Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 359

Cover Renegade Immortal 1

359. เตรียมการ

“ซือถู…” แววตาหวังหลินแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดพร้อมกับชี้ไปที่คิ้วของตนเอง แสงสีรุ้งปกคลุมทั้งร่างและเขาหายตัวไป

ข้างในมิติของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ลำแสงทรงกลมยังอยู่ที่นี่ หวังหลินเคลื่อนร่างเข้าหาโดยไม่ได้มองเข้าไป

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มาถึงตำแหน่งที่วิญญาณของซือถูหนานอยู่

นอกจากวิญญาณขนาดใหญ่ของซือถูหนานแล้วยังมีวิญญาณของครอบครัวเขาด้วย พวกเขาเปล่งแสงอันอ่อนโยนทำให้หวังหลินจิตใจสงบลงเล็กน้อย เขาหมอบคลานต่อครอบครัว จดจ้องพวกเขาเป็นเวลานานและจากนั้นหันกลับมาหาวิญญาณของซือถูหนาน

ซือถูหนานนั่งอยู่ที่นี่พร้อมกับดวงตาปิดสนิท แม้ว่าร่างกายเขาจะไม่ได้สลัวลงเหมือนเช่นคราก่อนแต่มันไม่ได้ดีขึ้นมากนัก กล่าวได้ว่าเขาฟื้นฟูมาได้เล็กน้อย

หวังหลินมองซือถูหนานและพึมพำ “วิญญาณของซือถูหนานอยู่ที่นี่ ทำไมคนผู้นั้นถึงเรียกตัวเองว่าซือถูหนาน…หรือพวกเขาจะมีชื่อเดียวกัน? แต่ทำไมเขาถึงรู้จักวิถีเซียนนรก…”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

“ครั้งหนึ่งซือถูหนานบอกว่าเขาสู้กับเซียนหลายคนจากนอกดาวเคราะห์ซูซาคุเพื่อลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าและร่างกายแตกสลาย เขาต้องยอมแพ้และหลบซ่อนวิญญาณไว้ข้างในลูกปัดเพื่อหลีกหนีภัยพิบัตินั้น!”

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและสว่างขึ้นพร้อมกับนึกถึงร่างที่เรียกตัวเองว่าซือถูหนาน มันสร้างจากควันสีดำและควันสีดำมาจากแขนข้างนั้น

“หรือเป็นไปได้ว่าร่างของซือถูหนานถูกแย่งชิงและถูกคนอื่นปรับแต่ง ดังนั้นจึงสร้างเศษเสี้ยววิญญาณขึ้นมา?” หวังหลินกล้าเดาไว้ในใจแต่ไม่สามารถยืนยันได้ หลังขบคิดเป็นเวลาพักใหญ่เขาถอนหายใจและยิ้มอย่าขมขื่น “ผู้อาวุโสซือถู หากแขนข้างนั้นเป็นของท่านจริงๆ เช่นนั้นข้าเชื่อเหลือเกินกับสิ่งที่ท่านกล่าวไว้คราวก่อนว่าท่านเป็นเซียนอันดับหนึ่งในซูซาคุ”

หวังหลินส่ายศีรษะ ท้ายที่สุดเขายังไม่มั่นใจเกี่ยวกับข้ออ้างของซือถูหนาน นอกจากนั้นแล้วคนที่เป็นอันดับหนึ่งในซูซาคุก็คือคนที่มีฉายาว่าซูซาคุไม่ใช่หรือ

เขาไม่สามารถเป็นเซียนอันดับหนึ่งได้เว้นแต่ว่าจะเป็นซูซาคุมาก่อน

รวมถึงซือถูหนานอยู่ในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ามานานหลายปีซึ่งแม้เขาจะกลับมาตอนนี้ก็อาจจะอยู่ในภาวะตกต่ำ

หลังครุ่นคิดได้สักพัก หวังหลินถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะออกจากลูกปัด

แคว้นเฉว่ยี่

ข้างในอารามน้ำแข็งศักดิ์มีบุรุษวัยกลางคนดูธรรมดานั่งอยู่ เบื้องหน้าเขาเป็นชุดชาสีแดงเข้ม

ด้านข้างเขามีคนสองคนยืนอยู่ หนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรี ทั้งคู่เส้นผมสีขาวโพลนทั้งหัว

