Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 358

Cover Renegade Immortal 1

358. ซือถูหนาน

“แคว้นเฉว่ยี่…” หวังหลินเดินออกจากภูเขาอย่างสงบนิ่งและเห็นชายหนุ่มสวมชุดสีฟ้ารออยู่ข้างนอก แม้ว่าเขาจะไม่หล่อมากแต่ชุดสีฟ้าทำให้เขาดูเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม

แววตาเขาสดใสและผิวกายดูเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง เพียงแค่เขายืนตรงนี้ดูเหมือนความอบอุ่นถูกพัดพาออกไปด้วยสายลมเย็นๆแล้ว

หลังเห็นหวังหลินออกมา สายตาเขาพลันกระพริบวาบ คำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้น “เซิ่งหนิว ส่งพัดขนนกมา”

หวังหลินชำเลืองมองชายหนุ่ม ระดับของคนผู้นี้คือขั้นตัดวิญญาณระดับกลาง หวังหลินนำพัดที่เหลือขนนกสองเส้นโยนไปด้านข้าง ส่วนด้านล่างของขนนกติดอยู่กับภูเขาด้านล่าง ส่วนบนของมันยื่นออกมาพัดไปตามสายลม

บุรุษหนุ่มพุ่งเข้าไปทางภูเขาทันที

หวังหลินสัมผัสกระเป๋าและนำกระดิ่งสองชิ้นออกมา กระดิ่งทั้งสองสั่นเบาๆและคลื่นเสียงเริ่มพัดกระจายออกไป

เหลียวฟ่านพ่นลมหายใจ ฝ่ามือขวาสร้างผนึกและแสงสีขาวกระพริบวาบหนึ่งครา ใบมีดน้ำแข็งหลายชิ้นปรากฎขึ้นทันใด คมมีดน้ำแข็งลอยเข้าหาหวังหลินภายใต้การควบคุมของเขา

หวังหลินหัวเราะ แทนที่จะถอยกลับเขาพลันพุ่งเข้าหาและโยนกระดิ่งสองชิ้นออกไป มันขยายใหญ่ขึ้นและเริ่มส่งเสียง

คมมีดกระบี่ปรากฎรอยร้าวทันทีและแตกกระจายในไม่ช้า ขณะที่เสียงกระดิ่งดังสะท้อน รอยร้าวกระทั่งปรากฎบนภูเขาเบื้องล่าง

สีหน้าเหลียวฟ่านยังคงเดิม เขาได้ยินความแข็งแกร่งของหวังหลินมาแล้ว ภารกิจของเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเอาสมบัติแต่เพื่อมาสอดแนม

เมื่อเขาร่อนลงมาถึง ฝ่ามือสร้างผนึก แววตาพลันเยือกเย็นและส่งผนึกออกไปเบื้องหน้า แสงสีขาวพลันเปล่งประกายจากร่างกายและเกิดเป็นภาพมายาเบื้องหน้าเขา ภาพมายายนี้ไม่ใช่ภาพของเซียนเฉว่ยี่ธรรมดาแต่เป็นผู้เฒ่าคนหนึ่งนั่งอยู่ในท่านั่งดอกบัว

หลังรูปภาพผู้เฒ่าถูกสร้างขึ้น เขาจึงลืมตา

แววตาหวังหลินสว่างวาบและส่งลำแสงพลังปราณเขาหากระดิ่ง กระดิ่งเริ่มหมุนและกระแทกเข้าหากันและกัน

นี่คือหนึ่งในสมบัติที่หวังหลินใช้เวลาศึกษาค้นคว้าเป็นเวลานาน

ขณะที่กระดิ่งหมุนและกระแทก เสียงสะท้อนยิ่งดังมากขึ้น เหลียวผ่านถูกดันถอยกลับไปหลายฟุตก่อนจะจ้องกระดิ่งและร้องตะโกน “ฆ่า!”

ภาพร่างผู้เฒ่ายกมือขึ้นและชี้ไปที่หวังหลิน ทั้งภาพแปรเปลี่ยนเป็นควันและพุ่งเข้าใส่หวังหลินรวดเร็วดั่งสายฟ้า

ร่างหวังหลินหายวับไปด้วยเคลื่อนที่พริบตาและปรากฎตัวอีกทีกลางท้องฟ้า ควันที่สร้างจากภาพนั้นดูเหมือนมีชีวิตด้วยตัวเองและติดตามเขาไป

“เซิ่งหนิว หากเจ้าแข็งแกร่งเพียงแค่นั้น เช่นนั้นก็จงตายซะ!” เหลียวฟ่านจ้องหวังหลินและเยาะเย้ย เขานำนาฬิกาทองแดงออกมา

มีสัญลักษณ์ 12 ตัวบนนาฬิกานี้ พวกมันแสดงถึงเดือนทั้งหมด 12 เดือนในซูซาคุ มีเส้นเล็กๆจำนวนมากที่แสดงถึงวันในแต่ละเดือน

เขาตีเข้าใส่นาฬิกาและมันเริ่มหมุน สัญลักษณ์แสดงถึงเดือนสิงหาเริ่มส่องแสงและเส้นเล็กๆในเดือนนั้นเริ่มส่องแสงเช่นกัน

