ตอนที่ 290 : ผลลัพธ์ทางอ้อม
เราจำได้ว่าภารกิจไม่ยุ่งยากของท่านเดอะฟูลมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบความเหมาะสมสมาชิกใหม่สองคน และหากจำไม่ผิด เนื้องานมีแค่การค้นหาบุคคลในภาพวาด โดยเป้าหมายถูกยืนยันแล้วว่าอาศัยภายในเบ็คลันด์…อัลเจอร์พยายามทบทวนรายละเอียดการชุมนุมคราวก่อน และนั่นยิ่งทำให้มันไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ว่า ภารกิจดังกล่าวกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์การจุติของเทพนอกรีตได้อย่างไร
แค่งานตามหาคนไม่ใช่หรือ?
ฟังดูไม่น่าจะอันตรายอะไร…
หรือว่ามิสเตอร์ฟูลมีจุดประสงค์อื่นเบื้องหลังภารกิจดังกล่าว? เหล่าทวยเทพกำลังทำสงครามกันอยู่หรือ?
ความคิดมากมายแล่นผ่านสมองแฮงแมนเป็นระยะ มันเกือบหักห้ามใจตัวเองไม่อยู่และซักถามมิสจัสติสออกไป แต่สุดท้ายก็เลือกแสร้งเก็บอารมณ์และปล่อยผ่าน
แต่ในฐานะผู้วิเศษถูกกฎหมายมากประสบการณ์และยังเป็นนักเดินเรือ กัปตันประจำเรือโบราณผีสิง ‘โทสะสีคราม’ อัลเจอร์ย่อมผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก มันเลือกเก็บความสงสัยในวันนี้ไว้ซักถามกับทางโบสถ์วายุสลาตันแทน ถึงรายละเอียดเหตุการณ์ล่าสุดภายในเบ็คลันด์
ทางด้านออเดรย์ เธอเข้าใจทันทีว่าถ้อยคำเดอะฟูลหมายถึงสิ่งใด และทราบทันทีว่าเหตุการณ์ลาเนวุสมีต้นตอมาจากด้านไหน
หมายความว่า เศษเสี้ยวออร่าเทพในร่างกายลาเนวุส คือสัญญาณก่อนลงมาจุติบนโลกของพระผู้สร้างแท้จริง…! สถานการณ์ยากจนและคุณภาพชีวิตอันย่ำแย่ของเขตตะวันออก เขตท่าเรือ และเขตโรงงาน ส่งผลให้อารมณ์ด้านลบรวมตัวกันมากจนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์การจุติของเทพนอกรีต…แปลว่าภารกิจของท่านเดอะฟูลมีเพื่อหยุดแผนชั่วร้ายของพระผู้สร้างแท้จริงพร้อมกับช่วยเบ็คลันด์ในคราวเดียว! ออเดรย์หันไปมองทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว ดวงตากำลังส่องประกายระยิบระยับด้วยความชื่นชมโดยไม่รู้ตัว
ในเวลาเดียวกัน เดอะเวิร์ลผู้มีกลิ่นอายอึมครึมพลันหัวเราะคิกคัก
“เห็นด้วยครับ บ่อยครั้งจะได้ยินว่ามีแรงงานเยาวชนต้องตายตั้งแต่เด็ก รวมถึงความจริงว่า แรงงานหนุ่มสาวแทบไม่เคยมีใครอายุยืนกว่าสามสิบปีได้เลย เนื่องจากประสบภาวะอ่อนล้าเกินขีดจำกัด หรือต่อให้พวกเขารอดมาได้ แต่ถ้าแก่ชราเมื่อไรก็จะเสียงานทันที กลายเป็นคนเร่ร่อนตามท้องถนน และเสียชีวิตลงเพราะความหิวโหยผนวกกับความหนาวเย็นของสภาพอากาศ…ผมไม่เคยสงสัยเลยว่าเทพนอกรีตมีจริงหรือไม่ เพราะเทพชั่วร้ายเหล่านี้ไม่ได้อยู่ไกลตัวเลยสักนิด พวกมันคอยสถิตอยู่ในเขตตะวันออก เขตท่าเรือ และเขตโรงงาน และคอยมอบความฉิบหายให้แก่ชาวเมืองน่าสงสาร ยังมีรายงานอีกว่า