1256. ประณามสำนักอมตะ 7
ไม่ใช่เซียนทุกคนจะรู้ว่าการกระทำของหวังหลินหมายความว่าอย่างไร พวกเขารู้สึกเพียงแค่หวังหลินกำมือใส่พื้นและทำให้มันสั่นสะเทือน
พวกเขารู้สึกเพียงแค่มันสั่นสะเทือน แต่ความเป็นจริงแล้วพื้นดินไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่สิ่งที่เคลื่อนไหวคือจิตใจของแต่ละคน!
ราวกับตอนนี้ความคิดทุกคนถูกหวังหลินดึงออกมาและลากเข้าไปในพื้นดิน จากนั้นก็ถูกดึงออกมาจากพื้นดินอีกครั้ง!
ทัศนวิสัยแต่ละคนพร่ามัวราวกับโลกเต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณ กลิ่นอายนี้หนาแน่นและมากพอจะทำให้หายใจไม่ออก!
ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเป็นอาการประสาทหลอนแต่ทำให้หวาดกลัวมากพอเหลือเกิน ราวกับแขนหวังหลินเป็นวังวนที่สามารถดูดพลังดั้งเดิมในโลก รวมถึงวิญญาณของดาวเคราะห์และความคิดของเซียนรอบด้านทั้งหมด
ไม่ว่าพวกเขาจะต่อต้านหรือไม่ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ ทุกคนถูกดูดเข้าไปด้วยกำลัง!
มีหลายคนไม่รู้จักวิชาแยกวิญญาณดาวเคราะห์ แต่ทั้งหมดกลับมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ตอนที่ผสานวิญญาณตนเองกับดาวเคราะห์และถูกหวังหลินดึงวิญญาณออกไป!
การขยับสั่นสะเทือนฟ้าดิน ความสงบผนึกดวงดาวและแยกวิญญาณออกมา!
“มันคือการแยกวิญญาณดวงดาว!” มีเพียงแค่เซียนไม่กี่คนในเขตระดับเจ็ดที่รู้จักวิชานี้ เซียนที่อุทานออกมาเป็นหนึ่งในนั้นและยืนขึ้นทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ!
ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น เซียนเฒ่าทุกคนและเซียนที่รู้จักวิชานี้ต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่กล้าเชื่อว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นของจริง!
“ลือกันว่าดาวเคราะห์เซียนมีวิญญาณ หากระดับบ่มเพาะบรรลุถึงระดับหนึ่งและมีความเข้าใจสวรรค์อันสูงส่ง สามารถแยกวิญญาณของดาวเคราะห์มาใช้เป็นวิชาได้!”
“มีข่าวลือเรื่องนี้ก่อนที่แดนสวรรค์วายุจะล่มสลาย แต่ไม่มีทางพิสูจน์ตัวตนของวิชานี้ได้ หลิวจื่อฮ่าวผู้นี้…เขา…สามารถใช้มันได้จริงๆ พลังดั้งเดิมและกลิ่นอายโบราณแบบนี้เทียบได้กับบันทึกโบราณ ไม่ผิดพลาด นี่มันวิชาแยกวิญญาณดวงดาว!”
หวังหลินมีท่าทางสงบนิ่ง ขณะที่คนทั้งสองทะยานเข้ามา แขนขวาหวังหลินดูเหมือนจะถือดาวเคราะห์เซียนทั้งดวงไว้และยกมันขึ้นทันที!
เพียงเสี้ยววินาทีนั้นพื้นดินปลดปล่อยเสียงดังกึกก้องอย่างเงียบๆ เหตุผลที่มันเงียบเพราะไม่อาจได้ยินแต่สัมผัสได้ชัดเจน พื้นดินของดาวเคราะห์ดวงนี้กำลังสั่นเทา!
