ตอนที่ 80 : เชิญร่วมงาน
หลังจากเสร็จมื้อเย็น ไคลน์นอนเอกเขนกบนโซฟาในห้องนั่งเล่น มันใช้ที่ตัดกระดาษเฉือนขอบจดหมายจากอาจารย์เปิดอ่าน
เมลิสซ่ายังคงนั่นบนโต๊ะทานข้าว เธอก้มหน้าคร่ำเคร่งแก้โจทย์ในหนังสือเรียน เบ็นสันกำลังนอนเล่นบนแปลญวน อ่านหนังสือการบัญชีเบื้องต้นสำหรับมือใหม่
ไคลน์เปิดอ่านจดหมายสามหน้ากระดาษด้วยความรู้สึกกึ่งคาดหวัง กึ่งหวาดกลัว
“…ผมดีใจมากที่ได้รับจดหมายจากคุณ ทำให้นึกถึงวันเก่าๆ สมัยพวกคุณยังเรียนอยู่ ช่างน่าเศร้าที่เวิร์ชและนาย่าด่วนจากไปก่อน ผมไปร่วมพิธีศพมาแล้ว ผู้ปกครองของทั้งสองเจ็บปวดรวดร้าวอย่างมาก เวิร์ชและนาย่าคือคนรุ่นใหม่ที่มีอนาคตแสนสดใสรออยู่ โชคชะตาคือสิ่งไม่แน่นอน ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณอีกบ้าง ยิ่งผมแก่ตัวลง ก็ยิ่งตระหนักถึงจิตใจอันคับแคบและความสิ้นหวังของเผ่าพันธุ์มนุษย์…เกี่ยวกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเทือกเขาและยอดเขาโฮนาซิส ผมนึกขึ้นได้ว่า มีศาสตราจารย์ด้านโบราณคดีอยู่ท่านหนึ่ง มิสเตอร์จอห์น·โจเซฟ เคยตีพิมพ์เอกสารวิจัยเกี่ยวกับยอดเขาโฮนาซิสโดยเฉพาะ เขียนจากประสบการณ์สมัยเดินทางสำรวจที่นั่น เขาค้นพบว่าบนยอดเขา มีสิ่งก่อสร้างโบราณที่อายุไม่ต่ำกว่าพันปีอยู่ด้วย เป็นเรื่องน่าเศร้าและน่าอับอาย ที่นักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ไม่สามารถระบุยุคสมัยที่ชัดเจนของสิ่งก่อสร้างดังกล่าวสำเร็จ ทำได้เพียงคาดคะเนอย่างคร่าว จากลักษณะสถาปัตยกรรม ลักษณะจิตรกรรมฝาผนัง และข้อความบางส่วนที่สามารถถอดรหัส ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ ที่ยอดเขาสูงขนาดนั้นจะเคยมีอารยธรรมมนุษย์หลงเหลืออยู่ มิสเตอร์โจเซฟระบุอย่างมั่นใจว่า ที่แห่งนั้นต้องเคยมีชุมชน อย่างน้อยระดับเมือง ที่มนุษย์ใช้อาศัยอยู่ร่วมกัน ส่วนรายละเอียดเชิงลึกกว่านี้ ผมไม่สามารถอธิบายหมดด้วยจดหมาย ขอแนะนำให้คุณหยิบยืมหนังสือเอกสารวิจัยจากหอสมุดเซอร์เดอไวล์มาอ่าน เชื่อผม หอสมุดเดอไวล์มีปริมาณหนังสือมากกว่าหอสมุดทิงเก็นเสียอีก ชื่อของเอกสารวิจัยดังกล่าวคือ การค้นคว้าร่องรอยอารยธรรมบนยอดเขาโฮนาซิส ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์โลเอ็น และยังมีอีกหลายบทความที่กล่าวถึงเรื่องราวบนเทือกเขาโฮนาซิส เอกสารเหล่านั้น ส่วนมากถูกตีพิมพ์ในวารสารวิชาการจำพวก ‘โบราณคดีสมัยใหม่’ และ ‘บทสรุปทางโบราณคดี’ โดยฉบับของวารสารที่มีการกล่าวอ้างถึงคือ…”
…
ไคลน์อ่านทุกตัวอักษร จดจำชื่อเอกสารวิจัย รวมถึงชื่อวารสารที่เกี่ยวข้อง จนขึ้นใจ
ถัดมา ชายหนุ่มมองหากระดาษเปล่าและปากกาหมึกซึม ก่อนจะลงมือเขียนจดหมายขอบคุณอาจารย์อย่างเป็นทางการ
“เมลิสซ่า วานเอาจดหมายไปส่งให้ด้วย เงินค่าแสตมป์อยู่นี่”
