Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 286

Lord of the Mysteries 286

ตอนที่ 286 : รอยยิ้มเหยียดหยัน

ภายในหอนาฬิกาใหญ่ประจำอู่ต่อเรือไบลัมตะวันออก ไคลน์กำลังซุ่มซ่อนท่ามกลางความมืดสนิท ศีรษะสวมหน้ากากตัวตลกแน่นกระชับ สายตาจ้องมองหอพักสหภาพแรงงานท่าเรือโดยไม่กล่าวสิ่งใด เหนือพื้นดินราวสิบเมตรมีเรือบินสีดำกำลังลอยเด่นตระหง่าน

มันย่อมมองไม่เห็นรายละเอียดการต่อสู้ด้านในตัวอาคาร จึงไม่มีทางทราบเลยว่า ผลลัพธ์ของปฏิบัติการเด็ดหัวลาเนวุสดำเนินไปถึงไหนแล้ว ไคลน์ทำได้เพียงอดทน และประเมินสถานการณ์จากสภาพแวดล้อม รวมถึงจุดสีดำของคนเดินผ่านไปมาด้านล่าง

ทันใดนั้น เสาตะเกียงแก๊สภายในย่านดังกล่าวพลันดับสนิทกะทันหัน

ทั้งหมดดับพรึ่บอย่างพร้อมเพรียง!

ราวกับตรงนั้นกลายเป็นหลุมดำกะทันหัน

ในพริบตา กลิ่นอายซึ่งสามารถสั่นคลอนจิตใจไคลน์อย่างหนักหน่วง พลันระเบิดกระจายเป็นวงกว้างโดยมีอาคารอิฐมอญแดงเป็นจุดศูนย์กลาง แม้ว่าชายหนุ่มจะยืนอยู่ไกลมากก็ตาม แต่ร่างกายกลับสั่นเทาอย่างมิอาจควบคุม แข้งขาอ่อนระทวย ลำตัวงอโน้มไปด้านหน้าตามสัญชาตญาณ

เป็นความรู้สึกของการถูกสะกดข่มรุนแรง จิตใจกำลังหวาดกลัวอย่างไร้เหตุผล

ไม่สามารถต่อต้านหรือเผชิญหน้า

ห้ามจ้องมองเทพเด็ดขาด…! ขณะผุดความคิดดังกล่าว ไคลน์เริ่มย้อนนึกถึงเหตุการณ์ภายในห้องรับแขกของบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ ขณะตนกำลังจะใช้เนตรวิญญาณตรวจสอบครรภ์ของเมกูส!

เหมือนกันทุกประการ…

ไม่สิ ปัจจุบันยิ่งน่ากลัวกว่าหลายเท่า!

เป็นไปได้อย่างไร? ลาเนวุสไม่ได้ถูกอวยพรแค่เศษเสี้ยวออร่าเทพของพระผู้สร้างแท้จริงหรอกหรือ? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่นั้นแล้ว…อย่างน้อยก็ต้องมีอำนาจของสมบัติวิเศษสักชิ้นสองชิ้นร่วมอยู่ด้วย! ทำไมถึงได้มอบความรู้สึกราวกับเทพนอกรีตกำลังจะจุติเช่นนี้?

ขณะไคลน์กำลังสั่นระริกไปทั้งร่างอย่างมิอาจหยุดยั้ง ขณะร่างกายมันเริ่มไร้ความรู้สึกและสมองใกล้ขาวโพลนเต็มที ชายหนุ่มพลันรู้สึกสุขสงบอย่างกะทันหัน ความมืดมิดแสนอ่อนโยนและยาวนาน ได้แผ่สะกดข่มออร่าชั่วร้ายซึ่งมนุษย์ธรรมดามิอาจขัดขืน

ความรู้สึกพิสดารทั้งสองกำลังปะทะใส่กันโดยต่างหวังเอาชนะอีกฝ่าย ส่งผลให้ตะเกียงแก๊สกลับมาลุกโชน เรือบินซึ่งเคยลอยต่ำลง กลับมารักษาระดับเหนือพื้นสิบเมตรตามเดิม