กลิ่นอายโบราณหนาแน่นราวกับดาวเคราะห์เซียนกำลังตื่นจากการหลับใหลเป็นครั้งแรก นี่ไม่ใช่การตื่นขึ้นอย่างนุ่มนวลแต่เป็นการบังคับให้ตื่น ราวกับกลิ่นอายโบราณที่ควบแน่นมานานหลายหมื่นหลายแสนปีกำลังถูกดึงออกมาพร้อมกับวิญญาณ
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีวิญญาณ แม้กระทั่งต้นไม้ต้นหญ้าก็ตาม ดังนั้นดาวเคราะห์เซียนจึงมีดวงวิญญาณด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามวิญญาณของดาวเคราะห์เซียนใช้เวลานานมากกว่าจะก่อตัวขึ้นมาและทรงพลังยิ่ง มันมีความเก่าแก่ของโลกและยังแฝงกฎแห่งสวรรค์ด้วย
แม้วิชาแยกวิญญาณดวงดาวจะฟังดูง่าย แต่มีน้อยคนที่สามารถเรียนรู้ได้สำเร็จ!
ตอนนี้ดาวเคราะห์เซียนไม่ได้เป็นดาวเคราะห์อีกแล้วแต่เป็นจิตวิญญาณ สิ่งที่หวังหลินแยกออกมาคือวิญญาณของจิตวิญญาณดวงนี้! พอหวังหลินยกแขนขวาขึ้นมา ควันสีขาวนวลโผล่ออกมาทั่วดาวเคราะห์ มันพุ่งเข้าหาสนามต่อสู้อย่างบ้าคลั่งเข้าหาหวังหลิน เข้าหามือขวา!
วินาทีนี้เซียนทั้งหมดเห็นภาพมายาว่าใบหญ้าทุกต้นบนดวงดาวกำลังแห้งเหี่ยวกลายเป็นสีเหลือง จนกระทั่งหายกลายเป็นฝุ่นผง
ภูเขาทั้งหมดบนดาวกลายเป็นสีเทาและไม่มีพลังปราณเหลืออยู่เลย! แม้กระทั่งน้ำในแม่น้ำยังขุ่นมัวจนแห้งเหือดจนเห็นก้นแม่น้ำ
กระทั่งทะเลที่ครอบครองพื้นที่สองในสิบส่วนของดาวเคราะห์ดูเหมือนจะเดือดปุดๆและเกิดคลื่นถาโถม คลื่นสั่นสะเทือนส่งต่อทุกอย่างที่นี่ให้ทุกคนได้ยิน
สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงมากขึ้นก็คือกลิ่นอายโบราณที่เป็นตัวแทนแห่งกาลเวลา ขณะที่มันรวมตัวกัน วิญญาณดวงดาวถูกกวนอย่างรุนแรงกลายเป็นหมอกสีขาวระเบิดจากพื้นดิน!
หมอกสีขาวพุ่งออกมาจากสนามต่อสู้ด้านล่างและรวมกันในมือขวา เซียนรอบด้านทั้งหมดตะลึงงันเมื่อสัมผัสได้ว่าวิญญาณดาวเคราะห์เซียนกำลังถูกชายหนุ่มชุดขาวคนนี้ดึงออกมา!
ตราบใดที่เขาต้องการ สามารถดึงวิญญาณออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นจะไม่มีพลังปราณเหลืออยู่และดาวเคราะห์คงกลายเป็นเศษซาก!
คงเหมือนว่าตอนนั้นดาวเคราะห์คงพังทลาย!
สิ่งนี้ทำให้ความคิดแต่ละคนสั่นเทาและว่างเปล่า แม้แต่ผู้คนของสำนักอมตะทั้งหมดยังยืนขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เฟิ่งไฮ่อ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว เป็นครั้งแรกที่เขามองหวังหลินด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่นานเขาก็เยาะเย้ย หวังหลินสังหารจ้าวหลงอย่างเป็นทางการและทำให้สำนักส่องภูผาเสียหน้า เขาจึงต้องชดใช้ เฟิ่งไฮ่ไม่ใช่คนเดียวที่มาจากสำนักส่องภูผา มีอีกคนหนึ่งก่อนเขา คนผู้นั้นทรงพลังยิ่งแต่มีนิสัยประหลาด เขาไม่ใส่ใจเรื่องราวทางโลกและไม่ลอบช่วยสำนักส่องภูผาเลย แต่เขาเป็นจ้าวสำนักรุ่นแรกของสำนักส่องภูผาและตอนนี้มีสถานะเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักอมตะ!