“วันนี้คือวันที่เก้าเดือนสิงหา เซิ่งหนิว นี่คือตายของเจ้า!” ขณะที่เหลียวฟ่านพูดจบ เขาโยนนาฬิกาทองแดงขึ้นสู่อากาศ กรงเล็บประหลาดสองอันเด้งออกมาจากนาฬิกา แต่ละอันมีขุมกำเนิดเป็นแสงสีทองภายใน

สีหน้าหวังหลินยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม ฝ่ามือสร้างผนึกและชี้ไปที่กระดิ่งสองชิ้น ทั้งสองหมุนปะทะกันอย่างรวดเร็วและแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เศษเสี้ยวพวกมันเริ่มหมุนรอบหวังหลิน เขาเอ่ยเบาๆ “เกราะ!”

เศษเสี้ยวจำนวนมากหมุนรอบหวังหลินสร้างเป็นชุดเกราะเรืองแสงสีเขียว บนชุดเกราะมีสัญลักษณ์ของกระดิ่งสองชิ้น

หวังหลินไม่หลบเลี่ยงเมฆควันที่เป็นรูปผู้เฒ่า เขาปล่อยให้มันปะทะกับชุดเกราะ

ระรอกคลื่นปรากฎบนชุดเกราะและเมฆควันอ่อนแอลง

เกิดแรงกระเพื่มมากขึ้นกว่าเดิมและทันใดนั้นควันหายวับไป

“เกราะคลื่นวิญญาณชุดนี้มีประโยชน์จริงๆ!” หวังหลินยิ้มและมองไปทางเหลียวฟ่าน ตอนนี้กรงเล็บทั้งสองเข้ามาหาหวังหลินแล้ว

หวังหลินพ่นลมหายใจ สัมผัสกระเป๋าและนำกระบี่สวรรค์ออกมา เพียงกวัดแกว่งหนึ่งครั้งกรงเล็บพลันถูกทำลายและรอยร้าวปรากฎบนนาฬิกาทองแดง

เหลียวฟ่านถูกการโจมตีนี้ปะทะเข้ากับหน้าอกจนกระอักโลหิตออกมาคำโต เขาถูกพลังกระแทกกลับไปหลายก้าวและใบหน้าซีดเผือด ทว่าแววตายังเผยร่องรอยแห่งความยินดีขณะหัวเราะออกมา “เซิ่งหนิว เตรียมตัวตาย!”

หวังหลินขมวดคิ้ว ขณะนั้นเสียงคำรามหนึ่งเล็ดลอดออกมาจากนาฬิกาทองแดง รอยร้าวปรากฎยิ่งกว่าเดิมบนนาฬิกาและทันใดนั้นแขนอันเหียวย่นก็ปรากฎ แขนข้างนั้นสั่นเทาหนึ่งครั้งและนาฬิกาทองแดงแปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นผง

กลุ่มควันสีดำก้อนหนึ่งพวยพุ่งราวกับเปลวไฟออกมาจากแขนลอยขึ้นกลางอากาศ

ฝ่ามือขวาหวังหลินสร้างผนึกและสายลมประหลาดพัดผ่านควันสีดำให้ถอยกลับจนเผยสิ่งที่อยู่ข้างใน

แขนอันเหียวย่นลอยอยู่กลางอากาศและควันสีดำผุดออกมาจากแขน

ดวงตาหวังหลินสว่างวาบและกวัดแกว่งกระบี่สวรรค์ ควันสีดำเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันแขนในทันที

ทว่าปราณกระบี่ตัดผ่านควันสีดำเข้าไปและปะทะกับท่อนแขนจนเกิดรอยแผลและเสียงร้องคำรามออกมาภายในนั้น ควันสีดำจำนวนมากผุดออกมาจากรอยแผลและเกิดเป็นรูปร่างคนผู้หนึ่ง

เป็นร่างที่สร้างจากควันสีดำ มันไม่มีใบหน้ามีแต่เพียงลูกกลมน่ากลัวจำนวนสองก้อนเพื่อแทนดวงตา

ใบหน้าหวังหลินแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เหลียวฟ่านคนนี้เป็นหนึ่งในเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลางเพียงไม่กี่คนที่มีสมบัติอันแข็งแกร่ง ซึ่งคนเหล่านี้ยากมากที่จะต่อกรด้วย

ร่างที่สร้างจากกลุ่มควันสีดำพลันอ้าปากและร้องคำราม มันเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ก่อนที่มันจะเข้าใกล้กว่านี้หวังหลินสัมผัสกลิ่นอายอันเยือกเย็นที่เปล่งออกมาได้ทันที

สัมผัสอันตรายปรากฎในจิตใจหวังหลิน

ต้นหญ้าในหุบเขาพลันเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งจากนั้นแตกกระจายผ่านสายลม

เมื่อคลื่นพลังงานเย็นแผ่กระจายแม้กระทั่งหน้าผารอบๆยังปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งสีฟ้า

ความหนาวเย็นเช่นนี้มีพลังแข็งแกร่งมากกว่าน้ำแข็งหรือหิมะหลายเท่าเสียอีก

มันกระจายตัวออกอย่างบ้าคลั่งและครอบคลุมรอบหวังหลิน พลังความหนาวเย็นแทรกผ่านร่างกายและแทบทำให้โลหิตเขาแข็งตัว

หลังรับรู้กลิ่นอายของมันได้ จิตใจหวังหลินสั่นเทาและแววตาพลันสว่าง เขาคุ้นเคยกับกลิ่นอายนี้มาก มันแทบจะเป็นกลิ่นอายเดียวกันกับวิถีฝึกเซียนนรก!