ทุกสิ่งกลับเป็นปรกติ ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน

แต่ไคลน์ยังไม่เชื่อว่าทุกสิ่งจะจบลงอย่างง่ายดายเพียงเท่านี้ มันฝืนลุกยืนด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด และทราบดีว่า ภายในอาคารอิฐมอญแดงกำลังเกิดเรื่องสำคัญอย่างมาก

ความรู้สึกสะกดข่มท่วมท้นรุนแรงเกิดขีดจำกัดผู้วิเศษปรกติ ไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว…รวมถึงความรู้สึกคล้ายกับเทพนอกรีตใกล้จุติก็สลายไปเช่นกัน หมายความว่า แผนการของลาเนวุส หรือไม่ก็พระผู้สร้างแท้จริง ถูกขัดขวางก่อนประสบผลสำเร็จ…แต่เหยี่ยวราตรีก็คงได้รับบาดเจ็บสถานหนัก และอาจเหลือเรี่ยวแรงสำหรับต่อสู้ไม่มาก…หัวใจไคลน์พลันปั่นป่วน มันรีบดึงโซ่เงินออกจากข้อมือซ้าย ถือไว้ในมือ และกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

“ลาเนวุสไม่ใช่ตัวอันตรายในตอนนี้”

หลังจากทวนครบเจ็ดหน ชายหนุ่มรีบลืมตาจ้องมองผลลัพธ์ และพบว่าจี้บุษราคัมกำลังหมุนทวนเข็ม แต่รอบความเร็วไม่ถี่มาก และคาบการแกว่งก็ไม่กว้าง

สิ่งนี้หมายถึง ลาเนวุสยังคงเป็นตัวอันตราย แต่น้อยลงกว่าเดิมมาก

ทว่า ไคลน์กำลังสนใจประเด็นอื่น

ผลการทำนายไม่ล้มเหลวแล้ว!

หมายความว่า ลาเนวุสอยู่ในภาวะปราศจากออร่าแห่งเทพ ซึ่งเป็น ‘พร’ ของพระผู้สร้างแท้จริง!

สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านพลางแทรกซึมเข้าไปในกระดูกไคลน์ ชายหนุ่มเริ่มสั่นเทาจากปลายนิ้ว คล้ายกับถูกกระแสไฟฟ้าพุ่งจากปลายเท้า ทะลวงขึ้นไปยังสมองด้านบนสุด

เราอาจยังพอทำอะไรได้บ้าง! เมื่อเกิดความคิดดังกล่าว ไคลน์ไม่ลังเล รีบเดินถอยหลังสี่ก้าวพร้อมกับส่งตัวเองเข้ามิติสายหมอกเทา

และไม่มัวเสียเวลา ไคลน์นั่นลงบนเก้าอี้เดอะฟูล เสกกระดาษหนัง ปากกาหมึกซึม พร้อมกับเขียนข้อความ

“เส้นทางหนีของลาเนวุส”

ชายหนุ่มเอนหลังพิง ริมฝีปากพึมพำประโยคทำนาย และสะกดจิตตัวเองหลับใหล

ท่ามกลางโลกสีเทาไม่คมชัด มันมองเห็นทางระบายน้ำอันมืดมิด เต็มไปด้วยดินโคลนสกปรกเปรอะเปื้อน รวมถึงท่อโลหะขึ้นสนิมระโยงระยางหลายจุด

ค่อนข้างคับแคบและมิดชิด…

ไม่ผิดแน่ เป็นทางระบายน้ำด้านล่าง!

