1045. สวรรค์ดับสูญ
สองข้างทางมีดอกไม้ปลูกวางเรียงกันมากมาย ทั้งยังรูปร่างแตกต่างและดูสวยงามยิ่งนัก อย่างไรก็ตามมันก็เต็มไปด้วยกฏเกณฑ์ เพียงแค่สัมผัสก็กระตุ้นได้แล้ว พวกมันอาจจะโจมตี กักขังหรือเคลื่อนย้ายท่านไปที่แห่งอื่น
หากไม่รู้อะไรเลยคงยากที่จะเดินเหินอยู่ในถ้ำจักรพรรดิเทพได้ แม้แต่หินหยกสวรรค์บนถนนก็ยังเต็มไปด้วยกฏเกณฑ์ หากฝ่าเท้าไม่ก้าวเดินตามลำดับอย่างถูกต้อง กฏเกณฑ์ก็จะกระตุ้นขึ้นจากทิศทางที่ก้าวเดิน
อย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้ไม่มีอะไรอันตรายต่อหวังหลิน แม้แผนที่ไม่ได้มีวิธีการทำลายบอก แต่มันก็มีรายละเอียดเชิงลึกบอกเอาไว้
หากคนอื่นได้ข้อมูลนี้มาอาจจะไม่มีประโยชน์นัก แต่หวังหลินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฏเกณฑ์ ดังนั้นข้อมูลนี้เขาจึงสามารถมองเห็นวิธีแก้และเป็นประโยชน์อย่างมาก
แต่ด้วยนิสัยของหวังหลินจึงไม่เชื่อแผนที่ในหินหยกอย่างสมบูรณ์ แม้จะเคลื่อนไหวอย่างราบรื่นเขาก็ตรวจสอบข้อมูลจากแผนที่ด้วยความแม่นยำ
ขณะเคลื่อนที่ต่อไป พลันตบกระเป๋าปรากฏกระบี่เหล็กที่พึ่งขโมยมาจากเงามืด ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในกระบี่ แม้จะดูธรรมดาแต่สัมผัสวิญญาณหวังหลินเผชิญเข้ากับแรงต้านอันแข็งแกร่ง
ราวกับพลังที่ซ่อนอยู่ข้างในป้องกันการเจาะทลวงของสัมผัสวิญญาณ
โดยเฉพาะแรงต้านจากร่องรอยสนิมตรงนั้นกลับแข็งแกร่งที่สุด หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณออกมาพลางขบคิด
‘นี่มันกระบี่แบบไหนกัน?’ หวังหลินจ้องมองรอยสนิม นึกถึงหน้าตาของผู้ส่งสาส์นต้าวเสินที่เห็นกระบี่เหล็กแบบเดียวกัน เขาดูเหมือนพบสมบัติสวรรค์แต่สิ่งที่ต้าวเสินมองไม่ใช่ตัวกระบี่แต่กลับเป็นรอยสนิม
สายตาหวังหลินจับจ้องไปบนสนิมพลางเลื่อนแขนซ้ายกวาดผ่านรอยสนิมเบาๆ จากนั้นยกขึ้นมาและพบคราบสนิมสีแดงบนมือ
หวังหลินวางมันใกล้จมูกและได้กลิ่นเหม็นเจือจาง
‘มันแค่สนิมธรรมดา’ หวังหลินขมวดคิ้วและวางแขนซ้ายลง ทว่าขณะที่แขนเคลื่อนไปพลันเกิดเสียงฉีกกระชากและปรากฏรอยแตกร้าวตรงจุดที่แขนซ้ายผ่าน
สิ่งที่ทำให้หวังหลินตกใจยิ่งขึ้นก็คือขณะที่แขนซ้ายเคลื่อนไปนั้น ทะเลดอกไม้ใกล้เขาพลันถูกปกคลุมด้วยแสงสีแดง จากนั้นดอกไม้ทั้งหมดแห้งเหี่ยว กฏเกณฑ์ทั้งหมดข้างในพังทลายอย่างเงียบๆ
หวังหลินดวงตาส่องประกายจ้องมองทะเลดอกไม้กลายเป็นเศษซาก จากนั้นมองสนิมบนแขนซ้าย
หวังหลินถอยไปสองสามก้าว แขนซ้ายที่มีสนิมพลันชี้ใส่ทะเลดอกไม้อีกที่หนึ่ง ทะเลดอกไม้ตรงนั้นแห้งเหี่ยวและกลายเป็นดินไร้ค่าทันที
