ตอนที่ 65 : เอกสารข้อมูลผู้วิเศษ
เมื่อได้รับแผ่นกระดาษที่มีลายเซ็นรับรองจากดันน์·สมิท ชายหนุ่มรีบเดินลงไปยังคลังอาวุธชั้นใต้ดินของสำนักงานเหยี่ยวราตรี
“ดันน์พูดถูก ถึงเวลาเจ้าต้องอ่านเอกสารเกี่ยวกับผู้วิเศษและองค์กรลับบ้างแล้ว”
ลุงนีลล์ในชุดคลุมดำนั่งอ่านเนื้อความในแผ่นกระดาษ สีหน้าของมันมิได้เผยความประหลาดใจ กลับกัน ชายชราสนับสนุนความคิดของดันน์·สมิท
จากนั้นก็กล่าวเสริม
“จริงสิ พรุ่งนี้ตอนค่ำ ฉันจะพาเจ้าไปเที่ยวเล่นที่ตลาดมืด”
“ตอนค่ำวันพรุ่งนี้หรือครับ?”
ไคลน์ไม่ปกปิดใบหน้าที่กำลังตื่นเต้น มันไต่ถามด้วยน้ำเสียงคาดหวัง
ลุงนีลล์ผงกศีรษะ
“ฉันไม่ชอบติดหนี้ใครนานๆ มันกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถ้าเลือกได้ก็อยากรีบเอาเงินสามสิบปอนด์ไปใช้คืนเจ้าของให้เร็วที่สุด”
ไม่จริงเลยสักนิด…
ลุงรอให้ถึงเส้นตายแล้วค่อยทำพิธีกรรมเวทมนตร์ปลดหนี้ต่างหาก
ไม่ใช่เราคนเดียวสินะที่รอให้ไฟลนก้นก่อนค่อยเริ่มกระตือรือร้น ในอดีตก็เคยมีเรื่องแบบนี้เหมือนกัน หนี้ทุนการศึกษาทุกงวดบนโลกเก่า ตัวมันจะจ่ายในวันที่เป็นเส้นตายเสมอ…
ไคลน์มิได้เล่าออกไป เพียงเอ่ยปากขอร้อง
“ลุงนีลล์ รบกวนนำเอกสารที่เกี่ยวข้องจากด้านในประตูยานิสให้ด้วยครับ”
เอกสารส่วนใหญ่ในคลังอาวุธจะเป็นประเภทบันทึกโบราณคดีและประวัติศาสตร์ ถึงจะมีข้อมูลด้านผู้วิเศษและองค์กรลับอยู่บ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อย และเนื้อหาตื้นเขินค่อนไปทางพื้นฐาน
ลุงนีลล์ซดกาแฟหนึ่งอึกก่อนจะวางลง มันกัดริมฝีปากลิ้มรสขมครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกยืนขึ้นและเดินออกจากคลังอาวุธพร้อมกับเอกสารที่ดันน์·สมิทลงนามตราประทับ
ไคลน์ทำหน้าที่เฝ้าคลังอาวุธแทนชั่วคราว
ผ่านไปราวสิบนาที ลุงนีลล์กลับมาพร้อมกองกระดาษปึกใหญ่
“ทั้งหมดไม่สามารถนำกลับ ต้องอ่านให้จบที่นี่เท่านั้น”
นีลล์กล่าวเตือนขณะวางเอกสารกองโตลงบนโต๊ะทำงานสีดำ
“เข้าใจแล้วครับ”
ไคลน์พยักหน้าหนักแน่น มันเหยียดแขนออกไปหาปึกกระดาษ นิ้วมือตวัดพลิกหน้าอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มก้มศีรษะอ่านหน้าแล้วหน้าเล่าอย่างตั้งใจ เนื้อหาถูกเขียนไว้ละเอียดมาก…
สมกับเป็นเอกสารลับของเหยี่ยวราตรี
สมกับเป็นโบสถ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสี่พันปีหรือมากกว่านั้น
ไคลน์หยุดพักหายใจครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มกวาดสายตาและเพ่งสมาธิอ่านต่อ
เอกสารไม่เพียงกล่าวถึงองค์กรลับ แต่ยังมีรายละเอียดผู้วิเศษหลากหลายเส้นทางบันทึกไว้ นับเป็นเอกสารที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ถึงบางลำดับจะระบุไว้เพียงชื่อโอสถ บางลำดับเขียนไว้แต่รายละเอียด ไม่มีชื่อ และบางลำดับก็เว้นว่างโดยสมบูรณ์ แต่ก็เป็นข้อมูลปริมาณมากที่สุดเท่าที่ไคลน์เคยพบ
ขณะฝืนข่มสีหน้าตื่นเต้น ชายหนุ่มรีบชำเลืองหาเส้นทางนักทำนายเป็นอันดับแรก
หลังจากพลิกผ่านหลายหน้า เพียงไม่นานก็ได้พบข้อความที่คุ้นตา
ทว่า ความหวังพลันพังทลาย ร่างกายชะงักงันไปครู่ใหญ่ สาเหตุเพราะไม่มีชื่อของโอสถลำดับแปดและเจ็ดถูกเขียนต่อจากข้อมูลเส้นทางนักทำนาย!