ไคลน์วางจดหมายปิดผนึก รวมถึงเงินจำนวนหนึ่งที่เพียงพอต่อค่าแสตมป์ ไว้บนโต๊ะของน้องสาว
เมลิสซ่าเหลือบมอง มุมปากกระตุกเบาๆ
“ไคลน์ ไม่มีแสตมป์ที่ไหนในโลก ราคาสูงขนาดนี้หรอกนะ”
“อาใช่…แสตมป์ไม่แพง แต่เด็กผู้หญิงควรได้รับค่าขนมรายวันบ้าง”
ไคลน์อมยิ้มตอบ
“ฉันเชื่อว่าเซเลน่าต้องเคยพูดเรื่องนี้แน่”
เมื่อหันไปเห็นเมลิสซ่ากำลังจะอ้าปากเถียง
“จะเอาไปซื้อวัสดุเครื่องกลก็ได้นะ จำพวกเฟืองหรือน็อตที่ต้องการ”
“วัสดุ…”
เมลิสซ่าพึมพำเบาๆ อีกสองสามหน ก่อนจะยอมรับแต่โดยดี
“เข้าใจแล้ว”
มุมปากไคลน์ยกขึ้น มันเดินลอยชายกลับไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม
“เป็นทักษะโน้มน้าวที่ยอดมาก นายจี้จุดอ่อนเมลิสซ่าได้แม่นยำ”
เบ็นสันยกนิ้วโป้งขึ้น บนใบหน้าเผยรอยยิ้ม ไคลน์หันไปกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังจริงจัง
“แล้วฉันต้องโน้มน้าวนายอย่างไรดี? ถึงจะยอมอ่านหนังสือด้านภาษาศาสตร์และประวัติศาสตร์ แน่นอน รวมถึงคณิตศาสตร์และตรรกะด้วย”
เมื่อย้อนนึกถึงบทเรียนสมัยเรียนมัธยม หรือแม้กระทั่งช่วงต้นของมหาวิทยาลัย ไคลน์มั่นใจมากว่า ข้อสอบบรรจุข้าราชการจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใด
เบ็นสันใช้ฝ่ามือลูบหัวเถิก ก่อนจะยิ้มแห้ง
“เวลาอ่านหนังสือพวกนั้น ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลิงบาบูนขนหยิกทุกที”
“แต่มันจะมีประโยชน์มาก”
ไคลน์ยังคงหนักแน่น
ขณะเดียวกัน เมลิสซ่าวางปากกาหมึกซึมและเดินมาทางโซฟาไคลน์
“เบ็นสัน ไคลน์ นี่คือจดหมายเชิญเข้าร่วมงานวันเกิดของเซเลน่าในวันอาทิตย์ ครอบครัวของเธอปรารถนาให้เราทุกคนไปร่วมงานเลี้ยง…ว่างกันไหม?”
“ฉันว่าง”
ไคลน์ตอบหลังจากครุ่นคิด
การสนิทสนมกับเพื่อนน้องสาวไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับเมลิสซ่า มันยังพอมีช่องทางสืบหาเบาะแสได้
“ฉันก็ว่าง”
เบ็นสันตอบขณะบรรจงสางผมด้วยมือ
“ดูท่า…พวกเราคงต้องช่วยกันคิดเรื่องของขวัญที่จะมอบให้เซเลน่า”
ไคลน์ยิ้ม
“เรื่องนี้ให้เมลิสซ่าจัดการดีกว่า เธอรู้จักเพื่อนสนิทของตัวเองมากกว่าเราแน่ หน้าที่ของสุภาพบุรุษมีเพียงสิ่งเดียวจ่ายเงิน”
“นี่คือครั้งแรกที่ฉันได้ยินใครสักคน ผลักภาระให้ผู้อื่นด้วยวาจาคมคายขนาดนี้”
เบ็นสันกล่าวพลางส่ายศีรษะ
“เห็นความสำคัญของหนังสือภาษาศาสตร์และประวัติศาสตร์หรือยัง?”
“…”
เบ็นสันไม่คิดว่าไคลน์จะสวนกลับด้วยหมัดนี้ มันจุกจนอึ้งไปชั่วขณะ
…
วันถัดมา ไคลน์สวมสูทราคาถูกตัวเก่า ในมือถือไม้ค้ำเลี่ยมเงิน ฝ่าเท้าก้าวเดินไปบนบันไดบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ
สูทตัวเก่งถูกส่งไปซักและซ่อมแซม
ก่อนจะได้กล่าวทักทายโรแซนตามปรกติ มันเหลือบเห็นดันน์เดินออกจากฉากกั้น
“อรุณสวัสดิ์ไคลน์ หลับฝันดีไหม?”
