องฟ้า โคมตะเกียงแก๊สหรูหรามอบความสว่างให้กับสองฟากฝั่งถนนเปียกชื้น เด็กหนุ่มในโค้ทเก่ากำลังยืนหน้าบ้าน ดวงตาสีแดงสว่างครุ่นคิดบางสิ่งโดยแฝงความสับสนเล็กน้อย

เอียน·ไรท์? เขามาทำไม? นี่เป็นฉากเดียวกับในนิมิตทำนายไม่ใช่หรือ? ไคลน์เปิดประตูพร้อมกับถอยหลังอย่างระมัดระวังตัว

“นักสืบโมเรียตี้” เอียนถอดหมวกทรงกลมสีน้ำตาลมากดไว้บนหน้าอกพร้อมกับก้มศีรษะอธิบาย “ผมมาเพื่อขอโทษ ผมทำให้คุณต้องเข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์อันตราย”

ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“นายควรไปสถานีตำรวจมากกว่า”

เอียนกวาดสายตามองรอบตัวพร้อมกับหันมาก้มศีรษะให้ไคลน์อีกครั้ง

“ผมเพิ่งมาจาก MI9”

หืม…? หน่วยลับของกองทัพ? ไคลน์ขยับตัวเปิดทางพร้อมกับชี้นิ้วเข้าไปในบ้าน

“เข้ามาคุยกันก่อน”

ต้องทราบให้ได้ว่า สถานการณ์โดยรวมเป็นเช่นไรกันแน่ และเราตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร…ชายหนุ่มถอนหายใจเงียบงัน

เอียนไม่มากพิธี มันรีบตามไคลน์เข้าไปในห้องและนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดียวกับคราวก่อน

ขณะเอียนกำลังจะอ้าปากอธิบาย ไคลน์ชิงพูดแทรก

“คุณไม่จำเป็นต้องเล่า หากคำพูดดังกล่าวทำให้ผมต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่งกว่าเดิม”

“ไม่ครับ เรื่องราวใกล้จบลงแล้ว” เอียนกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุมเกินวัย

ไคลน์โล่งใจ ก่อนซักถามอย่างฉงน

“แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ยังไม่ทันกล่าวจบ ชายหนุ่มเหลือบเห็นภาพของบุคคลผู้หนึ่งปรากฏบนบานมุขหน้าต่างข้างทางประตูเข้า เธอสวมเดรสหรูหราสีดำ ผมยาวสีทองอ่อนถูกรวบและเกล้ามวยสูง ดวงตาสีฟ้า ใบหน้างดงามแต่ขาวซีด ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสตรีปริศนาผู้มาทักทายไคลน์ในกระจกเงาห้องน้ำ

ไม่มีใครทราบว่าเธอไปหาเก้าอี้มายาสีดำมาจากไหน แต่หญิงสาวเลอโฉมกำลังนั่งด้วยมาดแสนสง่างาม ฝ่ามือซ้ายรองศอกขวา และฝ่ามือขวากำลังสัมผัสปลายคางด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา ประหนึ่งเตรียมตั้งใจฟังบทสนทนาระหว่างไคลน์และเด็กหนุ่ม

ไคลน์ทำตัวไม่ถูกไปพักใหญ่

เอียนเริ่มกระซิบเสียงค่อย

“เรื่องจริงก็คือ นักสืบเซอเรียลเป็นสายลับจากจักรวรรดิฟุซัค เขาเก็บเด็กกำพร้าจำนวนมากมาเลี้ยงดูและฝึกฝนเทคนิคการสืบข่าว หนึ่งในนั้นคือตัวผม”

แบบนี้นี่เอง…เราเข้ามาพัวพันกับสงครามข่าวสารระหว่างชาติมหาอำนาจ…ไคลน์เริ่มกระจ่างในบางประเด็น

เอียนชำเลืองสายตาไปทางโต๊ะกาแฟพร้อมกับเล่าต่อ

“พวกเรามีข้อได้เปรียบด้านอายุ มักถูกผู้ใหญ่ปล่อยผ่านเพราะคิดว่าเป็นแค่เด็ก ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการหาข่าวสูงมาก จนกระทั่งสองสัปดาห์ก่อน ผมบังเอิญพบเบาะแสเอกสารต้นแบบของ ‘ฮัลโมซีน’ เข้า”