แต่ยังพอโชคดีอยู่บ้าง อย่างน้อยก็มีรายละเอียดอย่างคร่าวบันทึกไว้ทั้งสองลำดับ…
ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะเพ่งสมาธิเพื่อตั้งใจอ่านทุกอักษร
“ลำดับแปด : ชื่อโอสถไม่ปรากฏ สามารถต่อสู้ด้วยกลอุบายและเล่ห์เหลี่ยมที่แพรวพราว”
สู้ด้วยกลอุบาย?
นี่ใช่ลำดับพัฒนาของนักทำนายจริงหรือ? ทำไมถึงดูไม่เกี่ยวข้องกันเลย?
เส้นทางของเราเป็นนายพรานรึไง? แกะรอยศัตรูแล้ววางกับดักฆ่าอย่างนั้นหรือ?
หรือจะเป็นจอมเวทนักรบ?
หืม… แล้วเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวหมายถึงอะไร? พอจะเดาได้ว่าเป็นโอสถที่เพิ่มพูนสติปัญญา แต่ปัญญาดังกล่าวจะช่วยให้เอาชนะศัตรูได้ด้วยวิธีใด?
พูดจาหลอกล่อ?
ถึงจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่มันไม่เคลือบแคลงข้อมูลที่ตนกำลังอ่าน เอกสารลับของเหยี่ยวราตรีซึ่งเก็บไว้ในประตูยานิสไม่มีทางผิดพลาดแน่
คงมีหลักฐานชัดเจนแล้ว ถึงได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เพียงแต่ไคลน์ยังมิอาจทำความเข้าใจ ว่าพวกมันเชื่อมโยงกับพลังนักทำนายได้อย่างไร
ถัดมา มันชำเลืองสายตาอ่านรายละเอียดโอสถลำดับเจ็ดที่เขียนไว้ด้านล่างสุดของหน้ากระดาษ
“โอสถลำดับเจ็ด : ชื่อโอสถไม่ปรากฏ สามารถร่ายเวทมนตร์ได้รวดเร็วและหลายชนิด มีสมรรถภาพทางร่างกายสูง เน้นผสานเวทมนตร์เข้ากับความปราดเปรียวว่องไว”
ต้องอย่างนั้น!
นี่ต่างหาก อนาคตที่แท้จริงของนักทำนาย
ไคลน์ถอนหายใจอย่างปลดปล่อย ก่อนจะตั้งใจอ่านรายละเอียดภาพรวมของเส้นทางนักทำนายที่ถูกสรุปผลไว้ท้ายสุด
“เส้นทางนักทำนายปรากฏขึ้นครั้งแรกภายในตระกูลซาราธแห่งจักรวรรดิโซโลมอนของยุคสมัยที่สี่ ถึงจะเกิดความขัดแย้งรุนแรงในช่วงปลายยุคสมัย แต่ตระกูลซาราธก็สามารถเอาตัวรอดมาได้ เมื่อย่างเข้าสู่ยุคสมัยที่ห้า ตระกูลซาราธถูกพูดถึงน้อยลงจากเดิมมาก มีข้อสันนิษฐานว่าพวกมันกล่าวอาจเกี่ยวพันกับองค์กรลับที่ชื่อ ‘ลัทธิเร้นลับ’”
ซาราธ?
