Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 75

Lord of the Mysteries 75

ตอนที่ 75 : ช่วยตัวเอง

ตกเป็นเหยื่อหุ่นกระบอกบัดซบนั่นจนได้!

หัวหน้าและเหยี่ยวราตรีที่เหลือยังไม่ได้สติกลับมา บางคนพยุงตัวเองไม่ขึ้น ไม่มีใครปลุกเราทันเวลาแน่…

ไม่ได้การ…คงต้องช่วยเหลือตัวเองสถานเดียว

ภาพการมองเห็นกำลังเชื่องช้า หัวสมองรวมถึงข้อต่อของร่างกายคล้ายกับถูกกาวเหนียวหยอดไว้

ไคลน์ไม่ต้องการกลายเป็นหุ่นกระบอกขนาดเท่าคนจริง มันรีบขบคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงหน้า

ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามตกเป็นเหยื่อเด็ดขาด

คงปลุกตัวเองไม่ได้…

ต้องพึ่งพาพลังจากภายนอก…

พลังจากภายนอก…?

ลองดูสักตั้ง…ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว

เหตุการณ์แสนกระชั้นชิด ไคลน์คิดหาคำตอบให้ตัวเองได้ภายในสามวินาที มันฝืนขยับร่างกายด้วยข้อต่อที่เหนียวหนืดขึ้นสนิม

…เดินทวนเข็มนาฬิกาเป็นทรงจัตุรัส

ขณะเดียวกัน มันมิได้ฝืนเปล่งเสียงด้วยลำคอแสนอึดอัดที่คล้ายกับมีเชือกรัดไว้ ไคลน์เพียงท่องคาถาเงียบๆ ภายในใจ

เซียนราชัน…ฟ้าดิน…ประทานโชค

มันเกิดความหวังเล็กๆ ว่ามิติสายหมอกลึกลับจะช่วยให้ตนหลุดพ้นจากการเข้าสิงของ 2-049 ได้

แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!

ขณะขยับร่าง ข้อต่อหัวเข่าและข้อเท้าส่งเสียงดังคล้ายหุ่นกระบอกไม้

ไคลน์ยังคงฝืนเดินทวนเข็มต่อ

เทพสวรรค์…ฟ้าดิน…ประทานโชค

การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงทุกขณะ อาการคล้ายกับคอมพิวเตอร์ที่ถูกติดตั้งโปรแกรมขยะและแอนตี้ไวรัสครบทุกชนิด

ข้อเท้าซ้ายเยื้องย่างตะกุกตะกัก แต่อย่างน้อยก็บรรลุไปถึงจุดที่ปรารถนา

จักรพรรดิสวรรค์…ฟ้าดิน…ประทานโชค

สติไคลน์ใกล้ดับวูบลงทุกที ก้าวสุดท้ายเป็นไปตามสัญชาตญาณโดยไม่มีจิตใจเข้ามาเกี่ยวข้อง

ณ จุดนี้ ไคลน์มั่นใจว่าไม่มีใครช่วยตนได้อีกแล้ว ต่อให้อายร์·ฮาร์สันตื่นขึ้นและรีบวิ่งมาปลุกก็คงไม่ทันการณ์

ด้วยความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด มันฝืนเปล่งคาถาท่อนสุดท้าย

ราชันสวรรค์…ฟ้าดิน…ประทานโชค

ในวินาทีที่ท่องจบ เสียงเพรียกหาอันแหบพร่าพลันดังก้องในหัว ภาพเคลื่อนไหวเฉื่อยชาตรงหน้าแตกละเอียดคล้ายเศษกระจก สมองที่เคยสูญเสียการควบคุมไปแล้วหนหนึ่งกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

ห้วงจิตไคลน์พุ่งทยานฟ้าด้วยความเร็วสูงจนภาพสองข้างทางพร่ามัวไม่ชัดเจน

เพียงพริบตา มิติสายหมอกเทากว้างใหญ่ไร้ขอบเขตและดาวแดงเข้มสองดวงปรากฏให้เห็นตรงหน้า…ภาพที่คุ้นเคย

ภายในชั่วอึดใจ สติไคลน์กลับมาครบถ้วนสมบูรณ์และสามารถคิดอ่านได้ตามปรกติ

“ฟู่ว…โชคดีที่ได้ผล”

