232. ฝักกระบี่
ชายชราได้ยินคำพูดของหวังหลินพลันตกใจ เขาหันกลับมาและเห็นสายฟ้าแดงหลายเส้นหลายแถว นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นในชีวิต
ขอบเขตจวี่พุ่งออกและทำลายร่างกายชายชราในทันที ขณะที่วิญญาณเซียนของเขากำลังจะหนี ฝ่ามือหวังหลินกระแทกลงหน้าอกชายชรา คลื่นพลังปราณเข้าไปในร่างกายเขาพร้อมกับกักขังวิญญาณเซียนไว้ภายใน ชายชราทำได้เพียงมองหวังหลินนำวิญญาณเซียนออกมาและกลืนกินไป
สายตาของคนทั้งสี่คนที่ซ่อนอยู่ในแอ่งน้ำ หวังหลินตอนนี้เป็นราวกับมารร้าย สังหารคนเพื่อวิญญาณเซียนจากนั้นกลืนกินตรงๆเป็นเรื่องที่แย้งกฎความเชื่อปกติโดยสิ้นเชิง
กล่าวได้คนพวกนี้ทั้งหมดคือเซียนมาร พวกเขาเห็นหลายคนสังหารเพื่อวิญญาณเซียนมามากแต่ไม่เคยเห็นใครกลืนกินตรงๆเลยสักคนเดียว ดังนั้นจึงรู้สึกได้ว่าหวังหลินคือเซียนมารตัวจริง
สี่คนที่ซุ่มโจมตีหวังหลินทั้งหมดต่างสั่นสะท้าน พวกเขารีบหนีออกจากแอ่งน้ำและหลบหนีในทิศทางแตกต่างกัน
นับที่พวกเขาตัดสินใจสร้างปัญหาให้หวังหลิน หวังหลินใช้ขอบเขตจวี่ไล่ทันทั้งสี่คนและสังหารพวกเขาทันทีโดยที่ตนเองไม่ได้เคลื่อนไหวเลย
หวังหลินใช้พลังวิญญาณจำนวนมากในการใช้ขอบเขตจวี่เพื่อสังหารคนห้าคนในครั้งเดียว เขาคว้าวิญญาณเซียนของคนทั้งสี่และกลืนกินอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์เทพโบราณดูดซับวิญญาณเซียนไปด้วยกัน หวังหลินจึงเติมเต็มพลังวิญญาณและกระทั่งเพิ่มระดับฝึกตนขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนั้นหวังหลินรวบรวมกระเป๋าทั้งหมดและเปิดทีละใบ อันดับแรกหวังหลินตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าหยกแผนที่ยังอยู่ดีและไม่เสียหาย แม้ว่าจะมีสมบัติวิเศษบางส่วนหลงเหลือในกระเป๋า แต่นี่เป็นสิ่งเดียวที่หวังหลินให้ความสนใจ
ขณะที่เขาเห็นของสิ่งหนึ่ง อารมณ์ของเขาสั่นไหวพร้อมกับพลังปราณ ชั่วขณะผ่านไปเขาสงบจิตใจลงเมื่อจ้องของในฝ่ามือ มันเป็นฝักกระบี่
ฝักกระบี่ที่ดูธรรมดา!
ฝักกระบี่ปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณ!
หวังหลินสูดหายใจลึกและมองมันอย่างละเอียดเล็กน้อย เขาประหลาดใจ ฝักกระบี่นี้ดูเหมือนกับที่เขาเคยมีเมื่อก่อนแต่เขารู้ว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่อันเดียวกัน
ฝักกระบี่จากคราวนั้นถูกหวังหลินหลอมด้วยแกนพลังเย็น ดังนั้นหากเขาถือมันไว้อีกครั้งเขาจะรู้ได้ทันที แม้ว่าฝักกระบี่นี้จะดูเหมือนกันแต่หวังหลินรู้ว่ามันไม่ใช่อันเดียวกัน
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หวังหลินมั่นใจว่ามันไม่ใช่เพราะหวังหลินใช้ฝักกระบี่นั้นหลายครั้ง เขารู้ว่ามันมีรอยแกะสลักประหลาดตรงกลางฝัก
แม้ว่าฝักนี่จะมีรอยแกะสลักเช่นกันแต่มันไม่เหมือนกัน
หลังเขาขบคิดเล็กน้อยหวังหลินตบกระเป๋าและนำกระบี่เหินธรรมดาออกมาจากนั้นค่อยๆใส่มันเข้าไปช้าๆ
เมื่อมันเข้าไปสามในห้าส่วน พลันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันแข็งแกร่งป้องกันกระบี่ไม่ให้เข้าไปได้อีก ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นเขาใช้พลังปราณบางส่วนและผลักกระบี่เข้าไปสี่ในห้าส่วน
ใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันมหึมาออกมาจากฝัก หวังหลินโยนกระบี่และฝักกระบี่ทิ้งไปโดยไม่ลังเลทันที กระบี่ผลักออกไปและกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ออกมาพร้อมกับจิตสังหารจากฝักกระบี่ขนาดใหญ่