“ฮัลโมซีน?” ไคลน์เริ่มคุ้นชื่อ

เอียนหันมามองไคลน์พลางอธิบาย

“ทูรานี่·ฟอน·ฮัลโมซีน สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ถัดจากจักรพรรดิโรซายล์ เขาเป็นนักคณิตศาสตร์ ผู้ชำนาญกลไก และบิดาแห่งเครื่องหาผลต่างรุ่นสอง”

นึกออกแล้ว! ไคลน์นึกเค้นความทรงจำจากสมอง

นอกจากจะเป็นสุดยอดนักวิทยาศาสตร์ มันยังเป็นนักวิทย์ฯ สติเฟื่อง ฮัลโมซีนปักใจเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า จุดอ่อนของมนุษย์สามารถทดแทนได้ด้วยเครื่องจักร เป็นชายผู้ชื่นชอบการกินน้ำตาลอย่างมาก ราวกับเป็นแหล่งพลังงานชนิดเดียวในโลก แต่กลับหายไปอย่างลึกลับขณะกำลังวิจัยเครื่องหาผลต่างรุ่นสาม ถือเป็นบุคคลสำคัญ เพราะแทบทุกอาณาจักรกำลังล่าตัวมาไว้ในครอบครอง

“แล้วเอกสารต้นแบบ…คือพิมพ์เขียวของเครื่องหาผลต่างรุ่นสามหรือ?” ไคลน์ถามหยั่งเชิงอีกฝ่าย

‘เครื่องหาผลต่าง’ คือเครื่องจักรต้นแบบของคอมพิวเตอร์ สามารถช่วยยกระดับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันได้อย่างก้าวกระโดด ในมุมมองไคลน์ มันคืออุปกรณ์ทดแทนคอมพิวเตอร์สำหรับยุคสมัยแห่งไอน้ำ ถึงแม้จะใช้ในทางคำนวณได้อย่างเดียวก็ตาม

เอียนส่ายศีรษะ

“ผมไม่แน่ใจเพราะไม่ได้เห็นกับตา บางทีอาจเป็นเช่นนั้นก็ได้”

มันเว้นวรรคหนึ่งลมหายใจก่อนจะเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียด

“เมื่อผมนำเรื่องนี้ไปบอกนักสืบเซอเรียล เขามีความสุขมากและสั่งให้ผมตามสืบเรื่องนี้ให้ลึกขึ้นอีก ส่วนเขาจะรีบรายงานกับผู้บังคับบัญชาโดยตรง”

“ผมใช้เวลาสักพักจนกระทั่งหาเอกสารต้นแบบของฮัลโมซีนพบ แต่ไม่มีความกล้าจะขโมยมันออกมา จึงตัดสินใจกลับไปหานักสืบเซอเรียลมือเปล่า…เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นไปตามคำบอกเล่าก่อนหน้าของผม บ้านของนักสืบเซอเรียลมีพิรุธหลายจุด กับดักเล็กน้อยถูกทำลายจนหมดเกลี้ยง ผมไม่สามารถติดต่อเขาด้วยวิธีลับได้ และยังถูกกลุ่มซีมังเกอไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย…แต่ด้วยความช่วยเหลือจากคุณ ผมสามารถยืนยันได้ว่านักสืบเซอเรียลเสียชีวิต จึงนำฟันปลอมออกจากศพ…เอ่อ เรื่องนั้นผมแอบทำหลังจากพวกเราแยกทางกัน นักสืบเซอเรียลเคยบอกผมว่า ฟันปลอมของเขาสลักวิธีติดต่อฉุกเฉินกับผู้บังคับบัญชาเอาไว้ แม้แต่ตัวเขายังไม่ทราบรายละเอียดของวิธีดังกล่าว เพียงถูกกำชับมาอีกทอดว่า ต้องถอดออกในสถานการณ์สำคัญเท่านั้น”

ไคลน์ผงกศีรษะแผ่วเบา

“คุณก็เลยไปส่งโทรเลข?”

