Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1617

Cover Renegade Immortal 1

1617. ที่นี่คือแผ่นดินเซียนดารา

“เจ้าพวกเศษขยะ พวกเจ้ายังยึดครองที่นี่ไม่ได้อีกหรือ? ข้าพาร่างอวตารมาในวันนี้ พวกเจ้าทั้งหมดจงติดตามข้าไปยึดครอง!” ชายชราพ่นลมหายใจก่อนจะถอนสายตาจากประตูดับสูญและก้าวเข้าหาดาวซูซาคุ

เขาเป็นคนมีชื่อเสียงมาก แทบทุกคนในดินแดนชั้นในรู้จักเขาดี เขาคือหนึ่งในห้ายอดปรมาจารย์แห่งดาราจักรโบราณ ปรมาจารย์ซูเฉิน!

ระลอกแสงแผ่กระจายล้อมรอบบริเวณนอกดาวซูซาคุ ค่ายกลรอบด้านซูซาคุเสริมกำลังใหม่มาหลายสิบปีและทรงพลังอย่างยิ่ง

ปรมาจารย์ซูเฉินเหยียดยิ้มและก้าวเข้าหาดาวซูซาคุ ค่ายกลสั่นสะท้านและเปลี่ยนไปราวกับกำลังพังทลาย

ด้านหลังชายชราคือชายหนุ่มชุดเขียวและโจวจินที่เพิ่งฟื้นคืนจากการตกใจกับประตูดับสูญ จิตใจที่สั่นเทาของทั้งสองไม่ได้เบาลง โจวจินมองขึ้นไปด้วยแววตาหวาดกลัวยิ่ง

ขณะที่โจวจินกำลังถอนสายตา ดวงตาพลันเบิกกว้าง ร่างกายสั่นสะท้านอีกครั้ง เขาหยุดค้างในทันที

ขณะเดียวกันชายหนุ่มชุดเขียวก็มองขึ้นไปที่ประตูดับสูญ ความคิดดังสนั่น ไม่เชื่อสายตาตัวเอง

‘หก…แก่นแท้ที่หก!!! มีคนในโลกที่มีหกแก่นแท้ด้วยหรือ!!!’

ปรมาจารย์ซูเฉินหรี่สายตา เขามองประตูดับสูญด้วยสีหน้าท่าทางมืดมนยิ่ง

ภายในมิติว่างไร้ขอบเขต หวังหลินสะบัดแขนขวา แก่นแท้ที่ห้าซึ่งคือแก่นแท้แห่งความจริงเท็จได้ควบแน่นกลายเป็นผนึก มันคือวิชาที่หกของเขา ผนึกจริงเท็จนิรันดร์

พลังอำนาจของผนึกนี้ถือว่ามิอาจหยั่งถึงไปด้วย!

หลังจากปลดปล่อยห้าแก่นแท้ แววตาหวังหลินกะพริบเย็นเยียบ แขนขวายื่นไปหามิติว่าง ปรากฏมิติเก็บของและมีกระบี่เล่มหนึ่งลอยออกมา!

กระบี่เล่มนี้คือสมบัติที่ฉิงชุ่ยสร้างขึ้นมาตอนที่แก่นแท้สังหารของเขาก่อตัวขึ้น กระบี่เล่มนี้คือแก่นแท้สังหาร

หวังหลินถือกระบี่ แววตาเผยประกายแสงลึกลับ เขาบีบสลายมันให้แตกเป็นหมอกสีแดงเข้มล้อมรอบหวังหลิน

หวังหลินสูดหายใจไม่กี่ครั้ง ราวกับรูขุมขนของเขากำลังสูดไปเช่นกันเพื่อสูดหมอกเข้าไปในร่าง มันกลายเป็นแก่นแท้ที่หกของหวังหลิน!

แก่นแท้ที่หกคือ แก่นแท้สังหาร!

ยามที่หมอกหายไป ร่างหวังหลินปรากฏตัวขึ้นภายใน รูปลักษณ์หน้าตาเปล่งจิตสังหารเข้มข้น กลิ่นอายสังหารรุนแรงได้ระเบิดออกมาจากร่างกาย

“วันนี้ ข้าหวังหลิน จะใช้หกแก่นแท้เพื่อเปิดประตูดับสูญและบรรลุขั้นที่สาม!” หวังหลินยิ้มและสะบัดแขนขวา แสงโลหิตรอบตัวเขาแตกสลายไป

หวังหลินนำเหลียนต้าวเฟยที่ยังตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ออกไป เพียงแค่สะบัดแขน แสงโลหิตควบแน่นกลับกลายเป็นหยดโลหิตที่ราชันย์แยกออกมาจากร่างเขา!