ขณะนั้นท้องฟ้าพลันมืดครึ้มและแอ่งน้ำลึกขยายออกหลายร้อยเมตรเบื้องล่างหวังหลิน
หวังหลินศีรษะมึนชา มองฝักกระบี่และสูดหายใจลึกจากนั้นเก็บฝักกระบี่ใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวังและไม่กล้าเตะต้องมันอีก
ด้วยระดับฝึกตนของเขาตอนนี้จึงสามารถเห็นเจตนาฆ่าฟันอันมหาศาลที่ถูกผนึกไว้ในฝักกระบี่ได้อย่างง่ายได้ ตอนที่เขาฝืนบังคับกระบี่เข้าไปมันปลดปล่อยออกมาเล็กน้อย แต่เพียงแค่เล็กน้อยที่ปลดปล่อยออกมานั้นทำให้หวังหลินไม่อาจจินตนาการได้ถึงพลังที่กระบี่ถือครองอยู่
ซึ่งทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าฝักกระบี่ไม่ใช่อันเดียวกับอันเมื่อก่อนของเขา
ฝักกระบี่เมื่อก่อนนั้นมีความสามารถในการเพิ่มความแข็งแกร่งของกระบี่เหิน ความแตกต่างจากการใส่เข้าไปหนึ่งในห้าส่วนจนถึงสามในห้าส่วนนับว่าใหญ่มาก
หลังขบคิดชั่วครู่หวังหลินเริ่มอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฝักกระบี่ เขารู้สึกได้ว่ามันอาจจะมีฝักกระบี่เช่นนี้มากกว่าสองชิ้น
ข้างในภูเขาไฟแห่งหนึ่งในแคว้นฮัวเฝิน ภูเขาไฟนี้ได้เปลี่ยนจากภูเขาไฟปะทุไปเป็นภูเขาไฟสงบไปแล้วโดยเหล่าเซียน มันจึงไม่มีลาวาหลงเหลืออยู่เลย
ข้างในมีห้องเล็กห้องใหญ่หลายห้องและทุกๆห้องมีเซียนอยู่หนึ่งคน
คนเหล่านี้เป็นผู้รอดชีวิตจากการทำลายแคว้นฮัวเฝิน
ก่อนหน้านั้นฮัวเฝินถูกแคว้นซวนหวู่โจมตีพร้อมกับเหล่าแคว้นอื่นๆ สี่สำนักหลักต่างถูกขับไล่และนั่นก็เป็นตอนที่ลี่มู่หวานถูกบังคับให้ออกจากบ้านของนาง
ภายใต้ภูเขาไฟแห่งนี้มีสิ่งก่อสร้างสมบูรณ์อยู่แห่งหนึ่งคือเจดีย์เทพโบราณ ซึ่งรับเหล่าเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดไว้หลายคนตอนที่พวกเขาถูกโจมตี
เจดีย์มีเหล่าบรรพชนของเจดีย์เทพโบราณหลงเหลือไว้นับไม่ถ้วนและวิชาหลากหลายแขนง
ขณะนี้เองในเหล่าห้องผลึกหลายห้องนี้มีหนึ่งห้องเรืองแสงขึ้น ทันใดนั้นมือเหียวย่นชูชึ้นและร่างกายซูบผอมเดินออกมาจากห้อง
หลังเดินออกมาเขากดไปบนพื้นด้วยมือขวา ทันใดนั้นพลังงานสีเขียวที่รวบรวมมาจากทั้งเจดีย์เข้าสู่ร่างกายเขา ในไม่นานนักร่างกายเริ่มฟื้นฟูกล้ามเนื้อและผิวหนัง
หลังจากนั้นชายหนุ่มเปล่งประกายบรรยากาศน่าขนลุกได้ปรากฎตัวขึ้น
คนผู้นี้ดูหล่อเหลามากแต่แฝงด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย ดวงตาเผยแสงเก่าแก่ขณะที่ค่อยๆคืนสติช้าๆ
เขาขบคิดชั่วขณะและพึมพำ “สามพันปีที่ข้ารักษาตัวในที่สุดระดับฝึกตนก็คืนมาได้สามส่วน” เขากำหมัดมือขวาพลันขมวดคิ้วและพูดกับตัวเอง “เกือบเท่ากับขั้นแปลงวิญญาณ แม้ว่ามันยังไม่พอแต่ด้วยการช่วยเหลือของแผ่นดาราก็ควรจะหนีออกจาดดาวเคราะห์นี้ได้ การฟื้นตัวของข้าจะเร็วมากหากข้ากลับไปที่ดาวเคราะห์บ้านเกิด”
เขาสูดหายใจลึกและตบกระเป๋าข้างเอว แต่ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นประหลาดใจทันทีเมื่อพบว่าไม่มีอะไรอยู่ เขามองไปที่กระเป๋าข้างเอวและตกตะลึง ชั่วขณะนั้นใบหน้ามืดหม่น
เขาสะบัดแขนโดยไร้คำเอ่ยและม่านผลึกปรากฎเบื้องหน้า รูปภาพบนม่านเคลื่อนไหวจนหยุดที่ขณะหนึ่ง
ฉากนี้แสดงให้เห็นชัดว่าหวังหลินเข้ามาในห้องนี้และเก็บกระเป๋าไป
ชายหนุ่มจ้องไปที่หวังหลินในรูปภาพ เขาหลับตาและกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาพลันสัมผัสได้ถึงพลังปราณผันผวนจากกระเป๋าของเขา
เขาลืมตาขึ้นและร่างกายหายไปจากห้อง พลันปรากฎตัวในท้องฟ้าเหนือทะเลปิศาจและร้องตะโกน “วิชาค้นหาวิญญาณภูติ!”
