1786. คำนับฝ่ามือเพื่อแสดงความเคารพ
ประตูเปิดออกอย่างสมบูรณ์!
ณ ดาราจักรทุกชั้นฟ้าตรงแกนกลางของโลกถ้ำ เตาหลอมยักษ์ซึ่งมีควันสีดำ ปกคลุมกำลังสั่นเทา ควันสีดำกระจายออกไปทีละนิ้ว
ใจกลางเตาหลอมมีรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาและมีแสงสีทองกระจายกันออกไป รอยแตกร้าวใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงดังสนั่น ในที่สุดเตาหลอมก็แตกออกเป็นสองส่วน
ประตูสีทองบานยักษ์เท่าโลกปรากฏขึ้นมา ข้างในประตูเต็มไปด้วยมวลก้อนเมฆ บางครั้งอาจะได้เห็นแผ่นดินแปลกประหลาด บางครั้งมันก็พร่ามัว
ยามที่ประตูปรากฏขึ้นมา ซากปรักหักพังด้านนอกเตาหลอมจึงมลายหายไปและเปลี่ยนไปเป็นอวกาศที่เชื่อมต่อกับส่วนที่เหลือของโลกถ้ำ
เซียนทุกคนที่สังเกตการณ์ที่นี่ต่างรู้สึกถึงแรงสั่นเทาแผ่กระจายไปทั่วโลกถ้ำ ทางเข้าสู่แกนกลางโลกถ้ำในดาราจักรทุกชั้นฟ้าพลันหายไปและปรากฏเตาหลอมขึ้นมาแทน!
ประตูสีทองจากเตาหลอมเปล่งแสงสีทองห่อหุ้มโลกถ้ำแห่งนี้เอาไว้!
ด้านนอกประตูสีทองมีคนปรากฏขึ้นทีละคน พวกเขาคือคนที่เข้าไปในแกนกลางของถ้ำและไม่เสียชีวิต มีต้าเสิน ปรมาจารย์เต๋าความฝัน ถังซานและคนจาก ดาวเบญจธาตุ
ทั้งยังมีหวังหลินด้วย
นอกจากเสียงดังสนั่นจากการเปิดประตูทองแล้ว ยังมีเสียงเงียบไร้คนเอ่ยวาจา ทั้งหมดมองไปที่ประตูทองและโลกอีกฝั่งของประตูที่บางครั้งก็ชัดเจน บางครั้ง ก็พร่ามัว
ขณะที่หวังหลินมองไปที่ประตู เผยสายตาแห่งความทุกข์ใจที่มีมากกว่าสองพันปี
ในที่สุดประตูก็ได้เปิดออก ในที่สุดมันก็ปรากฏ!!
หวังหลินรอคอยมานานจนถึงวันนี้ วันที่เขาได้เรียนรู้ว่าโลกแห่งนี้เป็นเพียงแค่โลกถ้ำ เขาจึงได้จินตนาการถึงตอนที่เปิดประตูไปสู่โลกจริงๆ สู่แผ่นดินเซียนดารา!
ตอนนี้เขาได้มองไปยังประตูสีทองจนเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ความทรงจำมากกว่าสองพันปีฉายซ้ำขึ้นมาในใจ เขาเปลี่ยนแปลงจากเด็กในหมู่บ้านใกล้ภูเขาแห่งหนึ่ง ก้าวไปทีละก้าวจนถึงวันนี้ ตรงจุดที่เขาได้เปิดประตูแห่งโลกถ้ำ
ระหว่างทางช่างขมขื่น มีน้อยคนที่จะเข้าใจความยากลำบากที่เขาเผชิญชะตากรรมไม่ว่าจะดีหรือร้ายนับครั้งไม่ถ้วน
‘หวานเอ๋อร์ ข้าได้เปิดประตูแห่งโลกถ้ำแล้ว นั่นจะเป็นที่ที่ข้าปลุกเจ้าให้ตื่น… นี่คือ คำสัญญาของข้า’ หวังหลินมองประตูและรู้สึกเศร้าอยู่ในใจ เขาคิดถึงลี่มู่หวาน
‘เซี่ยฉิง ข้าสัญญาว่าจะชุบชีวิตเจ้า ข้าจะทำมันให้สำเร็จแน่นอน!’