บุรุษวัยกลางคนหยิบถ้วยไม้ไผ่และใส่ใบชาลงในกา จากนั้นวางก้อนน้ำแข็งเข้าไปในกา เพียงชี้นิ้วน้ำแข็งพลันละลายและน้ำในกาเดือดปุดๆ

คลื่นความขมลอยออกมาจากชาและเต็มไปทั้งห้องโถง

บุรุษวัยกลางคนรินน้ำทั้งหมดและวางก้อนน้ำแข็งใส่อีกก้อนนึง จากนั้นละลายมันและทำให้เดือดอีก คราวนี้กลิ่นแปลกใหม่ผุดออดมาจากชา มันชำระล้างความขมที่เต็มไปทั่วห้องโถงในทันที

ทั้งห้องโถงปกคลุมด้วยกลิ่นหอม กลิ่นหอมกระทั่งส่งออกไปนอกห้องโถงด้วย

“แม้จะได้กลิ่นมันทุกวันข้าก็ไม่เคยเบื่อกลิ่นของชาเทียนเฉว่เลย น่าเสียดายนักชานี้หายากมาก ข้าได้มันมานานๆครั้งจากซูซาคุเพียงเล็กน้อย พวกเจ้าทั้งสองโชคดีมาก เข้ามาลองมันดูสิ” บุรุษวัยกลางคนหยิบกาน้ำขึ้นและรินไปสามถ้วย

หลังไปรินไปสามถ้วยมันไม่มีหลงเหลือข้างในกาน้ำชาอีกเลย

ทั้งสองคนรีบเข้ามาหยิบถ้วยชาและดื่มลงไป ถึงเช่นนั้นชัดเจนว่าหญิงชรามีความคิดอันอื่น ไม่สนว่ามันจะร้อนแค่ไหน นางดื่มมันไปทั้งหมดทีเดียวและเอ่ยขึ้น “ท่านจ้าวสำนัก เราดื่มชาเสร็จแล้วเช่นนั้นโปรดสังหารเซิ่งหนิวด้วยเถิด”

หัวใจชายวัยกลางคนเจ็บปวดเมื่อมองหญิงชราดื่มชาอย่างสูญเปล่า “เซิ่งหนิวเป็นคนตัวคนเดียว หากไม่ใช่ว่าซูซาคุแจ้งข่าวสารให้ผู้คนไม่ก่อกวนเขา คงมีคนไปสังหารเขาแล้ว”

หญิงชราเงยศีรษะขึ้นและกล่าวต่อ “แต่มันกล้าตัดแขนของผีเสื้อสีชาดออกไป! นึกให้ดี ผีเสื้อสีชาดเป็นความหวังของเฉว่ยี่ ท่านจ้าวสำนัก ท่านสามารถบรรลุขั้นแปลงวิญญาณได้ก็เพราะนางเท่านั้น!”

สำหรับผู้เฒ่าด้านข้าง เขาก้มศีรษะลงต่ำและดื่มชาอย่างเงียบๆ

แววตาบุรุษวัยกลางคนแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและเอ่ยกับหญิงชรา “ข้าไม่ได้ลืมและข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเตือน!”

หญิงชราครุ่นคิดอยู่นานและเอ่ยขึ้น “ข้ามาที่นี่เพื่อขอให้ท่านจ้าวสำนักลงมือ”

บุรุษวัยกลางคนหยิบชาขึ้นจิบและกล่าวออกมา “เซิ่งหนิวคนนี้มีคางคกสายฟ้า กระดิ่งคู่ ธงที่สามารถสร้างกฎเกณฑ์นับไม่ถ้วนและนอกเหนือจากนั้น เหลียวฟ่านยังยืนยันว่าเซิ่งหนิวรู้จักวิถีฝึกเซียนนรก สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สำคัญมากเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเซิ่งหนิวมีธงที่บรรจุกลิ่นอายที่สามารถทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง”

หญิงชราตกตะลึง “ดูเหมือนท่านจ้าวสำนักจะค้นคว้าเขามาอย่างดี”

บุรุษวัยกลางคนพยักหน้า “ใครจะไม่ให้ความสนใจคนที่ได้รับการจับตาจากภูเขาซูซาคุและถูกสั่งให้ต่อสู้กับผีเสื้อสีชาดเล่า? ฉายาแห่งซูซาคุต้องเป็นของผีเสื้อสีชาด จะปล่อยให้คนอื่นได้มันไปครอบครองได้อย่างไร? ข้าให้เหลียวฟ่านออกไปพร้อมกับสมบัติของข้าเพื่อศึกษาเขาอีกเล็กน้อย”

