ตอนที่ 295 : วัตถุดิบพร้อมหน้า
จิตใต้สำนึกของออเดรย์มักเข้าใจเพียงว่า ซาลามันเดอร์สีรุ้ง เท่ากับ ต่อมใต้สมองของซาลามันเดอร์สีรุ้ง เท่ากับ มีขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์
ดังนั้นสำหรับเด็กสาว ซาลามันเดอร์สีรุ้งจึงควรเป็นวัตถุดิบหลักขนาดเล็ก ผิวอ่อนนุ่ม และเปลี่ยนสีได้ตลอดเวลา
แต่สัตว์ประหลาดยาวสามเมตร สูงครึ่งแข้งตัวนี้มันคืออะไรกัน?
ขณะกำลังตกตะลึง เสียงเห่าของซูซี่ได้ปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์ ออเดรย์รีบปั้นยิ้มแสร้งทำเป็นพึงพอใจผลลัพธ์เสียเต็มประดา ก่อนจะหันไปกล่าวกับพ่อบ้าน
“เป็นตัวอย่างสัตว์สำหรับศึกษา ตรงตามอุดมคติของฉันเลยค่ะ” เอ่อ…เพียงแต่ว่าขนาดของมันออกจะใหญ่ไปสักหน่อย…รบกวนช่วยบอกให้บุรุษรับใช้ยกไปวางในคลังเก็บของก่อน ไว้มีเวลาว่าง ฉันค่อยหาโอกาสศึกษามันภายหลัง”
“ขอรับคุณหนู!” เมื่อขานรับ พ่อบ้านรีบหันไปสั่งกลุ่มบุรุษรับใช้ชายด้านข้าง ซึ่งกำลังแอบเหล่คุณหนูด้วยหางตา
ออเดรย์กวาดสายตาหนึ่งรอบ จากนั้นก็เดินนำซูซี่เข้าไปในห้องอ่านหนังสือ โดยอาศัยข้ออ้างว่าต้องการเขียนจดหมายตอบกลับถึงอัลเฟรด จำเป็นต้องใช้สมาธิ ห้ามให้ใครเข้าไปรบกวนโดยเด็ดขาด ส่งผลให้สาวใช้ทุกคนทำได้เพียงประจำการด้านนอก
ถ้าชำแหละสองทั้งศพ เราจะมีต่อมใต้สมองของซาลามันเดอร์สีรุ้งจำนวนสองชุด…สามารถนำหนึ่งชิ้นไปแลกเปลี่ยนกับกระต่ายฟาสแมนได้ ถัดจากนั้นค่อยปรุงเป็นโอสถนักอ่านใจ…เมื่อออเดรย์เริ่มฟื้นฟูสติกลับมาจากอาการหวาดผวา เธอรีบวางแผนเลื่อนลำดับให้กับสุนัขตัวโปรด
ทันใดนั้น เด็กสาวพลันตระหนักถึงปัญหาสำคัญ
เธอไม่ทราบเลยว่าซูซี่ย่อยโอสถผู้ชมหมดแล้วหรือยัง!
ถ้าย่อยโอสถเก่าไม่สมบูรณ์ การดื่มโอสถใหม่เข้าไปอาจทำให้ซูซี่เกิดอาการคลุ้มคลั่ง…เธอไม่ใช่มนุษย์สักหน่อย ไม่มีทางอดทนต่อเสียงเพรียกในหัวได้แน่…เดี๋ยวสิ! แล้วซูซี่ผ่านครั้งแรกมาได้ยังไง!? แม้สมองของเธอจะเทียบเท่าเด็กหญิงสิบขวบ แต่ก็สามารถฟังและพูดภาษาโลเอ็นได้บ้าง แถมยังบอกว่าอยากอ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และหนังสือ…ออเดรย์เงียบงันหลายวินาที สายตาเพ่งมองโกลเดนรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่พลางครุ่นคิด
“ซูซี่ เธอย่อยโอสถหมดแล้วหรือยัง?”