บนใบหน้าเอียนปรากฏความตกตะลึงสุดขีด เด็กหนุ่มไม่เผยอารมณ์เช่นนี้บ่อยนัก

“คนของ MI9 บอกคุณหรือ?”

“เปล่าเลย เพื่อนของผมบังเอิญเห็นคุณบนถนนรัมขาว” ไคลน์โกหกหน้านิ่งด้วยความเชี่ยวชาญ

“อา…” เอียนพยักหน้ารับ “ผมติดต่อผู้บังคับบัญชาของนักสืบเซอเรียลในเบ็คลันด์ผ่านทางโทรเลขเข้ารหัส พวกเรานัดหมายเวลา จุดนัดพบ และวิธียืนยันตัวตน แต่ก่อนเรื่องนั้นจะเกิดขึ้น ผมกลับถูกพบตัวเข้าโดยกลุ่มซีมังเกออีกครั้ง…ไม่สิ ทาง MI9 บอกว่าพวกมันเป็นสายลับจากอินทิส

“โชคดีมาก หน่วย MI9 เข้ามาช่วยผมไว้ได้ทันเวลา ทั้งสองฝั่งเกิดการต่อสู้ชุลมุนวุ่นวาย ผมจึงฉวยโอกาสหนีออกมา อย่างไรก็ตาม ผมแอบนัดพบกับผู้บังคับบัญชาของนักสืบเซอเรียลอีกครั้งในช่วยบ่ายวันนี้ แต่ก็ถูกซุ่มโจมตีโดยฝีมือสายลับของสาธารณรัฐอินทิสอีกครั้ง คราวนี้โชคไม่ดีนัก ผมถูกจับกุมตัวและเค้นความจริง ผมรักตัวกลัวตายมาก จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดไปโดยไม่ปิดบัง ถึงกระนั้น พวกมันกลับไม่รักษาคำพูดและเตรียมฆ่าผม แต่หน่วย MI9 ได้ปรากฏตัวขึ้นและช่วยไว้ได้อีกครั้ง”

เป็นแค่เด็กอายุสิบหก แต่กลับเผชิญเหตุการณ์เฉียดตายมากกว่าทั้งชีวิตของผู้ใหญ่หลายคน…ขณะไคลน์ก้มหน้าตรึกตรองข้อมูลจากเอียน มันเริ่มพบความไม่ชอบมาพากล

ย้อนกลับไปในตอนพบศพนักสืบเซอเรียล แม้ว่าศพดังกล่าวจะมีสิ่งของสำคัญอย่างฟันปลอมสลักโทรเลข แต่กลุ่มซีมังเกอกลับนำศพมาทิ้งทางระบายน้ำโดยไม่ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก่อน จนกระทั่งเอียนพบศพในอีกหลายวันถัดมาและนำฟันปลอมกลับไปอย่างง่ายดาย…ย้อนกลับไปในตอนนั้น ไคลน์เคยเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงไม่มีผู้วิเศษระดับสูงหรือสายนักแกะรอยโดยเฉพาะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้ฟันปลอมหลุดรอดมาถึงมือเอียน

อย่างไรก็ตาม หลังจากยืนยันแล้วว่าราชทูตเบเคอร์ลันมีลูกน้องเป็น ‘นักทำนาย’ ลำดับกลาง และอาจสูงถึงลำดับ ห้า…ด้วยพลังแกะรอยขนาดนั้น มันไม่มีทางทำพลาดปล่อยให้ฟันปลอมเล็ดลอดสายตาได้แน่

รวมถึงการไม่ทำลายศพทิ้ง ปล่อยไว้ให้หนูในทางระบายน้ำแทะเล่นทีละนิด ราวกับจงใจวางกับดักบางอย่างไว้

