ตอนที่ 86 : ภาวนา
เทคนิคหยุดพิธีกรรมกลางคันนั้น ผู้วิเศษสามารถเลือกหยุดพักตามความเหมาะสม จากนั้นค่อยกลับมาสานต่อพิธีกรรมเดิมโดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ต้องการ
นี่คือพัฒนาการนานนับพันปีนับตั้งแต่มนุษย์ริเริ่มคิดค้นเทคนิคประกอบพิธีกรรมขึ้นสมัยอดีต ส่งผลให้ระยะเวลาในการประกอบพิธีกรรมนั้นไม่จำกัด จะนานครึ่งวันหรือหนึ่งวันก็ย่อมได้
ในอดีต ย่อมมีบ่อยครั้งที่พิธีกรรมถูกรบกวนจากบุคคลภายนอก บรรพบุรุษของมนุษย์จึงริเริ่มออกแบบให้พิธีกรรมสามารถหยุดพักชั่วคราว
หลังจากผ่านการทดสอบและความเสียสละนับครั้งไม่ถ้วน ลองผิดลองถูกมากมาย เก็บสถิติและผลลัพธ์เพื่อมองหาวิธีสร้างพิธีกรรมที่ดีที่สุด
ลงเอยด้วย เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถเข้าถึงพิธีกรรมที่สามารถหยุดพักชั่วคราวสำเร็จ
เทคนิคหยุดพักชั่วคราวเป็นที่นิยมในการประกอบพิธีกรรมระดับสูงที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน แต่ก็สามารถปรับใช้กับพิธีกรรมระดับต่ำได้เช่นกัน
ถึงกระนั้น เทคนิคหยุดพักชั่วคราวไม่สามารถกระทำได้ดังใจนึก แต่ละพิธีกรรมจะมีบางขั้นตอนที่สำคัญชนิดห้ามถูกรบกวน
ฉะนั้น หากผู้ประกอบพิธีกรรมต้องการใช้เทคนิคหยุดกลางคัน จำเป็นจะต้องศึกษาแก่นแท้ของพิธีกรรมดังกล่าวอย่างละเอียดทุกซอกมุม ไม่อย่างนั้น ความล้มเหลวคือสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง และหากโชคร้าย อาจถึงขั้นได้รับผลข้างเคียงอันตรายรุนแรง
จากความเข้าใจของไคลน์ หากพิธีกรรมดำเนินไปถึงจุดที่ ‘เทพ’ กำลังรอฟังคำร้องขออย่างตั้งใจ ถ้าผู้ประกอบพิธีกรรมดันไปพูดว่า
“สักครู่ครับ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
มันมั่นใจ ผู้ประกอบพิธีกรรมจะไม่มีโอกาสได้เข้าห้องน้ำอีกเลยชั่วชีวิต
ฟู่ว…
ชายหนุ่มพยายามสงบจิต ตนมีความรู้ความเข้าใจในพิธีกรรมค่อนข้างลึกซึ้ง
แต่ถึงจะเคยดัดแปลงพิธีกรรมเวทมนตร์ด้วยตัวเองสำเร็จมาแล้ว ตามที่ให้แฮงแมนและจัสติสช่วยทดสอบ แต่นี่คือครั้งแรกที่มันเสี่ยงดัดแปลงพิธีกรรมเวทมนตร์ด้วยพลังของผู้วิเศษลำดับเก้า โดยไม่พึ่งพามิติแห่งสายหมอกช่วยเหลือ
สายตาไคลน์ชำเลืองมองไม้ค้ำเลี่ยมเงินที่ถูกวางไว้ด้านซ้ายมือ ก่อนจะนำเทียนไขเล่มที่สามวางไว้กึ่งกลางโต๊ะแท่นบูชา
เล่มนี้แทนตัวผู้ประกอบพิธีกรรม
ไคลน์วางจอกเงินที่เซเลน่าใช้ประจำไว้ด้านหน้าเทียนเล่มกลางโต๊ะ ก่อนจะวางเตาขนาดใหญ่ไว้ด้านบน เป็นตัวแทนตราศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดา
ถัดมา มันวางสารสกัดและน้ำมันสกัดบุปผาไว้ทางซ้ายมือ รวมถึงบุปผาจันทรา บุปผาหลับใหล ส่วนด้านขวาเป็นถาดเกลือหิน มีดเงิน เศษชิ้นหนังเทียม และปากกาขนนกที่กำลังจุ่มลงในขวดหมึก
โชคดีที่เซเลน่ามีอุปกรณ์ครบครัน ไม่อย่างนั้น ตนคงไม่มีทางเตรียมพิธีกรรมที่ซับซ้อนเช่นนี้ได้
ในฐานะนักทำนายฝึกหัด มันยังไม่ชำนาญพิธีกรรมเท่ากับผู้ส่องความลับนีลล์ที่ช่ำชอง
แค่มองเพียงผิวเผินก็พอจะทราบว่า เซเลน่าเป็นผู้คลั่งไคล้ศาสตร์เร้นลับที่ค่อนข้างมีประสบการณ์ ไม่อย่างนั้น คงไม่สามารถประกอบพิธีกรรมเวทมนตร์สำเร็จจนก่อปัญหาอันตรายเช่นนี้ขึ้น
เธออายุเพียงสิบหก และดูเหมือนจะเข้าสู่โลกแห่งศาสตร์เร้นลับได้ไม่ถึงครึ่งปี หมายความว่า ต้องมีใครสักคนคอยฝึกสอน
แล้วใครกัน?
