1672. อักขระต่อสู้เผ่าโบราณ
เมื่อโลงศพระเบิดออก แขนสีแดงหนึ่งข้างโผล่ออกมาพร้อมกับเศษกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
แขนข้างนี้ปกคลุมด้วยขนสีขาว ดูไม่เหมือนแขนของมนุษย์แต่เหมือนอสูร!
นิ้วทั้งห้าและเล็บนิ้วแหลมเปล่งกลิ่นอายทรงพลัง กลิ่นอายนี้คือกลิ่นอายโบราณ!
มันคือ แขนซ้าย!
ขณะนั้นเกิดเสียงดังลั่นรุนแรงขึ้นอีกครั้งจากโลงศพอีกโลงและเกิดการระเบิดขึ้น ปรากฏแขนที่มีขนสีแดง เส้นโลหิตบนแขนปูดโปนจนดูเป็นภาพน่ากลัว
หลังจากนั้นไม่นานมีกลิ่นอายโบราณผุดออกมาจากโลงศพอีกสองโลง มันระเบิดกลายเป็นขาสองข้าง ขณะที่หวังหลินสังเกตการณ์ แววตายิ่งเคร่งเครียดมากกว่าเดิม
เสียงปังดังสนั่นตามกันมา โลงศพที่ห้า หก เจ็ดและแปดระเบิดขึ้น กลายเป็นร่างที่ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน มันรวมเข้าด้วยกันเป็นร่างกายไร้แขนขา
ขณะเดียวกันสองแขนและสองขาลอยเข้ามา เชื่อมต่อกับร่างกายนั้นกลายเป็นร่างไร้ศีรษะ!
ตัวตนลึกลับผู้นี้มีความสูงราวหมื่นฟุตดุจยักษา แม้จะไม่มีศีรษะแต่กลับเปล่ง กลิ่นอายดุร้ายโหดเหี้ยม กลิ่นอายของเย่โม่ล้อมรอบร่างของมัน
ทันใดนั้นโลงศพโลงที่เก้าก็แตกกระจาย ปรากฏเป็นศีรษะขึ้นมา เส้นผมมากมายที่แผ่กระจายออกมาจากโลงศพทั้งหมดได้เริ่มรวมตัวกัน ก่อเกิดเป็นรูปทรงใบพัดอยู่เหนือศีรษะ
ศีรษะเป็นใบหน้าชายวัยกลางคนที่กำลังหลับตา รูปร่างหน้าตาธรรมดาแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงเปล่งสัมผัสแห่งบารมี เพียงมองด้วยสองตาก็ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านได้แล้ว
สิ่งที่ทำให้หวังหลินหรี่ตาแคบลงคือ ชายผู้นั้นมีดวงดาวอยู่กลางหน้าผากสองดวง!
ดาวสองดวงนี้คือ ดาวเทพโบราณ!
แม้จะมีเพียงแค่สองดวง แต่มันแตกต่างจากดาวเทพโบราณที่หวังหลินเคยเห็นมาก่อนอย่างสิ้นเชิง หากมองมันใกล้ๆ มันดูเหมือนหยดโลหิตสองหยด!
นาทีนี้ศีรษะขยับเขยื้อนเข้าไปเชื่อมกับร่างกาย ทันใดนั้นจึงเป็นร่างกายที่ สมบูรณ์แบบ!
ขณะเดียวกันร่างยักษ์พลันลืมตาตื่น
ลำแสงประหลาดสองสายเปล่งประกาย ดาราจักรดวงดาวสั่นสะท้านราวกับกำลังแตกสลาย กลิ่นอายน่ากลัวแผ่กระจายออกมาจากร่าง
ในตาซ้ายของเขามีดาวมารโบราณสามดวง ในตาขวามีดาวปีศาจโบราณสามดวงกะพริบวาบ!