ชายหนุ่มพึมพำเสียงสั่นเครือ

จากข้อมูลที่ได้รับก่อนหน้านี้ ใครก็ตามที่ตกเป็นเหยื่อของ 2-049 จะอยู่ในภาวะกึ่งตาย ปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดบนโลกรักษาได้

โชคดีที่มิติสายหมอกแห่งนี้ยังคงความประหลาดพิสดารจนถึงที่สุด อย่างน้อยก็ช่วยให้ตนรอดหวุดหวิด ถึงจะไม่ทราบเหตุผลเบื้องหลังก็ตาม

มันเดินวนเวียนไปมาอย่างกระสับกระส่าย

เราอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้แน่…

ไม่อย่างนั้น หากหัวหน้าและเหยี่ยวราตรีที่เหลือได้สติกลับมา ตัวเราคงไม่มีคำอธิบายให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

คาดเดาจากสถานการณ์ปัจจุบัน พลังลึกลับของมิติสายหมอกคงปกคลุมร่างให้รอดพ้นจาก 2-049 ไว้ชั่วคราว ถ้าต้องกลับสู่โลกความจริงตอนนี้ ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าจะปลอดภัยและไม่ถูก 2-049 เล่นงานซ้ำ

ขณะติดบ่วงความคิดไม่รู้จบสิ้น ไคลน์พลันตบหน้าผากตัวเองหนึ่งฉาดใหญ่ ก่อนจะอมยิ้มอย่างมีเลศนัยและพึมพำ

“เราลืมไปได้ยังไงว่าตัวเองเป็นนักทำนาย”

เมื่อสิ้นเสียง ชายหนุ่มหายตัวมาปรากฏบนเก้าอี้หัวโต๊ะของชุมนุมไพ่ทาโรต์

ไคลน์ยื่นแขนออกไปด้านหน้า ปากกาหมึกซึมสีแดงเข้มปรากฏจากความว่างเปล่า

มันขีดเขียนบางสิ่งลงบนกระดาษหนังที่ใช้จิตเสกขึ้นมาเอง

“การกลับโลกจริงเป็นสิ่งที่ปลอดภัยมาก”

เมื่อเขียนจบ ชายหนุ่มล้วงหยิบจี้บุษราคัมออกจากกระเป๋าเสื้อ จากประสบการณ์ชุมนุมไพ่ทาโรต์หลายหนที่ผ่านมา ไคลน์ทราบว่าสิ่งของที่ติดตัวมาด้วยสามารถปรากฏบนห้วงมิติสายหมอก แต่เป็นไปในลักษณะภาพมายา

มันห้อยปลายจี้บุษราคัมไว้เหนือแผ่นกระดาษหนังเล็กน้อย

ลมหายใจถูกสูดเข้าเต็มปอด ไคลน์หลับตาลงและท่องสิ่งที่เขียนไว้บนแผ่นกระดาษ

“การกลับโลกจริงเป็นสิ่งที่ปลอดภัยมาก”

“การกลับโลกจริงเป็นสิ่งที่ปลอดภัยมาก”

เมื่อครบเจ็ดครั้ง การทำนายด้วยลูกตุ้มวิญญาณก็เริ่มขึ้น

ไคลน์ลืมตาขึ้นมอง จี้บุษราคัมห้อยแกว่งเล็กน้อยพร้อมกับหมุนในทิศทาง…

ตามเข็มนาฬิกา…ตามเข็มหมายถึงใช่ และทวนเข็มหมายถึงปฏิเสธ

การกลับโลกจริงเป็นเรื่องปลอดภัย…

ไคลน์ถอนหายใจโล่งอกพร้อมกับเก็บโซ่เงินและจี้บุษราคัมตามความเคยชิน

ไม่รอช้า จิตของชายหนุ่มดำดิ่งกลับมายังโลกความจริงด้วยความเร็วสูง ภาพการมองเห็นรอบตัวคล้ายกับพุ่งผ่านอุโมงค์มิติ