วินาทีที่หยดโลหิตก่อตัวขึ้น มันจึงไม่เป็นแสงโลหิตสีแดงอีกแล้วแต่เป็นแสงสีทองแพรวพราวและมีพลังเทพอันน่าอัศจรรย์ หยดโลหิตนี้คือร่างเทพอมตะที่สมบูรณ์แบบ

หลังจากจ้องมองหยดโลหิต หวังหลินกดประทับมันไว้กลางหน้าผาก เขาไม่ได้ผสานมันแต่กลายเป็นจุดสีทองกลางหน้าผาก มันกะพริบสองสามทีก่อนจะสลายไป

‘มันจะกลายเป็นสมบัติของข้าในอนาคต!’ หวังหลินเงยศีรษะมองมิติว่างที่เขาหลับใหลมามากกว่าเจ็ดสิบปี แววตาหวนรำลึกและไม่เต็มใจแต่มีกลิ่นอายทรงอำนาจสั่นคลอนโลกได้ทั้งใบ

หวังหลินก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับถอนสายใจ เพียงเท้าร่อนลง ปรากฏวังวนยักษ์ขึ้นเบื้องหน้า วังวนสั่นสะท้านราวกับการก้าวเท้าของเขาหนักแน่นจนทะลวงเปิดมิติว่างขึ้นมาได้ มิติแห่งนี้ไม่สามารถต้านทานหวังหลินได้และต้องพังทลาย

ขณะที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วังวนและจากไป หวังหลินประหลาดใจเมื่อวังวนแบ่งตัวเป็นสองวังวน สองทิศทางปรากฏขึ้นมา

สองวังวนนำทางสู่สถานที่ที่แตกต่างกัน วังวนหนึ่งเปล่งกลิ่นอายที่หวังหลินคุ้นเคยซึ่งเป็นที่ที่ดาวซูซาคุตั้งอยู่ เป็นที่ที่เขาหายตัวมา

อีกวังวนเปล่งแสงสีทองจางๆและพลังปราณสวรรค์หนาแน่น มันดึงดูดหยดโลหิตสีทองกลางหน้าผากของหวังหลินที่เขาซ่อนเอาไว้

‘สถานที่นั่น…’ แววตาหวังหลินหรี่แคบและเข้าไปดูใกล้ๆ เขายกแขนขึ้นมาชี้ใส่วังวน วังวนค่อยๆ ชะลอตัวลงจนหวังหลินดวงตาส่องสว่าง ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปและ เห็นโลกด้านนอกที่ทำให้เขาตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง

สถานที่แห่งนั้นคือแผ่นดินกว้างสุดลูกหูลูกตา มีดวงอาทิตย์เก้าดวงอยู่ในท้องฟ้าและมีขนาดใหญ่ไพศาลเกินอธิบาย พวกมันลอยเคว้งคว้างอยู่ตรงนั้น ส่องแสงห่อหุ้มในพื้นที่

มียอดเขาหลายแห่งที่ทั้งสูงและทรงอำนาจ มีทะเลมากมายที่ทั้งมีคลื่นโหมกระหน่ำ มีทะเลสาบและแม่น้ำ สัมผัสวิญญาณของหวังหลินไม่สามารถปกคลุมพื้นที่ได้หมด ทำได้เพียงปกคลุมพื้นที่ส่วนน้อยของดินแดนแห่งนี้เท่านั้น

แผ่นดินแห่งนี้เทียบได้กับดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นในรวมกันหลายเท่า!

พลังปราณสวรรค์ที่นั่นนับว่าเหนือล้ำเกินจินตนาการ เขาไม่รู้จักพืชพันธุ์ใดที่เติบโตที่นี่รวมถึงอสูรตัวเล็กตัวน้อยที่มีพลังปราณสวรรค์วิ่งว่อน พวกมันทั้งหมดต่างมีระดับบ่มเพาะสูงส่ง

เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายทรงพลังหลายแห่ง กลิ่นอายเหล่านี้ทรงพลังมากและ ย้ำเตือนให้นึกถึงเซียนเต๋าสีรุ้งที่เขาเห็นในดินแดนเจ็ดสี!

เขาเห็นลำแสงกะพริบวาบผ่านท้องฟ้าแต่หยุดลงกลางอากาศเผยเป็นสาวน้อยสวมชุดสีฟ้า

นางอายุราวๆ เจ็ดถึงแปดขวบและน่ารักสดใส ดวงตาอยากรู้อยากเห็นไร้สิ่งใดเจือปน หลังจากมองมาดูราวกับดวงตาของนางเจาะทะลุเห็นทุกสิ่งทุกอย่างและเห็นหวังหลิน

‘ที่นี่คือที่ไหน…’ สัมผัสวิญญาณของหวังหลินมองดูทุกอย่างด้วยความงุนงง ทว่าขณะที่สังเกตการณ์อยู่นั้น พลังสายหนึ่งโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าและป้องกันไม่ให้เขาแผ่กระจายออกไปมากกว่านี้ มันบังคับให้สัมผัสวิญญาณของเขากลับไปด้วย ซึ่งพอกลับมาเขาจึงอยู่เบื้องหน้าสองวังวนในมิติว่างเรียบร้อย

พอมองวังวนที่นำไปสู่โลกอันลึกลับ หวังหลินจึงขบคิดเงียบๆ ผ่านไปสักพักดวงตาส่องสว่างและก้าวเข้าสู่วังวนที่นำไปดาวซูซาคุ วินาทีที่เท้ากำลังก้าวเข้าไป เสียงเด็กอ่อนละมุนดังกึกก้องขึ้นในใจ

“ทำไมเจ้าจากไปเล่า? ที่นี่คือแผ่นดินเซียนดารา…ข้าชื่อหวาหวา เจ้าชื่ออะไร?”

