Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 84

Lord of the Mysteries 84

ตอนที่ 84 : อลิซาเบธ

เมื่อเห็นน้องสาวของตนยืนขมวดคิ้ว ไคลน์รีบฉวยโอกาส

“เมลิสซ่า ฉันคิดว่าเธอเองก็ไม่ให้เกียรติงานเลี้ยงในวันนี้เหมือนกัน”

“ตรงไหน?”

สีหน้าของเธอพลันฉงน

ไคลน์ชี้ไปที่ลำคอ

“ในฐานะสุภาพสตรี เธอยังขาดสิ่งที่ทำให้บริเวณนี้โดดเด่น”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบโต้ ไคลน์อมยิ้มพร้อมกับหยิบสร้อยคอเงินที่มีลวดลายปีกนางฟ้าล้อมรอบออกจากกระเป๋าเสื้อ

“โชคดีที่ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว”

“…”

เมลิสซ่าเงียบงันสักพัก ก่อนจะถาม

“ราคาเท่าไร?”

น้องสาว…เธอขี้งกผิดเวลาแล้ว

ไคลน์รำพัน จากนั้นก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม

“ราคาไม่แพง ในตอนที่ซื้อมา สภาพของมันยังไม่สมบูรณ์ ฉันต้องสลักอักขระและลวดลายสวยงามลงไปเอง”

“นายสลักเอง?”

เมลิสซ่ายังคงขมวดคิ้ว

“ใช่แล้ว สวยหรือเปล่า?”

ไคลน์ถือโอกาสที่เมลิสซ่าเผลอ ยัดสร้อยเงินซึ่งเป็นเครื่องรางใส่ในมือ เธอสำรวจมันอย่างละเอียดพลางกัดเม้มริมฝีปาก

“ฉันชอบปีกนางฟ้ารอบๆ…”

จะบอกว่าอักขระพวกนี้ไม่สวย ก็ไม่เห็นต้องอ้อมค้อมสักหน่อย…

แต่พวกมันช่วยให้เธอรอดพ้นจากภัยอันตรายได้นะ

ขณะไคลน์คิดคำโน้มน้าวให้น้องสาวสวมสร้อย เป็นฝ่ายเมลิสซ่าที่หยิบสร้อยไปคล้องคอด้วยตัวเอง สีหน้าค่อนข้างฝืนใจ แต่ก็พยายามจัดตำแหน่งเครื่องรางให้เข้าที่

“สมบูรณ์แบบมาก…”

ไคลน์กล่าวชมเกินจริงไปเล็กน้อย

เมลิสซ่าเงยหน้ามองไคลน์ด้วยดวงตาเคลือบแคลง

“ไคลน์ นายเปลี่ยนไปมากเลยนะ”

“คงเพราะฉันได้งานที่ดี มีรายได้มั่นคง และได้อยู่บ้านหลังใหญ่ ความมั่นใจในตัวเองก็เลยเพิ่มขึ้น”

ชายหนุ่มหาคำแก้ต่างได้ลื่นไหลดุจดังนักต้มตุ๋นเหมือนทุกครั้ง

เฮ่อ…ถึงจะมีความทรงจำของไคลน์คนก่อนหลงเหลือ และตนก็พยายามแสร้งทำนิสัยให้คล้ายคลึงที่สุด แต่เมื่อเริ่มสนิทสนมกับเบ็นสันและเมลิสซ่ามากขึ้น ตนมักเผลอแสดงนิสัยที่แท้จริงออกมาบ่อยครั้ง

เมลิสซ่ายอมเชื่อในคำอธิบาย เธออมยิ้มในลักษณะที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ

“ฉันดีใจที่นายเป็นแบบนี้…ดีใจจริงๆ…”

หลังจากสองพี่น้องสนทนาอีกสักพัก พี่ชายคนโต เบ็นสัน เดินลงมาจากชั้นสองในสภาพสวมเชิ้ตขาว เสื้อกั๊กดำ หูกระต่ายดำ กางเกงขายาวสีดำ มาดคล้ายนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลังจากทำงานหนักหลายปี

โดยเฉพาะหัวที่เถิกล้านนั่น ยิ่งทำให้มาดของเบ็นสันสมจริงเข้าไปใหญ่ ไคลน์อมยิ้มคิกคักภายในใจ

“เหมาะมากเบ็นสัน เข้ากับนายมาก”

ชายหนุ่มชมเชย ด้านเมลิสซ่าก็พยักหน้าเห็นด้วย

“หมายความว่า ชุดที่สวมมีส่วนสำคัญมากกว่าตัวตนที่แท้จริงของฉัน…”

เบ็นสันกล่าวเชิงตำหนิตัวเอง

ไคลน์ถือโอกาสหยิบเครื่องรางที่เหลืออีกหนึ่งชิ้นออกจากกระเป๋า มันสาธยายแบบเดียวกับที่เคยทำกับเมลิสซ่า ก่อนจะกล่าว

“ฉันเองก็ทำให้นายด้วยหนึ่งอัน”

“ไม่เลว ฉันจะพกติดตัวไว้”

เบ็นสันรับไว้พร้อมกับพูดติดตลก

“ไคลน์ มาถึงจุดนี้แล้ว ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้านายตัดผมเป็น ซ่อมเสื้อผ้าเป็น ซ่อมนาฬิกาเป็น และให้อาหารลิงบาบูนขกหยิกเป็น…นายทำได้ทุกอย่างตั้งแต่เมื่อไร?”

“เอาน่าชีวิตคนเรามีเรื่องราวให้ประหลาดใจได้เสมอ”

หลังจากนั้น สามพี่น้องตรวจสอบเครื่องแต่งกายกันและกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถม้าสาธารณะ ปลายทางคือเขตเหนือ ถนนฟาเนีย บ้านของเซเลน่า

ตระกูลวู้ดอาศัยในบ้านแถว แต่ไม่เหมือนกับบ้านตระกูลโมเร็ตติ ด้านหน้ามีเฉลียงเล็กๆ รวมถึงสวนหย่อม หรูหรากว่าบ้านแถวทั่วไปพอสมควร

หลังจากกดกริ่งหน้าประตู ผ่านไปราวสิบวินาที ตัวเอกของงานเลี้ยงวันเกิดก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน เซเลน่า·วู้ด

เด็กสาวผมแดงไวน์สวมกอดเมลิสซ่าอย่างแนบแน่น

“ฉันชอบชุดนี้! เธอสวยมาก!”

บิดาของเธอยืนไม่ห่างจากเซเลน่ามากนัก มิสเตอร์วู้ด นายธนาคารอาวุโสแห่งธนาคารเบ็คลันด์สาขาทิงเก็น

“ขอต้อนรับคุณพี่ชายคนโตผู้ทำงานหนัก และคุณพี่ชายคนกลางนักประวัติศาสตร์หนุ่มไฟแรง”

มิสเตอร์วู้ดกล่าวทักทายไคลน์และเบ็นสันด้วยสรรพนามสุดหรูหรา

นักประวัติศาสตร์หนุ่ม…? ตัวเรามีดีแค่นี้เองหรือ?

ไคลน์ตัดพ้อในใจ ก่อนจะถอดหมวกทักทายตามมารยาท

“มิสเตอร์วู้ด คุณยังหนุ่มแน่นและแข็งแกร่งกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก”

ถ้อยคำประจบสอพลอแสนไหลลื่น

ไคลน์ได้แต่คิดในใจว่า ตนชำนาญศาสตร์ด้านนี้มาจากไหน? จักรวรรดิแห่งอาหารบนโลกเก่าหรือ…

เบ็นสันยื่นแขนออกไปจับมือกับมิสเตอร์วู้ด

“ผมรู้จักนายธนาคารหลายคน แต่พวกเขามักแข็งกระด้างและเย่อหยิ่ง ไม่มีใครเป็นสุภาพชนเหมือนกับคุณเลย”

“ถ้ามีโอกาสได้พบผมที่ธนาคาร คุณอาจไม่พูดแบบนี้…ฮะฮะ!”