‘เขาเป็นใคร?’ หวังหลินจ้องมองชายวัยกลางคน ในมรดกที่หวังหลินสืบทอดไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับชายคนนี้ เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ดวงตาซ้ายของเย่โม่ แม้กลิ่นอายจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจเทียบกับตาซ้ายของเย่โม่ได้
ทว่ากลิ่นอายที่ออกมาจากเขานั้นบริสุทธิ์มาก มันเป็นกลิ่นอายบัญชาโบราณของจริง!
แม้หวังหลินจะมีกลิ่นอายบัญชาโบราณของตัวเอง มันก็มาจากการสืบทอดมรดก แม้เขาจะสามารถสร้างขึ้นมาได้ตอนที่ผสานเข้ากับพลังของสามเผ่าโบราณ มันก็ไม่ใช่กลิ่นอายของเย่โม่
ทว่ากลิ่นอายที่ชายตรงหน้าปล่อยออกมาคือ กลิ่นอายของเย่โม่!
ในดาราจักรโบราณ ราชันย์ยังคงสังเกตการณ์ด้วยสัมผัสวิญญาณ แววตาเย็นเยียบ คนที่ถูกผนึกในโลงศพเป็นสมบัติของสภาราชันย์ เขาและเซียนเต๋าสีรุ้งสังหาร สามเผ่าโบราณไปมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อรวบรวมมันขึ้นมา
เขาจะไม่นำมันออกมาเว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะเจ้าสิ่งนี้จะมีประโยชน์ต่อเขามหาศาลในอนาคต
แต่การจะบังคับให้หวังหลินยิงเกาทัณฑ์ออกมาสองดอก เขาจำต้องเอามันออกมาและให้พวกเซียนดาราจักรโบราณใช้สังหารหวังหลิน
‘แม้มันจะไม่สมบูรณ์แบบและยังขาดไปอีกหนึ่ง…แต่มันก็สืบทอดพลังอำนาจของบัญชาโบราณมาทั้งหมด ได้สังหารศัตรูจนสรวงสวรรค์แปรเปลี่ยน นี่อาจจะทำให้เกิดรอยร้าวบนค่ายกลได้เลยทีเดียว!’ ราชันย์ดวงตาส่องสว่าง
ขณะเดียวกัน ร่างเก้าส่วนของชายวัยกลางคนได้รวมตัวกันและค่อยๆ ควบแน่น ลึกเข้าไปในดาราจักรทุกชั้นฟ้า มีอาณาเขตอวกาศที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต พื้นที่บริเวณนี้ไม่มีดาวเคราะห์และไม่มีแม้แต่กระทั่งเศษเสี้ยวแห่งชีวิต
ทว่ากลับมีละอองฝุ่นนับไม่ถ้วนซึ่งไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า หนึ่งในฝุ่นเหล่านี้ มีโลกอยู่อีกแห่ง!
โลกแห่งนี้คือโลกแห่งน้ำแข็ง ทั้งโลกนั้นตั้งอยู่ในฝุ่นขนาดเมล็ดข้าว มันกว้างใหญ่ ไร้ขอบเขต เพียงมองเข้าไปจะเห็นได้ว่าทั้งโลกนั้นถูกผนึกอยู่ในน้ำแข็ง แม้แต่ก้อนเมฆและผืนดินยังหนาวเย็น
ที่นี่คือตำแหน่งที่ดาวตงหลินตั้งอยู่ ที่ที่มีเพียงตระกูลโบราณจากดาราจักรทุกชั้นฟ้าอาศัยอยู่เท่านั้น! มีเทพโบราณสตรีอยู่ที่นี่หนึ่งตน!