เมื่ออ่านพบชื่อดังกล่าวเข้า นัยน์ตาไคลน์พลันสั่นระริก
เป็นชื่อที่ปรากฏในไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ซึ่งมันเพิ่งอ่านไปเมื่อวาน โรซายล์ค้นพบเทคนิคสวมบทบาทจากบุคคลลึกลับที่ชื่อซาราธ
หรือจะเป็นเพราะมิสเตอร์ซาราธคนนี้ จักรพรรดิโรซายล์ถึงเสียดายที่ไม่ได้เลือกเส้นทางนักทำนายตั้งแต่แรก?
ในทางกลับกัน ตัวไคลน์ที่ตัดสินใจเลือกดื่มโอสถนักทำนายเพราะข้อมูลที่เขียนไว้ในไดอารี… นี่ตนถูกชี้นำทางอ้อม?
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อพบเรื่องไม่สบายใจ
หากเป็นเหตุการณ์ปรกติ ความบังเอิญเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นโลกที่มีศาสตร์เร้นลับและเวทมนตร์ การชี้นำหรือกำหนดอนาคตสามารถกระทำได้ในผู้วิเศษลำดับสูง
และส่วนมาก ผู้ถูกชี้นำมักมีจุดจบที่ไม่สวยสักเท่าไร
เมื่อลองไตร่ตรองให้ดี การเดินทางข้ามโลกอาจไม่ใช่เหตุบังเอิญเช่นกัน ไคลน์คนก่อนลงมือฆ่าตัวตายเพราะลัทธิเร้นลับทำสมุดบันทึกอันทีโกนัสหาย จนกระทั่งหลุดมาถึงมือของเวิร์ช·แม็คโกเวิน
ยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุก แต่มันมีข้อมูลไม่มากพอ
หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน ไคลน์ได้ข้อสรุปว่าตนคงไม่สามารถหาคำตอบได้ในเร็วๆ นี้ จึงยอมปล่อยวางและเริ่มอ่านรายละเอียดผู้วิเศษเส้นทางอื่น
เริ่มด้วยเส้นทางลูกเรือ
เป็นดังที่มันคาด เส้นทางลูกเรือคือผู้วิเศษสายหลักของโบสถ์วายุสลาตัน
สำหรับอดีตศัตรูเก่าแก่ที่ไม่ได้เผชิญหน้ากันมานานกว่าสองถึงสามพันปี ข้อมูลที่เหยี่ยวราตรีบันทึกไว้ค่อนข้างละเอียดทีเดียว
“ลำดับแปด : ผู้ระเบิดโทสะ หรือนามโบราณคือ-ผู้พิทักษ์วายุ สามารถปลดปล่อยการโจมตีที่รวดเร็วและทรงพลังหากอยู่ในภาวะเดือดดาล ความว่องไวและพละกำลังจะสูงกว่ามนุษย์ปรกติมาก การเผชิญหน้าพวกมันไม่ต่างจากยืนท่ามกลางลมพายุเกรี้ยวกราด”
“ลำดับเจ็ด : นักเดินเรือ หรือนามโบราณคือ-นักบวชวายุสลาตัน เชี่ยวชาญด้านดวงดาวและภูมิศาสตร์ มีสัมผัสเฉียบแหลมถึงขนาดตรวจจับสนามแม่เหล็ก กระแสน้ำ ทิศทางลม และแนวการเคลื่อนของเมฆ… เรือที่มีนักเดินเรือร่วมทางจะไม่มีวันหลงทิศ พวกมันเป็นที่รักของเทพแห่งท้องทะเล สามารถเคลื่อนไหวใต้น้ำอย่างอิสระนานกว่าครึ่งชั่วโมง สามารถร่ายเวทวารีได้หลากหลาย บางชนิดใช้พลังวิญญาณของตัวเอง และบางชนิดหยิบยืมพลังจากเทพแห่งวายุสลาตัน ตัวอย่างของเวทวารีประกอบด้วย…”
ลำดับเจ็ด นักเดินเรือ… แข็งแกร่งชะมัด
ไคลน์พยักหน้าพลางจินตนาการภาพตาม
มันสงสัยว่าแฮงแมนอาจเป็นผู้ระเบิดโทสะหรือไม่ก็นักเดินเรือ แต่จากข้อมูลที่ทราบว่าแฮงแมนเพิ่งเลื่อนลำดับ โอกาสเป็นอย่างหลังจึงมีสูงกว่า