เมื่อนำมารวมกับคำอธิบายจากปากเอียนเมื่อครู่ ไคลน์จึงได้คำตอบทันที

มันผงกศีรษะเล็กน้อย

“คุณไม่คิดบ้างหรือ ว่าอาจมีคนทรยศแฝงตัวในคราบลูกน้องผู้บังคับบัญชาเซอเรียล…ไม่ผิดแน่ มันคือสายสืบจากหน่วยข่าวกรองอินทิส และเป็นสาเหตุให้เซอเรียลถูกฆ่าเพื่อชิงเอกสารต้นแบบ รวมถึงเรื่อง คุณถูกซุ่มโจมตีหนแล้วหนแล้วในจังหวะบังเอิญเกินไป ราชทูตอินทิสมีข้อมูลฝ่ายผู้บังคับบัญชาของเซอเรียลทุกซอกมุม จึงจงใจทิ้งฟันปลอมไว้ให้คุณมีช่องทางรายงานข่าวไปหา คุณอย่าลืมว่า เซอเรียลถูกฆ่าทันทีหลังจากรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่องเอกสารต้นแบบของฮัลโมซีน”

เอียนนั่งฟังไคลน์ด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด เด็กหนุ่มกำหมัดแน่นอย่างเจ็บใจเป็นเวลานาน ลมหายใจถูกสูดเข้าออกเป็นระยะ คล้ายกับพยายามรวบรวมความเยือกเย็น

“ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน คุณน่าทึ่งมาก สมกับเป็นสุดยอดนักสืบ…”

เอียนผ่อนลมหายใจพลางอธิบายเพิ่ม

“ผมเปิดเผยข้อมูลและพิกัดของเอกสารต้นแบบกับหน่วย MI9 ไปแล้ว รวมถึงเรื่องราวทั้งหมดตามความจริง พวกเขายังพูดถึงคุณด้วยเล็กน้อย…ฮะฮะ! แต่เรื่องน่าประหลาดคือ ทาง MI9 ไม่กังวลเลยสักนิดว่าผมจะโกหก ไม่ได้ส่งใครคอยจับตามองผมด้วย ความสนใจทั้งหมดพุ่งเป้าไปยังเอกสารต้นแบบทันที…แต่ขณะกำลังถูกสอบสวน ผมรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ชนิดไม่ว่าใครก็ต้องยอมพรั่งพรูความจริงออกจากปาก”

เมื่อกล่าวจบ เอียนลุกยืนและก้มหัว

“ให้ผมได้ขอโทษคุณอีกครั้ง ผมเสียใจ กับการลากคุณเข้ามาพัวพันในเหตุการณ์ใหญ่โดยบังเอิญ…แม้ว่าคุณจะจริงใจกับผมมากก็ตาม”

หลังจากได้ฟังสถานการณ์อย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ ไคลน์อมยิ้มผ่อนคลาย

“ผิดแล้ว ผมกำลังเดือดร้อนเพราะความผิดพลาดของตัวเอง”

ขณะนั่งฟังคำอธิบายของเอียน ไคลน์ไตร่ตรองสถานการณ์อย่างละเอียดและพบว่าตนทำผิดพลาดไปสองจุด

แม้ว่าเราสามารถตระหนักได้ว่าคดีของเอียนซับซ้อนกว่าผิวเผินภายนอก แต่กลับยังเลือกรับงานมาทำ…ในตอนนั้นเราแค่คิดว่า คงได้เผชิญหน้ากับกลุ่มอันธพาลและผู้วิเศษนอกกฎหมายลำดับต่ำสักสองสามคน พวกมันคงไม่กล้าลงมือโจ่งแจ้งเพราะกลัวหน่วยพิเศษของโบสถ์…แถมการทำนายยังล้มเหลวเนื่องจากข้อมูลน้อยเกินไป…แต่เรากลับประเมินว่าตัวเองสามารถรับมือสถานการณ์ได้ตามลำพัง และยังโลภมาก หวังทำความรู้จักเครือข่ายผู้วิเศษกรุงเบ็คลันด์เป็นของแถม

หลังจากพบศพเซอเรียลและยืนยันว่าเรื่องราวลึกลับซับซ้อน เราควรรีบถอนตัวตั้งแต่ตอนนั้นโดยห่วงความลับของตัวเองให้มากมากกว่านี้ ปล่อยให้เอียนจัดการเรื่องราวบานปลายเอาเอง จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาและค่อนข้างปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน

อีกหนึ่งความผิดพลาดคือ เมื่อเมอซอลมาหาถึงบ้าน เราเลือกปฏิเสธการเปิดเผยข้อมูลของเอียนทั้งหมด ในเวลานั้น เราแค่คิดว่ามันเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มอันธพาลทั่วไป และคงมีผู้วิเศษลำดับต่ำหรือกลางอยู่เบื้องหลังสักคนสองคน ใครจะไปคิดว่าแท้จริงแล้ว เบื้องหลังของเมอซอลมีราชทูตอินทิสคอยสนับสนุน? ขณะเดียวกันก็ไม่คิดว่าเมอซอลจะหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ หลังจากต่อรองไม่สำเร็จ มันไม่ได้ใช้กำลังข่มขู่ให้เรายอมเปิดเผยข้อมูล แต่เลือกลงมือลอบสังหารในเย็นวันเดียวกันทันทีเพื่อใช้พิธีกรรมสื่อวิญญาณถามจากศพ ไม่เปิดโอกาสให้แก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น…การฆ่าเมอซอลส่งผลให้สถานการณ์ฝ่ายเรากลับยิ่งแย่ลง

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเรามีความคิดทำนองว่า ‘คงไม่อันตรายขนาดนั้น’

หนึ่งในสาเหตุหลักของการนำพาตัวเองมาเผชิญอันตรายทุกวันนี้ เป็นผลจากความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในตอนแรกเริ่ม…เราไม่ได้ปลอมตัวปิดบังใบหน้าแท้จริงขณะรับงานในฐานะนักสืบเอกชน เชอร์ล็อก·โมเรียตี้!

หลังจากราชทูตเบเคอร์ลันพบความจริงว่าเราคือผู้วิเศษ ตัวเรากลับเผ่นหนีไม่ได้เพราะถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ใบหน้าแล้ว จริงอยู่ อาจหนีได้ทันทีโดยไม่ต้องกลัวว่า MI9 จะมองเป็นเรื่องผิดปรกติ แต่เบเคอร์ลันยังมีอีกหนึ่งไพ่ตายคือการแจ้ง ‘หน่วยพิเศษ’ ของสามโบสถ์หลัก ไม่ว่าจะเป็นเหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา หรือจิตแห่งจักรกล จากประสบการณ์ส่วนตัว ผู้วิเศษของโบสถ์จะไม่เป็นมิตรกับผู้วิเศษนอกกฎหมายอย่างมาก และเราจะถูกเส้นทางสายแกะรอยตามล่าตัวสุดขอบโลกโดยไม่มีวันได้อยู่อย่างเป็นสุขในเบ็คลันด์

ยิ่งไปกว่านั้น หากมีใครจดจำใบหน้าของไคลน์·โมเร็ตติได้ โบสถ์รัตติกาลจะต้องรับทำคดีอย่างแน่นอน เนื่องจากเคยพัวพันกับสมบัติวิเศษระดับศูนย์ และคืนชีพได้อย่างปาฏิหาริย์ พวกมันจะส่งบุคลากรระดับอาวุโสใหญ่หรืออาร์คบิชอปมาจัดการคดีนี้โดยตรง

เราควรประเมินศัตรูให้เหนือไว้หนึ่งขั้นเสมอ อย่าหวังพึ่งโชคว่าอีกฝ่ายจะหลงลืมหรือประมาทเด็ดขาด อย่างน้อยเรายังแก้ตัวได้ดีในช่วงหลัง ไม่ได้งอมือเท้ารอให้ราชทูตเริ่มลงมือก่อน ไม่อย่างนั้นคงเตรียมการป้องกันตัวเองไม่ทัน ทั้งเรื่องจ้างคนคุ้มกัน ไหว้วานให้มิสจัสติสลอบสังหาร รวมถึงเตรียมสมบัติวิเศษไว้คอยรับมือ ทุกสิ่งล้วนใช้เวลาค่อนข้างมาก

หากราชทูตเบเคอร์ลันตาย ต่อให้ลูกน้องของมันไม่ตาย แต่ความสนใจก็จะพุ่งออกจากตัวเราทันที มันอาจเร่งสืบสวนหาสาเหตุการตายของเบเคอร์ลันแทน และนั่นจะช่วยให้เราปลอดภัย…ลูกน้องเบเคอร์ลันคงไม่มีตำแหน่งทางการเมือง หรือก็คือ เป็นผู้วิเศษนอกกฎหมายเหมือนเรา ไม่สามารถติดต่อกับตำรวจโดยตรงได้…กับมดปลวกลำดับเก้า หรือ แปด อย่างเราแล้ว มันคงไม่กล้าเอาตัวเองมาเสี่ยงจนความลับถูกเปิดเผยแน่

อย่างไรก็ตาม เราจะหมดห่วงได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อมันตายเท่านั้น!