สนิมบนนิ้วหวังหลินพลันหายไป
หวังหลินสูดหายใจลึก จ้องมองสนิมบนกระบี่เหล็ก เขาตกตะลึงอย่างยิ่ง ขบคิดเล็กน้อยจึงกัดฟันแน่น ดวงตาที่สามเปิดออกมา
เมื่อดวงตาที่สามเปิดออก แสงสีแดงจากภายในเข้าห่อหุ่มกระบี่เหล็ก พลังต้นตอดั้งเดิมผุดออกมาและร่อนลงบนรอยสนิม
ด้วยสายตานี้ หวังหลินจึงเห็นกระบี่เหล็กค่อยๆเปลี่ยนเป็นโปร่งใส แต่รอยสนิมไม่เปลี่ยนไปเลยและคงอยู่เป็นปกติ
ภายในกระบี่เหล็กมีพลังล่องหนเคลื่อนไหวและโคจรอยู่ภายใน วินาทีที่มันเผชิญกับต้นตอดั้งเดิมในตาที่สามของหวังหลิน มันก็พุ่งออกมาราวกับต้องการกลืนกินต้นตอดั้งเดิมนั้น
หวังหลินตัดสินใจปิดการใช้วิชาและถอนพลังต้นตอออกมา ดวงตาที่สามปิดลงเช่นเดียวกัน พลังล่องหนหยุดชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆถอยกลับไปและไหลเวียนอยู่ภายในกระบี่เหล็ก
หวังหลินเต็มไปด้วยความสับสนอย่างสิ้นเชิง เขาถอนหายใจและกำลังจะเก็บมันกลับไปแต่เกิดความคิดหนึ่งแล่นขึ้นมา เขามองกระบี่เหล็กหลังจากนั้นก็มองขนาดของมัน สีหน้าพลันแปลกประหลาด
หวังหลินตบกระเป๋า ลำแสงสีทองห้าสายลอยออกมา ฝักกระบี่ห้าชิ้นปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน หวังหลินได้พวกมันมาตอนที่อยู่ในดาวซูซาคุและผลลัพธ์ของมันยังไม่ทราบดี เขารู้แต่เพียงว่าหากเสียบกระบี่เหินเข้าไป พลังของกระบี่จะรุนแรงยิ่งขึ้น
หลังจากนำฝักกระบี่ออกมา หวังหลินยื่นแขนขวาออกไป กระบี่เหล็กพุ่งเข้าใส่หนึ่งในฝักกระบี่ กระบี่พอดีกับฝักอย่างไร้ที่ติไม่มีแม้แต่พื้นที่ว่าง
ทว่าหลังจากมันเข้าไปในฝักกระบี่ กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันใด หวังหลินนำกระบี่เหล็กออกมาและพยายามใส่เข้าไปในฝักกระบี่อีกอัน พอเขาเสียบเข้าไปในฝักกระบี่อันที่สาม อักขระรูนบนฝักกระบี่ก็จึงเริ่มปลดปล่อยแสงรุนแรง
กลิ่นอายน่าหวาดกลัวผุดออกมาจากกระบี่เหล็กและฝักกระบี่ ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยความสุขพลางคว้าฝักกระบี่ สูดหายใจลึกและค่อยๆดึงกระบี่เหล็กออกมาช้าๆ
จังหวะกระบี่เหล็กถูกดึงออกจากฝักเพียงบางส่วน กลิ่นอายน่าหวาดกลัวก็ยิ่งรุนแรงขึ้นราวกับมีพลังเหนือจินตนาการถูกผนึกไว้ข้างใน หากกระบี่เหล็กดึงออกมาจนหมด พลังน่าหวาดกลัวนั้นก็จะอุบัติขึ้น!
หวังหลินรู้สึกถึงพลังอันคุ้นเคยนี้จากสมบัติที่เป็นของคนอื่น เจ้าของสมบัติซึ่งก็คือซวนเป่า เขาตายไปแล้วและสมบัติวิเศษของเขาคือลูกธนูสวรรค์ดับสูญ!
