252. สมบัติวิเศษ
ร้านที่หวังหลินเช่าไม่ได้อยู่บนถนนหลักแต่เป็นด้านข้าง หากไม่มองหามันคงยากนักที่จะหาเจอ แต่หวังหลินไม่คิดมาก คืนหนึ่งของการฝึกฝนผ่านพ้นไป สารสีแดงรอบตัวหวังหลินควบแน่นมากยิ่งขึ้น
เมื่อตอนเช้ามาถึงหวังหลินเปิดประตูของร้าน เฉกเช่นคนทั่วไป เขาทำความสะอาดหลังจากนั้นเคลื่อนร่างหายไปจากร้าน
ตอนกลับมา เขาถือต้นไม้ใหญ่สองสามต้นที่ถูกดึงมาพร้อมกับราก
หวังหลินทำความสะอาดเปลือกต้นไม้และเปลี่ยนมันเป็นท่อนไม้ เขาเริ่มนึกถึงสมัยยังเด็กตอนที่พ่อสอนวิธีการแกะสลัก
ความทรงจำเหล่านี้ค่อยๆเติมเต็มจิตใจเขา หวังหลินครุ่นคิดเป็นพักใหญ่จากนั้นคว้าท่อนไม้รูปทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมา เพียงพัดออกอย่างเบามือ ท่อนไม้สี่เหลียมถูกตัดออกเป็นสิบชิ้น
ขณะที่หวังหลินแกะลัก เขาดูเหมือนจะค่อยๆเข้าใจสิ่งที่หายไปเมื่อสี่ร้อยปีก่อน การลากเส้นทุกเส้นของเขาดูเหมือนจะย้อนไปในวัยเด็ก กลับไปตอนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ
ชั่วขณะนั้นพลังปราณในร่างหวังหลินเริ่มเคลื่อนไหว มันฝังแน่นเข้าไปในรูปปั้นที่เขากำลังแกะสลัก
วันเวลาผ่านไปและกลางคืนมาถึงอีกครั้งตอนที่หวังหลินเริ่มรู้สึกตัว เขามองดูท่อนไม้ในฝ่ามือ ท่อนไม้กลายเป็นไม้แกะสลักที่เป็นรูปร่างชายวัยกลางคนประทับด้วยรอยยิ้ม
ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมหยาบๆและฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเส้นขรุขระ
แม้ว่าไม้แกะสลักชิ้นนี้ไม่ละเอียดมากแต่มันดูเหมือนมีชีวิต คลื่นพลังปราณปลดปล่อยออกมาจากการแกะสลัก ขณะที่หวังหลินเริ่มสลักนั้นเขาเริ่มรู้สึกเจ็บปวดในใจ
ฝ่ามือขวาค่อยๆลูบไม้แกะสลักพร้อมกับพึมพำ “ท่านพ่อ ลูกคิดถึงท่านเหลือเกิน…”
หลังครุ่นคิดพักใหญ่ หวังหลินเลื่อนไม้แกะสลักไว้ด้านข้าง เขาหยิบไม้อีกท่อนนึงขึ้นมาและเริ่มแกะสลักอีกครั้งสุดหัวใจทีละเส้น
กลางคืนเริ่มหนาวเย็นแต่การไม่หลับหนึ่งวันไม่มีผลอะไรต่อหวังหลิน ตอนที่เขาถูกไล่ล่ายังเคยวิ่งมาแล้วหลายวัน
เมื่อดวงอาทิตย์ผุดขึ้น งานสลักที่หวังหลินกำลังทำเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ไม้แกะสลักนี้เป็นรูปร่างหญิงสาววัยกลางคน ดวงตานางเมื่อมองไกลๆแล้วราวกับกำลังรอคอยเด็กน้อยของตัวเองกลับมา
หวังหลินวางไม้แกะสลักสองตัวต่อกันและถอนหายใจยาวขณะหยิบไม้อีกชิ้นขึ้นมาแกะสลัก
วันเวลาค่อยๆผ่านไปอย่างเชื่องช้า หวังหลินแกะสลักไปเรื่อยๆและพักเพียงเล็กน้อยตอนที่เหนื่อยสุดๆ
ในพริบตาหนึ่งเดือนก็หายผ่าน จำนวนสิ่งของในร้านหวังหลินค่อยๆเพิ่มขึ้น ชั้นวางข้างกำแพงเต็มไปด้วยไม้แกะสลักที่ดูราวกับมีชีวิตชีวา มีทั้งบุรุษและสตรี คนหนุ่มและคนแก่ ทั้งหมดแสดงหลากหลายท่าทาง
ไม้แกะสลักทั้งหมดนี้คือคนในหมู่บ้านที่หวังหลินเกิดทั้งหมด ในอีกทางหนึ่งหวังหลินได้ฟื้นฟูพวกเขาขึ้นมา
ในเดือนนี้หวังหลินไม่มีลูกค้าเพียงสักรายแต่เขาไม่คิดอะไรมากขณะดื่มดำไปกับการแกะสลัก หวังหลินกระทั่งหยุดการฝึกฝนเซียน
วันหนึ่งหวังหลินถือไม้แกะสลักที่เสร็จไปครึ่งนึงในมือ ไม้แกะสะสลักนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายต้นกำเนิดโดยไม่รู้เหตุผล หากเซียนคนใดจากทะเลปิศาจมาเป็นไม้แกะสลักนี้พวกเขาจะนึกออกได้ทันทีว่ามันคือมังกรตัวหนึ่ง
มังกรตัวนี้คืออสูรวิญญาณตัวแรกที่หวังหลินพบตอนที่อยู่กับลี่มู่หวาน
ขณะที่หวังหลินกำลังแกะสลัก เสียงกระดิ่งบนประตูถูกเปิดขึ้น เด็กหนุ่มรูปร่างแข็งแกร่งเดินเข้ามาข้างในอย่างระมัดระวัง
เด็กหนุ่มเห็นหวังหลินจึงตกใจแต่กลับมาเป็นปกติทันทีหลังจากเห็นของแกะสลักในห้อง พลันถามขึ้น “นี่ลุงแกะสลักทั้งหมดเลยหรือ? พวกมันสวยงามมาก! ท่านให้ข้าสักชิ้นได้ไหม?”