ถ้าเช่นนั้น ตัวตนที่แท้จริงของแฮงแมนมีโอกาสเป็นไปได้สองทาง หากไม่ใช่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยทูตพิพากษา ก็คงเป็นโจรสลัดที่ล่องเรือในนามโบสถ์แห่งวายุสลาตัน
น่าสนใจมาก…
ไคลน์รีบพลิกไปอีกหลายหน้าจนกระทั่งพบเส้นทางผู้ชม เมื่อลองอ่านโดยละเอียด เนื้อหาที่เขียนไว้เหมือนกับที่แฺฮงแมนอธิบายให้จัสติสฟังทุกประการ
ลำดับเก้า ผู้ชม ลักษณะคล้ายคลึงกับนักทำนายมาก คือไม่มีพลังต่อสู้ด้วยตัวเอง แต่สามารถค้นหาจุดอ่อนของศัตรู รวมถึงข้อมูลแวดล้อมที่สำคัญอีกหลายด้าน และใช้สิ่งเหล่านั้นชี้นำให้เหตุการณ์ดำเนินไปตามที่ปรารถนา
ลำดับแปด นักอ่านใจ เป็นขั้นพัฒนาของผู้ชม นักอ่านใจสามารถมองลึกเข้าไปในชั้นออร่าของเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกายอากาศหรือชั้นพลังที่เร้นลับกว่า พวกมันจะเก็บทุกรายละเอียดทั้งภายนอกและภายใน ส่งผลให้นักอ่านใจสามารถวิเคราะห์สิ่งที่อีกฝ่ายกำลังคิด รวมถึงอ่านการกระทำล่วงหน้าได้เล็กน้อย คล้ายกับสามารถอ่านใจได้จริง
เมื่ออยู่ต่อหน้านักอ่านใจที่ทรงพลัง การรักษาความลับถือเป็นเรื่องยากลำบาก
ลำดับเจ็ด นักจิตบำบัด หรืออีกชื่อหนึ่งคือนักจิตวิเคราะห์ มีพื้นฐานคล้ายกับลำดับแปด แต่สามารถโน้มน้าวจิตใจของเป้าหมายได้ด้วย มีพลังรักษาอาการป่วยทางจิตของเป้าหมาย และในทางกลับกัน พวกมันก็มีพลังเปลี่ยนให้คนสติดีกลายเป็นคนเสียสติในพริบตา
“ผู้วิเศษที่มองไม่ออกว่าเป็นผู้วิเศษ…”
หลังจากไคลน์อ่านคำอธิบายจบ นั่นคือข้อสรุปแรกในใจ
เมื่อสำรวจเส้นทางของสมาชิกชุมนุมไพ่ทาโรต์ครบ ไคลน์รีบพลิกเอกสารไปยังหน้าที่เกี่ยวข้องกับโบสถ์แห่งจักรกลไอน้ำ เพราะมันต้องการทราบเส้นทางที่จักรพรรดิโรซายเลือกเดินและนึกเสียดายภายหลัง
เส้นทางนักปราชญ์
“ลำดับเก้า : นักปราชญ์ ผู้วิเศษที่เชื่อว่าความรู้คือพลัง สามารถเข้าใจศาสตร์เร้นลับในระดับพื้นฐาน แต่จะเชี่ยวชาญด้านสารเคมีเป็นพิเศษ จำพวกกรดละลายทอง ไนโตรกลีเซอรีน รวมถึงกลไกที่ซับซ้อนซึ่งประกอบจากเฟืองและน็อต สรุปก็คือ เป็นผู้วิเศษที่มีความรู้กว้างขวาง”
เข้าใจแล้วว่าทำไมจักรพรรดิโรซายล์ถึงระบุว่าเป็นโอสถสำหรับผู้เดินทางข้ามโลก เพราะหากนำความรู้จากโลกเก่ามาได้ พลังอำนาจมากมายคงอยู่ในมือ
ไคลน์พยักหน้าพร้อมกับกวาดสายตาลงด้านล่าง
หลังจากผ่านคำอธิบายอีกยาวเหยียด ในที่สุดชื่อของโอสถลำดับแปดก็ปรากฏ
“ลำดับแปด : นักโบราณคดี มีความรู้ความเข้าใจด้านประวัติศาสตร์ลึกซึ้ง เอาตัวรอดในธรรมชาติเก่ง มีร่างกายแข็งแกร่งพอที่จะดำรงชีวิตในทุกสภาพอากาศ สามารถอ่านอักขระโบราณต้องห้ามได้”
“ลำดับเจ็ด : นักประเมิน พวกมันจะได้รับสัญชาตญาณพิเศษที่สามารถเข้าใจวิธีใช้งานของวิเศษเกือบทุกชนิด รวมถึงจุดอ่อนและข้อห้ามการใช้งาน เป็นผู้วิเศษที่ถนัดควบคุมของวิเศษและหลบเลี่ยงผลข้างเคียง”