“ย่อย?” ซูซี่ทวนคำซ้ำอย่างฉะฉาน ใบหน้าปรากฏความสับสนชัดเจน
ออเดรย์เคยเล่าเรื่องโอสถไปแล้ว อธิบายว่าซูซี่เป็นแบบนี้ได้เพราะดื่มโอสถเข้าไป รวมถึงกำชับว่าห้ามบอกใครโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์มีสติปัญญา ซึ่งสามารถเห่าหอนหรือร้องเมี๊ยวทักทายกลับมาได้
ออเดรย์พยักหน้ารับหนักแน่น
“เป็นความรู้สึกพิเศษและแปลกประหลาด คล้ายกับสิ่งมายาในตัวเธอพ่ายแพ้และหลอมรวมเข้ากับจิตใจโดยสมบูรณ์ เธอจะมองเห็นหมู่ดาวมากมายชั่วขณะ โดยตัวเธอก็เป็นหนึ่งในดวงดาวเหล่านั้น และในตอนสุดท้าย ดวงดาวทั้งหมดจะผสานกันเป็นหนึ่งเดียว”
ซูซี่ตั้งใจฟังโดยไม่พูดแทรก ก่อนจะมอบคำตอบด้วยเสียงแผ่วเบาแต่กระชับ
“ถ้าอย่างนั้นก็ย่อยแล้ว ฉันเคยสัมผัสความรู้สึกดังกล่าวมาก่อน”
หือ? ซูซี่ย่อยโอสถเสร็จแล้วหรือ? ต…แต่เราไม่เคยสอนเทคนิคสวมบทบาทเลยสักครั้ง! อย่างมากก็แค่กำชับให้สุขุมเข้าไว้ และหมั่นสังเกตผู้คนรอบตัวอย่างละเอียด…ออเดรย์ซักถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เธอย่อยเสร็จตอนไหน?”
“เมื่อเดือนก่อน…หรือเดือนก่อนนั้น…หรืออาจเป็นก่อนหน้านั้นอีก…” ซูซี่พยายามเค้นสมองนึก แต่เมื่อเห็นเจ้านายแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวขึ้นทุกขณะ โกลเดนรีทรีฟเวอร์ขนฟูตัดสินใจตัดบท “ออเดรย์ ฉันเป็นแค่สุนัข จะไปจำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร? โฮ่ง!”
แค่สุนัข…แต่เธอย่อยโอสถช้ากว่าฉันแค่นิดเดียวเองนะ! แล้วฉันจะมีหน้าไปเล่าให้ผู้วิเศษคนอื่นฟังได้อย่างไร ว่าเราย่อยโอสถได้เร็วกว่าสุนัขแค่นิดเดียวเท่านั้น…ฮึ่ม! ออเดรย์ เธอกำลังคิดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่! เด็กสาวพยายามสงวนกิริยาสง่างาม พลางกล่าวยกย่องชมเชย “เก่งมาก…ความเร็วในการย่อยโอสถของเธอช่างน่าทึ่ง”
…
เมื่อกลับจากบ้านเลพเพิร์ด ไคลน์ตัดสินใจทิ้งตัวงีบยามบ่ายอย่างผ่อนคลาย
แต่เพียงไม่นานก็ถูกปลุกด้วยเสียงเพรียกมายาดังแหบพร่าภายในสมอง
ผู้ชาย…แฮงแมน? หรือเดอะซันน้อย? หนึ่งในสองวัตถุดิบหลักของโอสถนักมายากลเรียบร้อยแล้วหรือ? ไคลน์ก้มหน้าพิจารณาความเป็นไปได้สักพัก เมื่อความโมโหจากการถูกปลุกเริ่มบรรเทาลง ชายหนุ่มเดินทวนเข็มสี่ก้าวส่งตัวเองเข้าห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา
ภาพแรกคือดาวแดงตัวแทนแฮงแมนกำลังยุบพออย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มไม่ลังเลจะถ่ายพลังวิญญาณเข้าไป
หลังจากได้ยินพระนามอันสูงส่งของเดอะฟูลตามปรกติ ส่วนถัดไปเป็นบทสวดภาวนาของแฮงแมน
“… ผมรวบรวมไขสันหลังของเสือดำลายมารและผลึกแก่นน้ำพุเอลฟ์ครบแล้ว ได้โปรดอนุญาตให้ผมประกอบพิธีกรรมสังเวยแด่ท่าน จากนั้นก็ขอรบกวนท่าน ส่งวัตถุดิบเหล่านี้ต่อไปยังเดอะเวิร์ล”