หวังหลินหยุดเท้า แต่เสียงพร่าเลือนราวกับอยู่ไกลเกินไปและค่อยๆ จางหาย

‘แผ่นดินเซียนดารา!!’ หวังหลินหันมามองวังวนอีกแห่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขา ได้ยินเนื่องจากได้ยินมาจากเหลียนต้าวเฟยมาก่อน

ครั้งหนึ่งเหลียนต้าวเฟยบอกว่าบ้านเกิดของเขาถูกเรียกว่า “แผ่นดินเซียนดารา”

หวังหลินขบคิดเงียบๆ และเข้าใจได้ลางๆ เขาใกล้จะล่วงรู้ความลับสั่นสะเทือนสวรรค์ซึ่งเกี่ยวข้องกับดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก แต่ยังมีม่านกั้นบางๆ ขวางความคิดเอาไว้

‘แผ่นดินเซียนดารา เซียนสีรุ้ง ฉิงชุ่ย เหลียนต้าวเฟย ราชันย์ ผีเฒ่าจาง ยกระดับเต๋าสวรรค์…ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า…และเรื่องที่ผีเฒ่าจางพูดกับราชันย์ว่า ‘ถ้ำชั้นใน’…’ มีเส้นด้ายเชื่อมสิ่งทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เมื่อได้ปะติดปะต่อกันแล้วจะกลายเป็นความลับที่สั่นสะเทือนดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นใน!

‘บางทีเป็นข้าก่อนใช้วิชาเต๋าความฝันอาจจะไม่มีความสามารถพอจะรู้เรื่องนี้ได้ แต่ตอนนี้ข้าทำได้!’ แสงกะพริบขึ้นในแววตาหวังหลินและเดินเข้าหาวังวนที่นำทางไปสู่ดาวซูซาคุ

ร่างพลันผสานเข้ากับวังวนและหายตัวไป

ณ ดาราจักรฟ้ากระจ่างนอกดาวซูซาคุ ประตูดับสูญได้ปรากฏหกแก่นแท้ขึ้นรอบมัน ก่อเกิดตัวตนสูงสุดที่ไม่เคยปรากฏขึ้นที่ไหนมาก่อน

ประตูดับสูญบานนี้ คนที่สามารถทลายมันได้ยังไม่เดินออกมา กลายเป็นกลิ่นอายที่แม้แต่เซียนดินแดนชั้นนอกแบบปรมาจารย์ซูเฉินยังรู้สึกหนักหน่วง

‘บัดซบ มีหกแก่นแท้จริงๆ แม้แต่ราชันย์ก็ไม่สามารถทำแบบนี้ได้ หากคนผู้นี้สามารถเปิดประตูได้ แม้เขาจะเป็นเพียงขั้นสวรรค์ระดับสูญระดับต้น เขาก็สามารถต่อสู้กับเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญและข้ามผ่านแต่ละขั้นได้อย่างรวดเร็ว!!’

‘หากมันเป็นเซียนดินแดนชั้นใน มันต้องถูกสังหาร!’ จิตสังหารแล่นผ่านแววตาปรมาจารย์ซูเฉิน เขาไม่ได้มองประตูดับสูญที่ทำให้เขาหวาดกลัวอีกและก้าวเข้าหาดาวซูซาคุ

แม้จะมาที่นี่ด้วยร่างอวตาร แต่ร่างอวตารนี้เป็นถึงระดับขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้น ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ค่ายกลรอบดาวซูซาคุ จึงยกแขนขวาขึ้นมาเปลี่ยนกลายเป็นหมอกสีม่วงแผ่กระจายอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าหาค่ายกลรอบดาวซูซาคุ

เสียงดังสนั่นกึกก้อง ค่ายกลที่คงอยู่มาหลายเดือนพลันแตกสลาย เศษเสี้ยวแตกกระจาย ดาวซูซาคุไม่มีการป้องกันเหลืออยู่อีกแล้ว

“สังหารให้สิ้น ทำลายดาวเคราะห์และรีบไป” ปรมาจารย์ซูเฉินก้าวเท้าเข้าหาค่ายกลที่พังทลายไปแล้ว เขาเห็นรูปปั้นหนึ่งสูงเสียดเมฆขึ้นมาบนดาวซูซาคุ

เซียนดินแดนชั้นในหลายพันคนล้อมรอบรูปปั้นนี้ พวกเขาจะต่อสู้จนตัวตายที่นี่

ปรมาจารย์ซูเฉินเยาะเย้ย ยกแขนขวาขึ้นมาและกำลังจะทำลายรูปปั้น ทว่าในจังหวะนั้นสีหน้าท่าทางของเขาเปลี่ยนไปและมองตรงพื้นที่ว่างใกล้กับประตูดับสูญ

‘ผู้จะทะลวงประตู มาแล้ว!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version