1797. แสงประหลาดสีขาว
ณ แผ่นดินเซียนดาราพื้นที่ในทิศตะวันออก ภูเขาสำนักเจ็ดเต๋าในแคว้นกระทิงสวรรค์ ซวนลั่วกำลังนั่งอยู่ในตำหนักในภูเขาหมอกและรอคอยมาหลายปี
สิบปีครึ่งผ่านไปจากที่ตกลงกับหวังหลินเอาไว้ แต่ซวนลั่วก็ไม่จากไปไหน แม้แต่อักขระที่เขาทิ้งเอาไว้กับหวังหลินก็หายไปอย่างสมบูรณ์
แสงสีแดงหายไปนั่นหมายความว่าหวังหลินไม่มีเครื่องนำทาง หรือบางทีอาจหมายถึงหวังหลินตายไปแล้ว
‘เขาล้มเหลวหรือไม่…’ ซวนลั่วเผยสายตาโศกเศร้าและหลับตาถอนหายใจ เขาจะรออีกเล็กน้อย บางทีอาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแม้จะมีเพียงแค่น้อยนิดก็ตาม
ณ ความว่างเปล่าระหว่างโลกถ้ำและแผ่นดินเซียนดารา หวังหลินกำลังแบกโลงศพ มุ่งไปข้างหน้า เขาก้าวไปทีละก้าว หมดสิ้นความคิดและไม่มีแรงหลงเหลือ สิ่งเดียวที่ผลักดันเขาไปข้างหน้าคือความตั้งใจของตนเอง
ด้วยความตั้งใจนี้ เขาจึงใช้ร่างกายปกป้องภรรยาและไม่ยอมล้มเลิก!
แสงสีแดงตรงกลางหน้าผากได้หายไปเมื่อครึ่งปีก่อนแล้ว เขาไม่สามารถสัมผัสถึงเส้นทางตรงหน้าได้เลย สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือการไม่ยอมถอยและก้าวต่อไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางออก
เวลาสิบปีในความมืดแห่งนี้มากพอจะทำให้คนบ้าคลั่งจากความเงียบได้แล้ว หวังหลินกัดฟันและเดินหน้าต่อไป หากเขาไม่มีความตั้งใจอันมุ่งมั่น ความคิดจิตใจก็คงพังทลายไปนานแล้ว
ความจริงแล้ว เขาคงอยู่ไม่ได้นานขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเผชิญกับโชคดีตอนที่ แสงสีแดงหายไปเมื่อครึ่งปีก่อน อีกทั้งพลังบัญชาโบราณก็เหลืออยู่ไม่มากนัก
ณ เวลานี้มีลำแสงสีแดงปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า แสงเบาบางมากและดูเหมือนโผล่ออกมาจากซากศพ
ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ซากศพยิ่งเห็นชัดมากขึ้น มันเป็นชายชราสวมชุดคลุมสีม่วง ดวงตาหลับสนิทไร้สิ้นแสงอันใด แต่แสงที่โผล่ออกมาจากร่างกายเขาช่างจับจุด สนใจมาก
ชายชราผู้นี้โผล่ออกมาจากไหนสักแห่งและมาพร้อมกับแสงสีขาวเปล่งประกาย มองเห็นได้ถึงพลังลึกลับที่รวมกันในร่างกายเขา
ชั่วจังหวะที่ร่างศพมีแสงสีขาวปรากฏ ดวงตาหวังหลินที่หมองหม่นก็เปล่งประกายเจิดจ้า เขามองขึ้นไปและเร่งจังหวะเข้าหาร่างนั้น พยายามยื่นมือออกไปวางบนร่างนั้นและแยกแสงสีขาวออกมา
แสงสีขาวในร่างนั้นไปรวมกันในมือหวังหลินและหายไปอย่างรวดเร็ว พลังลึกลับในร่างนั้นเข้าไปในร่างหวังหลินเช่นกัน
หวังหลินรู้สึกว่าพลังนี้เยือกเย็นแต่เป็นความรู้สึกเย็นที่ทำให้ความคิดกระจ่างขึ้นมา หลังจากดูดซับพลังนี้เข้าไป แก่นแท้ของเขาเผยสัญญาณการฟื้นฟู กระทั่งพลัง บัญชาโบราณก็ยังฟื้นฟูขึ้นเล็กน้อย
หวังหลินปล่อยแขนขวา ให้ร่างชายชราที่สูญเสียแสงได้ลอยออกไป หวังหลินมี สีหน้าขมขื่นเล็กน้อย
เขาไม่รู้ว่าพลังนี้คืออะไร ครึ่งปีก่อนก็เจอซากศพแบบนี้เช่นกัน หลังจากดูดซับพลังนี้มาก็ทำให้เขามีพลังต่อไปเรื่อยๆ
พลังนี้ลึกลับมาก มันสามารถช่วยให้แก่นแท้และพลังบัญชาโบราณฟื้นฟูขึ้นมาได้ เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นแต่กลับปรากฏในความว่างเปล่าเบื้องหน้าหวังหลิน
ช่วงเวลาสิบปี หวังหลินเจอร่างแบบนี้เพียงสองครั้งเท่านั้น