ไคลน์รีบลืมตาตื่น ห่อหุ้มตัวเองด้วยพลังวิญญาณ ส่งจิตกลับสู่โลกความจริง

เมื่อการมองเห็นกลับกลายเป็นหอนาฬิกา ไคลน์เดินถอยหลังสองก้าว และหันกลับไปทางรั้วฝั่งตรงข้ามเรือบินสีดำ

มันไม่มัวเสียเวลาเดินบันไดวน ชายหนุ่มเลือกกระโดดตีลังกาออกจากรั้วโลหะสีเหลือง จากนั้นก็ใช้ฝ่าเท้าเหยียบผนังหอคอยพร้อมกันวิ่งลงมาในแนวดิ่ง ประหนึ่งว่ากำลังเดินบนฟื้นระนาบก็มิปาน

ภายในระยะเวลาแสนสั้น ฝ่าเท้าไคลน์ก็สัมผัสกับแผ่นหินบนพื้นถนน

ภายในอาคารอิฐแดง เหยี่ยวราตรีสวมถุงมือสีแดงสองคนกำลังนอนหมดสติหน้าประตูทางเข้า กระจกเงินโบราณกลิ้งไปหลบตรงมุมเสา กลายเป็นสิ่งของธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษโดดเด่น ไม่มีส่วนใดเหมือนกับสมบัติปิดผนึกระดับหนึ่ง เลยสักนิด

แต่เพียงจ้องมองก็พอจะทราบ ว่ามันกำลังฟื้นฟูตัวเองทีละนิด

ณ กึ่งกลางทางแยกภายในตึก เครสไทน์อยู่ในสภาพคุกเข่าลงหนึ่งข้าง โลหิตไหลซึมจากหางตาทั้งสองจนดูคล้ายกับหยดน้ำตา

เส้นผมสั้นสีทองอมน้ำตาลค่อนข้างยุ่งเหยิง ปกเสื้อเชิ้ตและเสื้อกันลมซึ่งเคยตั้งตรง กำลังอยู่ในสภาพฉีกขาดยับเยิน เผยให้เห็นคางแหลมและริมฝีปากเรียบบาง

เครสไทน์อ้าปากหายใจเหนื่อยหอบ บนฟันทุกซี่ปรากฏภาพใบหน้ามายาบิดเบี้ยว

อาวุโสใหญ่แห่งโบสถ์รัตติกาลใช้มือซ้ายซึ่งสวมถุงมือแดง ยันพื้นอาคารโดยหวังพยุงร่างกายให้ลุกยืน ลำคอตั้งตรงด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ สายตาจ้องมองไปข้างหน้า

เบื้องหน้าพอดิบพอดี เป็นบันไดนำพาไปสู่ชั้นสองของอาคาร บนขั้นบันไดมีลาเนวุสสวมเสื้อลินินฉีกขาดยืนเด่นตระหง่าน

ลาเนวุสกำลังยืนตัวตรงก็จริง แต่กึ่งกลางหน้าอกมีดาบกระดูกศักดิ์สิทธิ์สีขาวโพลนเสียบปักลึกเข้าไป

เนื้อแดงไร้ผิวหนังบนแผ่นอก ไม่ได้ก่อตัวเป็นภาพของชายห้อยหัวอีกแล้ว เหลือไว้เพียงรูโหว่ลึกและว่างเปล่า

หากจ้องผ่านรูดังกล่าวเข้าไป จะสามารถมองเห็นแผ่นหลังของลาเนวุสได้เล็กน้อย

ลาเนวุสฝืนขยับตัวอย่างยากลำบาก ตามด้วยการเปล่งเสียงหัวเราะดังกังวาน และพูดไปหัวเราะไปราวกับคนเสียสติ

“ฮะฮะ! ฮะฮ่าฮ่าฮ่า! ขอบใจมาก! ฉันไม่รู้จะขอบใจแกยังไงดี ไม่เชื่อก็ลองมองเข้ามาในดวงตาคู่นี้ดูสิ! ฉันซาบซึ้งจากก้นบึ้งหัวใจเลยทีเดียว! หากพวกแกไม่บุกโจมตีเข้ามาทันเวลา ฉันคงต้องกลายเป็น ‘ภาชนะ’ ของพระผู้สร้างแท้จริงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หากถึงเวลานั้น ตัวฉันคงไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว”