แม้การต่อสู้ระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกแผ่กระจายไปทั่วสี่ดาราจักร มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อที่แห่งนี้ ในฐานะตระกูลโบราณแล้ว พวกเขามีความสามารถในการหลีกเลี่ยงสงครามทั้งหมด และมีความสามารถในการซ่อนตัวเป็นอย่างดี
ยามนี้ในโลกแห่งน้ำแข็ง มีแท่นแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา สายลมเย็นส่งเสียงร้องหวีดหวิว สตรีงดงามผู้หนึ่งนั่งอยู่บนแท่น
กลางหน้าผากของนางมีดาวเทพโบราณหมุนติ้วอยู่เจ็ดดวง ดวงตาหลับพริ้มพลันลืมตาตื่นและมองออกไปไกล
‘ข้าสัมผัสถึงกลิ่นอายสายโลหิตของท่านพ่อ…’ หลังจากขบคิด นางใช้แขนขวา ชี้ใส่จุดกลางหน้าผาก ดาวเจ็ดดวงเริ่มหมุนจนกลายเป็นภาพพร่ามัว ทันใดนั้นมันรวมกันเป็นหนึ่งก่อเกิดเป็นอักขระโลหิต
อักขระโลหิตเปล่งแสงโลหิตน่ากลัวตรงกลางหน้าผาก
ด้านนอกค่ายกลกงล้อ ชายวัยกลางคนซึ่งถูกแบ่งร่างออกเป็นเก้าส่วนได้ผสานกลับเข้าด้วยกันและส่งเสียงคำรามใส่หวังหลิน
เขายกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่หวังหลิน
แขนขวาสร้างเป็นผนึกประหลาด ผนึกนี้ไม่มีพลังโจมตีแต่เป็นสัญลักษณ์บางอย่าง หลังจากสร้างขึ้นมา ชายวัยกลางคนกดฝ่ามือลงใส่หน้าอกตัวเอง
แววตาปรากฏเจตนาต่อสู้อันน่าตกตะลึง
‘อักขระต่อสู้เผ่าบัญชาโบราณ!’ เมื่อหวังหลินเห็นอักขระนี้ เจตจำนงการต่อสู้ระเบิดขึ้นในดวงตาเช่นกัน
ความทรงจำในมรดกโบราณของหวังหลิน เขาเคยเห็นอักขระนี้เช่นเดียวกับอักขระที่มีอยู่ในสามเผ่าโบราณ หรือพูดให้ถูกคือ มันเป็นเครื่องหมายสูงสุดในแคว้นโบราณ
อักขระนี้มีชื่อว่า “อักขระต่อสู้” เป็นอักขระที่ต้องแสดงออกมาเมื่อเผ่าบัญชาโบราณจะต่อสู้กัน หากบัญชาโบราณแสดงอักขระนี้ขึ้นมา คนที่ถูกทำเครื่องหมายจะต้อง ยอมรับคำท้า
มันเป็นการต่อสู้แห่งความเป็นความตาย เมื่ออีกฝ่ายตาย ตามกฎของเผ่าโบราณแล้ว ผู้แพ้จะสูญเสียทุกสิ่งให้แก่ผู้ชนะ
หากปฏิเสธการสู้รบหลังจากเห็นอักขระแล้ว เมื่อนั้นจะไม่คู่ควรต่อการเป็น บัญชาโบราณ! นี่เป็นเรื่องที่แตกต่างจากเหล่าเทพอย่างสิ้นเชิง เมื่ออักขระนี้ปรากฏขึ้น จะต้องต่อสู้เท่านั้น!
แน่นอนว่าหากระดับบ่มเพาะของทั้งสองแตกต่างกันมากเกินไป การหลีกเลี่ยงการต่อสู้ถือว่ายอมรับได้ แต่หากระดับบ่มเพาะแตกต่างกันไม่มากนัก เมื่อนั้นคนที่ปฏิเสธการต่อสู้จะถือว่าเป็นคนอ่อนแอ และในเผ่าโบราณนั้น ผู้อ่อนแอไม่สมควรรอดชีวิต!