คนงานบางกลุ่มมีอายุขัยไม่ถึงห้าปี…และเคยมีคนกล่าวไว้ว่า หากใครสักคนสามารถเป็นปู่หรือตาได้ ต้องไม่ได้ประกอบอาชีพคนงาน และต้องมีพื้นเพมาจากชนบทเท่านั้น ไม่มีข้อยกเว้นในกรณีนี้ ความหมายก็คือ ชาวเขตตะวันออกส่วนมากจะมีอายุไม่ยืนยาวจนสามารถให้กำเนิดทายาทรุ่นสองได้ หรือต่อให้มีลูกสำเร็จ บุตรของพวกเขาก็อายุไม่ยืนยาวพอจะให้กำเนิดทายาทรุ่นถัดไปอยู่ดี ความอดอยากทำให้ไม่มีแรง และเมื่อไม่มีแรงก็ไม่ได้ทำงาน อนาคตจึงมีเพียงความตายสถานเดียว ไม่ต้องเอ่ยถึงการแต่งงานและสืบพันธุ์มีทายาทรุ่นต่อไป”
ออเดรย์ไม่เคยได้ยินเดอะเวิร์ลพูดมากเช่นนี้มาก่อน จึงค่อนข้างตะลึงและประหลาดใจ
ทำไมเราถึงไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้…หนังสือพิมพ์และนิตยสารเพียงเล่าว่า ชาวเขตตะวันออกต้องประสบความยากลำบากในการหาเลี้ยงชีพ…ไม่มากไปน้อยไปกว่านั้น…คุณภาพชีวิตของพวกเขาต่ำยิ่งกว่าชนชั้นกรรมกรอีกไม่ใช่หรือ? ดวงตาออเดรย์พลันสั่นเทากะทันหัน เธอเริ่มตระหนักว่าตนยังรู้จักสถานการณ์ของอาณาจักรและเมืองหลวงไม่มากพอ
ทันใดนั้น เด็กสาวเริ่มเข้าใจว่าทำไมท่านเดอะฟูลถึงต้องถอนหายใจเหนื่อยหน่าย และทำไมในยุคสมัยเช่นนี้ ในเมืองหลวงอย่างเบ็คลันด์ ในชุมชนแออัดอย่างเขตตะวันออก ย่านท่าเรือ จึงกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีสำหรับการจุติของเทพนอกรีต
เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้! ไม่อย่างนั้น เบ็คลันด์คงถูกทำลายเข้าสักวันแน่ เด็กสาวรู้สึกอยากกลับไปศึกษาเรื่องนี้ให้ละเอียด จากนั้นก็โน้มน้าวบิดา เคาต์ฮอลล์ ให้ช่วยผลักดันจนเกิดความเปลี่ยนแปลง เธอต้องการใช้พลังของ ‘ผู้ชม’ และ ‘นักอ่านใจ’ คอยชี้นำรัฐบาลและพรรคการเมืองให้พัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวตะวันออก เขตท่าเรือ และเขตโรงงานผู้น่าสงสาร…
บนเก้าอี้เดอะฟูล ไคลน์แอบชำเลืองท่าทีตอบสนองของจัสติสอย่างเงียบงัน
มันจงใจรำพันอย่างมีเลศนัย รวมถึงการควบคุมไอดีเด็ก เดอะเวิร์ล ให้ช่วยเล่ารายละเอียดเขตตะวันออกแบบลงลึก เพื่อให้บุตรสาวขุนนางเช่นเธอ ผู้ยังมีความไร้เดียงสาและเห็นอกเห็นใจ ตระหนักถึงความเลวร้ายของเขตตะวันออก และใช้ความรู้สึกนั้นผลักดันอาณาจักรให้ไปในทิศทางเหมาะสม
ก่อนจะได้เป็น ‘ผู้ไร้หน้า’ เราห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้โดยตรงเด็ดขาด…ไคลน์พึมพำพลางตั้งกฎเข้มงวดกับตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ ท่านเดอะฟูล ขอบคุณสำหรับการช่วยปกป้องเบ็คลันด์ไว้ สีหน้าเหนื่อยหน่ายของท่านทำให้ดิฉันตระหนักถึงรากฐานของปัญหา และขอบคุณมิสเตอร์เวิร์ลเช่นกัน คุณช่วยให้ดิฉันมองเห็นภาพรวมของสถานการณ์ปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง…ฉันไม่เคยทราบอะไรแบบนี้มาก่อน” ออเดรย์พยายามระงับอารมณ์ปัจจุบัน พลางกล่าวขอบคุณสองสุภาพบุรุษจากสองสุดขอบโต๊ะสำริดโบราณ