เร็วฉิบ…ไหนแฮงแมนเล่าว่า จะมีงานชุมนุมมหาโจรสลัดในอนาคตอันใกล้…แบบนี้ไม่เรียกอนาคตอันใกล้แล้ว… เรียกว่าทันทีน่าจะเหมาะสมกว่า…หืม…ต่อหน้าสมาชิกคนอื่น แฮงแมนมักพูดความจริงไม่หมดเสมอ…ไคลน์พยักหน้ารับ พร้อมกับเปล่งเสียงก้องกังวานส่งกลับไป “ไม่มีปัญหา”
หลังจากจบพิธีกรรมอย่างง่าย อัลเจอร์ฝืนเก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจ แม้จะต้องการถามออกไปว่า มิสเตอร์ฟูลสามารถกระทำสิ่งใดกับ ‘ลูกแก้วดวงดาว’ ของพลเรือเอกแห่งดวงดาว แคทลียา ได้หรือไม่
เมื่อสิ้นสุดพิธีกรรมสังเวย ไคลน์ลบตัวตนแฮงแมนออกจากหัวทันที สายตาเพ่งมองเพียงสองวัตถุดิบหลักบนผิวโต๊ะทองแดงยาวอย่างไม่กะพริบ
ไขสันหลังของเสือดำลายมารคือวัตถุกึ่งของเหลวลักษณะโปร่งแสง แต่หากตั้งใจพิจารณาอย่างละเอียด จะพบว่าด้านใดของเหลวประกอบด้วยของเหลวซ้อนทับกันหลายชั้น ยิ่งเป็นชั้นลึกลงไปเพียงใด ก็ยิ่งโปร่งใสมากเท่านั้น ถ้าคนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำได้มาเห็นเข้าคงพึงพอใจไม่น้อย
ผลึกแก่นน้ำพุเอลฟ์มีลักษณะคล้ายกับไข่ไก่สีซีด เปลือกค่อนข้างบาง ราวกับจะแตกหักทันทีหากใช้มือสัมผัส ส่งเสียงเหมือนกระแสน้ำวนตลอดเวลา แม้จะวางไว้แน่นิ่งก็ตาม
คงขายได้สัก สามร้อยปอนด์พร้อมกับเบาะแสสูตรโอสถนักปรุงยา…ปัจจุบัน โอสถนักมายากลของเราขาดแค่รากแก้วและยางของต้นไม้มนุษย์หมอกทึบเท่านั้น…เมื่อไรเดอะซันน้อยจะรีบดำเนินการให้เสร็จสักที…ไคลน์รอคอยด้วยสีหน้าคาดหวัง
ส่วนวัตถุดิบรอง ชายหนุ่มได้ตระเวนรวบรวมจากหลายร้านรอบเบ็คลันด์เรียบร้อยแล้ว ตัวอย่างเช่นอัญมณีหยดน้ำ ไคลน์ซื้อมาจากร้านขายอัญมณีทั่วไปและนำมาบดให้เป็นผงละเอียด ราคาห้ากรัมต่อ 2.5 ปอนด์
เดอะซัน เดอร์ริค ไม่ปล่อยให้ไคลน์รอนาน มันสวดภาวนาถึงเดอะฟูลในวันพุธช่วงเย็น จากนั้นก็ประกอบพิธีสังเวยเรียง่าย ส่งรากแก้วและยางของต้นไม้มนุษย์หมอกทึบเข้าสู่ห้วงมิติเหนือหมอกเทา
รากแก้วของต้นไม้มนุษย์หมอกทึบมีลักษณะคล้ายหัวใจ สีน้ำตาล ขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์เพศชายโตเต็มวัย เปี่ยมด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น ประหนึ่งผิวหนังของชายชราก็มิปาน แต่ด้านหลังกลับอ่อนนุ่มและเรียบเนียนราวกับอัญมณีล้ำค่า รากแก้วดังกล่าวจะมีอาการยุบพองแผ่วเบาตลอดเวลา คงเป็นเพราะด้านในบรรจุพลังชีวิตไว้บางส่วน
ยางไม้มีสีเขียวระยิบระยับ ใครเห็นเป็นต้องรู้สึกอยากดื่มกินดับกระหาย
ไคลน์จ้องมองทั้งหมดด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ
สำหรับยุคสมัยปัจจุบัน และวันเวลาในปัจจุบัน ลำดับเจ็ด จะหมายถึงผู้วิเศษลำดับกลาง เป็นอีกขั้นของการก้าวกระโดด
หมายความว่า ห่างชั้นกับผู้วิเศษลำดับต่ำค่อนข้างมาก ไม่ได้แข็งแกร่งว่าสามัญชนทั่วไปเพียงหางอึ่งอีกแล้ว สามารถสำแดงพลังให้สมกับการเรียกตัวเองว่าผู้วิเศษ!