ความสงสัยถาโถมขณะที่มือของไคลน์หยิบจอกเงินอีกอันมาวางข้างถาดเกลือหิน ก่อนจะเทน้ำบริสุทธิ์ลงไปในจอกสำหรับขั้นตอนสร้างมีดศักดิ์สิทธิ์
มันหยิบนาฬิกาพกออกมาสำรวจ เมื่อยืนยันเวลาเรียบร้อย ไคลน์ไม่คิดเสียเวลาเพิ่มแม้แต่วินาทีเดียว มันหลับตาลงและสร้างบอลสายฟ้าซ้อนทับในห้วงจิตเพื่อเข้าฌาน
บรรยากาศภายในห้องเริ่มมีกลิ่นดอกไม้ฟุ้งกระจาย สายลมอ่อนๆ พัดผ่านห้องปิดตายอย่างน่าฉงน
ไคลน์ตรวจสอบเวลาอีกครั้งด้วยนัยน์ตาที่เปลี่ยนจากสีน้ำตาลเป็นดำเข้ม คล้ายกับสามารถมองทะลุเข้าไปในดวงวิญญาณ
มันเหยียดฝ่ามือขวาออกไปวางหน้าเทียนไขมุมขวา ก่อนจะหลับตาลงและท่องคาถาภายในใจ
“พระองค์เทพธิดารัตติกาล…สุภาพสตรีสีชาดผู้ยิ่งใหญ่”
เมื่อกล่าวจบ ไคลน์ใช้ปลายนิ้วชี้และโป้งลูบไล้บนไส้เทียนพร้อมกับปลดปล่อยพลังวิญญาณ
เพียงพริบตา เปลวเพลิงถูกจุดจนบรรยากาศภายในห้องสว่างด้วยสีฟ้า ผสมผสานกับแสงโคมไฟสีเหลืองนวลอย่างลงตัว
“ข้าแต่เทพธิดารัตติกาล…จักรพรรดินีแห่งหายนะ”
เฉกเช่นเมื่อครู่ มันใช้ปลายนิ้วชี้และโป้งของมือซ้าย ลูบไล้บนไส้เทียนฝั่งซ้ายเพื่อจุดเปลวไฟ
“ข้าคือองครักษ์ผู้ภักดีของท่าน คอยเป็นโล่ปกป้องภัยคุกคามชั่วร้ายจากเงามืด คอยเป็นหอกทิ่มแทงใส่ปีศาจชั่วร้ายที่ลอบแทรกซึมเข้ามาในโลกมนุษย์อย่างเงียบเชียบ”
พรึบ!