ดันน์ถามเจือความกังวล
ไคลน์ตอบซื่อสัตย์
“ดีกว่าที่คิดครับ ผมไม่ได้ฝันร้าย แต่ยังคงขยะแขยงในตอนที่นึกถึงมัน”
“ค่อยโล่งอก ผมดีใจที่ได้ยินแบบนั้น”
ดันน์พยักหน้าสองสามหนพร้อมยิ้ม
หลังจากสนทนาเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปเสร็จ ดันน์·สมิทเปิดประเด็นใหม่
“วิหารศักดิ์สิทธิ์ตอบโทรเลขมาแล้ว ทางด้านอายร์ โรล็อต และบอร์เจียเริ่มนำ 2-049 และสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส กลับไปยังมุขมณฑลเขตเบ็คลันด์ ทางฝ่ายนั้นรีบส่งเหยี่ยวราตรีมาสมทบทีมของอายร์เป็นการฉุกเฉิน ผ่านรถจักรไอน้ำเที่ยวตอนเช้า ป่านนี้คงออกเดินทางกันแล้ว”
ไปแล้วหรือ?
หมายความว่า เรารอดพ้นจากคำสาปสมุดบันทึกบัดซบนั่นแล้วใช่ไหม?
สีหน้าไคลน์ยังคงเคลือบแคลง ราวกับกำลังฝันไป ว่าตนหลุดพ้นจากภัยอันตรายแล้วจริงหรือ
โล่งใจกว่าที่คิดไว้มาก…
คงหมดเรื่องแล้วสินะ?
“เทพธิดาได้โปรดอวยพร ให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นปลอดภัย”
หลังจากอธิษฐานจบ ไคลน์ทำสัญลักษณ์สี่จุดที่หน้าอก
ดันน์หยิบหมวกมาสวม พร้อมกับชี้นิ้วไปยังประตูห้อง
“ผมขอตัวไปลาดตระเวนแถวเขตสุสานราฟาเอลก่อนนะ เอ่อ…ลืมบอกไป การสืบสวนของเลียวนาร์ดมีความคืบหน้าเล็กน้อย ชาวเมืองบางคนเคยเห็นหน้าตัวตลกสวมสูทมาก่อน หนึ่งในนั้นเป็นคนขับรถม้า สามารถยืนยันได้ว่า มันเคยพักอาศัยในทิงเก็นอยู่ระยะหนึ่ง แต่รอบคอบมาก ทิ้งเบาะแสไว้น้อยนิดเหลือเกิน”
“สมกับเป็นองค์กรลับ”
ไคลน์ประชดประชัน
ดันน์พยักหน้าก่อนจะเดินไปทางประตู
ผ่านไปสามวินาที มันชะงักฝีเท้าและหันกลับมา
“แล้วก็…วิหารศักดิ์สิทธิ์แจ้งว่า คงต้องรออีกสองถึงสามวัน ก่อนจะบรรจุคุณในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเหยี่ยวราตรีเต็มตัว ต้องเข้าใจด้วยว่า วิหารศักดิ์สิทธิ์มีหลายแผนก ฝ่ายที่รับเรื่องของคุณ เป็นคนละฝ่ายกับที่ทำคดีสมุดบันทึกอันทีโกนัส”
“ผมเข้าใจครับ”
ไคลน์ตอบตามจริง ขณะเดียวกัน มันแอบเสริมให้ดันน์สมิทในใจ
อย่าลืมส่งเอกสารเบิกงบด้วยนะหัวหน้า…
เมื่อเห็นดันน์เดินจากไป โรแซนที่ยืนด้านหลังส่งเสียงเอะอะทันที
“ท่านเทพธิดา! ไคลน์! นี่คุณกลายเป็นสมาชิกปฏิบัติการแล้วหรือ? ยังผ่านมาไม่ถึงเดือนเลยนะ!”
ไคลน์ยิ้ม
“หลังจากดื่มโอสถนักทำนายเข้าไป ช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”
“ก็จริง…”
โรแซนหมดคำพูดไปหลายวินาที ก่อนจะตัดพ้อ
“ฉันอธิษฐานต่อเทพธิดาทุกวัน ให้คุณรีบจบบทเรียนศาสตร์เร้นลับกับลุงนีลล์โดยเร็ว จะได้ไม่ต้องเฝ้าคลังอาวุธสัปดาห์ละสองครั้งแบบนี้…ท่านเทพธิดา! ดิฉันไม่ใช่ผู้ไร้หลับสักหน่อย! ผิวพรรณ ความสาว และจิตใจที่แสนบอบบางกำลังจะ…”
“คุณยังไม่ชินอีกหรือ? ก่อนผมจะเข้าร่วมเหยี่ยวราตรี เวรเฝ้าคลังอาวุธก็มีแค่คุณ ไบรท์ และลุงนีลล์แค่สามคนอยู่แล้ว…ไม่ใช่หรือไง?”