หมอกสีเทากับดาวแดงหายไป ไคลน์ปรากฏตัวอีกครั้งในสถานที่เดิมและอากัปกิริยาเดิม

ส่วนหุ่นกระบอกไม้ มันปีนออกจากหีบโลหะสีดำสำเร็จ แต่กลับไม่กระดุกกระดิกอย่างที่ควรจะเป็น

ในสภาพหันหลังให้หีบ ขณะไคลน์กำลังจะใช้มือสำรวจสภาพร่างกายตัวเอง หูของมันพลันได้ยินเสียงมนุษย์แว่วจากความว่างเปล่าตรงหน้า คล้ายกับมีคนกำลังยืนพูดหลังฉากกั้นล่องหน

“อยากให้ช่วยหรือเปล่า? ฉันสามารถปลุกนายได้ ถ้าสัญญาบางสิ่งกับฉันก่อน เรื่องที่ว่าก็คือ นายต้องขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสมาให้ฉัน ถ้าตกลงให้พยักหน้า ฉันรู้ว่านายยังพอขยับตัวได้”

ใครกัน?

ใจเย็นไว้…2-049 จะไม่เล่นงานเป้าหมายเดิมซ้ำในทันที ใช่แล้ว มันมีช่องว่างในการครอบงำเหยื่อ

แม้ไคลน์กำลังตื่นเต้นสุดขีด แต่มันก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า

ขณะเดียวกัน เสียงลึกลับยังคงกล่าวต่อไป

“ถ้าภารกิจสำเร็จ นายจะได้รับรางวัลเพิ่มเติมชนิดที่ปฏิเสธไม่ลง…ฉันรู้ว่านายเป็นนักทำนาย และโบสถ์รัตติกาลไม่มีโอสถเส้นทางนักทำนายสูงกว่าลำดับเก้า แต่พวกเรา ลัทธิเร้นลับ คือองค์ที่ครอบครองโอสถเส้นทางนักทำนายไว้โดยสมบูรณ์ หึหึ…ฉันเองก็เคยเป็นนักทำนายมาก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่ย้อนกลับมาที่นี่อย่างมั่นใจ เพื่อเป็นการแสดงไมตรี จะบอกให้ก็ได้ว่า โอสถลำดับแปดของเส้นทางนักทำนายคือ…ตัวตลก”

ตัวตลก? ลัทธิเร้นลับ?

ปัจจุบัน ไคลน์ยังไม่ได้รับผลครอบงำจากหุ่นกระบอกไม้ แต่มันแสร้งทำเป็นได้รับผลนั้น

ชายหนุ่มไม่เข้าใจสักนิดว่า ตัวตลกมีความเกี่ยวพันอย่างไรกับนักทำนาย จุดหมายของเส้นทางนักทำนายคือหัวหน้าคณะละครสัตว์หรืออย่างไร?

“เอาล่ะ รีบตัดสินใจ นายเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”

เสียงปริศนาดังส่งท้ายก่อนจะเงียบงัน

ดันน์และโรล็อตที่กระเด็นไปไกล ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้สติกลับมา บอร์เจียเองก็เจ็บหนักจากการถูกสัตว์ประหลาดซัดอย่างจัง

มีแค่เลียวนาร์ดและอายร์ที่สภาพร่างกายค่อนข้างสมบูรณ์ แต่พวกมันยังไม่แข็งแรงพอจะลุกยืนด้วยตัวเอง

ใครกัน? ลัทธิเร้นลับ…ตัวตลกสวมสูทคนก่อนหน้านี้หรือ?

ย้อนกลับมาเพื่อรอฉวยโอกาสสินะ…

หลังจากได้ยินเสียงปริศนา ไคลน์เกิดคำถามมากมายในหัว

ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นนักทำนาย ชายหนุ่มจึงคิดหาเหตุผลย้อนกลับในมุมของนักทำนาย

การที่กล้าย้อนกลับมาย่อมหมายความว่า มันทำนายถึง ‘ความเสี่ยง’ ของอันตรายไว้แล้ว และคาดว่าสัตว์ประหลาดรีเอล·บีเบอร์จะสร้างหายนะแก่ผู้วิเศษเหยี่ยวราตรีทั้งหกคนจนบอบช้ำ

และเหตุผลมันไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปเอาสมุดด้วยตัวเอง ผลทำนายอาจระบุว่ามีความเสี่ยงสูงเกินไป