“สวรรค์ดับสูญ…” แววตาหวังหลินเผยแสงประหลาด เขาไม่ได้ดึงกระบี่ออกมาแต่วางมันกลับไปด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หวังหลินพุ่งไปข้างหน้าตามเส้นทางเล็กๆรวดเร็วดุจลำแสง พริบตานั้นเขาก็มาถึงตำหนักแห่งหนึ่ง ตำหนักแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่นักมีแค่สองชั้นเท่านั้น มันดูธรรมดามากแต่ตามแผนที่แล้วที่นี่คือดวงตากฏเกณฑ์แห่งแรกของถ้ำชั้นหนึ่ง ต้องเปิดดวงตาทั้งหมดแปดดวงถึงจะมีโอกาสก้าวเข้าไปในหมอกดำ
หลังจากมองตำหนักอย่างละเอียด ดวงตาหวังหลินส่องสว่างวาบและสังเกตได้ว่ากฏเกณฑ์ข้างในตำหนักถูกคนอื่นทำลายไปแล้ว
‘ดูจากกฏเกณฑ์นี้ มันพึ่งเสียหายไปไม่นาน’ หวังหลินระมัดระวังมาก แน่ชัดว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่เข้าใจกฏเกณฑ์ที่นี่
‘ตอนที่สระฝังเทพพังทลาย ทุกคนกระจัดกระจาย ต้องมีคนที่ทำลายกฏเกณฑ์ก่อนข้า แค่ไม่รู้ว่าเป็นใคร’ หวังหลินมองไปรอบๆ ถ้ำชั้นแรกไม่ใหญ่นักและสามารถปกคลุมด้วยสัมผัสวิญญาณคนเดียวได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครกล้าแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาในสถานที่ที่มีกฏเกณฑ์มากมาย แม้กระทั่งเทียนหยุนยังต้องกังวล เขาคงไม่ทำแบบนั้นเว้นแต่จะถูกบังคับให้จนมุม
พอขบคิดเล็กๆ หวังหลินเคลื่อนไปรอบตำหนักและก้าวเข้าไปในพงหญ้า ดวงตากระพริบแสงหักเห ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไปไม่มีหยุด
แผนที่ได้อธิบายกฏเกณฑ์บนหญ้าแห่งนี้ หวังหลินเคลื่อนผ่านทุ่งหญ้าแต่ไม่ได้กระตุ้นกฏเกณฑ์อันใดเลย เขาก้าวข้ามผ่านทุ่งหญ้าได้ในพริบตา
ณ มุมขวาบนสุดของชั้นแรก ชายชุดดำซ่อนรอยมังกรกำลังจ้องมองตำหนักด้วยสายตาเย็นเยียบ
เบื้องหน้าเขามีคนหนึ่งคนยืนอยู่บนตำหนักอีกฝั่ง เป็นสตรีวัยกลางคนสุดสวย นางจ้องมองชายชุดดำผ่านตำหนัก ใบหน้าท่าทางมืดมนยิ่ง
“สหายเซียน นี่เป็นกฏเกณฑ์ธรรมดา ทำไมเจ้าต้องขโมยมันไปจากข้า?” น้ำเสียงนางแหบพร่าแต่ไพเราะยิ่ง
นางถูกผลักเข้าไปในกฏเกณฑ์ด้วยการล่มสลายของสระฝังเทพ โชคดีที่กฏเกณฑ์ไม่ได้แข็.แกร่งดังนั้นนางจึงทำลายออกมาได้ในเวลาไม่นาน จากนั้นนางเห็นหมอกสีดำ จึงเคลื่อนที่เข้าหาอย่างช้าๆ
นางไม่ได้กังวลอะไรนักเรื่องหญิงสาวชุดชมพูที่พามาด้วย ด้วยสมบัติที่พี่ใหญ่ของนางมอบให้ นางคงไม่อยู่ในอันตราย
อย่างไรก็ตามในถ้ำจักรพรรดิเทพมีกฏเกณฑ์มากมายเกินไป ระหว่างทางนางเผชิญกับกฏเกณ์อันตรายไปมากและในที่สุดก็มาถึงที่นี่ด้วยความลำบาก เมื่อนางเห็นตำหนักจึงสังเกตได้ว่ามันแตกต่างกันออกไป
ขณะที่นางกำลังจะเข้าไปใกล้ ชายชุดดำปรากฏขึ้นมาอีกฝั่งหนึ่ง
“เมื่อมันเป็นค่กฏเกณฑ์ธรรมดา เช่นนั้นสหายเซียนก็ควรจะปล่อยมันให้ข้า” ในสายตาชายชุดดำแฝงการถากถางเอาไว้ เขาก้าวไปข้างหน้าและกำลังจะเข้าไปในตำหนัก