หวังหลินมองไปที่ประตูทอง พริบตานั้นราวกับได้เห็นทั้งชีวิตของเขาอยู่ในประตู
นางสนมลำดับสาม ถังซานกำลังกัดริมฝีปากและมองไปยังประตูทอง หยาดน้ำตาไหลรินออกมา นางคิดถึงบ้านเกิด คิดถึงสำนัก คิดถึงอาจารย์ นางอยู่ในโลกถ้ำมานานเกินไป นางควรไร้ความรู้สึกแต่ความยาวนานนั้นได้เปลี่ยนให้นางต้องรอคอยต่อไป
นางจำต้องรอคอยจนกระทั่งวันนี้มาถึง
ชายชราชื่อหม่าและหยุนยี่เฟิงมองประตูทองด้วยอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย พวกเขาอยู่ในโลกถ้ำมานาน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้อะไรเลย ชายชราชื่อหม่ามอง หยุนยี่เฟิงด้วยสายตาเอ็นดู
เขายังจำได้ว่าตอนนั้นหยุนยี่เฟิงอายุเพียงแค่สิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้น ตอนนี้นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว หยุนยี่เฟิงแก่ลงไปมาก
“กลับบ้านกัน…” ชายชราชื่อหม่าถอนหายใจ
“กลับบ้าน…” หยุนยี่เฟิงมองประตูสีทอง แม้แต่เขาที่สงบนิ่งเสมอก็ยังอ่อนไหวและรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก เขาสับสนว่าแผ่นดินเซียนดาราคือบ้านหรือ ดาวเคราะห์เบญจธาตุในโลกถ้ำคือบ้านกันแน่…
ด้านหลังชายชราชื่อหม่าเป็นชายวัยกลางคนจำนวนสองคนจากดาวเบญจธาตุ พวกเขามองประตูทองด้วยความรู้สึกแบบเดียวกันที่ไม่สามารถบอกได้ชัดเจน
ยังมีขุนพลเต่าดำและวิหคศักดิ์สิทธิ์ที่รู้สึกขมขื่นในใจ พวกเขานึกย้อนไปถึง สำนักเจ็ดเต๋าและช่วงเวลาที่อยู่กับราชันย์เทพสีรุ้ง
ตอนนี้กำลังจะกลับไปยังแผ่นดินเซียนดารา แต่สำนักเจ็ดเต๋าคล้ายจะหายไปนานแล้ว
เทียบกับคนที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกถ้ำแล้ว ปรมาจารย์เต๋าความฝันเต็มไปด้วยสายตาลังเลแฝงอยู่ แม้จะรู้อะไรมากมายและเข้าใจว่าโลกนี้เป็นแค่ถ้ำ ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับประตูถ้ำและไม่รู้ว่าต้องทำอะไร
เขาควรอยู่หรือจากไปดี…
ต้าเสินหรือตู่ซือเองก็ขบคิดอย่างเงียบงัน มองประตูสีทองและไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ณ ดาราจักรทุกชั้นฟ้า ด้านนอกประตูทอง ลำแสงหลายเส้นพุ่งทะยานเข้ามาใกล้ เซียนจากโลกถ้ำได้เข้ามาและเมื่อเห็นประตูสีทองจึงเกิดอาการตกตะลึงกันทั้งหมด
หวังหลินถอนสายตาออกมาจากประตูทองอยู่สักพัก เขาบอกได้ว่าหลังออกไปจากดอกไม้ดอกที่ห้าแล้ว ร่างแก่นแท้ทั้งแปดของเขาได้หายไป แก่นแท้วารียังสำเร็จแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนอีกเจ็ดแก่นแท้ถูกซ่อนหายไป
ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมาก่อนที่เขาจะเข้าไปยังบ่อน้ำตงหลิน
แม้หวังหลินจะรู้แล้วว่าจะเกิดขึ้น เขายังรู้สึกเสียดายอยู่เล็กๆ ไม่นานก็ระงับความเสียใจลงไปได้ ตอนนี้เต็มไปด้วยความคาดหวังเกี่ยวกับบ่อน้ำตงหลินบน แผ่นดินเซียนดารา
“ระหว่างเราอาจมีข้อบาดหมางกันอยู่บ้างจนบางทีต้องต่อสู้กันจนตาย… แต่ตอนนี้ประตูได้เปิดขึ้นแล้ว ความแค้นทั้งหมดของเราหายกัน!”