มิสเตอร์วู้ดหัวเราะมีความสุข

หลังจากทักทายหน้าบ้านพอเป็นพิธี เจ้าของงานวันเกิด เซเลน่าที่มาในชุดเดรสตัวใหม่เอี่ยม เธอเดินนำสามพี่น้องเข้าไปด้านใน โดยระหว่างทางแอบซุบซิบนินทากับเมลิสซ่าเป็นระยะ

“อลิซาเบธมาถึงแล้วล่ะ”

“พี่ชายของเธอหล่อกว่าที่คิดนะ”

สาวน้อย…ฉันเป็นผู้วิเศษที่หูดีนะ

และถึงจะชมกันก็เถอะ…

ไคลน์ยืนมองเด็กสาววัยสิบหกสองคนที่กำลังเดินนำหน้าตน

อันที่จริง ไคลน์ยังห่างไกลจากคำว่าหล่อเหลาอยู่มาก การที่พูดว่า ‘หล่อกว่าที่คิด’ นั้นหมายความว่า เธอต้องจินตนาการภาพลักษณ์ของสองหนุ่มไว้อัปลักษณ์สุดขีด

ระดับไหนกัน? คิดว่าเป็นเจ้าอ้วน หัวล้าน มืดมน และดวงตาเหมือนปลาตายงั้นหรือ?

ขณะกำลังเดิน ชายหนุ่มเข้าสู่ภาวะเนตรวิญญาณเพื่อเป็นการฝึกฝนไปในตัว

เซเลน่าเป็นเด็กสาวสุขภาพแข็งแรง อารมณ์กำลังร่าเริงและมีความสุข

ตับของมิสเตอร์วู้ดมีปัญหาเล็กน้อย…เป็นเพราะสูบไปป์งั้นหรือ?

ถัดมา ไคลน์กวาดสายตาไปยังฝูงชนภายในงานด้วยท่าทีผ่อนคลาย

จนกระทั่ง

“อลิซาเบธ! เมลิสซ่าอยู่นี่!”

เซเลน่าตะโกนเรียกใครบางคน

ไคลน์พลันชะงักงัน เมื่อเหลือบเห็นใบหน้าของเด็กสาวที่เพิ่งเดินเข้ามา

เธอคือ…เด็กสาวแก้มยุ้ยที่ตนช่วยเลือกเครื่องรางให้ในตลาดมืดค้าของวิเศษ!

อลิซาเบธกล่าวทักทายเมลิสซ่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ชายสองคนที่ยืนด้านหลัง ทันใดนั้น เด็กสาวเกิดอาการผงะ ก่อนจะรีบยิ้มแย้มและถอนสายบัวทักทายโดยแสร้งทำตัวตามปรกติ

ด้านไคลน์ก็ทำทีเป็นไม่รู้จักเธอ

ภายใต้การนำทางของมิสเตอร์วู้ด ทุกคนเดินมาถึงห้องรับแขกซึ่งเป็นจุดหลักสำหรับจัดงาน จากนั้นก็ถูกแนะนำให้รู้จักกับคริส·วู้ด พี่ชายของเซเลน่า และแขกพิเศษอีกหลายคน

เบ็นสันสนทนากับคริสและทนายความหนุ่มคนอื่นอย่างออกรส หัวข้อเป็นเรื่องทั่วไป จำพวกเพื่อนบ้านในละแวกของตน เบ็นสันหยิบยกเรื่องของตระกูลชาเดอร์มาพูดคุย

อิจฉาชะมัด…ไคลน์ขาดแคลนทักษะเข้าสังคม ไม่เหมือนเบ็นสันที่ลื่นเป็นปลาไหล

ชายหนุ่มไม่กล่าวสิ่งใด มันเพียงเดินไปหยิบค็อกเทลจากมุมห้องและกลับมาร่วมวงสนทนาอย่างเงียบงัน หลายครั้งพยักหน้าตามมารยาท และหลายครั้งแสร้งหัวเราะให้กับมุกตลก

ผ่านไปไม่นาน แขกทุกคนทยอยมาถึงจนครบ งานเลี้ยงสังสรรค์ได้เวลาเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