ในแววตาสตรีคนสวยกระพริบจิตสังหารและนางพุ่งออกมาข้างหน้าทันทีจนเกิดภาพติดตาไว้เบื้องหลัง
ชายชุดดำเยาะเย้ยพลางใช้แขนขวาสร้างผนึกและกดลงไป หมอกสีดำปรากฏขึ้นมาเปลี่ยนกลายเป็นมังกรและพยายามกลืนกินนาง
สตรีคนสวยดึงเส้นผมออกมาสามเส้น โยนไปข้างหน้าและท่องบทสวดประหลาด เส้นผมสามเส้นเปลี่ยนกลายเป็นอสรพิษสีดำสามตัวพร้อมกับปากสีแดงโลหิต พวกมันพุ่งเข้าใส่หมอกดำรูปร่างมังกร
ทั้งสองต่างก็เป็นเซียนทรงพลัง ดังนั้นเมื่อวิชาปะทะกันจึงเกิดพายุและเสียงดังคะนองกึกก้อง ทว่าไม่มีคนไหนแพร่กระจายไกลเกินไป ทั้งหมดคงอยู่ภายในระยะพันฟุต
ทั้งสองมีความคิดเดียวกัน พวกเขาไม่สามารถทำให้เกิดเสียงดังเกินไปและทำให้คนอื่นที่นี่สนใจ ทั้งสองคนต้องการจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด
“ทำไมเจ้าไม่เข้าไปในตำหนักตรงกลางถ้ำแทนที่จะมาขโมยมันจากข้าที่นี่?” สตรีคนสวยใช้ฝ่ามือสร้างผนึก ปรากฏแสงห้าสีออกมาจากร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ห้าเล่มกวาดไปข้างหน้า
ชายชุดดำโบกแขนเสื้อ กระบี่เหินห่อหุ้มด้วยควันสีดำปรากฏขึ้นมา มันหมุนรอบตัวเขาหนึ่งครั้งก่อนจะพุ่งออกไปปะทะกับกระบี่ห้าเล่มจนเกิดเสียงเคร้ง
“ไร้สาระ ทำไมเจ้าไม่ไปเล่า? แม้ที่นี่คือตำหนักมันก็มีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ข้างใน มันน่าจะนำทางไปสู่มิติเก็บของ เจ้าก็รู้ดีนี่ แล้วทำไมถึงทำเป็นแอบไว้เล่า?”
สตรีสวยสีหน้าเป็นปกติแต่ในแววตาเย็นเยียบ เป็นเหมือนที่อีกฝ่ายพูด ตอนที่นางมาถึงที่นี่ก็สังเกตมันได้และเป็นต้นเหตุความขัดแย้งในปัจจุบัน
เมื่อสมบัติของแต่ละคนพัวกันเข้าด้วยกัน เสียงกรอบแกรบดังขึ้นและเริ่มแพร่กระจาย ดวงตาสตรีสวยส่องสว่างและรีบเอ่ยออกมา “ความแข็งแกร่งของเราพอๆกัน คนอื่นๆจะสังเกตเราได้ก่อนที่การต่อสู้จะจบลง ทำไมเราทั้งสองไม่เข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายและแบ่งสมบัติกันคนละครึ่ง?”
ชายชุดดำมองหญิงคนสวยและพยักหน้า ทั้งสองไม่เสียเวลาพูดอะไรกันสักคำพลางเก็บสมบัติของตัวเองและก้าวเข้าไปในตำหนักด้วยกัน
ทว่าขณะที่พวกเขากำลังก้าวเข้าไป ทั้งสองมองไปยังทิศทางเดียวกัน มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากเหล่าตำหนัก
คนผู้นี้คือหวังหลิน!
หวังหลินเห็นสองคนอยู่ในตำหนักได้ทันที ดวงตาหรี่แคบลงและค่อยๆหยุด
หลังจากเห็นหวังหลิน ชายชุดดำเผยรอยยิ้มประหลาดใจ ส่วนสตรีคนสวยกลับเผยสีหน้าประหลาดเช่นกัน เมื่อสายตากวาดผ่านหวังหลินนางจึงตกตะลึง
‘ระดับบ่มเพาะประหลาดขึ้นไปอีก! ตอนที่ข้าเห็นเขาครั้งแรก แม้เขาจะมีพลังของเซียนขั้นชำระสวรรค์ ระดับบ่มเพาะกลับเป็นขั้นส่องสวรรค์ชั้นต้นเท่านั้น จากนั้นต่อมาเขาก็ยังอยู่ในขั้นส่องสวรรค์ชั้นกลาง แต่ตอนนี้เขากลับบรรลุขั้นส่องสวรรค์สูงสุด เขาซ่อนระดับบ่มเพาะใช่ไหม หรือเขาพึ่งทะลวงผ่านมาไม่นานนี้?’