หากหวังหลินไม่ได้ฆ่าจ้าวหลงในสำนักอมตะ นั่นก็คงดี แต่เขาฆ่าจ้าวหลงที่นี่และบังคับให้สำนักส่องภูผาถอยกลับไป นี่คงเหมือนเป็นการทำให้ผู้อาวุโสระดับสูงคนนี้โกรธขึ้น
สีหน้าของจ้าวสำนักอมตะเปลี่ยนไป เขาจ้องหวังหลินด้วยแววตาเป็นประกายเจิดจ้า
หากพวกเขาเป็นเช่นนี้คงไม่จำเป็นต้องพูดถึงตู้หลินและหยินเยว่ซึ่งเข้ามาต่อสู้กับหวังหลิน ทั้งสองหยุดลงด้วยแววตาตกตะลึง สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปมหาศาล!
หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่ง แขนขวายกขึ้นมาดุจสายฟ้า หมอกสีขาวถูกดึงราวกับเส้นด้าย จากนั้นล้อมรอบแขนเขาเอาไว้ก่อตัวเป็นก้อนแสงสีขาวขนาดเท่ากำปั้น!
กลิ่นอายโบราณภายในก้อนแสงดูเหมือนจะทำให้โลกเน่าเปื่อยและทำให้เซียนทั้งหมดไร้ค่าเบื้องหน้ามัน ตอนนี้มันลอยอยู่ในมือขวาหวังหลิน การที่เขาถือมันได้ทำให้เซียนรอบด้านต้องกลืนน้ำลาย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังหลินแยกวิญญาณของดาวเคราะห์ออกมา! พูดให้ถูกคือมันเป็นครั้งที่สอง!
ครั้งแรกตอนที่เจ้าเศษมารครอบงำร่างกายเขาและต่อสู้ในทุกชั้นฟ้า! ครั้งที่สองคือตอนที่หวังหลินแยกวิญญาณดาวเคราะห์ออกมาเพื่อช่วยปรับเปลี่ยนดาวซูซาคุ แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้เชี่ยวชาญจึงเข้าใจเพียงตื้นเขินเท่านั้น
อย่างไรก็ตามครั้งที่สามนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งที่สอง เพราะเขตแดนของหวังหลินเติบโตขึ้น ระดับบ่มเพาะเพิ่มพูน ดวงดาวแห่งกฎก่อตัว ทำให้เขาแยกวิญญาณดาวเคราะห์ออกมาในการต่อสู้ได้เกือบสมบูรณ์แบบ!
น่าเสียดายที่การใช้วิชาจากการแยกวิญญาณดวงดาวใช้ต่อสู้กับหนึ่งคน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมหวังหลินจึงบอกให้ตู้หลินและหยินเยว่โจมตีพร้อมกัน!
แขนขวาของเขาถือวิญญาณดวงดาวราวกับกำลังถือทั้งดาวด้วยตัวเอง หวังหลินสะบัดแขนขวาท่าทีสงบนิ่ง ก้อนแสงพุ่งเข้าหาตู้หลินและหยินเยว่
ก้อนแสงไม่ได้ใหญ่ มีขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น มันไม่ได้เร็วนัก ด้วยระดับบ่มเพาะของตู้หลินและหยินเยว่สามารถหลบมันได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าตนเองไม่มีสถานที่ให้หลบ!
ความรู้สึกนี้ชัดเจน ถึงแม้ก้อนแสงจะเล็กน้อยแต่มันสร้างขึ้นจากวิญญาณดวงดาวและเป็นตัวแทนของดาวทั้งดวง พวกเขาเกิดภาพลวงตาว่าดาวเคราะห์ด้านล่างมีชีวิตขึ้นมาและโจมตีใส่!