เครสไทน์พลันมึนงงเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเปิดปากพูด มันไม่อยากเชื่อว่า เหยื่อผู้ถูกสมบัติศักดิ์สิทธิ์เล่นงานจนหมดสภาพ จะกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขได้เช่นนี้

ขณะเดียวกัน มันหวังพยุงร่างตัวเองลุกยืน แต่กลับไม่เหลือเรี่ยวแรงพอจะทำให้สำเร็จ

หลังจากเห็นเครสไทน์แสดงสีหน้าสับสน ลาเนวุสฉีกยิ้มกว้างพลางอธิบาย

“แกรู้อะไรไหม…สำหรับคนอย่างฉัน อารมณ์หดหู่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ ไม่มีใครคอยร่วมยินดีกับความสำเร็จครั้งใหญ่ ซึ่งฉันภาคภูมิใจกับมันมาก! แค่ก! ย้อนกลับไปสมัยอยู่ทิงเก็น ฉันถูกพระผู้สร้างแท้จริงหลอกใช้งาน ไม่เพียงต้องทำพิธีกรรมอัญเชิญทายาทให้ท่าน แต่กลับถูกแอบฝัง ‘ตัวอ่อน’ ไว้ในร่างกาย ไม่สิ ฉันเชื่อว่าทายาทในครรภ์เมกูส เป็นเพียงกลอุบายของท่านเพื่อหลอกล่อให้ฉันประกอบพิธีกรรม…เพราะท่านไม่เคยสั่งให้ชุมนุมแสงเหนือคอยคุ้มกันเมกูสเลยสักครั้ง เธอถูกใช้เป็นเหยื่อล่อมาตั้งแต่แรก ราวกับท่านทราบอยู่แล้วว่า ทารกในครรภ์จะลงมาจุติบนโลกไม่สำเร็จ เมื่อทายาทแท้จริงของท่านอยู่ในตัวฉัน ออร่าเทพซึ่งเป็นพรประทานจากท่าน เริ่มหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ ‘ตัวอ่อน’ ภายในร่างกาย หลังจากฉันเดินทางมาถึงเบ็คลันด์ได้ไม่นาน ฮะฮะ…แกคงจินตนาการไม่ออกแน่ ถึงความเจ็บปวดขณะจิตใจกำลังถูกท่านกลืนกินทีละนิด! และในตอนสุดท้าย ฉันก็ต้องกลายเป็นพระผู้สร้างแท้จริงเสียเอง ขณะกำลังคิดหาทางออก ฉันถูกคนของชุมนุมแสงเหนือพบตัวเข้า เนื่องจากพวกมันสัมผัสถึงออร่าเทพ แต่โชคยังดี พวกมันสมองน้อยชะมัด มีแต่พวกโง่เต็มไปหมด! ฮะฮะ!”

แค่ก! แค่ก! แค่ก! ลาเนวุสอาเจียนเป็นก้อนเลือดคำโต แต่ในทางกลับกัน ร่างกายของมันเริ่มกระฉับกระเฉงขึ้นเล็กน้อย ราวกับได้รับกำลังวังชาคืนมา

มันฝืนย่างกรายลงมาข้างล่างอย่างลำบาก ใบหน้าคมเข้มเริ่มอ่อนโยนโดยไม่ทราบสาเหตุ คล้ายกับอยู่ระหว่างขั้นตอนคืนสภาพเดิม