หวังหลินมองทั้งสองคนอย่างละเอียด หวังหลินมองเห็นความลับของตำหนักได้อย่างชัดเจน ความจริงแล้วแผนที่ก็บอกว่ามีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นำทางไปสู่มิติเก็บของข้างในตำหนัก ถึงแม้ไม่มีแผนที่หวังหลินก็เห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายข้างใน
สตรีคนสวยขบคิดเล็กๆขณะมองหวังหลิน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมา “สหายเซียนหวังอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว เราสามคนเข้าไปด้วยกันและแบ่งสมบัติที่ได้จะว่าอย่างไร?”
ขณะหวังหลินกำลังจะเอ่ยขึ้นมา พื้นดินสั่นสะเทือนและเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังออกมาไกล
ตอนที่มองออกไปไกลเขาไม่เห็นอะไรเลย ในถ้ำจักรพรรดิเทพมีกฏเกณฑ์มากเกินไปและกฏเกณฑ์พวกนั้นเป็นอุปสรรคชั้นยอดราวกับมีโลกมากมายนับไม่ถ้วน แม้ตอนที่ทั้งสองคนเข้าไปใกล้ หากอยู่ในกฏเกณฑ์ที่แตกต่างกันก็จะมองเห็นกันได้ยาก
ถ้ำจักรพรรดิเทพดูสงบนิ่งแค่ชำเลืองมองแต่เป็นแค่ผิวหน้าเท่านั้น หากกฏเกณฑ์ทั้งหมดถูกทำลายก็คงเห็นป่าไผ่ได้จากระยะไกลทันที มันถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสีแดงมหึมา เสียงร้องคำรามโหดร้ายถึงกับสั่นสะเทือนสวรรค์
หวังหลินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แม้ป่าไผ่ไกลๆจะดูธรรมดา เขาเข้าใจได้ว่ากฏเกณฑ์ที่นั่นถูกทำลายไปแล้ว เงามืดรูปร่างมนุษย์นั่นทำลายได้เร็วกว่าที่เขาคาดคิด
หวังหลินพุ่งตรงเข้าหาตำหนักที่ห่อหุ้มด้วยหมอกสีดำโดยไม่รอคำตอบของหญิงสาว ระหว่างทางมาที่นี่หวังหลินตรวจสอบและพบว่ากฏเกณฑ์ดวงตาทั้งหมดถูกทำลายไปแล้ว ดูเหมือนจะมีคนนำหน้าไปหนึ่งก้าวและเข้าสู่ชั้นที่สองแล้วด้วย
เหตุผลที่เขามาตำหนักแห่งนี้เป็นเพราะมันคือเส้นทางที่มีกฏเกณฑ์น้อยที่สุดในการเข้าหาปราสาทตรงใจกลาง
ชายชุดดำสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นหวังหลินวิ่งหนีสุดชีวิตจากเสียงคำราม เขาทิ้งค่ายกลเคลื่อนย้ายในตำหนักโดยไม่ลังเลและไล่ตามหวังหลินไป
มีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่ลังเล แต่ขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวก็ดังใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้นราวกับกำลังเข้ามาหาด้วยความเร็วสูงสุด
หากสามารถมองเห็นโลกภายในแต่ละกฏเกณฑ์ได้และมองจากเบื้องบน ท่านก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าร่างเงามืดนั่นกำลังพุ่งเข้าหาหวังหลิน มันกระตุ้นกฏเกณฑ์มากมายและมีแสงกฏเกณฑ์กระพริบวาบเข้าโจมตี กฏเกณฑ์บางส่วนถึงกระทั่งเคลื่อนที่มันออกไป
แต่ว่ามันใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะทำลายกฏเกณฑ์ลงได้และพุ่งออกมา ดูเหมือนมันกำลังเรียนรู้กฏเกณฑ์และทำลายได้เร็วขึ้นและเร็วขึ้น ท้ายที่สุดมันก็พุ่งเป็นเส้นตรง
Read Thai by Pongsakorn Onsri. The source code is licensed MIT. The website content is licensed CC BY NC SA 4.0.