ไคลน์ขมวดคิ้ว
โรแซนรีบส่ายศีรษะอย่างเศร้าหมอง
“ไม่ใช่เลยสักนิด ก่อนหน้าเคยมีสี่คน ไม่สิ ห้าคนด้วยซ้ำ จนกระทั่งโคเฮนรี่เลือกกลายเป็นผู้ไร้หลับ และวีโอล่าไม่ต่อสัญญากับเหยี่ยวราตรี เธอเข้าทำงานในบริษัทเครื่องจักรหนักโฮอี้โนเอล วีโอล่ามีหัวอัจฉริยะด้านเครื่องจักรมาก เพียงแต่ขาดแคลนเงินทุน สัญญาระยะยาวห้าปีกับเหยี่ยวราตรีทำให้เธอมีเงินเก็บมากพอ”
เมื่อกล่าวจบ โรแซนเงยหน้าจ้องไคลน์พร้อมกับเลื่อนมือขึ้นมาปิดปาก
“ฉันคิดวิธีดีๆ ออกแล้ว! ไคลน์ นายต้องรีบแต่งงานมีครอบครัว! จากนั้น แสร้งทำเป็นเผยความลับเหยี่ยวราตรีให้เธอ แน่นอน นี่เป็นความผิดสถานเบา เพราะเป็นการยาก ที่จะให้โกหกคู่นอนร่วมเตียงได้นานหลายปี เมื่อความลับรั่วไหล เธอคนนั้นก็ต้องมาทำงานกับเหยี่ยวราตรีในฐานะเจ้าหน้าที่พลเรือน! ใช่แล้ว! เวรเฝ้าคลังอาวุธยังไงล่ะ!”
มุมปากไคลน์สั่นระริก
“มิสโรแซน มันไม่ง่ายกว่าหรือ? หากเป็นคุณที่เริ่มหาสามี และแสร้งเผยความลับต่อเขาหลังแต่งงาน”
ดวงตาสาวน้อยพลันเบิกโพลง เธออ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อว่าไคลน์จะกล่าวมันออกมา
“ฉันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง? การแต่งงานเป็นสิ่งสำคัญมากรู้ไหม! ต้องเลือกผู้ชายที่ดี และคบหาดูใจเป็นเวลานานหลายปี จนกระทั่งมั่นใจ จากนั้นค่อยแต่งงาน…”
แล้วกับฉันล่ะฟะ?
ไคลน์ไม่คิดถกปรัชญาชีวิตกับโรแซนให้ปวดหัว คนทั้งสองสนทนาเรื่อยเปื่อยต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโบกมือลาและเดินลงชั้นใต้ดิน
ภายในคลังอาวุธ ไคลน์เดินเข้าไปพบนีลล์ กำลังปลุกปล้ำกาแฟบดคู่ใจหน้าดำหน้าแดง มันจึงตัดสินใจนั่งรอให้อีกฝ่ายเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน
“เจ้ากำลังจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเต็มตัวใช่ไหม?”
ลุงนีลล์เงยหน้าถามขณะรินน้ำร้อนใส่กระดาษกรอง
“หัวหน้าบอกว่าอีกสองถึงสามวัน และผมยังไม่มั่นใจว่าทางวิหารศักดิ์สิทธิ์จะตกลง”
ไคลน์ตอบตามจริง
“ฮะฮะ!”
ลุงนีลล์หัวเราะในลำคอ
“วิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นผู้วิเศษอย่างเจ้า”
เมื่อกล่าวจบ ชายชราฉีกยิ้มอย่างมีเลศนัย
“จงเตรียมใจไว้ให้ดี เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเหยี่ยวราตรีต้องผ่านบททดสอบชนิดหนึ่งก่อนถูกบรรจุเต็มตัว…บททดสอบดังกล่าวก็คือ การปฏิบัติภารกิจเดี่ยวให้สำเร็จลุล่วงโดยไม่พึ่งพาความช่วยเหลือจากใคร แต่ไม่ต้องห่วง ดันน์คงเลือกภารกิจที่ง่ายที่สุดให้เจ้า ในฐานะที่เป็นผู้วิเศษสายสนับสนุน”
……………………