“หากใครต้องการออกไปจากโลกถ้ำ ข้าจะไปส่ง!” หวังหลินคำนับฝ่ามือให้กับ ทุกคนที่นี่!
คำพูดของหวังหลินนั้นซื่อตรงไร้การโกหก และเขาก็เหน็ดเหนื่อยยิ่ง
ความทรงจำมากกว่าสองพันปีจนกระทั่งตอนนี้ยามที่ประตูได้เปิดขึ้นมา มันฉายซ้ำ อยู่ในหัวเขา ตราบใดที่เขายังเป็นมนุษย์ เขาก็ยังคงรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
ไม่เพียงแค่เหน็ดเหนื่อย ทุกคนที่นี่ก็เหมือนกัน ปรมาจารย์เต๋าความฝันช่วยก็เพราะลูกสาวและตัวเขายังบาดเจ็บ ต้าเสินและหวังหลินเป็นทั้งศัตรูและสหาย เขาช่วยกันในช่วงเวลาสำคัญและเหน็ดเหนื่อยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นถังซาน ขุนพลเต่าดำ ขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์หรือเซียนจากดาวเบญจธาตุ ทั้งหมดต่างก็เหน็ดเหนื่อย การต่อสู้อันเข้มข้นในแกนกลางของถ้ำนั้นหาชมได้ยาก!
ชายชราชื่อหม่าจากดาวเบญจธาตุพลันก้าวไปข้างหน้าแล้วจึงขบคิด เขามองหวังหลินด้วยสายตาซับซ้อน ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยปาก
“สหายเซียนหวัง ข้าจะขอออกไปก่อน หากเจ้ามาที่แผ่นดินเทพเมื่อใด เจ้าสามารถมาเยี่ยมที่สำนักเบญจธาตุได้!”
หวังหลินพยักหน้า “ขอบคุณมากผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือก่อนหน้านี้ หากข้ามีโชคชะตา ข้าจะไปเยี่ยมสำนักเบญจธาตุแน่นอน”
หยุนยี่เฟิงผู้อยู่ด้านหลังชายชราชื่อหม่า เขามองรอบด้านด้วยความคิดถึง ท้ายที่สุดจึงมองหวังหลินและคำนับฝ่ามือ
“พี่หวัง ดูแลตัวเองด้วย การต่อสู้ของเรายังไม่จบ เราจะตัดสินผู้ชนะกันบนแผ่นดินเซียนดารา!”
