622. อาหารอสูรเทพ
“เจ้าก่อกวนข้าถึงสองครั้ง วันนี้ข้าจึงมาหาเจ้าที่นี่แต่เจ้ากลับถามว่าข้าเป็นใคร…” หวังหลินเอ่ยเสียงสงบนิ่งบอกไม่ได้ว่าเขามีความสุขหรือกำลังโกรธ
“เจ้าชื่อหวัง…ข้าจำไม่ได้ว่าไปก่อกวนใครที่ชื่อหวัง…” ชายชราตัวเตี้ยใบหน้ามืดมนพลางนั่งข้างในปราสาท เขาสามารถบอกได้ว่าหวังหลินไม่ใช่คนธรรมดา คนคนนี้บรรลุขั้นเทวะระดับต้นได้จริงและมีเต๋าของตนเอง
ท่ามกลางสตรีทั้งสามคนเบื้องหน้าชายชรา น้องสาวของฉวี่หยุนซานนามว่าฉวี่รั่วหนาน นางเอ่ยเบาๆ “เขา…เขาน่าจะเป็นหวังหลิน!”
“หวังหลิน!!” ชายชราตัวเตี้ยตื่นตะลึง ใบหน้ามืดมัวทันที เขาไม่เคยคิดว่าเซียนตัวเล็กๆที่เขาต้องการจับตัวให้กลายเป็นองครักษ์เทพจะมาถึงระดับนี้ได้ หากเขารู้เรื่องนี้เมื่อตอนนั้น เขาคงไม่ก่อกวนหวังหลินเลย
ชายชราครุ่นคิดเล็กน้อยและค่อยๆเอ่ยออกมา “สหายเซียนหวัง ก่อนหน้านี้ข้าบุ่มบ่ามไปหน่อยที่ไปรังควานจ้าถึงสองครั้ง เจ้าก็สังหารองครักษ์เทพของเข้าไปแล้ว งั้นเราเสมอกัน วันนี้ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าไปได้แล้ว! หลังจากวันนี้ต่อไปเส้นทางของเราจะไม่ขวางทางกัน!”
เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกมาต่อหน้าสตรีทั้งสาม พวกนางต่างตื่นตกใจ ทั้งสามคนเข้าใจบรรพชนเฒ่าคนนี้เป็นอย่างดี แม้ระดับบ่มเพาะจะสูงมากทว่าเขาเป็นคนความคิดแคบ ตอนนี้เมื่อมีคนมาเคาะประตูอยู่ข้างหน้าไม่เพียงแต่เขาไม่โจมตีแต่ยังปล่อยให้หวังหลินไป
เรื่องนี้ทำให้ฉวี่รั่วหนานตกตะลึงเป็นการใหญ่ แม้นางจะไม่รู้เรื่องหวังหลินมากนัก นางคิดว่าไม่ว่าเขาจะโหดร้ายเพียงไหนก็ไม่อาจเทียบกับบรรชนเฒ่าไปได้ ต้องกล่าวว่าบรรพชนคนนี้คือเทพคนหนึ่ง เขาใช้แค่วิชาเดียวก็สามารถขังเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสี่คนได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่บรรพชนยังมีองครักษ์เทพอีกแปดคน นางเพียงแค่ไม่เชื่อว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้หากองครักษ์เทพทั้งแปดร่วมมือโจมตีกัน!
หลังได้ยินเสียงของชายชรา หวังหลินก้าวเดินไปหาปราสาทต่อไป เขาส่ายศีรษะและเอ่ยออกมา “องครักษ์เทพสองคนเป็นแค่หยกแตกหักสองชิ้นเท่านั้น จะมาล้มเลิกเรื่องราวที่เจ้าก่อกวนข้าได้อย่างไร?”
ใบหน้าชายชราตัวเตี้ยที่อยู่ในปราสาทเปลี่ยนไป ดวงตาปลดปล่อยลำแสงสีทองและกล่าวอย่างมืดมัว “คนโอหังอันใด เจ้าแค่เซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นแท้ๆ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้? องครักษ์ที่เหลือทั้งแปดตน อัญเชิญจักรพรรดิเทพและฆ่ามันซะ!”