หญิงชราก้มศีรษะอย่างเคารพและไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก

บุรุษวัยกลางคนยกขึ้นอีกจิบ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะสังหารเขา เราจะต้องรอจนถึงหลังเขาต่อสู้กับผีเสื้อสีชาด ตอนนั้นไม่ว่าเขาจะแพ้หรือชนะ ข้าจะลงมือสังหารเขาเป็นการส่วนตัว คนผู้นี้ยังมีการหลบหนีที่ดีเยี่ยม ข้าได้ข่าวจากสหายข้าที่สำนักมารยักษ์ว่าเข็มทิศดวงดาวอาจจะอยู่ในมือเขาด้วย ด้วยเข็มทิศนั้นเมื่อเขาเปิดรอยแยกอวกาศและเข้าไปในมิติว่าง ไม่มีใครสามารถไล่ทันเขาเว้นแต่จะเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย”

หญิงชราขมวดคิ้ว นางยกศีรษะขึ้นและเอ่ยถาม “ท่านจ้าวสำนักหมายถึงสิ่งใด?”

บุรุษวัยกลางคนเอ่ยอย่างนิ่มนวล “หากเราต้องการสังหารเขา เราต้องทำให้สำเร็จในครั้งเดียว หากข้าลงมือเขาต้องหนีแน่นอน ดังนั้นเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น ข้าจะวางค่ายกลเพื่อไม่ให้เขาเปิดมิติว่างได้และขอให้สำนักมารยักษ์ช่วยเหลือ ด้วยเซียนขั้นแปลงวิญญาณสองคน ไม่ว่าเขาจะทรงพลังเช่นไรก็เป็นเพียงแค่เซียนขั้นตัดวิญญาณ หากข้าลงมือเมื่อนั้นข้าต้องแน่ใจว่าจะสำเร็จ!”

ใบหน้าหญิงชรายิ่งเคารพมากกว่าเดิม

ตอนนี้เองชายชราด้านข้างวางถ้วยลงและเอ่ยถาม “เราทำเลยเถิดต่อเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลางเกินไปหรือไม่?”

บุรุษวัยกลางคนยิ้มบางและเอ่ยถาม “เจ้ารู้ไหมว่าเขตแดนของเขาคือสิ่งใด?”

“โอ้?” ชายชราเงยศีรษะขึ้น

“จากคำของผีเสื้อสีชาด เขตแดนของคนผู้นี้คือชีวิตและความตายหรือเรียกกันว่าวัฎจักรแห่งการเกิดใหม่ คนที่สามารถรู้แจ้งเขตแดนรูปแบบนี้ไม่สามารถประเมินต่ำได้ แม้เขาจะเป็นเพียงแค่เซียนขั้นตัดวิญญาณ” สายตาบุรุษวัยกลางคนเผยความเสียใจเล็กๆ

หญิงชราเริ่มขบคิดและถอนหายใจ เหตุผลที่นางต้องการสังหารเซิ่งหนิวเป็นเพราะตอนที่ผีเสื้อสีชาดยังอ่อนเยาว์ นางได้พยากรณ์อนาคตของผีเสื้อสีชาด อนาคตของนางจะต้องเผชิญกับหายนะ!

นางกังวลว่าหายนะคือเซิ่งหนิวคนนี้!

เพียงกระพริบตา เวลาห้าปีก็ผ่านไป

โจวลี่ตอนนี้มีอายุสิบขวบ เด็กน้อยเติบโตขึ้นมากแต่นิสัยนางยังป่าเถื่อนขึ้นกว่าเดิม นางหมดความสนใจกับการให้อาหารพี่สาวนางฟ้าบนเจดีย์เมื่อนานแล้ว แม้นางจะคิดเรื่องนี้เป็นบางครั้งแต่นางไม่พยายามป้อนข้าวป้อนน้ำนางอีก

นางได้ไปเทือกเขาใกล้เคียงมาเกือบหมดแล้ว แม้ว่านางจะยังเล็กแต่นางกล้าหาญมาก พยัคฆ์และสัตว์ป่าทั้งหมดต่างถูกนางแกล้งบ่อยครั้ง