เทียนไขเล่มกึ่งกลางซึ่งแทนตัวไคลน์ ถูกจุดจนสุกสว่าง
เปลวเพลิงจากสามเทียนไขยังคงสงบนิ่ง ชายหนุ่มหยิบมีดเงินออกมา พร้อมกับเลียนแบบท่าทางที่ลุงนีลล์เคยแสดงให้เห็น
มันเปล่งคาถาในใจ ก่อนจะใช้เกลือหินและน้ำบริสุทธิ์ช่วยในขั้นตอนสร้างมีดศักดิ์สิทธิ์
ถัดมา ไคลน์ปลดปล่อยพลังวิญญาณจากคมมีดและควบคุมให้ห่อหุ้มมีดไว้
ด้วยมีดเงินในมือ ไคลน์เริ่มเดินวนไปรอบห้องนอน ก่อนจะคุกเข่าลงเมื่อต้องเหยียบบนเตียง จนกระทั่งสร้างกำแพงวิญญาณล้อมรอบแท่นบูชาเสร็จสมบูรณ์
ในวินาทีนี้ แสงโคมไฟจากถนนด้านนอกพลันดับมอดอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีเพียงแสงจันทร์แดงฉานที่ยังคงสาดส่องงดงาม
มันเดินกลับมาที่โต๊ะแท่นบูชาและหยิบปากกาขนนกเขียนคาถาสำหรับขับไล่วิญญาณชั่วร้ายลงบนกระดาษหนังเทียม
เมื่อเสร็จสิ้น ไคลน์วางทุกสิ่งในมือลง พร้อมกับหยดสารสกัดดอกไม้และน้ำมันสกัด ลงบนเทียนไขทั้งสามเล่มตามลำดับ
ซู่ว!
หมอกควันจางปกคลุมรอบห้อง มอบบรรยากาศความเร้นลับให้แก่ผู้พบเห็น
ถัดมา ไคลน์เผาสมุนไพรหลายชนิดลงในหม้อใหญ่ ท่ามกลางกลิ่นพฤกษาคละคลุ้งอย่างเข้มข้น มันเริ่มท่องคาถาที่จำเป็นสำหรับเทคนิคหยุดพักพิธีกรรมกลางคัน
“สูงสง่ากว่าดารา ยืนยาวยิ่งกว่านิรันดร์ พระองค์เทพธิดารัตติกาลผู้ยิ่งใหญ่ ข้าขอภาวนาความรักจากพระองค์ ข้าขอภาวนาให้พระองค์ทรงยื่นมือช่วยเหลือสาวกผู้ซื่อสัตย์ ข้าขอภาวนาพลังแห่งแดงชาด ข้าขอภาวนาพลังแห่งหายนะ ข้าขอภาวนาให้พระองค์ช่วยปัดเป่าภัยอันตรายและวิญญาณชั่วร้ายออกจากร่างสาวกผู้ซื่อสัตย์นามเซเลน่า·วู้ด ข้าขอภาวนาให้พระองค์ช่วยรอสักครู่ ได้โปรดอดทนรออย่างใจเย็น เพื่อช่วยเหลือเด็กสาวที่มีชะตากรรมอับโชคผู้นั้น”
…
“บุปผาจันทราและพฤกษาแห่งจันทร์สีชาดเอ๋ย…ช่วยเป็นพลังแก่คาถาของข้าด้วย”
“บุปผาหลับใหลและพฤกษาแห่งจันทร์สีชาดเอ๋ย…ช่วยเป็นพลังแก่คาถาของข้าด้วย”
…
หลังจากท่องคาถาจบ มันท่องซ้ำในใจจนครบเจ็ดครั้ง
เมื่อเห็นว่าไม่มีเหตุการณ์ผิดปรกติเกิดขึ้น ไคลน์หยิบมีดเงินและก้าวถอยหลังไปยังประตูห้องนอน
มันทำสัญลักษณ์สี่จุดที่หน้าอกเพื่อสื่อถึงจันทร์แดง จากนั้นก็ยกคมมีด พร้อมกับถ่ายเทพลังวิญญาณออกไปเพื่อกรีดเฉือนทำลายกำแพงวิญญาณ
ไคลน์ทราบดี ถ้าใช้เทคนิคหยุดพักพิธีกรรมกลางคันสำเร็จ ต่อให้ถูกรบกวนจากภายนอกก็ไม่มีผลข้างเคียงใดเกิดขึ้น
มันหยิบนาฬิกาพกใบองุ่นออกมาตรวจสอบเวลาเป็นครั้งสุดท้าย ภายในใจทบทวนสิ่งที่ต้องทำในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
…
ภายในห้องนั่งเล่นบนชั้นสอง
อลิซาเบธเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนภายในห้องเป็นระยะ สีหน้าของเธอกำลังกระวนกระวายอย่างผิดปรกติ แววตาเหม่อลอย ภายในใจนับถอยหลังอย่างเงียบงันท่ามกลางแสงเหลืองนวลจากโคมไฟแก๊ส
ใกล้แล้วสินะ…
เด็กสาวพึมพำ หางตาชำเลืองมองเซเลน่าผมสีไวน์แดงที่กำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานกับเพื่อนฝูงเด็กสาวอีกหลายคน ลักยิ้มของเธอยังคงบุ๋มลึกเฉกเช่นทุกครั้ง
ยิ่งเพื่อนของตนแสดงท่าทีปรกติมากเพียงใด อลิซาเบธก็ยิ่งไม่สบายใจมากเท่านั้น เธอยังไม่ลืมภาพของเซเลน่าชั่วร้ายที่ปรากฏบนบานกระจกวิเศษ
ถึงเวลาแล้ว…ต้องรีบลงมือตอนนี้!
อลิซาเบธลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ เด็กสาวคนอื่นภายในห้องแสดงสีหน้าประหลาดใจ
อลิซาเบธหันไปกล่าวกับเซเลน่าด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ซ…เซเลน่า ฉันมีอะไรจะเซอร์ไพรส์เธอ ช…ช่วยตามมาสักครู่ได้ไหม”
“จริงหรือ? แต่เธอมอบของขวัญวันเกิดให้ฉันแล้วนี่?”
เซเลน่าคว่ำกระจกลงพลางขมวดคิ้วถาม
“ก…การเซอร์ไพรส์ไม่จำเป็นต้องมีหนเดียวสักหน่อย…”
อลิซาเบธกำลังกดดัน เธอตระหนักว่าตนไม่มีความสามารถด้านการแสดงเอาเสียเลย
โดยไม่กล่าวสิ่งใดต่อ อลิซาเบธเดินนำไปที่ประตูห้อง ด้านเซเลน่าลุกเดินตามไปไม่ห่าง บนใบหน้าสวมรอยยิ้มเจือปนความสงสัย
ขณะเมลิสซ่านั่งมองเพื่อนสาวสองคนเดินออกจากห้อง เธอขมวดคิ้วอย่างเคลือบแคลง
วันนี้อลิซาเบธทำตัวแปลกไปมาก…
นับตั้งแต่ได้พบไคลน์…
ก่อนหน้าก็เคยเดินออกไปครั้งหนึ่งอย่างไม่บอกกล่าวใคร และกลับมาอีกครั้งโดยอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำ
แต่ทำไมสีหน้าถึงคล้ายกับคนป่วยไข้?
…
ณ ประตูห้องนอนเซเลน่า
อลิซาเบธสูดลมหายใจสุดปอดเพื่อสงบสติ ก่อนจะหันไปกล่าวกับเซเลน่า
“ข…เข้าไปในห้องนอนของเธอกันเถอะ”
“อลิซาเบธ…สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเลย เหมือนกับกำลังหวาดกลัว…”
เซเลน่าจ้องมองเพื่อนสนิทของตนกำลังยืนตัวสั่นระริก
“ฉ…ฉันกำลังตื่นเต้นน่ะ! ใช่แล้ว ตื่นเต้น!”
อลิซาเบธเหลือบมองกระจกวิเศษด้วยสีหน้าดำมืด จากนั้นก็รีบหมุนตัวกลับไปเคาะประตูเป็นจังหวะยาวหนึ่งครั้ง และสั้นหนึ่งครั้ง ตามสัญญาณที่นัดแนะไว้ล่วงหน้า
“แล้วทำไมต้องเคาะประตูด้วย…?”
เซเลน่ายืนขมวดคิ้ว
แอ๊ด…
ประตูห้องนอนถูกเปิดออก บุคคลที่ปรากฏตัวต่อหน้าสองเด็กสาว คือสุภาพบุรุษหนุ่มสวมทักซิโด้สีดำสลับขาว
“เซอร์ไพรส์? นี่คือเซอร์ไพรส์ของเธอหรือ?”