ทว่าความหนาวเย็นที่เปล่งออกมาจากร่างผู้นั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาฝึกหลายเท่า มีเพียงซือถูหนานที่ใช้ร่างกายเขาเท่านั้นถึงจะสามารถเปรียบได้

หวังหลินถอยกลับหลังทันทีจากนั้นฝ่ามือขวาสร้างผนึกและชี้ตรงเข้ามา เปลวไฟสีฟ้าซึ่งเกิดจากการฝึกฝนวิถีเซียนนรกที่เขาไม่ได้ใช้มานานพลันปรากฎที่ปลายนิ้วของเขา

มันคือบอลเปลวไฟสีฟ้าเข้ม แทนที่จะปลดปล่อยความร้อน มันปลดปล่อยความหนาวเย็นแทน

จังหวะที่เปลวไฟสีฟ้าปรากฎ ความหนาวเย็นที่พึ่งแทรกซึมหวังหลินหายไป แม้กระทั่งพลังความหนาวเย็นรอบๆยังถูกเปลวไฟสีฟ้านี้ดูดซับ

ร่างสีดำพลันหยุดกึก สายตาปิศาจของเขาส่องประกาย เขาจ้องเปลวไฟน้ำแข็งและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เปลวไฟน้ำแข็งนรก…แม้กระทั่งเต๋าแห่งนรกที่ทิ้งไว้เบื้องหลังศิษย์ของข้าก็ไม่สามารถฝึกฝนเปลวไฟน้ำแข็งที่บริสุทธิ์เช่นนี้ได้ เจ้าได้วิถีฝึกเซียนนรกนี้มาจากที่ใด!?!”

PAGE_BREAK: PageBreak

ร่างหวังหลินถอยกลับอย่างเร่งรีบ เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็สามารถกลับคืนสู่ระยะของเจดีย์และหยุดตัวลง

“ท่านเป็นใคร?!” หลังจากหวังหลินได้ยินน้ำเสียง แม้เขาจะฝึกฝนการเป็นเซียนมาห้าร้อยปีเขายังตกใจ

หวังหลินรู้สึกหนังศีรษะมึนชา เขาคุ้นเคยกับน้ำเสียงนี้มากนัก

“ไม่ว่าเจ้าจะได้มาจากที่ไหน เจ้าต้องตาย! ข้าคือซือถูหนาน!” ร่างนั้นพุ่งเข้าหาระยะของเจดีย์อย่างรวดเร็วและมุ่งตรงยังศีรษะหวังหลิน หวังหลินระงับความตื่นตะลึงในใจและร้องตะโกน “ถอยไป!”

เขตแดนของโจวยี่พลันออกมาจากเจดีย์และร่างนั้นถูกพลังรุนแรงกระแทกใส่จนหยุดเขาไว้เบื้องหน้าหวังหลินสามฟุต ร่างของมันร้องคำรามอย่างไม่เต็มใจและถูกโยนออกไป

จังหวะที่ถูกดันออก ควันสีดำสูญสลายทิ้งไว้แต่เพียงท่อนแขน มันคว้าเหลียวฟ่านที่ตกตะลึงและหายตัวไป

หวังหลินจ้องร่างที่กำลังถอยกลับและพึมพำ “ซือถูหนาน…เป็นไปไม่ได้ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…” เขาสับสนพลางรับคืนขนนกและกลับไปที่หุบเขา

เมื่อนั่งใต้เจดีย์ หวังหลินจ้องท้องฟ้าและความทรงจำของเขากับซือถูหนานปรากฎขึ้น

“ซือถูหนาน…เขาเรียกตัวเองว่าซือถูหนาน…”

โจวลี่มองออกมาจากเจดีย์ หลังจากมองดูหวังหลิน นางเดินออกมานั่งข้างหน้าเขา เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคุณลุงเกิดอาการแบบนี้ เขาดูงุนงงแต่ก็ดูเหมือนกำลังนึกถึงความทรงจำเก่าๆไปด้วย

หลังนั่งไปสักพัก โจวลี่ลอบเข้าไปในห้องครัวและออกมาพร้อมกับชามข้าวใบใหญ่

“ฮึ่ม ถ้าท่านลุงไม่ต้องการให้ข้าป้อนอาหารพี่นางฟ้า งั้นข้าก็จะลอบไปให้นางเอง” นางเดินอ้อมหลังหวังหลินเข้าไปในเจดีย์และส่งเสียงยินดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version