Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 233

Cover Renegade Immortal 1

233. หยุดนะ

กลิ่นอายอันตรายออกมาจากพื้นมากขึ้นเมื่อพวกมันปล่อยของเหลวออกมา เวลานี้เหล่าพืชพันธุ์ขยายใหญ่และมีสีสันมากขึ้น

จิตใจหวังหลินกดต่ำลง เขาสะบัดแขนและกระบี่เหินกลับคืนมา ทว่ากระบี่เหินตอนนี้มีแสงสลัวมากราวกับถูกดูดแสงออกไป

ฝ่ามือทั้งสองของหวังหลินสร้างผนึกขึ้น ทันใดนั้นสายลมกรรโชกปรากฎรอบๆกระบี่เพื่อลบล้างของเหลวที่ติดออกไป เมื่อของเหลวถูกลบล้างไปหมดกระบี่จึงกลับสู่สภาวะเดิม

หลังมองมันหวังหลินจึงเก็บกระบี่กลับไป จดจ้องไปที่พืชใต้ทะเลอันไร้ที่สิ้นสุด เขาตบกระเป๋าและนำธงกฎเกณฑ์ออกมา พลันสะบัดแขนและธงกฎเกณฑ์ขยายขนาดออกทันทีและเริ่มปกคลุมไปทั่วบริเวณ

99 กฎเกณฑ์สร้างเป็นมังกร 99 ตัว มังกรบินเป็นวงกลมกฎเกณฑ์โบราณอย่างบ้าคลั่ง แต่ละครั้งที่มังกรบินเป็นวงกลมกฎเกณฑ์ พืชสีแดงนับไม่ถ้วนจะตายลงและคายของเหลวสีแดงออกมาจำนวนมาก

ฝ่ามือหวังหลินรีบส่งผนึกอีกสองสามอย่างออกมาอย่างรวดเร็วและตะโกน “เปิด!”

ทันดในั้นทะเลของเหลวสีแดงแบ่งออกตรงกลางราวกับมีมือยักษ์ผลักออกไป ของเหลวสีแดงเคลื่อนไปด้านข้างเผยออกให้เห็นเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ

หวังหลินไม่ลังเลอีกต่อไปขณะที่ร่อนลงและบันทึกค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้าไปในหินหยก เขาบินกลับสู่อากาศและสะบัดแขนเพื่อฟื้นฟูธงกฎเกณฑ์

หลังธงกฎเกณฑ์กลับเข้าหาหวังหลิน ของเหลวสีปกคลุมค่ายกลเคลื่อนย้ายมากขึ้น ผ่านนานไปกระทั่งต้นพืชขนาดใหญ่ก็เริ่มปกคลุมทั่วพื้นที่

ความสูงของมันพุ่งขึ้นมาหลายสิบฟุตมีขนาดสูงมากกว่าตัวอื่นๆสามเท่า

หวังหลินลอยในอากาศและมองหินหยกด้วยใบหน้าเคร่งเครียด หลังผ่านไปนานเขาเผยใบหน้าครุ่นคิดและจากไปโดยไม่ได้เอ่ยอันใด

หนึ่งเดือนที่เขาใช้เวลาเพื่อมาที่นี่ หวังหลินเริ่มศึกษาคู่มือการสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่เขาใช้แกนพลังอสูรระดับกลางห้าชิ้นแลกมา

แม้ว่าแนวคิดของค่ายกลเคลื่อนย้ายนับว่าซับซ้อน แต่หวังหลินมีความรู้ความเข้าใจเรื่องค่ายกลและค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นอย่างดี รวมถึงเรื่องที่เขาต้องการเพียงซ่อมแซมและไม่ได้สร้างใหม่จึงสามารถเข้าใจได้บางส่วน

ถึงอย่างนั้นเพียงแค่ความรู้ของเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำมันได้หรือไม่ แต่หากเขาต้องหาคนในทะเลปิศาจที่เชี่ยวชาญค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ นั่นนับว่ายากมากมายนัก เว้นแต่จ้าวปิศาจหกปรารถนาจะกลับมามีชีวิตเท่านั้น

หวังหลินค้นหาตามรายละเอียดของแผนที่มาเจ็ดวัน ในที่สุดเขาก็พบค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณอีกแห่ง สถานที่เต็มไปด้วยอสูรป่าแต่อสูรยุงบินเข้าไปหาพวกมันได้อย่างรวดเร็ว