แน่นอนว่าด้วยความสามารถของนาง เป็นไปไม่ได้ที่พวกพยัคฆ์และสัตว์ป่าจะกลัว เที่ยหยานมาที่นี่เมื่อสี่ปีก่อน เขาอยู่บนชายขอบของการบรรลุขั้นตัดวิญญาณ ทว่าเขายังไม่สามารถข้ามผ่านเส้นนั้นได้ในสำนักเมฆาฟ้าดังนั้นจึงตัดสินใจยอมแพ้ทุกอย่างอีกครั้งเพื่อติดตามหวังหลิน

เมื่อมีเขาไปกับนางด้วย โจวลี่น้องจึงอวดดีมากและออกไปเล่นสนุกแถวนี้ทุกวัน

หวังหลินใช้เวลาช่วงห้าปีที่ผ่านมาเพื่อให้พื้นฐานแข็งแรงและพยายามทะลวงผ่านไปสู่ระดับกลาง ถึงเช่นนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถขึ้นไปได้

หวังหลินรู้ว่าเขามาถึงคอขวด หากไม่สามารถทะลวงผ่านได้ระดับฝึกฝนของเขาจะติดอยู่ตรงนี้ตลอดไป

จำนวนผู้ท้าทายลดลงไปมากภายในห้าปีนี้ แต่ชื่อเสียงของเซิ่งหนิวมีแต่เพิ่มขึ้น เขากลายเป็นหัวข้อสนทนาอย่างแพร่หลายของเหล่าเซียนจำนวนมาก

วันนี้คือวันนัดหมายปีที่สิบเพื่อต่อสู้กับผีเสื้อสีชาด

ครึ่งปีก่อนผู้ส่งสาส์นจากซูซาคุเข้ามาและตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายหนึ่งไว้นอกหุบเขา ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวและสามารถส่งเขาข้ามผ่านไปถึงแคว้นซูซาคุได้

เฟิ่งอยู่ชานยืนอยู่นอกหุบเขาอย่างเคารพ เขามาถึงเมื่อสิบวันก่อนเพื่อส่งสาส์นท้าประลองให้หวังหลินตามข้อตกลงเมื่อสิบปี

ในระหว่างสิบวันนี้หวังหลินยังขบคิดว่าเขาควรจะไปต่อสู้ครั้งนี้หรือไม่ดี

ซูซาคุยังไม่ให้เขาต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้น เขาเดาว่ามีความเป็นไปได้ที่ซูซาคุต้องการรับเขาเป็นศิษย์หลัก

เหมือนกับผีเสื้อสีชาดเมื่อตอนนั้น

นี่คือเหตุผลของการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เหล่าอสูรเฒ่าของซูซาคุจะมาดูแต่คนทั้งหมดทั่วซูซาคุคงรู้เรื่อง

นอกจากนั้นผีเสื้อสีชาดยังมีชื่อเสียงมาก พันธมิตรสี่สำนักถูกทำลายและเฉว่ยี่ถูกบังคับให้ขึ้นสู่แคว้นระดับห้าก็เพราะนาง เรื่องราวเช่นนี้ไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของซูซาคุ

ทำให้เซียนส่วนใหญ่รู้จักชื่อของผีเสื้อสีชาด

เซิ่งหนิวปรากฎกายขึ้นมาด้วยการเหยียบย่ำผีเสื้อสีชาดทำให้เขามีชื่อเสียงยิ่งกว่า

ตอนนี้การต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของทุกคนทั้งดาวเคราะห์ ใครคนใดคนหนึ่งที่ชนะระหว่างสองคนนี้จะได้รับโชคลาภมหาศาล

เรื่องนี้เป็นที่รู้กันแทบทุกคน หวังหลินจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?

เขาได้ว่าเจ้าอสูรเฒ่าในซูซาคุต้องการเป็นว่าใครจะเป็นผู้ชนะระหว่างสองคนนี้

หากเขาเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณหรือเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายตอนที่ตัดแขนผีเสื้อสีชาดออกมา เขาคงถูกสังหารแน่นอน แต่เขาทำให้เกิดเรื่องขึ้นตอนที่เป็นแค่ขั้นตัดวิญญาณระดับต้นและถูกจับตาดูอย่างยิ่งใหญ่

สายตาหวังหลินสว่างวาบและคิดขึ้นในใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version