สีหน้าเซเลน่าพลันบิดเบี้ยว
ทันใดนั้น ไคลน์รีบกระชากข้อมือเซเลน่าเข้าไปในห้อง ปล่อยให้อลิซาเบธยืนขาตายอยู่ด้านนอกคล้ายกับถูกรากไม้พันธนาการ
ไคลน์รีบแทงมีดเงินไปด้านหน้าพร้อมกับปลดปล่อยพลังวิญญาณผนึกช่องว่างบานประตูที่เปิดออก
กำแพงวิญญาณที่มองไม่เห็นได้ปิดกั้นมิให้สิ่งแปลกปลอมใดผ่านเข้าออกห้องนี้ไปได้ รวมถึงเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวของเซเลน่าด้วย
โครม!
ไคลน์กระแทกประตูปิดเสียงดัง แน่นอนว่าไม่มีใครได้ยิน โดยไม่เหลียวมองเซเลน่าแม้แต่น้อย มันรีบวิ่งกลับไปยังโต๊ะแท่นบูชา
เด็กสาวผมไวน์แดงเลิกกรีดร้อง เธอเงยหน้าขึ้นและสำรวจไปรอบห้อง
ทันใดนั้น ผิวหนังเด็กสาวพลันกลายเป็นสีขาวซีดคล้ายซากศพ เล็บยาวแหลมงอกเงยจากปลายนิ้วทั้งสิบ
ในวินาทีนี้ ไคลน์รีบหยดสารสกัดดอกไม้และน้ำมันสกัดลงบนเทียนไขพร้อมกับตะโกน
“ข้าแต่สุภาพสตรีสีชาดผู้ยิ่งใหญ่ องค์จักรพรรดินีแห่งหายนะ ข้าขอภาวนาให้พระองค์ช่วยประทานความรักใคร่ ได้โปรดโอบกอดลูกแกะน้อยที่หลงทางให้พ้นภัย ได้โปรดขจัดปัดเป่าภัยอันตรายออกจากเซเลน่า·วู้ด!”
เมื่อกล่าวจบ มันรีบหยิบกระดาษหนังเทียมที่เขียนคาถาขับไล่วิญญาณขึ้นมา พร้อมกับนำไปลนกับเทียนไขเล่มกลางที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ประกอบพิธีกรรม
ฟ้าวววว
สายลมรุนแรงและเย็นยะเยียบพลันพัดผ่านห้องปะทะใส่ร่างไคลน์รุนแรง
เมื่อกระดาษหนังเทียมติดไฟ ไคลน์รีบโยนมันลงในจอกเงินหน้าเทียนเล่มกึ่งกลาง ก่อนจะก้มตัวลงหมายหลบหลีกการโจมตีที่เกรี้ยวกราดซึ่งกำลังจะอุบัติ
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
สายลมทวีความคลุ้มคลั่ง พลังวิญญาณปริมาณมหาศาลที่ไม่ใช่ของตน กำลังหลั่งไหลออกจากร่างอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
กระดาษหนังเทียมกำลังลุกไหม้ภายในจอกเงินอย่างเงียบงัน ก้นถ้วยจอกเริ่มปรากฏหมอกสีดำปกคลุม
ทันใดนั้น เสียงสั่นสะเทือนคล้ายกับวัตถุขนาดใหญ่หล่นกระแทกพื้นพลันดังก้อง
โครม! โครม!