สิ่งที่ทำให้หวังหลินแทบประหลาดใจก็คือค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้สมบูรณ์ครบถ้วน หลังศึกษามันชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาจึงตกลงบนส่วนหนึ่งของค่ายกลเคลื่อนย้าย

ส่วนนี้ชัดเจนว่าแตกต่างจากส่วนอื่น หวังหลินตกตะลึง เขาตระหนักได้ว่าชิ้นส่วนนี้ถูกเพิ่มมาทีหลังจากคนที่ซ่อมแซมค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณนี้

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย เขาคิดไม่ออกว่าใครจะต้องการซ่อมแซมค่ายกลนี้ เป็นไปได้ว่าเป็นคนที่ต้องการเคลื่อนย้ายไปสู่ทวีปอื่นเช่นเขางั้นหรือ?

ผ่านไปชั่วขณะ หวังหลินเอาชิ้นส่วนบางชิ้นออกจาค่ายกล เขาลังเลเล็กน้อยและทำลายชิ้นส่วนนั้นก่อนจะขึ้นไปบนหลังอสูรยุงจากไป

หวังหลินได้ทำแบบนี้กับอีกสามค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่เรื่องนี้ทิ้งให้เขารู้สึกราวกับก้อนหินหนักทับลงกลางใจ สามค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เขาเข้าไปเยือน สองในนั้นสมบูรณ์ครบถ้วนและทั้งสองแสดงไว้ว่าถูกใครบางคนซ่อมแซมไว้

หากมีเพียงค่ายกลเคลื่อนย้ายเดียวซ่อมแซมไว้นับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายหลายแห่งถูกซ่อมแซมนั่นหมายถึงเกิดอะไรบางอย่างขึ้น

หวังหลินรู้สึกคลุมเครือว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในทะเลปิศาจ สันนิษฐานว่าเหตุผลที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมเพราะมันปกคลุมในต้นพืชพันธุ์ มันไม่ได้เคลื่อนย้ายสู่ตำแหน่งที่ถูกต้อง หรือไม่เช่นนั้นก็ไม่ถูกค้นพบ

หลังนำชิ้นส่วนที่เขาต้องการออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สมบูรณ์ หวังหลินจึงทำลายมัน มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นถึงจะทำให้เขารู้สึกกดดันลดลงเล็กน้อย

ตอนที่หวังหลินรวบรวมวัตถุดิบจากค่ายกลเคลื่อนย้ายได้เพียงพอ ร่างกายพลันหายไปจากจุดนั้น เพียงขณะที่หลังจากหายไป กระบี่เล่มหนึ่งแทงเข้าสู่พื้นตำแหน่งที่หวังหลินพึ่งยืนอยู่

ใบหน้าหวังหลินมืดมัวขณะที่ปรากฎกลางอากาศพร้อมกับจดจ้องชายชุดคลุมสีดำที่อยู่ห่างไป เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกมาเสมอแต่ไม่สามารถสังเกตคนผู้นั้นได้จนกระทั่งอยู่ภายในระยะร้อยฟุตและโยนกระบี่มา กล่าวได้ว่าสัมผัสวิญญาณของหวังหลินทรงพลังเทียบเท่าเซียนขั้นตัดวิญญาณ หากเป็นเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดตามปกติ พวกเขาจะไม่สามารถรับรู้สิ่งใดได้จนเมื่อกระบี่แทงเข้าร่างกายไปแล้ว

หากเซียนผู้นี้มีระดับขั้นตัดวิญญาณนับว่าไม่มีปัญหามากนัก แต่หวังหลินตรวจสอบคนผู้นี้และพบว่าเป็นเพียงขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับกลาง เขาต้องมีวิชาพิเศษบางอย่างเพื่อซ่อนตัวตนจากสัมผัสวิญญาณของหวังหลินได้

ดวงตาหวังหลินเผยเจตนาฆ่าฟัน หากปล่อยให้คนผู้นี้มีชีวิตรอดเช่นนั้นเขาจะต้องอยู่โดยมีความรู้สึกว่ามีใครพร้อมโจมตีเขาตลอดเวลา หวังหลินตัดสินใจว่าต้องสังหารคนผู้นี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขากระตุ้นขอบเขตจวี่โดยไม่คิดว่าจะใช้พลังวิญญาณมากเท่าไหร่ในทันที