ความคิดหวังหลินสั่นเทาและดวงตาเปล่งประกาย เขากระตุ้นระดับบ่มเพาะเพื่อต่อต้านแรงกดดันจากกฏแห่งแผ่นดินเซียนดารา จากนั้นสัมผัสโลงศพด้านหลังเพื่อรู้สึกถึงลี่มู่หวาน แล้วหวังหลินจึงเดินทางต่อไปอย่างเงียบๆ
ความเร็วของเขาไม่ได้เร็วแต่ไม่หยุดเดิน เดินทางต่อไปโดยไม่เปลี่ยนทิศทาง
‘สิบปีผ่านไปแล้ว…สงสัยจริงว่าจุดจบอยู่ที่ใด…ข้าไม่น่าจะหันเหจนเปลี่ยนทิศทาง…’ หวังหลินกัดฟันและหายวับเข้าไปในความว่างเปล่า
‘พลังนี้ประหลาดมาก หากข้าเจอมากขึ้น ข้าจะไม่หมดแรงตายแน่นอน!’ หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณออกไปเพื่อค้นหาแสงนี้
ทว่าการเจอร่างที่มีแสงสีขาวกลับเป็นความบังเอิญอย่างยิ่ง การค้นหาโดย ไม่เปลี่ยนทิศทางกลับยิ่งยากกว่าเดิม
หลังจากผ่านไปหนึ่งปีเขาก็ยังไม่เจอร่างตัวที่สาม ระดับบ่มเพาะมาถึงขีดจำกัดและเหมือนตะเกียงไร้น้ำมัน
หวังหลินกลายเป็นคนผอมบางมาก ถึงแม้จะมีคนที่รู้จักเขามาเจอเข้าก็แทบจำไม่ได้ แสงในดวงตาหม่นหมองจนไม่มีเหลือ เขาเหมือนคนตายไปแล้ว
เขาไม่รู้ว่าจะต้องไปอีกไกลแค่ไหน ความไม่รู้นี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นอารมณ์อัน น่ากลัวทำให้ความคิดจิตใจพังทลาย แม้หวังหลินจะมีความตั้งใจแน่วแน่ก็ยังส่งผลกระทบ แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาสัมผัสโลงศพด้านหลัง ความมุ่งมั่นได้ระเบิดออกมา จากจิตใจ ผลักดันเขาไม่ให้ยอมแพ้
ทว่าความจริงอันโหดร้ายก็ได้ลบล้างสติสุดท้ายของหวังหลินหลังจากผ่านไป สามเดือนจนเขาสลบไป
ในร่างกายไม่มีกลิ่นอายหลงเหลืออยู่ แต่ถึงแม้จะไม่มีสติเขาก็ยังปกป้องโลงศพด้านหลังที่เต็มไปด้วยรอยแตก มันได้แตกสลายไร้การปกป้องไปแล้ว
คนและโลงศพลอยอยู่ในความว่างเปล่าอย่างช้าๆ ชั่วจังหวะที่หวังหลินไร้สติขึ้นมา แรงกดดันจากกฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราได้หายไป
หวังหลินไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอันประหลาดนี้ เขาเหมือนคนตายที่แม้แต่ วิชาสามชีวิตก็ไม่สามารถใช้ได้ เขาเหมือนคนตายที่ลอยสู่ทิศทางหนึ่งขณะที่แบกโลงศพไปด้วย
เขาเหมือนร่างศพทั้งหมดที่ลอยอยู่ในความว่างเปล่านี้ไปตลอดกาล
หนึ่งปี สองปี สามปี…ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน หวังหลินยังคงหลับตาอยู่เช่นนั้นราวกับตายไปแล้ว
ณ แผ่นดินเซียนดารา ในสำนักเจ็ดเต๋า ซวนลั่วถอนหายใจและลุกขึ้น เขารอมาสิบห้าปีแล้วซึ่งรวมถึงเวลาก่อนหน้านี้ด้วย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการรอต่อไป แต่พลังปราณสวรรค์มหาศาลอันทรงพลังสายหนึ่งที่ไม่ยอมให้เขาอยู่ได้โผล่ออกมาจากระยะไกล พลังปราณสวรรค์นี้ไม่เพียงแค่เข้ามาใกล้แต่ยังมีเสียงดังสนั่นกึกก้องทั่วท้องฟ้า ดวงตะวันสีทองปรากฏขึ้นในเส้นขอบฟ้า ร่างหนึ่งยืนอยู่ในนั้น
ขณะเดียวกันดวงตะวันอีกดวงปรากฏขึ้นอีกทิศทาง สายตาเยือกเย็นโผล่ออกมาจากตะวันดวงนั้น
ซวนลั่วเข้าใจว่าเขาต้องจากไปแล้ว
‘ศิษย์เอ่ย เจ้า…ดูแลตัวเองด้วย…หากเจ้าไม่ตาย เจ้าควรมาตามหาข้า…’ ซวนลั่วถอนหายใจและสะบัดแขน ดวงตะวันสีโลหิตมหึมาปรากฏขึ้นและทะยานออกไปยังท้องฟ้า