ส่วนสาเหตุของอันตรายคงระบุได้ไม่ชัดเจน อาจเป็นได้ทั้งดันน์กับโรล็อตกำลังแสร้งทำเป็นหมดสติ หรือไม่ก็มีกับดักจากเหยี่ยวราตรีที่เหลือ

และเหตุผลที่ตัวตลกสวมสูทไม่ทำนายถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเรา คงเพราะมันไม่มีเวลามากพอ

หากเสียเวลาทำนายเรื่อยเปื่อยหลายข้อมากเกินไป เกรงว่าอายร์และเลียวนาร์ดอาจได้สติกลับมาจนเสียแผนการ

หรือไม่ก็…มันประเมินเราไว้ต่ำ

มันคงมั่นใจว่าเราเป็นเพียงนักทำนายลำดับเก้า และไม่มีพลังพอจะหลุดพ้นจากผลครอบงำของ 2-049 ได้แน่ จึงมาต่อรองโดยยื่นข้อเสนอแลกกับการช่วยชีวิต

มันคงต้องการหนูทดลองสำหรับวิ่งฝ่ากับดักที่เหยี่ยวราตรีวางไว้

แต่ขณะเดียวกันก็หมายความว่า พิธีกรรมเปลี่ยนดวงชะตาไม่ได้สร้างความผิดปรกติทางรูปลักษณ์ภายนอกแต่อย่างใด

ปัจจุบัน เมื่อไม่ถูกหุ่นกระบอกครอบงำสมอง ความคิดความอ่านไคลน์กระจ่างใสและชัดเจน มันมั่นใจว่า การกระทำของตัวตลกสวมสูท ต้องมีเหตุผลไม่นอกเหนือไปจากที่ตนวิเคราะห์แน่

ส่วนรางวัลที่มันให้สัญญาเป็นมั่นเหมาะ ไคลน์ไม่หลงเชื่อแม้แต่เศษเสี้ยว หนูทดลองที่ถูกหลอกใช้ไม่มีทางปลอดภัย…

หลังจากทบทวนจนแน่ใจ ชายหนุ่มแสร้งผงกศีรษะอย่างเชื่องช้าให้เหมือนกับกำลังถูก 2-049 ครอบงำ

ทันใดนั้น ม่านบาเรียที่มองไม่เห็นพลันสลายตัว บุคคลด้านในไม่ใช่ใครอื่น…

ตัวตลกสูทดำที่เคยสู้อย่างสูสีกับดันน์·สมิทและโรล็อต ใบหน้าถูกทาด้วยแถบสามสี ผู้วิเศษที่ดันน์ระบุว่าเป็นสมาชิกของลัทธิเร้นลับ

ปัจจุบัน ไคลน์กำลังยืนหันหลังให้กับหีบดำและหุ่นกระบอกไม้ เนื่องจากพยายามหนีให้พ้นระยะ 2-049 ในช่วงก่อนทำพิธีกรรมเปลี่ยนดวงชะตา

ส่วนตัวตลกสวมสูทยืนอยู่ด้านหน้าไคลน์เยื้องไปท้ายทางซ้ายมือเล็กน้อย มันไม่คิดเข้าใกล้ระยะครอบงำห้าเมตรของ 2-049 และไม่คิดเสี่ยงกับลูกโม่ทองเหลืองในมือขวาของชายหนุ่ม นับเป็นการกระทำที่รอบคอบมาก

ตัวตลกสูทดำดึงกระดาษแผ่นยาวออกจากกระเป๋าเสื้อและเปลี่ยนให้เป็น ‘พลองยาว’

มันเดินเข้ามาใกล้ไคลน์ในระยะสามเมตร ก่อนจะใช้พลองไม้แหย่ตรงมายังหัวไหล่

เจ้านี่รู้จัก 2-049 ทุกซอกมุม…

มันทราบว่า หากมีทายาทอันทีโกนัสอยู่ในรัศมี หุ่นกระบอกจะคลุ้มคลั่งและครอบงำได้สองเป้าหมายพร้อมกัน แถมยังทราบว่าการขว้างปาวัตถุใส่ไม่ได้ผล…อย่างน้อย หัวหน้าเคยบอกว่าทดสอบแล้วไม่สำเร็จ