ชายชุดคลุมสีดำอายุกลางคน ตัวเล็กนิดหน่อยและมีใบหน้าดูน่าสนใจมาก

หลังเห็นหวังหลินหลบการซุ่มโจมตีของเขาได้จึงนำหินตราประทับออกมาจากกระเป๋า เขาส่งเสียงร้องคำรามและตราประทับเริ่มหมุน มันขยายใหญ่ขึ้นทุกครั้งที่หมุน เมื่อมันมีขนาดเท่าภูเขาขนาดเล็กลูกหนึ่งมันจึงกระแทกลงใส่หวังหลิน

ทว่าขณะที่ส่งตราประทับออกมา ใบหน้าเขาพลันซีดเผือดเมื่อเห็นสายฟ้าแดงในดวงตาหวังหลินและเขาหันกลับหวิ่งหนีทันที

เขากระทั่งทิ้งสมบัติวิเศษของตนเองเพื่อหนี สมบัติวิเศษนั้นโดยไม่มีใครควบคุมมันหดกลับเท่าขนาดฝ่ามือและตกลงพื้นทันที

หวังหลินขมวดคิ้ว ขอบเขตจวี่ของเขาพุ่งออกไปและไล่ตามทันคนผู้นั้น เขาเผยใบหน้าหวาดกลัวมากและกัดฟันแน่น ขณะที่ขอบเขตจวี่พึ่งเข้าไปในร่างกายพลันร่างกายระเบิดออกทันที

ทันใดนั้นพลังของแรงระเบิดส่งคลื่นกระแทกออกมาทุกทิศทาง ใจกลางการระเบิดมีรอยแยกหนึ่งปรากฎขึ้นและวิญญาณเซียนที่ดูอ่อนแออย่างมากหายเข้าไปในนั้น ขอบเขตจวี่ของหวังหลินรีบติดตามมันเข้าไปในรอยแยก

หลังเวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ขอบเขตจวี่ปรากฎตัวและกลับคืนสู่หวังหลิน

ใบหน้าหวังหลินมืดหม่น แม้ว่าขอบเขตจวี่จะสังหารคนผู้นั้นได้ แต่จากใบหน้าเขาดูเหมือนจะรู้จักเรื่องราวของขอบเขตจวี่ ชายคนนั้นกระทั่งรู้จักพลังของการครอบครองขอบเขตจวี่ ดังนั้นจึงยินดีระเบิดร่างกายตนเองเพื่อหลบหนีผ่านรอยแยกในอากาศไป

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะหันกลับและจากไปอย่างรวดเร็ซ นับที่ชายคนนั้นระเบิดร่าง กระเป๋าทั้งหมดของเขาก็หายไปด้วยซึ่งไม่เหลือร่องรอยให้ติดตาม หลังผ่านไปสองสามวันหวังหลินกลับมาที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ปกคลุมด้วยพืชสีแดงและเริ่มซ่อมแซม

ช่วงเวลาระหว่างการซ่อมแซมนี้ ธงกฎเกณฑ์ใช้งานอย่างต่อเนื่อง มีทางนี้เท่านั้นที่จะป้องกันพืชสีแดงไม่ให้ปกคลุมได้อีกครั้ง หลังซ่อมแซมอย่างระมัดระวังไปสามวันในที่สุดหวังหลินก็เสร็จสิ้น

ในเวลาสามวันนี้หวังหลินใช้พลังปราณของตนเองทั้งหมดเพื่อซ่อมแซมค่ายกลเคลื่อนย้าย เมื่อเสร็จสิ้นจึงนั่งลงขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังปราณที่เสียไป หลังฟื้นฟูมาได้จนเต็มจึงวางหินวิญญาณระดับสูงใส่ในรูของค่ายกลเคลื่อนย้าย

หลังรอคอยอยู่นานนักไม่มีปฏิกิริยาอันใด หวังหลินตกตะลึง เขาเปลี่ยนหินวิญญาณระดับสูงไปชิ้นอื่น ทว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จิตใจหวังหลินลดต่ำลง หลังครุ่นคิดเล็กน้อยจึงวางศีรษะตัวเองลงบนรูนั้น เขากัดฟันแน่นและส่งพลังปราณจากร่างกายเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้าย ขณะที่พลังปราณของเขาเข้าไปมันค่อยๆคื่นขึ้นอย่างช้าๆ ถึงอย่างนั้นนับว่ายากนักที่จะเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณโดยใช้พลังปราณของเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดคนเดียว

หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินเริ่มรู้สึกว่าพลังปราณในร่างกายเกือบแห้งเหือดไป เขารีบนำขวดหยกออกมาและเทน้ำข้างในใส่ในปากเพื่อรักษาพลังปราณให้เพิ่มขึ้น

หลังเวลาผ่านไปนานหวังหลินถอนพลังปราณตัวเองออกมาและเริ่มฝึกฝน หลังฟื้นฟูพลังปราณของเขาทั้งหมดจึงเดินไปที่ขอบตะวันออกเฉียงเหนือของค่ายกลเคลื่อนย้าย

ก่อนนี้ตอนที่เขาส่งพลังปราณของตัวเองเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย เขาพยายามกระตุ้นมันแต่เมื่อตรวจสอบว่ามันมีปัญหาตรงไหนกลับพบว่าตอนที่ใส่พลังปราณเข้าไปในขอบตะวันออกเฉียงเหนือเขาสัมผัสได้ว่าพลังปราณจำนวนมากกระจายไปตรงนั้น

จึงเข้าใจว่าปัญหาคืออะไร

เขานำชิ้นส่วนนั้นของค่ายกลเคลื่อนย้ายมา กระโดดขึ้นไปบนอากาศและรับธงกฎเกณฑ์มาด้วย ค่ายกลเคลื่อนย้ายใกล้ๆนั้นเขาได้เอาชิ้นส่วนออกหมดแล้วดังนั้นจึงค้นหาค่ายกลโบราณให้กว้างขึ้น

หวังหลินพุ่งเข้าหาค่ายกลโบราณแห่งหนึ่งที่ห่างไปแปดวัน ในวันที่สี่เขาผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายหนึ่งที่ถูกนำชิ้นส่วนออกไปก่อน หวังหลินไม่ได้ให้ความสนใจมันแต่ขณะที่กำลังจะจากไป ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นพลันส่องแสง หวังหลินหยุดลงและดวงตาสว่างขึ้นเมื่อมองไปที่ค่ายกล ทว่าเนื่องค่ายกลได้รับความเสียหายหนัก แสงจึงค่อยๆจางลง

หวังหลินไม่ถอนสายตาออกจนกระทั่งแสงจางหายไปหมด เห็นได้ชัดว่าเหตุผลที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้นเป็นเพราะที่ไหนสักที่หนึ่งห่างไกลมีคนกระตุ้นค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อเดินทางมาที่นี่ ทว่าเนื่องจากค่ายกลได้รับความเสียหายหนักมันจึงไม่ถูกใช้งาน

สัมผัสอันตรายในใจหวังหลินยิ่งรุนแรงขึ้น เขาสูดหายใจลึกและผลักมันออกจากความคิด แม้ว่าหวังหลินจะรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นตอนนี้มันไม่สำคัญเพราะเขาไม่ม่มีความสามารถที่จะหยุดมัน สิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดเขาตอนนี้คือค้นหาค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเพื่อแยกชิ้นส่วนและนำไปซ่อมที่เขาจำเป็นต้องใช้เท่านั้น

เขาใช้ความเร็วสูงสุดและเหาะเหินเข้าหาค่ายกลเคลื่อนย้ายถัดไป

ในวันที่แปดก็มาถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ระบุไว้ในแผนที่ เพียงมองครั้งเดียวหวังหลินรู้สึกกระปรี้กระเป่า ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้อยู่ในเงื่อนไขที่สมบูรณ์เช่นกัน

หวังหลินไม่ลังเลเลยแต่ขณะที่กำลังเอาชิ้นส่วนออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ มันพลันสว่างขึ้น เสาแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและร่างผู้คนเป็นภาพไม่ชัดเจนปรากฎในค่ายกลเคลื่อนย้าย

เจตนาฆ่าฟันอันทรงพลังปรากฎพร้อมกับคนพวกนี้ขณะที่ร่างพวกเขายิ่งเด่นชัดขึ้นอย่างรวดเร็ว

หวังหลินคว้าชิ้นส่วนที่มุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือทันทีซึ่งเกือบเป็นเวลาเดียวที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายส่องแสง พลังปราณพุ่งพล่านในร่างกายเพื่อบังคับถอดชิ้นส่วนนั้นออกมา

ขณะที่เขาดึงชิ้นส่วนออก เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากหนึ่งในร่างพวกนั้น “หยุดนะ!”