สำหรับการขอร้องมิสเตอร์อะซิก เขาคงไม่สะดวกมาช่วยแน่…อาจกำลังถูกไล่ตามโดยผู้วิเศษลำดับสูง รวมถึงถูกอินซ์·แซงวิลล์ใช้อิทธิพลของ 0-08 เล่นงานอย่างหนัก…เมื่อลองเทียบกันแล้ว การไหว้วานให้มิสจัสติสจ้างฆ่าเบเคอร์ลัน ปลอดภัยกว่าการขอร้องให้อะซิกออกหน้าช่วยเหลือเราค่อนข้างมาก…เพราะถึงแผนลอบสังหารจะล้มเหลว แต่ผลลัพธ์ก็ออกได้แค่สองหน้า…

เฮ่อ…เป็นเพราะความประมาทและขี้เกียจในตอนแรก…เราไม่คิดว่าเมืองใหญ่ประชากรกว่า ห้าล้านคนจะมีใครจดจำใบหน้ามิสเตอร์ไคลน์·โมเร็ตติได้ง่ายนัก แค่พยายามเลี่ยงเหยี่ยวราตรีไว้ก็พอ จึงไม่อยากลงทุนปลอมตัวทุกวัน เพราะหากวันใดเกิดผิดพลาด คนรอบตัวอาจสังเกตพบความผิดปรกติและเริ่มหวาดระแวง…ความประมาทเล็กน้อยทำให้เราต้องทุ่มเงิน หนึ่งหมื่นปอนด์เพื่อแก้ไข และไม่ทราบด้วยซ้ำว่าจะสำเร็จหรือไม่

เราเหมือนกับตัวตลก ความผิดพลาดเพียงหนเดียวได้นำความฉิบหายตามมาเป็นพรวน และต้องพยายามทรงตัวอย่างยากลำบากบนเชือกเส้นบางเพื่อให้ผู้ชมเกิดความพึงพอใจ

ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเรามีประสบการณ์ไม่มากพอ นี่คือหนแรกอย่างแท้จริงในตลอดสองชีวิตที่ผ่านมา กับการต้องอาศัยอย่างหลบซ่อนและพยายามไม่ให้ใครทราบตัวจริง

หากผ่านเรื่องนี้ไปได้ การเปิดเผยว่าตัวเองคือผู้วิเศษคงไม่อันตรายนัก เพราะทาง MI9 คงเข้าใจว่าเราเพิ่งได้รับสูตรโอสถระหว่างการหาคนคุ้มกัน รวมถึงไม่สืบสาวไปถึงต้นกำเนิดของไคลน์·โมเร็ตติ…อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องหมั่นสวมแว่นและไว้หนวด ภาพจำของเราในสายตาคนรอบตัวจะได้เปลี่ยนแปลงไป หากมีใครถูกฆ่าและสื่อวิญญาณ ใบหน้าโฉมใหม่ของเราก็จะปรากฏแทนไคลน์·โมเร็ตติ

ยิ่งใช้ความคิดมากเข้า ไคลน์ยิ่งหัวเราะเสียงดังจนเอียนมองด้วยสายตาประหลาด

“ขอตัวก่อนนะครับ ผมคงต้องหายตัวไปสักพักใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงถูกโยนเข้าคุกแน่” เอียนสวมหมวกพลางกล่าวคำอำลา

ไคลน์ไม่ห้าม เพียงนั่งมองอีกฝ่ายเดินจากไปพร้อมกับแสงจันทร์แดงสลัว ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวบนแผ่นกระจกมุขหน้าต่างได้เลือนหายไปสักพักแล้ว

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!