ถึงจะไม่ทราบเหตุผลที่ 2-049 ยกเลิกครอบงำตนชั่วขณะ แต่ไคลน์ไม่ต้องการเสี่ยงอยู่ต่อนานกว่านี้ ชายหนุ่มกลั้นหายใจพร้อมกับรวบรวมสมาธิเตรียมลงมือกระทำบางสิ่ง

ในวินาทีที่พลองไม้ใกล้สัมผัสหัวไหล่ ไคลน์รีบยกมือซ้ายพร้อมกับออกแรงกระชากพลองเข้าหาตัว

แน่นอน ตัวตลกสวมสูทไม่ทันคาดคิด มันเสียหลักล้มเซมาด้านหน้า ทันใดนั้น ชายหนุ่มฉวยโอกาสพุ่งตัวเข้าไปใกล้ ระยะห่างคนทั้งสองเหลือเพียงเมตรกว่า

มือขวาไคลน์ที่กำลังถือลูกโม่เริ่มยกขึ้นและลั่นไกฉับพลัน

ปัง! ปัง!

ชายหนุ่มยิงสองนัด เป้าเล็งไม่ใช่ตัวตลกสวมสูทที่กำลังเสียหลัก แต่เป็นของวิเศษต้องห้าม 2-049 ด้านหลังตน

ไคลน์ไม่แน่ใจว่าหุ่นกระบอกหยุดทำงานด้วยเหตุผลใด แต่คิดว่าการยิงใส่อาจช่วยกระตุ้นอำนาจครอบงำให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง

ย้อนกลับไปก่อนเสียงปืนจะดังขึ้น ตัวตลกที่กำลังเสียหลักเซ มันรีบกลิ้งตัวไปด้านหน้าตามสัญชาตญาณเมื่อเห็นไคลน์ขยับมือขวาซึ่งเป็นข้างที่ถือลูกโม่

เมื่อยิงเสร็จ ชายหนุ่มปล่อยมือจากพลองและรีบพุ่งตัวให้พ้นระยะครอบงำของหุ่นกระบอกบัดซบ

หลังจากตัวตลกสวมสูทกลิ้งไปด้านหน้าสองตลบ มันรีบพยุงร่างขึ้นเพื่อสำรวจสถานการณ์รอบตัวให้แน่ใจ

ทว่า ภาพการมองเห็นเฉื่อยชาฉับพลัน

แย่ล่ะสิ…

อีกฝ่ายหลอกให้มันกลิ้งเข้าหาหุ่นกระบอกอันทีโกนัส…

ในระยะ…ห้าเมตร…

ทำไมชายคนนี้ถึง…ไม่ถูก…ครอบงำ…

ตัวตลกสวมสูทพยายามขยับร่างกายด้วยท่าทางเงอะงะคล้ายกับข้อต่อขึ้นสนิม

ไคลน์หันหลังกลับมาพร้อมกับใช้สองมือเล็งลูกโม่ไปยังศีรษะตัวตลก ด้วยสภาพปัจจุบัน คงง่ายไม่ต่างจากยิงใส่เป้าซ้อมที่ไม่ขยับเขยื้อน

ชายหนุ่มได้เห็นฉากการต่อสู้ระหว่างตัวตลกสวมสูทกับดันน์สมิทและโรล็อต มันจึงทราบว่าไอ้บัดซบนี่คล่องแคล่วยิ่งกว่าลิงค่าง ต่อให้เหลือระยะแค่สองเมตร แต่ไคลน์ไม่มั่นใจว่าตนจะยิงโดน จึงเลือกหลอกล่อให้อีกฝ่ายกระโจนใส่ 2-049 แทน

กุญแจสำคัญอยู่ที่การแสร้งทำเป็นได้รับผลครอบงำจากหุ่นกระบอก ไม่อย่างนั้น อีกฝ่ายคงหวาดระแวงและไม่กล้าเข้าใกล้ตั้งแต่ต้น

ปัง!

ดวงตาที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ของตัวตลก กำลังสะท้อนภาพไคลน์ในสูทดำ ลั่นไกปืนด้วยสีหน้าเย็นชาอำมหิต

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!