ไม่เพียงแต่หวังหลินไม่หยุดแต่เขายิ่งรวดเร็วกว่าเดิมและดึงชิ้นนั้นออกมา จากนั้นเขาเงยศีรษะขึ้นและจ้องร่างพวกนั้นอย่างเยือกเย็นขณะที่พวกเขาหายไปกับแสงไฟ หากเขาหยุดจริงๆเช่นนั้นคนพวกนั้นคงมาถึงอย่างสมบูรณ์ และต้องการสังหารเขาอย่างแน่นอน นับที่กลุ่มนั้นกล้าบุกรุกทะเลปิศาจ พวกเขาต้องมีเซียนขั้นตัดวิญญาณอยู่ด้วยแน่

ในขณะนั้นค่ายกลโบราณเกือบทั้งหมดในทะเลปิศาจส่องสว่างพร้อมๆกัน ไม่ใช่ทั้งหมดที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่มีชายชุดดำป้องกันไว้เท่านั้น มีเพียงพื้นที่สำคัญไม่กี่แห่ง ขณะที่คนเหล่านี้มาถึงในทะเลปิศาจ พวกเขาปลดปล่อยจิตสังหารอันน่ากลัว

ส่วนค่ายกลเคลื่อนย้ายที่หวังหลินอยู่ก็มีชายชุดคลุมเช่นกัน ทว่าเขาถูกหวังหลินสังหารไปเรียบร้อยแล้ว

ทะเลปิศาจตกอยู่ในความโกลาหลอย่างสิ้นเชิง ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในบรรยากาศจนที่สุดก็ระเบิดออกมา แคว้นทั้งสี่แห่งร่วมมือกันโจมตีทะเลปิศาจและส่งเซียนนับหมื่นผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ ศึกใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้นในทะเลปิศาจ

เมือง 999 เมืองในทะเลปิศาจกลายเป็นสนามรบโลหิตอย่างรวดเร็ว

หวังหลินเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทันทีขณะที่เห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายซ่อมแซมสมบูรณ์และชายชุดดำป้องกันไว้ หลังจากเขาเห็นร่างพวกนั้นในค่ายกลเคลื่อนย้ายจึงมั่นใจมากกว่าเดิม

หวังหลินรู้สึกว่าเขาต้องรีบออกจากทะเลปิศาจให้เร็วที่สุด ขณะที่เหาะเหินเขาสัมผัสชิ้นส่วนที่จำเป็นต้องใช้และสูดหายใจลึก

ไม่กี่วันผ่านไปหวังหลินกลับมาที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายและวางชิ้นส่วนนั้นไว้ตำแหน่งเดิม เขามองทะเลปิศาจและวางหินวิญญาณระดับสูงเข้าไปในรู

วงแหวนแสงปรากฎขึ้น เมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายเปิดออก หวังหลินส่งผนึกเข้าไปทำให้กฎเกณฑ์ทั้งหมดบนธงกฎเกณฑ์ระเบิดออกไปข้างนอก ธงกฎเกณฑ์ขจัดพื้นที่ในบริเวณออกอย่างรวดเร็วทิ้งไว้แต่ของเหลวสีแดงบนพื้น

ค่ายกลเคลื่อนย้ายเปิดขึ้นได้สำเร็จและร่างหวังหลินเริ่มหายไปอย่างช้าๆ ขณะที่เขากำลังหายไปพลันสะบัดแขนและธงกฎเกรฑ์กลับเข้าหาเขา

หลังหายไปตัวไปของเหลวสีแดงปกคลุมค่ายกลเคลื่อนย้ายทันทีและพืชสูงสิบกว่าฟุตเริ่มเติบโต พืชพวกนี้มีมากเกินไปทำให้เกิดเสียงรอยร้าวขึ้น ค่ายกลเคลื่อนย้ายเริ่มแตกและยิ่งพืชพวกนี้เติบโตยิ่งมีรอยแตกเพิ่มขึ้น

ถึงจุดนี้ แม้กระทั่งมีแผนที่ก็ยากจะบอกว่าสถานที่แห่งนี้มีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณอยู่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!