เนื่องจากมีโต๊ะไม่พอสำหรับรองรับแขก งานเลี้ยงจึงมีลักษณะแบบบุฟเฟ่ต์ คือการยืนทาน อาหารหลากหลายชนิดวางเรียงรายบนโต๊ะยาวกลางห้อง มีสาวใช้และบริกรหนุ่มคอยอำนวยความสะดวก ทั้งรินเครื่องดื่ม รวมถึงหั่นเนื้อชิ้นใหญ่ให้บางลง

ไคลน์ส่ายศีรษะหลังจากได้เห็นภาชนะใส่อาหารสุดหรูหราโอ่อ่า มันมองว่า ตระกูลวู้ดใช้เครื่องเรือนเกินฐานะชนชั้นกลางเกินไปสักหน่อย

ถ้ารวยขนาดนั้นจริง คริสคงไม่ใช้เวลาเก็บเงินแต่งงานนานหลายปี…

เมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่เมลิสซ่าเคยเล่าให้ฟัง ไคลน์ตั้งสมมติฐานภายในใจ

ใช่แล้ว รายได้ส่วนหนึ่งที่คริสหาได้คงถูกเจียดมาซื้อเครื่องเรือนหรูหราเหล่านี้โดยมีจุดประสงค์สำหรับจัดการต้อนรับแขก

นั่นสินะ หน้าตาครอบครัวถือเป็นสิ่งสำคัญ

ท่ามกลางความรู้สึกที่หลากหลาย ไคลน์เดินหยิบจานและตรงไปยังจุดวางอาหาร ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มหมูอบน้ำผึ้งของโปรดใส่จานตนเองหลายชิ้น

ทันใดนั้น อลิซาเบธ เด็กสาวแก้มยุ้ยน่ารัก เดินมาหยุดด้านข้างพร้อมกับทำทีตักอาหารตามปรกติ เธอกล่าวเสียงกระซิบ

“ที่แท้คุณก็เป็นพี่ชายของเมลิสซ่า…ขอบคุณมากค่ะ เซเลน่าชอบเครื่องรางที่ฉันซื้อให้มาก เธอรู้สึกสุขภาพแข็งแรงทันทีที่ได้สวมมัน”

เซเลน่า…เครื่องราง

ไคลน์ย้อนนึกกลับถึงเหตุผลที่เด็กสาวแก้มยุ้ยเลือกซื้อเครื่องรางให้เพื่อนที่ตลาดมืด

เป็นของขวัญวันเกิดให้กับเพื่อนสนิทที่หลงใหลในศาสตร์เร้นลับ!

เพื่อนคนนั้นคือเซเลน่าเองหรือ? หล่อนชอบศาสตร์เร้นลับสินะ

ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะอมยิ้มและตอบกลับ

“คงเหมือนกับ ‘ยาหลอก’ น่ะ”

เมื่อกล่าวจบ ไคลน์รอให้เด็กสาวแก้มยุ้ยกล่าวสรรเสริญความยอดเยี่ยมของมหาจักรพรรดิโรซายล์

ทว่า สีหน้าของอลิซาเบธกลับฉงน

“ยาหลอกคืออะไรหรือคะ?”

“คือยาที่ไม่มีผลรักษาจริง แต่คนไข้กลับเข้าใจว่ามีสรรพคุณรักษาโรค และคอยสะกดจิตตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่า ตนสามารถหายขาดจากโรคนี้ได้ มีบางรายที่สามารถหายจากโรคได้จริง ซึ่งนั่นไม่ได้เกิดจากผลตัวยา แต่เป็นเพราะสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง”

ไคลน์สาธยาย

“ไม่นะคะ เธอกล่าวอย่างมั่นใจว่า มันแตกต่างจากเครื่องรางทุกเส้นที่เคยสวม เป็นความรู้สึกพิเศษอย่างแท้จริง”

เด็กสาวเอียงคอพลางจ้องมองมายังไคลน์ด้วยสีหน้าใคร่รู้

“ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า พี่ชายของเมลิสซ่าจะเชี่ยวชาญศาสตร์เร้นลับขนาดนี้…”

“ก็อย่างที่เธอทราบ ฉันเป็นนักประวัติศาสตร์ เป็นธรรมดาที่จะพบเจอเรื่องราวแปลกประหลาดบ่อยครั้ง”

ไคลน์รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ว่าแต่ เธอเป็นนักเรียนของโรงเรียนเทคนิคงั้นหรือ?”