เนื่องจากไคลน์มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลไม่มากพอ ลำดับผู้วิเศษในเอกสารจึงระบุไว้สูงสุดเพียงเจ็ด ถึงจะน่าเสียดาย แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดมากนัก
เมื่อกล่าวถึงสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล ไคลน์ได้แต่หวังให้มุขมณฑลเบ็คลันด์รีบส่งของวิเศษต้องห้ามรหัส 2-049มายังสาขาทิงเก็นโดยเร็ว หัวหน้าจะได้เริ่มปฏิบัติการค้นหาตัวรีเอล·บีเบอร์และพิสูจน์ว่ามันเป็นทายาทตระกูลอันทีโกนัสจริงหรือไม่
หากผลสรุปออกมาว่าจริง ตนจะได้รับความดีความชอบใหญ่หลวงและได้รับสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลเพิ่ม
เมื่อได้สติกลับมา ไคลน์ก้มหน้ามองหาเส้นทางผู้วิเศษอื่นที่มันรู้จัก เช่นเส้นทางผู้เก็บซากศพ ในเอกสารระบุไว้ว่า ลำดับแปดคือนักขุดสุสาน และลำดับเจ็ดคือผู้สื่อวิญญาณ
ส่วนเส้นทางผู้ส่องความลับ ลำดับแปดไม่มีข้อมูลโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือรายละเอียด ส่วนลำดับเจ็ดนั้นไม่มีรายละเอียด แต่มีชื่อของมันเขียนไว้…
จอมเวท!
แค่ชื่อก็ยิ่งใหญ่ฉิบ…
ถัดมา ชายหนุ่มเริ่มมองหาอีกสองเส้นทางซึ่งจักรพรรดิโรซายล์เสียดายที่ไม่ได้เลือก ประกอบด้วยผู้ฝึกหัดและนักจารกรรม
ทั้งสองเส้นทางมีข้อมูลถึงแค่ลำดับแปด
“ลำดับเก้า : ผู้ฝึกหัด พลังของพวกมันแปลกประหลาดและยังไม่เป็นที่แน่ชัด บอกได้เพียงว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของอีกหนึ่งเส้นทางของจอมเวท ยากที่จะกักขังหรือกีดขวางผู้ฝึกหัด พวกมันมีพลังสามารถหลบหนีออกจากห้องปิดตายได้อย่างน่าทึ่ง…”
“ลำดับแปด : นักตุกติก พวกมันรวบรวมความพิสดารทั้งหมดไว้ในตัว สามารถใช้เวทมนตร์พื้นฐานได้บางชนิด”
“ลำดับเก้า : นักจารกรรม เป็นผู้วิเศษเส้นทางที่ยากจะจำแนกออกจากหัวขโมยตัวจริง จุดสังเกตคงมีเพียงความโดดเด่น พวกมันจะเก่งกาจกว่าหัวขโมยปรกติมาก วัตถุประสงค์ของการขโมยมิได้ทำไปเพราะความสุขหรือสะใจ หากแต่เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง”
“ลำดับแปด : นักต้มตุ๋น มีบ่อยครั้งที่พบว่าพวกมันมีเอี่ยวในคดีฉ้อโกงชื่อใหญ่ การได้หลอกลวงผู้คนถือเป็นความสุขชนิดหนึ่ง”
มีความสุขจากการหลอกลวง…
จะใช่เทคนิค‘สวมบทบาท’อีกรึเปล่า?
หากย้อนเวลากลับไปและเลือกได้ จากเส้นทางผู้วิเศษทั้งหมดที่อ่านมา ไคลน์คงเลือกจะที่เป็นผู้ฝึกหัด
มีใครไม่ปรารถนาพลังเวทบ้าง?
ทันใดนั้น มันเหลือบไปเห็นเส้นทางผู้วิเศษที่เพิ่งได้ยินมาไม่นาน…
นักกระตุ้น
นักกระตุ้น ทริส ผู้ต้องสงสัยในคดีสังหารหมู่บนเรืออัลฟาฟ่า!
……………………