“ช่วยปกป้องเบ็คลันด์?” อัลเจอร์ไม่ประหลาดใจกับสภาพอันย่ำแย่ของเขตตะวันออก เขตท่าเรือ และเขตโรงงานสักเท่าไร แต่มันไม่เข้าใจปฏิกิริยาตอบสนองของจัสติส
เรื่องราวคราวนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน…? นักเดินเรือหนุ่มอดขมวดคิ้วชนกันไม่ได้
เดอะซัน เดอร์ริค·เบเกอร์ ผู้ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย และไม่เข้าใจสักอย่างเดียว กลับยังคงตั้งใจฟังบทสนทนาโดยไม่ปล่อยให้ถ้อยคำใดเล็ดลอด เพราะมันหวังว่าจะเข้าใจโลกของแฮงแมน จัสติส และเดอะเวิร์ลได้มากขึ้น
ไคลน์เพียงยิ้มตอบความเห็นอกเห็นใจของจัสติสโดยไม่กล่าวสิ่งใดเสริม ก่อนจะเหลือบมองไปทางแฮงแมน
อัลเจอร์เข้าใจความหมายของสายตา จึงรีบก้มหน้าเขียนไดอารีของจักรพรรโรซายล์แผ่นสุดท้ายซึ่งยังติดค้างอยู่
เมื่ออีกฝ่ายเขียนเสร็จ ไคลน์ย้ายกระดาษหนังมาอยู่บนมือตัวเองพร้อมกับก้มหน้าอ่าน
“14 มกราคม เราเริ่มพบปัญหาน่าเป็นห่วงข้อหนึ่ง หากสมบัติวิเศษลำดับสูงซึ่งมีสตินึกคิดเป็นของตัวเอง ไม่ถูกผนึกไว้ให้ถูกต้องและแน่นหนา มันจะสร้างแรงดึงดูดกับผู้วิเศษลำดับต่ำในเส้นทางเดียวกันโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายได้มาบรรจบพบกัน ยิ่งฝ่ายแรกมีลำดับสูงเท่าใด โอกาสเกิดเรื่องดังกล่าวก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อิทธิพลดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่จะมาเป็นพักๆ เท่านั้น”
เนื้อความข้างต้นได้ปลุกไคลน์ให้ตาสว่างทันที เนื่องจากมันเคยตั้งสมมติฐานคล้ายคลึงกันไว้ก่อนหน้าแล้ว
หลังจากมาถึงเบ็คลันด์ได้ไม่นาน ชายหนุ่มพบว่าตัวเองเข้าไปพัวพันกับลัทธิเร้นลับ เจ้าของเส้นทางนักทำนายเข้าโดยบังเอิญ และในภายหลัง มันยังต้องเผชิญเหตุการณ์เฉียดใกล้ความตาย แต่ในตอนสุดท้ายก็ได้รับสูตรโอสถลำดับเจ็ด หก และ ห้า มาครองสำเร็จ
ในเวลานั้น ไคลน์สงสัยว่า ความพิเศษจากการเดินทางข้ามโลกของตนได้มอบสิทธิประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการคืนชีพ การตื่นตัวเมื่อถูกบุกรุกความฝัน และห้วงมิติหมอกเทา จึงคาดว่าการพัวพันกับเส้นทางนักทำนายเป็นพิเศษ อาจจะมาจากอิทธิพลของการเดินทางข้ามโลกด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสหรือลัทธิเร้นลับ
แต่หลังจากได้อ่านไดอารี ไคลน์เริ่มผุดแนวคิดใหม่
ชายหนุ่มใช้หางตาชำเลืองห้วงมิติสายหมอกเทาและกลุ่มดาวแดงมายาด้านล่าง จากนั้นก็รำพันกับตัวเอง
หรือว่าแรงดึงดูดกับเส้นทางนักทำนายจะไม่ใช่เรา…แต่เป็นสายหมอกสีเทาเหล่านี้…ห้วงมิติเหนือหมอกเทา?