หวังหลินยิ้มและคว้าไม้แกะสลักหนึ่งชิ้นจากชั้นวางใส่ในมือเขา ไม้แกะลักนี้คือคนผู้หนึ่ง คนที่หวังหลินคุ้นเคยมากด้วยชื่อหวังเฮ่า
เด็กหนุ่มเบื้องหน้าเขามองดูช่างคล้ายกับหวังเฮ่าเมื่อก่อน
หลังจากได้รับไม้แกะสลัก เขาโห่ร้องพลันถือมันในมือเหมือนกับสมบัติชิ้นหนึ่งและพูดกับหวังหลินด้วยน้ำเสียงเริงร่า “ขอบคุณนะลุง! ข้ามาจากร้านเหล็กอีกฝั่งถนน ลาก่อนนะ!” เช่นนั้นเขาวิ่งออกไปจากร้านและตะโกนว่า “ท่านแม่! ดูสิ! ลุงคนนั้นให้นี่มา!”
หวังหลินยืนขึ้นและเดินไปที่ทางเข้าร้าน เขาเห็นหนึ่งชายหนึ่งหญิงออกมาจากร้านอีกฝั่งถนน ทั้งสองมองเด็กชายด้วยความรักและเอ็นดู ชายคนนั้นถือไม้แกะสลักและแววตาเปล่งประกาย พลันเดินเข้าหาหวังหลินพร้อมกับไม้แกะสลักชิ้นนั้น “น้องชาย เด็กๆยังไม่รู้เรื่องดี ไม้แกะสลักชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่?”
หวังหลินส่ายศีรษะและเอ่ยตอบ “ข้าให้มันกับเขา มันเป็นเพียงเศษไม้เท่านั้น”
พ่อของเด็กหนุ่มลังเลเล็กน้อย เขามองหวังหลินและยิ้ม “เจ้าพึ่งมาถึงที่นี่ถูกไหม? ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน”
หวังหลินยิ้มและพยักหน้า
พ่อของเด็กหนุ่มยิ้มและเอ่ยว่า “น้องชาย หากเจ้าไม่คิดอะไร เข้ามาทานอาหารสักมื้อสิ ข้ามีเหล้าผลไม้ทำเองที่ดียิ่งกว่าในร้านอาหารพวกนั้นเสียอีก”
หวังหลินรู้สึกประหลาดใจมาก นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสในสี่ร้อยปี หลังจากลังเลเล็กน้อยจึงพยักหน้า
แม่ของเด็กหนุ่มเป็นคนใจดีมาก แม้ว่านางจะยังเยาว์วัยแต่นางมีความอดทนสูงและอ่อนโยนมาก จากที่ดูพวกเขา หวังหลินบอกได้ว่าพวกเขาเป็นครอบครัวที่มีความสุขจริงๆ
ลูกพวกเขาน่ารักและทั้งคู่ต่างรักกันและกัน
ภายในร้านเหล็กมีโต๊ะสี่เหลี่ยมพร้อมกับจานทำเองอยู่ไม่กี่ใบ แม้หวังหลินจะไม่จำเป็นต้องกิน เขายังหยิบตะเกียบและเกินเพียงไม่กี่คำ
เมื่อเหล้าผลไม้ทำเองที่ชายคนนั้นภูมิใจถูกดื่มขึ้นมาในมื้ออาหารนี้ จิตใจหวังหลินสงบยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับกองคาราวาน พลังปราณในร่างกายเคลื่อนไหวในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
เหล้านี้เป็นเหล้าที่เยี่ยมสมชื่อจริงๆ รสชาติของมันยังค้างอยู่ในลำคอ
นับตั้งแต่วันนี้ ของสำคัญสิ่งใหม่เข้ามาในชีวิตหวังหลินก็คือเหล้าผลไม้ เด็กหนุ่มเข้ามาดูหวังหลินแกะสลักเกือบทุกวันและทุกครั้งที่เขามาก็จะนำเหล้าผลไม้มาไหหนึ่ง
ร้านของหวังหลินค่อยๆเต็มไปด้วยไม้แกะสลักและส่วนใหญ่คือพวกสัตว์อสูร หวังหลินแกะสลักอสูรทั้งหมดที่เขาเคยเจอในเวลาสี่ร้อยปีที่ผ่านมา ทว่าไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถสลักอสูรระดับสูงและอสูรเดียวดายได้สำเร็จสักที
มีพลังปราณจำนวนมากรวบรวมไว้ในไม้แกะสลักแต่ละชิ้น คนธรรมดาไม่สามารถรู้สึกได้แต่เซียนคนใดที่ผ่านเข้ามาพวกเขาต่างตกใจ
นั่นเป็นเพราะพลังปราณที่อยู่ในไม้แกะสลักเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสมบัติวิเศษระดับต่ำเลย บางชิ้นยังมีพลังปราณเทียบได้กับสมบัติระดับกลางเสียด้วยซ้ำ
แล้วมันยังนับว่าเป็นไม้แกะสลักได้อย่างไรเล่า? ของพวกนี้คือสมบัติวิเศษที่สร้างจากสิ่งไร้ประโยชน์อย่างชัดเจน