“สหายเซียนหยุน ดูแลตัวเองด้วย” หวังหลินมองหยุนยี่เฟิง คนผู้นี้เป็นคนที่มี ไหวพริบมากมาย หวังหลินมองเขาออกในโลกถ้ำ สายตาหวังหลินตกลงไปที่ เซียนวัยกลางคนอีกสองคนจากดาวเบญจธาตุ หวังหลินดูเหมือนจำอะไรได้บางอย่างและโบกมือให้
ระลอกคลื่นดังสนั่นอยู่ไกลๆ ปรากฏเป็นขุนพลพยัคฆ์ขาวและเซียนจาก ดาวเบญจธาตุคนอื่น การปรากฏตัวของแต่ละคนไม่ได้ทำให้ชายชราชื่อหม่าประหลาดใจเพราะดูเหมือนรู้อยู่แล้ว
ทว่าขุนพลเต่าดำและขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์ถึงกับตกตะลึง
“สหายเซียนจากดาวเบญจธาตุ ข้าขอส่งพวกท่าน!” เพียงหวังหลินเอ่ยขึ้นมา ขุนพลพยัคฆ์ขาวจึงปลดปล่อยเซียนจากดาวเบญจธาตุ พวกเขาขบคิดเล็กน้อยจากนั้นจึงกลับไปยังสำนักตัวเอง
คนกลุ่มหนึ่งเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและลอยเข้าหาประตูทอง มันส่งแสงสีทองกระพริบวาบ จากนั้นก็หายไป
พอเห็นคนจากดาวเบญจธาตุผ่านประตูไป ขุนพลเต่าดำและขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์ได้ก้าวออกไปและคำนับฝ่ามือให้กับหวังหลิน
“สหายเซียนหวังหลิน เรื่องราวก่อนหน้านี้…เอ่อ ขอบคุณ สหายเซียนที่ยกโทษให้เรา เราจะขอจากไปก่อน หากมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการ เขายินดีช่วยเหลือแน่นอน” คนที่พูดคือขุนพลเต่าดำ เขาสะบัดแขนขวาส่งหินหยกลอยเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินรับหินหยกไว้และพยักหน้า จากนั้นมองขุนพลพยัคฆ์ขาวไกลๆ
“เจ้าจะไปด้วยก็ได้”
ขุนพลพยัคฆ์ขาวตกตะลึง ดวงตาเต็มไปด้วยความขอบคุณ เขาโค้งคำนับให้กับหวังหลินและจากนั้นจึงมาอยู่เคียงข้างสองขุนพล ขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์มองดูหวังหลินด้วยสายตาซับซ้อนและลึกซึ้ง
“ขอบคุณ”
ทั้งสามเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและทะยานเข้าสู่ประตูทอง พวกเขาหายเข้าไปในประตูและกลับคืนสู่แผ่นดินเซียนดารา
ทางด้านนางสนมลำดับสามถังซาน นางกัดริมฝีปากและก้าวเข้าหาประตูทอง พออยู่ห่างจากประตูได้เพียงร้อยฟุต นางหยุดลงและมองมาที่หวังหลิน
“ขอบคุณ…”
หวังหลินมองถังซานและเอ่ยขึ้น “เจ้าช่วยข้าไว้และข้าก็ช่วยเจ้า ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก”
ถังซานอ้าปากราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่างแต่นางก็เงียบ นางทะยานเข้าหาประตู วินาทีที่นางกำลังจะหายไปพลันหันกลับมา
“เราจะได้เจอกันอีกครั้งหรือไม่…”
หวังหลินไม่ได้พูดอะไร สายตาของถังซานหมองลงและนางถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทอง นางค่อยๆ หายตัวไปภายในประตู
ตอนนี้ทุกคนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกถ้ำได้จากไปทีละคน หวังหลินเลื่อนสายตาผ่านปรมาจารย์เต๋าความฝันและคนอื่นไปจนกระทั่งวางสายตาไปที่ความว่างเปล่า เขาคำนับฝ่ามือไปที่ความว่างเปล่าตรงนั้น
ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นและไม่มีอะไรผิดแปลก ไม่มีแม้แต่ระลอกคลื่นหรือสิ่งอื่น แต่คำพูดของหวังหลินดังกึกก้องพร้อมกับคำนับฝ่ามือไปด้วย
“ผู้อาวุโสซวนลั่ว ท่านติดตามข้ามาตลอดทาง ท่านไปที่ดาวเบญจธาตุ ไปที่ แดนสวรรค์และมายังแกนกลางของถ้ำแห่งนี้ ตอนนี้ท่านได้เห็นข้าเปิดประตูแล้ว ยังไม่พออีกหรือ? ท่านเผยตัวเองได้หรือไม่?”
ความว่างเปล่าเริ่มบิดเบือน ร่างที่ซ่อนอยู่ปรากฏตัวขึ้นมาทำให้ทุกคนตกตะลึง สายตาแต่ละคนเลื่อนมายังร่างที่ปรากฏ
“เจ้ารู้ชื่อข้าได้อย่างไร…” น้ำเสียงอ่อนโยนดังออกมาจากร่างพร่ามัว