เพราะมันก็ถือเป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์จากการเดินทางข้ามโลกเช่นกัน…
แต่เนื่องจากเบาะแสไม่เพียงพอ ข้อสรุปจึงยังเลือนราง ไคลน์ตัดสินใจสลัดความสงสัยทิ้งและก้มหน้าอ่านไดอารีส่วนอื่น
“16 มกราคม การได้เสพสุขกับ ‘แม่มด’ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก”
…มุมปากไคลน์พลันกระตุกแรง มันไม่ทราบว่าตนควรทำสีหน้าเช่นไร
รุ่นพี่จักรพรรดิ…ผมเข้าใจแล้ว คงไม่มีอะไรในโลกหยุดคุณได้อีก…ไม่สนใจแล้วใช่ไหมว่าอีกฝ่ายเคยเป็นเพศเดียวกัน และมีไอ้นั่นเหมือนคุณมาก่อน…ขอเพียงเกิดความสุขเป็นล้นพ้นขณะทำเรื่องอย่างว่าก็พอ…
ชายหนุ่มพยายามระงับตัวเองไม่ให้ถอนหายใจยาวต่อหน้าทุกคน มันฝืนก้มหน้าอ่านส่วนสุดท้ายของไดอารี
“20 มกราคม เราสร้างไพ่เย้ยเทพใบสองสำเร็จแล้ว! คิดเข้าสิ…ใช้สมองเข้า เราควรซ่อนมันไว้ตรงไหนดี…? นึกออกแล้ว! ต้องจำแลงไว้ในร่างของกระดาษคั่นหน้าหนังสือ! จากนั้นก็นำไปสอดไว้ในหนังสือมูลค่าสูง หากเจ้าของหนังสือไม่มีวาสนามากพอ มันก็จะไม่มีทางทราบว่า สิ่งมีค่าอันดับหนึ่งในหนังสือเล่มนั้นคือกระดาษคั่นหน้าแสนธรรมดา! ไม่เลว แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว!”
…รุ่นพี่จักรพรรดิ…ทำไมเอ็งถึงไม่อธิบายให้ละเอียดกว่านี้ฟะ! หนังสือชื่อว่าอะไร? เก็บไว้ตรงไหน? เฮ่อ…นึกว่าจะได้ตามรอยเบาะแสของไพ่เย้ยเทพสุดหายากเสียแล้ว…หมดกัน ความลับแห่งการเป็นเทพ…ไคลน์พลันผิดหวังรุนแรง มันปล่อยสายตาให้เลื่อนผ่านข้อความด้านล่างโดยไม่ใส่ใจนัก
ได้แต่หวังว่าไอดารีแผ่นถัดไปจะช่วยมอบเบาะแสของไพ่เย้ยเทพมากกว่านี้…ไคลน์พยายามปลอบใจตัวเอง จากนั้นก็เอนหลังและเงยหน้ายิ้มให้ทุกคน “เริ่มสนทนาได้”
ทันใดนั้น เดอะซัน เดอร์ริค รีบยกมือขึ้น มันพยายามเลียนแบบมารยาทของจัสติส จากนั้นก็กล่าวเข้าประเด็น
“มิสเตอร์เวิร์ล อาวุธวิเศษของคุณมีประสิทธิภาพน่าทึ่งมาก ตอนนี้ผมรวบรวมคะแนนคุณประโยชน์มากพอสำหรับแลกโอสถลำดับแปด ของตัวเองแล้ว จึงใช้คะแนนซึ่งยังพอจะเหลืออยู่บ้าง จ้างให้คนอื่นช่วยรวบรวมรากแก้วและยางของต้นไม้มนุษย์หมอกทึบ ข้อตกลงของพวกเรากำลังจะลุล่วงในไม่ช้า”
เด็กหนุ่มอธิบายอย่างละเอียด เพราะกังวลว่าเดอะเวิร์ลจะมองตนไม่มืออาชีพ