ฟู่ว…ไคลน์ถอนหายใจยาวอย่างไม่รีบร้อน มันบรรจงเดินกลับขึ้นห้องนอน ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง เพื่อนำวัตถุดิบหลักโอสถกลับมายังโลกจริง
คราวนี้ไม่ต้องเตรียมภาชนะแบบพิเศษให้วุ่นวาย เพียงนำหม้อโลหะและขวดแก้วภายในครัวมาล้างทำความสะอาดสองสามหน ก่อนจะเริ่มลงมือปรุงยาตามลำดับขั้นตอน ชายหนุ่มจัดเตรียมวัตถุดิบรองก่อน ค่อยหันมาสนใจกับวัตถุดิบหลักภายหลัง
เนื่องจากมีพลังตัวตลกช่วยควบคุมความนิ่งของมือ ไคลน์สำเร็จขั้นตอนแรกอย่างไม่ยากเย็น ถัดมาเป็นการใส่วัตถุดิบหลังตามลงไปทีละชิ้น เริ่มจากไขสันหลังเสือดำลายมาร ต่อด้วยรากแก้วและยางของต้นไม้มนุษย์หมอกทึบ
ซ่า!
หมอกสีขาวโพลนปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงประกอบฉาก ก่อนจะถูกพลังลึกลับล่องหนดึงกลับลงไปในหม้อต้มอย่างเป็นปริศนา
เมื่อทุกสิ่งเริ่มสงบลง ไคลน์รีบเทของเหลวจากหม้อ ลงในขวดแก้วซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้า
ของเหลวชนิดนี้ค่อนข้างพิเศษ คล้ายกับด้านในมีมหกรรมพลุไฟถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ของเหลวด้านในจะเปลี่ยนเป็นสีหนึ่ง จากนั้นก็แตกกระจัดกระจายไปรอบขวด ก่อนจะเริ่มก่อตัวเป็นสีสันใหม่อีกครั้ง ไล่จากสีแดง ส้ม เหลือง เขียว และสีอื่น วนซ้ำเช่นนี้ไม่รู้จบ
นี่คือโอสถนักมายากล!
ไคลน์วางเหรียญ หนึ่งปอนด์ไว้ระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของมือซ้าย ก่อนจะดีดขึ้นไปในอากาศและแบฝ่ามือข้างเดียวกันรอรับ
มันอาศัยพลังทำนายช่วยยืนยันว่า โอสถของตนถูกปรุงอย่างสมบูรณ์ตามสูตรหรือไม่
แปะ!
เหรียญทองตกลงบนฝ่ามือ เผยให้เห็นด้าน ‘หัว’ ซึ่งหมายถึงการยืนยันว่าเป็นจริง
โดยไม่รีรอ ไคลน์เก็บเหรียญทองเข้ากระเป๋าพร้อมกับเดินถือขวดแก้วบรรจุโอสถออกจากห้องครัวทันที
ปัจจุบัน ท้องฟ้าด้านนอกกำลังมืดมิด ตะเกียงแก๊สภายในบ้านยังไม่ถูกเปิดใช้งาน บรรยากาศรอบตัวจึงดำสนิท มีเพียงเสียงเสียดสีจากลมพัดกระทบมุขหน้าต่าง คอยดังกระตุ้นความสยองขวัญของฉากตรงหน้า
ไคลน์เดินไปนั่งลงบนโซฟา หลับตาเข้าฌานเพื่อตัดอารมณ์ส่วนเกินทั้งหมดออก
เมื่อมั่นใจว่าทุกสิ่งถูกเตรียมการพร้อม ชายหนุ่มยกขวดแก้วขึ้นด้วยมือขวา แหงนหน้าขึ้นและเอียงคอไปด้านหลังเล็กน้อย ปิดท้ายด้วยการกระดกโอสถนักมายากลลงไป
อึก! อึก!