หลังจากแสดงอักขระต่อสู้ ชายวัยกลางคนจ้องมองหวังหลิน รอคอยการตัดสินใจของอีกฝ่าย
หวังหลินขบคิดเงียบๆ จากนั้นแววตาปะทุเจตนาต่อสู้ขึ้นมา เขายกแขนขวาขึ้น ชี้ใส่ชายวัยกลางคนด้านนอกค่ายกล หวังหลินแสดงอักขระต่อสู้ออกมาเช่นกันและประทับใส่หน้าอก
เช่นนั้นชายวัยกลางคนร้องคำราม ร่างกายหมื่นฟุตขยับเคลื่อนไหวดุจยักษา เข้าหาค่ายกล
ร่างหวังหลินส่งเสียงปะทุและก้าวออกมา ร่างกายขยายออกอย่างรวดเร็วจากสิบฟุต ร้อยฟุต พันฟุตจนกระทั่งมีขนาดหมื่นฟุต!
เพียงก้าวคราเดียว หวังหลินก้าวออกไปจากค่ายกลกงล้อเป็นครั้งแรกและยืนอยู่ในดาราจักรโบราณ ขณะที่ชายวัยกลางคนร้องคำราม หวังหลินก็ส่งเสียงคำรามออกมาเช่นกัน
ต่อสู้!
‘ในเมื่อเจ้าอยากต่อสู้นัก ก็มาต่อสู้กัน!’
หวังหลินไม่เคยกลัวความพ่ายแพ้ เขามีชีวิตอยู่ท่ามกลางความตายนับไม่ถ้วน เขาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธการท้าประลองของชายวัยกลางคน เขาต้องการเอาชนะ อีกฝ่ายและเอาทุกสิ่งทุกอย่างมา!
กลิ่นอายโบราณดึงดูดหวังหลินมากเพราะมันสามารถช่วยให้เขาก้าวเข้าสู่ระดับแปดดาวได้!
เมื่อหวังหลินก้าวเท้าออกจากค่ายกล ชายวัยกลางคนเข้าประชิด แขนขวากำหมัด ชกกำปั้นดังสนั่นใส่หวังหลิน
เผ่าบัญชาโบราณชิงชัยกันด้วยพละกำลังทางร่างกายเป็นหลัก เหล่าวิชาใช้ หนุนเสริมแต่ท้ายที่สุดแล้วก็พึ่งพาร่างกายของตนเอง เมื่อบรรลุถึงระดับบ่มเพาะประมาณหนึ่ง โลกนี้จะผุผังเน่าสลายแต่ร่างกายกลับไม่ใช่เช่นนั้น โลกนี้จะลบเลือนไป แต่ร่างกายไม่ใช่!
กำปั้นของเขาอยู่ห่างจากหวังหลินไม่เกินหนึ่งพันฟุต
ระยะห่างหนึ่งพันฟุตนั้นใกล้กับหวังหลินและชายวัยกลางคนยิ่ง!
แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยเจตนาต่อสู้เหลือล้น แขนขวากำหมัดและชกกำปั้นใส่อีกฝ่ายที่เข้ามาประชิด
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เมื่ออักขระต่อสู้ปรากฏขึ้น พวกเขาเพียงต้องต่อสู้เท่านั้น!
กำปั้นของแต่ละคนเข้าใกล้จนปะทะใส่กัน เกิดเป็นการสั่นสะเทือนแผ่กระจายใส่ดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกดุจพายุกระหน่ำ
สายลมรุนแรงระเบิดออกมาจากจุดที่สองกำปั้นปะทะกันและกระจัดกระจายไปทั่วสารทิศ มันพัดเรือนผมสีขาวของหวังหลินและพัดใส่เรือนผมสีดำของ ชายวัยกลางคน
ยามที่เส้นผมสีขาวและเส้นผมสีดำพัดพลิ้ว มันไม่อาจปกคลุมเจตนาการต่อสู้ที่สว่างเจิดจ้าดุจดวงอาทิตย์ในแววตาของทั้งคู่ได้!
ซื่อจื่อเฟิงอยู่ในค่ายกลด้วยสีหน้าซีดเผือดแต่ไม่ส่งเสียง นางไม่ต้องการแยกจากหวังหลิน นางก้มศีรษะอุ่นสุราให้หวังหลินต่อไป โดยเชื่อว่าหวังหลินจะไม่พ่ายแพ้!