แน่นอน เดอร์ริคเล่าความจริงทั้งหมด ถึงแม้อาวุธประเภทขวานจะไม่ได้อยู่ในความคาดหวังตอนแรก แต่เมื่อลองใช้จริง ประสิทธิภาพของมันกลับน่าเหลือเชื่อมาก
ขวานเล่มดังกล่าวจะสร้างสายฟ้าทรงพลังในทุกการเหวี่ยงสองสามหน ยิ่งเมื่อผนวกเข้ากับพลังของนักขับขาน เราสามารถดวลกับสัตว์ประหลาดลำดับเจ็ด ได้อย่างสูสี และถ้าได้สู้กับสัตว์ประหลาดแพ้ทางสายฟ้า การเอาชนะก็ยิ่งง่ายขึ้นหลายเท่า…ตอนนี้เรากลายเป็นผู้ภาวนาแห่งแสงแล้ว ได้ครอบครองเวทมนตร์พื้นฐานหลายชนิด พลังต่อสู้โดยรวมจึงนับว่าก้าวกระโดด บางทีอาจเอาชนะสัตว์ประหลาดลำดับเจ็ด ได้ไม่ยากเย็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว…เดอร์ริคตกหลุมรักอาวุธวิเศษเล่มใหม่เข้าอย่างจัง
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากขวานเล่มดังกล่าวจะมีประโยชน์กับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ เนื่องจากสัตว์ประหลาดในความมืดส่วนใหญ่ ถูกปลูกฝังให้หวาดกลัวต่อสายฟ้าซึ่งเป็นแหล่งแสงสว่างเดียวของโลก สิ่งนี้คือกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติมานานหลายชั่วอายุคน
“ได้ยินแบบนั้นค่อยโล่งใจ” ไคลน์ควบคุมเดอะเวิร์ลให้พยักหน้า
จากนั้นก็มองไปรอบตัวพร้อมกับตั้งคำถาม
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งลาย พวกคุณพอจะมีเบาะแสของไขกระดูกเสือดำลายมารบ้างไหม รวมถึงผลึกแก่นน้ำพุเอลฟ์”
ออเดรย์รีบส่ายศีรษะโดยไม่คิดมาก แต่สำหรับอัลเจอร์ มันก้มหน้าตรึกตรองสักพักก่อนมอบคำตอบ
“ในเร็วๆ นี้จะมีงานใหญ่ถูกจัดขึ้นกลางทะเลโซเนียร์ แน่นอนว่ามีเรือของสี่ราชาโจรสลัดและหกพลเรือโจรสลัดเข้าร่วมด้วย…ไม่สิ ตอนนี้คงต้องเรียกว่าเจ็ดพลเรือโจรสลัดมากกว่า เนื่องจากมีใครบางคนยกระดับตัวเองขึ้นมาแทนตำแหน่งคีลิงเกอร์สำเร็จ ในงานดังกล่าวจะมีการค้าขายแลกเปลี่ยนวัตถุดิบวิเศษจำนวนมาก เป็นไปได้ว่าของหายากระดับปานกลางอย่างไขกระดูกเสือดำลายมารและผลึกแก่นน้ำพุเอลฟ์จะปรากฏตัวขึ้น ผมเองก็มีสิทธิ์เข้าร่วมงานนี้ แล้วทางคุณมีสิ่งใดมาแลกเปลี่ยนกับสินค้าดังกล่าว? ผมมั่นใจว่าคุณไม่มีสูตรโอสถผู้รับใช้วายุแน่นอน และในอนาคตก็คงหาไม่ได้เช่นกัน”
………………….