ซวนลั่วจากไปแล้ว ตั้งแต่วันนี้ต่อไปจะไม่มีคนรอคอยหวังหลินกลับมาอีก หวังหลินยังคงลอยอยู่ในความว่างเปล่า ทิศทางของเขาได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่รู้ว่าเขาลอยไปทางไหนและได้กลายเป็นหนึ่งในซากศพแห่งนี้
อีกหลายปีได้ผ่านไป มีบางคนได้ไปเกิดใหม่บนแผ่นดินเซียนดาราแล้ว บางคนยังอยู่บนเส้นทางและอาจต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยหรืออีกหลายพันปีเพื่อไปเกิดใหม่
แม้แต่ซวนลั่วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมช่องว่างถึงได้ใหญ่ขนาดนั้น
…
ในปีนี้มีเด็กทารกคนหนึ่งถือกำเนิดในเมืองธรรมดาบนแผ่นดินทางทิศตะวันออก…เด็กคนนี้ประหลาดมาก ในอายุประมาณหกถึงเจ็ดขวบ เมื่อใดที่เล่นกับสหายก็มักจะชอบเรียกตัวเองว่าราชา…
หากเด็กคนอื่นไม่ยอมทำตาม เขาจะเตะต่อยไปเสียหมด เป็นคนโหดร้ายและสหายบ้านใกล้เรือนเคียงก็มักจะหวาดกลัว จากนั้นจึงค่อยๆ เริ่มเล่นเกมสวมบทเป็นราชา
ณ พื้นที่ทางใต้ของแผ่นดินเซียนดารา ปีเดียวกันมีเด็กทารกคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา เด็กทารกคนนี้โดดเด่นมาก แม้ครอบครัวจะหย่าร้างไปช่วงแรก พอเขาอายุสิบปี กลับกลายเป็นจอมโกหกที่มีชื่อเสียงในเมือง
อย่างไรก็ตามหากการโกหกทำให้มีชื่อเสียงก็คงไม่ดีต่อครอบครัวเท่าใดนัก จึงทำให้เด็กคนนี้ออกจากบ้านและใช้พรสวรรค์การโกหกของตัวเองที่อื่น
กาลเวลาผ่านไปยาวนานอย่างเชื่องช้า
ซวนลั่วกลับไปยังเผ่าบัญชาโบราณด้วยท่าทีมืดมัวและเข้าไปปิดด่านบ่มเพาะ พอจักรพรรดิบัญชาโบราณได้เห็นซวนลั่วกลับมาคนเดียว จึงเยาะเย้ยอยู่ในใจ เขาจึงค่อยๆ ลืมเรื่องที่ซวนลั่วออกไปหาคนไปเสียสนิท
ดูเหมือนมีคนจำนวนมากไม่คิดถึงคนชื่อหวังหลินอีกต่อไปแล้ว แผ่นดินเซียนดารามักจะเป็นแบบนี้และโลกถ้ำก็เหมือนกัน อย่างไรก็ตามมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ลืมชื่อนี้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
มู่ปิงเหมยเป็นแบบนี้ ถังซานแห่งแผ่นดินเซียนดาราก็เช่นเดียวกัน อัจฉริยะคนใหม่ ในรุ่นเช่นหยุนยี่เฟิงก็คิดถึงหวังหลินเหมือนกัน
ราชายุงก็ไม่ลืมหวังหลิน ตอนนั้นเจ้าอสูรยุงถูกหวังหลินหยุดเอาไว้ จากนั้น ดูเหมือนพวกมันได้ดูดซับกฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราพร้อมกับลูกน้องจำนวนมากจน บ้าคลั่งไป
มันเกิดการเปลี่ยนรูปร่างถึงสี่ครั้งในช่วงสิบปีที่ผ่านมา! ทุกครั้งที่มันผ่านการเปลี่ยนแปลง ราชายุงจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า แรงกดดันที่นี่อ่อนแอลงจนมันรู้สึกเหมือนไม่มี!
ท้ายที่สุดหลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ห้า ราชายุงได้เปล่งกลิ่นอายสั่นสะเทือนความว่างเปล่าแห่งนี้ ร่างกายของมันจึงไม่เหมือนดวงดาวอีกแล้วแต่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงให้กลายเป็นเหมือนควัน
ร่างควันพร่ามัวราวกับเจ้าอสูรยุงเพิ่งจะโผล่ออกมาจากภาพวาดน้ำหมึก แต่ความ ดุร้ายของมันพุ่งไปถึงขีดสุด
หลังจากนั้นราชายุงจึงไม่ดูดซับกฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราอีกแล้ว ร่างมันแผ่กระจายออกไปดุจหมอกควันและเข้ากลืนกินพวกของมันเก้าตัวก่อนออกเดินทางไปในความว่างเปล่าไร้ขอบเขตแห่งนี้ มันกำลังจะออกไปตามหาหวังหลิน ตามหาเจ้านายของมัน!