ผิวสัมผัสโอสถเยือกเย็นราวกับกลืนก้อนน้ำแข็ง ทุกวินาทีผ่านไปอย่างทรมาน ราวกับมีฟองอากาศขนาดเล็กระเบิดอย่างต่อเนื่องภายในร่างกาย
ไคลน์ถูกกระตุ้นรุนแรงหนักหน่วง ข้อมูลจำนวนมหาศาลหลั่งไหลท่วมท้นหัวสมอง พวกมันระเบิดกระจัดกระจายคล้ายกับดอกไม้ไฟมายากำลังอาละวาด
เส้นเลือดใหญ่กึ่งกลางหน้าผากปูดโปนจนน่าหวาดเสียว ศีรษะปวดแสบราวกับใกล้ระเบิดเต็มที
อย่างไรก็ตาม ไคลน์สามารถอดทนผ่านไปได้ไม่ยากเย็น เพราะเสียงเพรียกขณะส่งตัวเองเข้ามิติสายหมอก รวมถึงเสียงเพรียกจากพระผู้สร้างแท้จริงน่ากลัวกว่านี้หลายสิบเท่า
“โฮนาซิส…เฟรเกีย…โฮนาซิส…เฟรเกีย…โฮนาซิส…เฟรเกีย…”
เสียงมายาล่องลอยและเย้ายวนดังก้องกังวาน ศีรษะไคลน์ยุบพองและหดกลับอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มรีบพยุงสติ กลุ่มก้อนบอลแสงถูกสร้างซ้อนทับท่ามกลางทะเลจิต การเข้าฌานสำเร็จลุล่วงในเวลาอันสั้น
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ภาพการมองเห็นไคลน์เริ่มกลับเป็นปรกติ พร้อมกันนั้น ร่างกายชายหนุ่มพลันรู้สึกแสบคันไปทั่วร่าง โดยเฉพาะท่อนแขนอันสุดแสนทุกข์ทรมาน
ไคลน์รีบถกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น และประหลาดใจอย่างสุดขีดเมื่อได้ประจักษ์ภาพตรงหน้า แขนข้างหนึ่งมีริ้วรอยเหี่ยวย่นเป็นร่องลึกราวกับคนอายุร้อยปี ส่วนอีกข้างปราศจากสีสัน กลายเป็นแขนโปร่งแสงจนมองเห็นเส้นเลือดใหญ่ กล้ามเนื้อ รวมถึงเส้นเลือดฝอย
นี่มัน…เรากำลังจะคลุ้มคลั่ง? ไม่สิ ต้องไม่ใช่แน่ คงเป็นอิทธิพลจากจิตตกค้างภายในโอสถมากกว่า…ท่ามกลางความดำมืดโดยสมบูรณ์ ไคลน์นั่งสงบสติอย่างเงียบงันบนโซฟาอ่อนนุ่ม สายตาเหลือบมองท่อนแขนสองข้างเป็นระยะ ราวกับกังวลปีศาจจะลงมาจุติในร่างตน
แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ จึงปล่อยตัวปล่อยใจให้สงบนิ่งในความมืด รอให้ท่อนแขนเหี่ยวย่นและโปร่งแสง ทยอยฟื้นตัวกลับมาทีละนิดเมื่อเวลาล่วงผ่านไป กระทั่งราวหกเจ็ดนาทีถัดมา ไคลน์ถอนหายใจยาวสุดปอดเมื่อสัมผัสว่าทุกสิ่งกลับสู่สภาพปรกติสักที
ขอบคุณสวรรค์ ไม่มีใครบังเอิญเคาะประตูบ้านหรือสั่นกระดิ่งในช่วงเวลาดังกล่าว…ขนาดว่าเราดื่มโอสถนักมายากลหลังจากโอสถลำดับแปด ถูกย่อยสมบูรณ์แล้ว ยังต้องเผชิญเหตุการณ์เสี่ยงอันตรายถึงเพียงนี้…หากเป็นผู้วิเศษทั่วไปซึ่งไม่รู้จักเทคนิคสวมบทบาท คงยากจะผ่านขั้นตอนเมื่อครู่ไปได้
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหัวหน้าต้องใช้เวลานานถึงเก้าปี…
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสเวย์น อดีตหัวหน้าหน่วยทูตพิพากษาแห่งเมืองทิงเก็น และยังเป็นเจ้าของผับมังกรชั่ว ถึงไม่กล้าดื่มโอสถลำดับเจ็ด นักเดินเรือในตอนอายุมาก…
หลังจากนั่งเงียบสงบราวสิบวินาที ไคลน์บรรจงลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง
ในวินาทีนี้ ตัวมันกลายเป็นผู้วิเศษลำดับกลางเรียบร้อยแล้ว ก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่
ในวินาทีนี้… มันคือนักมายากล!
………………….