แม้จะฟังดูยาวนานแต่มันรวดเร็วมาก ยามที่ก้อนแสงเข้าใกล้ มันระเบิดออกมาห่างจากตู้หลินและหยินเยว่ไม่กี่ร้อยฟุต ครั้งนี้พื้นดินสั่นสะเทือนจริงๆและมีพลังแข็งแกร่งพุ่งหาทั้งสอง
ทะเลในทิศตะวันตกเริ่มจะเดือดและกลายเป็นไอน้ำอย่างรวดเร็ว ไอน้ำหายไปอย่างบ้าคลั่งราวกับถูกดูดไป ก้อนเมฆสีดำจำนวนมากปรากฏในท้องฟ้าและเริ่มมีสายฝนตกลงมา ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนเดียวแต่ทั้งดวงดาวถูกห่อหุ้มอยู่ในสายฝน
สายฟ้าและประกายแสงหวีดหวิวสั่นสะเทือนสวรรค์ ร่างตู้หลินกระเด็นกลับไปและเขากระอักโลหิต หลังจากทนรับการโจมตีของดาวทั้งดวง ร่างกายแทบแตกสลาย ถ้าหวังหลินมีเจตนาโจมตี เขาคงตายโดยไม่ต้องสงสัย!
หยินเยว่ร่างสั่นเทาเช่นกัน นางกระอักโลหิตจนเป็นหมอกสีแดงและถูกสายฝนชำระล้างออกไป ร่างกายนางถูกแรงกระแทกแข็งแกร่งตีใส่และกระเด็นกลับไป ใบหน้าซีดเซียว เส้นผมยุ่งเหยิง สายฝนทำให้นางเปียกชุ่มไปหมด
เซียนรอบๆเงียบลงอย่างประหลาด มีเพียงแค่เสียงสายฝนตกลงมาและเสียงสายฟ้าเป็นพักๆ
ตอนนี้สายตาทุกคนรวมกันไปที่ร่างสีขาวในสายฝน หยาดฝนที่ตกลงมาถูกผลักห่างจากเขาไปห้าฟุตและไม่มีตกใส่เขาสักหยด!
“นี่…นี่มันคือวิชาแยกวิญญาณดวงดาวหรือ?!” เซียนเฒ่าทุกคนที่รู้จักวิชานี้ต่างก็สั่นสะท้าน ฉากเหตุการณ์ที่พึ่งปรากฏเมื่อครู่ได้สลักไว้ในความทรงจำของทุกคนตลอดกาล!
เนื่องด้วยเม็ดยาและอสูรดุร้าย จึงมีเซียนที่ทรงพลังในดาราจักรทะเลเมฆามากกว่าอีกสามดาราจักร อย่างไรก็ตามเพราะเม็ดยาและแดนสวรรค์วายุถูกขัดขวาง พวกเขาจึงไม่สามารถเข้าถึงวิชาที่เหล่าเทพทิ้งไว้ให้ เหล่าเซียนของทะเลเมฆาจึงตามหลังอีกสามดาราจักรในแง่ความเข้าใจด้านวิชาอยู่!
วิชาแยกวิญญาณดวงดาวเป็นวิชาที่ทรงพลัง แต่ในทะเลเมฆามันคือตำนาน…ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเชี่ยวชาญมัน แต่มีไม่กี่คนที่จะมี
หลังจากบรรลุขั้นที่สอง วิชาของคนผู้นั้นจะเกี่ยวข้องกับเขตแดนและความเข้าใจแห่งสวรรค์ของตนเอง เหล่าเซียนในทะเลเมฆาพึ่งพาเม็ดยา ดังนั้นเมื่อเทียบกับอีกสามดาราจักรซึ่งเข้าใจเขตแดนตนเองผ่านการดิ้นรนเอาตัวรอด พวกเขาจึงอ่อนแอมากกว่า
…………………..