ลาเนวุสเอื้อมมือจับราวบันไดพลางหัวเราะอย่างเหยียดหยัน

“ฉันค่อนข้างโชคดี เพราะการลงมาจุติบนโลกมนุษย์ของพระผู้สร้างแท้จริง จำเป็นต้องใช้อารมณ์ด้านลบค่อนข้างมาก ประกอบด้วยความสิ้นหวัง หดหู่ เฉยเมย ตึงเครียด โกรธแค้น และจิตใจชั่วร้าย…ถึงแม้เขตตะวันออกอันกว้างใหญ่ของเบ็คลันด์ เขตอุตสาหกรรมและเขตท่าเรือ จะมีอารมณ์ด้านลบมากพอทำให้ท่านถือกำเนิดได้ก็จริง แต่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานทีเดียว ฉันจึงยังเหลือโอกาสดิ้นรนเอาชีวิตรอด ฉันตระหนักดีว่า ตัวเองหมดโอกาสแจ้งเรื่องนี้กับตำรวจ เนื่องจากรอบตัวมีแต่สมาชิกชุมนุมแสงเหนือเต็มไปหมด ฉันเคยวางแผนบุกถล่มสถานีตำรวจให้ตัวเองถูกจับ แต่ก็ถูกหยุดไว้โดยฝีมือของหนึ่งในสมาชิกชุมนุมแสงเหนือ ทำให้หลังจากนั้น ฉันถูกทรมานแสนสาหัส จนต้องยอมล้มเลิกความคิดดังกล่าว ถัดมา ฉันแสร้งทำเป็นใกล้คลุ้มคลั่ง จึงขอโอกาสพวกมันลงไปอาละวาดภายในท่อระบายน้ำ โดยระหว่างนั้น ฉันได้ใช้เลือดชนิดพิเศษของตัวเอง ปนเปื้อนเหล่าสรรพสัตว์ภายในท่อระบายน้ำโสโครก เปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นสัตว์ประหลาดดุร้ายกลายพันธุ์…แต่น่าเสียดาย พวกแกยังไม่ทันเริ่มสืบคดี แผนการดังกล่าวก็ถูกชุมนุมแสงเหนือพบเข้าอีกครั้ง เพราะบังเอิญมีสมาชิกโง่ๆ คนหนึ่งถูกสัตว์ประหลาดของฉันฆ่าตายในทางระบายน้ำ เฮ่อ…ฉันไม่หลงเหลือออร่าเทพหรือตัวอ่อนอีกแล้ว โลหิตจึงไม่มีผลปนเปื้อน หลังจากนั้น ฉันถูกคุมเข้มยิ่งกว่าเก่า แต่ก็ยังพอหาจังหวะได้อยู่ จึงฉวยโอกาสขณะพวกมันเผลอ สังหารโสเภณีคนหนึ่งอย่างเหี้ยมโหดและสยดสยองภายในเขตท่าเรือ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากตำรวจ แต่ในกรมตำรวจดันมีสายของชุมนุมแสงเหนือเสียได้ พวกมันจึงถอดคดีของฉันออกจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ส่งผลให้ตำรวจเลิกติดตามเพราะมองเป็นแค่คดีเลียนแบบ แผนการของฉันจึงพังพินาศอีกครั้ง แต่สวรรค์ยังไม่ทอดทิ้ง ฉันตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ร้องขอคนคุ้มกันจากชุมนุมแสงเหนือ เจาะจงเลือกสมาชิกไร้สมอง ดุร้าย เกรี้ยวกราด และบ้าพลังเป็นพิเศษ…ไม่อยากเชื่อพวกมันจะเห็นดีเห็นงามโดยไม่ไตร่ตรองเลยสักนิด! ฮะฮะ! เอาสมองไปไว้ไหนกันหมด? คนบ้าพลังและสมองน้อยแบบนั้น ต้องก่อเรื่องร้ายแรงเข้าสักวันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? และไม่ทำให้ผิดหวัง พวกแกตามมาจับฉันจนได้!”

ฟู่ว…เมื่อเล่าจบ ลาเนวุสถอนหายใจ มันเริ่มขยับตัวได้มากขึ้น ประหนึ่งผลข้างเคียงของสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจือจางลง

มันดึงดาบกระดูกออกจากอก ก่อนจะกล่าวพลางตีหน้าเศร้า

“ช่างน่าเสียดาย…ดันขโมยดาบเล่มนี้กลับไปด้วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกแกคงตามหาฉันพบในพริบตา”

หลังจากดาบสีขาวโพลนหลุดออกจากร่างกายลาเนวุส บาดแผลใหญ่กึ่งกลางหน้าอกก็ไม่ปรากฏหยดเลือดอีกเลย ราวกับรู้โหว่ดังกล่าวไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายแล้ว