“ไม่ค่ะ พวกเราเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเก่า เมลิสซ่าเลือกเรียนต่อที่โรงเรียนเทคนิค ส่วนฉันเลือกเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชนอีวอสซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก”

อลิซาเบธอธิบาย

โรงเรียนเอกชนไม่ได้ถูกจัดตั้งและบริหารโดยรัฐบาล เป็นโรงเรียนเปิดที่ใครก็สามารถเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องสอบแข่งขัน วิชาเรียนและเนื้อหาการสอนไม่เข้มข้นเท่ากับโรงเรียนวิชาการทั่วไปซึ่งมุ่งเน้นให้นักเรียนสอบติดมหาวิทยาลัย

โรงเรียนเอกชนจะมีค่าเล่าเรียนค่อนข้างสูง บางแห่งคัดเลือกผู้เรียนจากชื่อเสียงของตระกูล นักเรียนส่วนใหญ่จึงเป็นระดับชนชั้นกลางขึ้นไป

อลิซาเบธไม่กล่าวสิ่งใดต่อ หลังจากตักอาหารเสร็จ เธอรีบเดินกลับไปยืนข้างเซเลน่า

เวลาผ่านไปจนกระทั่ง เจ้าของงานอย่างเซเลน่า·วู้ดเป่าเค้กเสร็จ งานเลี้ยงก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ

ไคลน์และเบ็นสันถูกชักชวนให้เล่นไพ่โปเกอร์เท็กซัส ขั้นต่ำเงินเดิมพันแรกคือครึ่งเพนนี และเต็มที่ไม่เกินเพนนี ส่วนเมลิสซ่า เซเลน่า อลิซาเบธ และบรรดาเด็กสาวอีกหลายคน พวกเธอเดินขึ้นไปที่ห้องชั้นสองโดยไม่ทราบว่าคุยเล่นหรือทำกิจกรรมใด

โชคของไคลน์ค่อนข้างบูด ผ่านไปยี่สิบกว่ารอบ มันไม่เคยได้ไพ่ดีสักครั้งเดียว ทำเพียงหมอบและรับหน้าที่เป็นผู้ชม

หลังจากรับไพ่รอบใหม่มาสองใบ ชายหนุ่มพลิกไพ่สำรวจและพบว่าเป็นสองโพธิ์แดงกับห้าโพธิ์ดำ จัดว่าแย่เหมือนทุกครั้ง

ลองบลัฟดูสักตาดีไหม…

ไคลน์ครุ่นคิดเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าล้อเล่นกับดวงของตัวเอง และไม่หน้าด้านพอจะโกงไพ่ด้วยพลังนักทำนาย

ชายหนุ่มคว่ำไพ่และปล่อยผ่าน เป็นนัยว่ายอมแพ้เหมือนทุกครั้ง จากนั้นก็ขอตัวเดินไปเข้าห้องน้ำ

จักรพรรดิโรซายล์เป็นพวกย้ำคิดย้ำทำหรืออย่างไร? แค่ตั้งชื่อไพ่ว่าโป๊กเกอร์ก็เพียงพอแล้ว จำเป็นด้วยหรือที่ต้องเติมคำว่าเท็กซัสลงไป?

ชายหนุ่มส่ายศีรษะและเดินตรงไปยังห้องน้ำ ทันใดนั้น มันพลันชะงักงันด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด…

สัมผัสวิญญาณของมันกำลังร่ำร้องอย่างไม่เคยเป็น

…บนชั้นสองของบ้านหลังนี้ มีการผันผวนจากคลื่นพลังลึกลับในลักษณะเกรี้ยวกราด!

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!