ทันใดนั้นแสงสีเขียวนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างกาย แสงสีเขียวแต่ละเส้นเปลี่ยนเป็นรูปทรงเดียวกับชายหนุ่มและกระจายตัวออกไป
ร่างชายหนุ่มหายวับไปในแสงกระพริบ
ส่วนหวังหลินที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่บนอสูรยุง เขากำหินหยกในมือไว้ หินหยกชิ้นนี้เป็นชิ้นที่มีแผนที่
หวังหลินร้อนใจมาก เขาหวังว่าจะสามารถเพิ่มความเร็วไปได้ถึง 10 ถึง 100 ถึง 1000 เท่า เขาหวังว่าจะกลับไปแคว้นจ้าวได้ในทันที
แต่ความจริงนับว่าโหดร้ายมาก หลังจากได้แผนที่มาจึงพบว่าเขาอยู่ไกลจากแคว้นจ้าวอย่างมาก หากเขาอาศัยการบินมันจะทำให้เขาใช้เวลาหลายปีกว่าจะถึงแคว้นบ้านเกิด
นี่ไม่ใช่สิ่งที่หวังหลินต้องการ เช่นนั้นหมายถึงเขาต้องใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ ยังดีที่แผนที่มีรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับค่ายกลเคลื่อนย้ายไว้ ดังนั้นหลังจากใช้เวลากับมันสักพักหวังหลินจึงวางเส้นทางให้ตัวเองกลับไปแคว้นจ้าวได้
เส้นทางนี้เขาต้องผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณสามครั้ง
หนึ่งในทะเลปิศาจและอีกสองอยู่ในทวีปจ้าว
ทิศทางที่หวังหลินกำลังมุ่งหน้าไปคือทิศทางของค่ายกลเคลื่อนย้าย แผนที่ได้บอกว่าความสมบูรณ์ของค่ายกลเคลื่อนย้ายไม่ได้สูงมากแต่ยังใช้งานได้ ทว่าหวังหลินไม่แน่ใจเรื่องอายุของข้อมูลแผนที่นี้ว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายยังอยู่ดีหรือมันยังใช้ได้อยู่หรือไม่
ด้วยคำถามนี้ในหัว หวังหลินจึงสั่งการให้อสูรยุงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งนี้อยู่ที่ขอบของทะเลชั้นใน ดังนั้นเขาจึงข้ามอสูรจำนวนมากระหว่างทาง หวังหลินเผชิญหน้ากับอสูรป่าระดับสูงหลายตัวและกระทั่งอสูรเดียวดายสักตัวหนึ่ง
ยังดีที่สัมผัสวิญญาณของเขาแข็งแกร่งทรงพลังจึงสามารถตรวจจับพวกมันล่วงหน้าและอ้อมไปได้ตลอดเวลา
หนึ่งเดือนผ่านไปหวังหลินไม่หยุดเดินทาง ในที่สุดเขาก็มาถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ เบื้องล่างเขาเป็นที่ราบเต็มไปด้วยพืชใต้น้ำนับไม่ถ้วน หลังจากถูกฝนดำหล่อเลี้ยง พืชพวกนี้จึงพัฒนาการกลายเป็นอสูรและพลังโจมตีของพวกมันนับว่าเพิ่มขึ้นมหาศาล
พวกมันยืดใบสีแดงออกมาและสบัดไปมา มองจากข้างบนพวกมันน่ารักมากแต่หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกและพบกองกระดูกจำนวนมหาศาลใต้พืชพวกนี้ มีทั้งของเซียนและเหล่าอสูร
หวังหลินครุ่นคิดชั่วขณะ เมื่อกระจายสัมผัสวิญญาณออกเขาพบค่ายกลเคลื่อนย้าย จึงกระโดดออกจากหลังอสูรยุงและมาถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณในพริบตา
หวังหลินขมวดคิ้ว มีใบสีแดงเติบโตขึ้นที่นี่จำนวนมาก ไม่เพียงแต่พวกมันปกคลุมส่วนของค่ายกลเคลื่อนย้าย บางต้นยังปักหลักที่โคนของค่ายกลเคลื่อนย้ายอีก นี่แปลว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายต้องได้รับความเสียหายบางส่วนแน่
ดวงตาสว่างขึ้น เขาสะบัดแขนและกระบี่ดำลอยออกมาราวกับสายฟ้าสีดำพุ่งเข้าใส่พืช ทุกครั้งที่ตัดต้นพืชไป พวกมันจะคายของเหลวสีแดงโลหิตออกมา ในไม่ช้าทั้งพื้นดินถูกปกคลุมจนหมด