เสียงปริศนาดังกังวานสองครั้งซ้อนในเวลาไล่เลี่ย ไคลน์รีบเงยหน้าขึ้นมอง มันได้เห็นละอองแสงสีเขียวลอยออกจากร่างเซเลน่าเข้าไปในจอกเงินที่มีหมอกดำปกคลุม
เพียงพริบตา ละอองแสงชั่วร้ายพลันสลายตัวกลายเป็นกลุ่มก้อนแก๊สมายาลอยฟุ้งกลางอากาศ
ไคลน์รีบกลิ้งไปด้านข้างพร้อมกับชักปืนจากซองรักแร้ซ้าย ปลายกระบอกเล็งยังไปจุดที่เด็กสาวผมไวน์แดงเคยยืน
ทว่า เซเลน่ากำลังนอนฟุบบนพื้น ข้างลำตัวมีกระจกเคลือบเงินหล่นแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยบนพรมในลักษณะหงายขึ้น
ภาพบนบานกระจกไม่ใช่เซเลน่าร่างชั่วร้ายอย่างเคย แต่เป็นภาพไคลน์และผนังเพดานตามปรกติ
มันรีบเปิดเนตรวิญญาณเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ซึ่งผลลัพธ์เป็นไปตามคาด ออร่าสีเขียวอมดำที่เคยครอบงำเด็กสาวไม่หลงเหลืออยู่อีก แต่สภาพร่างกายของเซเลน่า·วู้ด อ่อนแอลงอย่างชัดเจน
ฟู่ว…
ไคลน์อมยิ้มด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
ทันใดนั้น หว่างคิ้วและทั่วศีรษะพลันรู้สึกปวดแปลบอย่างผิดปรกติ
ความเจ็บปวดเริ่มแผ่ซ่านทั่วลำตัว เรี่ยวแรงแทบไม่หลงเหลือ มันต้องการทิ้งตัวลงนอนให้รู้แล้วรู้รอด
ไคลน์กำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหลังมือเกิดการปูดโปนผิดแผกจากปรกติ สีของมันแดงเข้มจนเกือบดำ แถมยังยุบพองตลอดเวลาคล้ายกับตัวหนอนที่มีชีวิต
เสียงกระซิบแหบพร่าดังกังวานทั่วห้วงจิตตลอดเวลา คล้ายกับหัวสมองจวนเจียนระเบิด
ผ่านไปนานราวยี่สิบวินาที กว่าที่อาการผิดปรกติสุดบัดซบจะจบลง หน้าผากและแผ่นหลังของมันชุ่มไปด้วยเหงื่อไคลเย็นยะเยียบ
พลังวิญญาณของตนหมดลงในพริบตาเพราะพิธีกรรมเวทมนตร์เมื่อครู่งั้นหรือ?
แถมยังเกือบคลุ้มคลั่ง…
ไคลน์พยายามสรุปหาเหตุผล
แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ก็ทำให้มั่นใจ ว่าตัวมันย่อยโอสถนักทำนายสำเร็จไปแล้วหลายส่วน เพราะหากประกอบพิธีกรรมดังกล่าวสมัยยังเป็นนักทำนายได้ไม่นาน ไคลน์มั่นใจว่าตนต้องกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งแน่นอน
ดูเหมือนเทคนิคสวมบทบาทจะได้ผลมากกว่าที่คิด…
ไคลน์พึมพำพลางแตะหว่างคิ้วสองครั้งและปาดเหงื่อด้วยสีหน้าโล่งอก
มันเดินกลับไปยังโต๊ะแท่นบูชาพร้อมกับทำสัญลักษณ์ที่หน้าอกสี่จุด
“เทพธิดาจงเจริญ…”
ถัดมา ไคลน์รีบเก็บข้าวของกลับที่เดิมและจัดการโต๊ะแท่นบูชาให้เรียบร้อย อุปกรณ์ทั้งหมดถูกวางในจุดเก่าเพื่อไม่ให้เซเลน่าสงสัย ก่อนจะใช้มีดเงินกรีดเฉือนกำแพงวิญญาณทิ้ง
ฟ้าววว
สายลมรุนแรงเกรี้ยวกราดสักพักก่อนสลายตัวไป มันถอนหายใจยาว ฝ่ามือยังคงปรากฏอาการสั่นระริกให้เห็น
ถ้าไม่เพราะเราเคยดัดแปลงพิธีกรรมมาก่อน ถ้าไม่เพราะเรามีพลังวิญญาณมากพอ ผลลัพธ์คงไม่ลงเอยราบรื่นเช่นนี้แน่…
แถมไคลน์ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าวิญญาณชั่วร้ายอีกฝ่ายเป็นใคร…
โชคดีจริง…
โชคดีที่ห้องนี้มีพรม ชุดตัวใหม่ของมันจึงไม่สกปรกในตอนที่กลิ้งตัว!
มันส่ายศีรษะพร้อมกับเดินไปเปิดประตูห้องนอน
“เป็นยังไงบ้างคะ?”
อลิซาเบธผงะถอยหลังสองก้าวก่อนจะถามด้วยสีหน้ากังวล
ไคลน์มองเข้าไปในดวงตาที่สั่นกลัวของเด็กสาวแก้มยุ้ย ชายหนุ่มถอดหมวกออกและโน้มตัวไปด้านหน้าด้วยมาดสุภาพบุรุษ
“ปัญหาที่เกิดจากการทำนายกระจกวิเศษ ฉันแก้ไขมันเรียบร้อยแล้ว”
……………………