ลาเนวุสเลือนมือขวาขึ้นมาทาบหน้าอก จากนั้นก็โค้งคำนับเครสไทน์และหน่วยถุงมือแดงทุกคนอย่างนอบน้อม

“ผู้คนบนเรือบินคงใกล้ฟื้นเต็มที ฉันคงอยู่นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ขอบคุณมาก ขอขอบคุณจากใจอีกครั้ง ถึงพวกแกจะโง่ไปสักหน่อย แต่ก็เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตฉันไว้ ถือเป็นเกียรติสำหรับพวกโง่แล้วล่ะนะ”

เมื่อกล่าวจบ มันเหยียดตัวตรง ปิดท้ายด้วยการเผยรอยยิ้มแสนยียวนและเหยียดหยัน

“ลาก่อน เหยี่ยวราตรีผู้โง่เขลา จงสละชีวิตของแกเพื่อให้ฉันหนีรอด!”

ลาเนวุสกำดาบกระดูกพลางสืบเท้าเข้าหาเครสไทน์ หวังดับลมหายใจหัวหน้าหน่วยจู่โจมในคราวนี้ในการแทงครั้งเดียว

แต่ทันใดนั้น ลาเนวุสพลันตระหนักว่า เปลือกตาของตนเริ่มหนักอึ้งจนผิดธรรมชาติ คลับคล้ายเตรียมตกอยู่ในภวังค์หลับลึกทุกเมื่อ

“ยังมีพลังเหลืออยู่อีกหรือ? ช่างน่ารำคาญซะจริง” ลาเนวุสกัดลิ้นให้ตัวเองตื่น ก่อนจะขวางดาบกระดูกศักดิ์สิทธิ์ไปทางหนึ่งในถุงมือแดง ซึ่งกำลังนอนหมดสติบนพื้นอาคาร

“หยุดนะ!”

เครสไทน์รีบตวัดฝ่ามือด้วยสีหน้าเจ็บปวด คล้ายกับฝืนเค้นพลังวิญญาณหยดสุดท้าย ยิงคลื่นพลังล่องหน กระแทกใส่ดาบกระดูกเพื่อเปลี่ยนทิศทาง

ลาเนวุสฉวยโอกาสดังกล่าวพุ่งตัวไปด้านข้างด้วยความเร็วสูง เมื่อเข้าไปห้องน้ำสุดทางเดินยาว มันกระโจนออกจากหน้าต่างพร้อมกับหลบหนีอย่างราบรื่น

เพียงไม่นาน มันเปิดฝาท่อระบายน้ำพลางปีนลงไปด้านล่างอย่างคล่องแคล่ว

ลาเนวุสเคยชินกับทางระบายน้ำเส้นนี้มาก ดังนั้นถึงจะมืดสนิท แต่ก็ยังวิ่ง กระโดด และหักเลี้ยวได้อย่างแม่นยำ ทางวงกตลับซับซ้อนของท่อระบายน้ำ มิได้เป็นอุปสรรคต่อแผนหลบหนีแม้แต่น้อย

แต่ทันใดนั้น สัญชาตญาณของมันกลับบอกให้หยุดฝีเท้า และหันมาด้านหลัง

ฉึก!

ไพ่ปริศนาพุ่งปักลึกลงบนหน้าอก เกิดเป็นบาดแผลพร้อมกับหยดเลือดสีแดงไหลซึมตามขอบไพ่

ลาเนวุสขมวดคิ้วจ้องมองอีกฝ่าย ด้วยสายตามองเห็นในความมืด ภาพของผู้โจมตีลึกลับจึงปรากฏตรงหน้า

อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัด สวมชุดคนงานสีฟ้าอมเทา สวมหน้ากากสีขาว มุมปากสองข้างยกสูงผิดธรรมชาติ บริเวณจมูกเป็นจุดวงกลมแต้มด้วยสีแดง

ตัวตลกเปื้อนยิ้ม

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!