หลังกล่าวเช่นนั้น ร่างทั้งแปดเหาะเหินออกมาจากปราสาท ในนั้นมีทั้งสตรีและบุรุษ ร่างแต่ละคนเคลื่อนไหวดุสายฟ้าและปลดปล่อยแรงกดดันพร้อมกลิ่นอายของเซียนขั้นเทวะ
หวังหลินมองทั้งแปดคนด้วยใบหน้าเช่นเดิม แปดคนนั้นนั่งสมาธิลงทันทีก่อเกิดเป็นค่ายกลที่แฝงสัมผัสแห่งกฏสวรรค์เอาไว้ ฝ่ามือแต่ละคนสร้างผนึกที่แตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นกลิ่นอายหนึ่งที่เต็มไปด้วยปราณสวรรค์ระเบิดพวยพุ่งออกมาจากร่างพวกเขา กลิ่นอายนั้นหลอมรวมกันเป็นลักษณะแปลกประหลาดด้านบน มันเปลี่ยนเป็นอสุรกายกลางท้องฟ้าระเบิดปราณสวรรค์ออกมาอย่างท่วมท้น
อสุรกายตนนี้ค่อยๆเด่นชัดขึ้นและเปลี่ยนเป็นชายวัยกลางคนในทันที ชายคนนี้สวมชุดคลุมสีเขียว เส้นผมพริ้วไสวตามสายลมและถือกระบี่ยาวสีเขียวในมือ
กลิ่นอายดุจอำนาจสวรรค์กระจายออกมาจากอสุรกายตนนี้ ขณะนั้นเปล่าเซียนรอบด้านทั้งหมดคุกเข่าลงและกล่าวอย่างนอบน้อม “เซียนระดับต่ำขอคำนับท่านจักรพรรดิเทพ…”
เสียงหัวเราะของชายชราดังออกมาภายในปราสาท น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโอหัง “หวังหลิน ข้าไม่ได้โกหกเจ้า เดิมทีข้ามาจากแดนสวรรค์! หลังจากแดนสวรรค์แตกสลาย ข้ามาถึงที่นี่ด้วยความโชคดี วิชาทั้งหมดของข้าคือวิชาเทพของจริง พวกมันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถต่อต้านได้! ยังไม่สายเกินไปที่เจ้าจะหนีไปตอนนี้ หากเจ้ากระตุ้นโทสะข้าจริงๆ เจ้าจะตายโดยไม่ต้องสงสัย!”
หวังหลินมองอสุรกายที่เป็นชายวัยกลางคนถือกระบี่เขียวด้วยสายตาเป็นประกายลึกลับ หวังหลินยกขวาขึ้นมาจากนั้นท้องฟ้ามืดลง แม่น้ำอเวจีตกลงมาและหมุนเป็นวงกลมรอบตัวหวังหลิน จากนั้นมันพุ่งตรงเข้าใส่อสุรกายที่เป็นชายวัยกลางคนเข้าตรงๆ
ปราณสวรรค์ภายในองครักษ์เทพทั้งแปดคนระเบิดพุ่งพล่านออกมาดุจพายุโหมกระหน่ำ ปราณสวรรค์เข้าไปในอสุรกายผ่านหนึกในมือแต่ละคน
จากนั้นอำนาจเหนือจินตนาการพลันกระจายออกมาจากชายกลางคน มันจ้องหวังหลินราวกับได้รับสติปัญญา จากนั้นชี้กระบี่เขียวใส่หวังหลิน!
รูม่านตาหวังหลินหดเล็กลงทันที แม้ว่าการชี้กระบี่นั้นจะไม่มีพลังโจมตีอันใด หวังหลินเกิดแรงกระตุ้นให้ล่าถอย เขารู้สึกว่าวิญญาณดั้งเดิมจะแตกสลายหากไม่ล่าถอยให้ทัน!
ความรู้สึกเช่นนี้รุนแรงอย่างยิ่งแต่มันไม่ใช่สิ่งที่หวังหลินไม่เคยเผชิญมาก่อน ทัณฑ์สวรรค์ก่อนหน้านั้นก็มีพลังระดับนี้!
หวังหลินบ่มเพาะเส้นทางฝืนลิขิตสวรรค์และมีจิตใจแห่งเต๋าที่มั่นคงมาก เขาฝืนตัวเองไม่ให้ล่าถอยและไม่เพียงแค่นั้นหวังหลินยังก้าวไปข้างหน้าด้วย!
ทว่าเมื่อเขาก้าวไปข้างหน้าเพียงครึ่งก้าว องครักษ์เทพทั้งแปดคนกระอักโลหิตออกมาและสายตาสลัวลงทันที โลหิตนั้นบรรจุพลังปราณสวรรค์และพลังชีวิตในร่างกายทั้งหมด
โลหิตทั้งแปดถูกชายวัยกลางคนดูดซับไป ทันใดนั้นสายตาของเขาจ้องมาที่หวังหลินด้วยความฉลาดยิ่งขึ้น!
ขณะที่เท้าของหวังหลินกำลังหย่อนลง อีกฝ่ายอ้าปากและเอ่ยคำพูดไร้เสียง!
คำพูดไร้เสียงแต่หูหวังหลินต็มไปด้วยอาการสั่นเทาเหนือจินตนาการ หวังหลินสูดหายใจลึกและหลับตาลง
ฝ่าเท้าตกถึงพื้นทันที!
เมื่อฝ่าเท้าตกถึงพื้น ร่างองรักษ์เทพทั้งแปดคนสั่นสะท้านและดวงตามืดมิดอย่างสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันที่แม่น้ำอเวจีกวาดผ่านไป อสุรกายที่เป็นชาวัยกลางคนกลับสั่นเทาก่อนจะแตกสลาย
ความรู้สึกน่าหวาดกลัวนั้นเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์
“การโจมตีลวงตาที่น่าทรงพลังอะไรกัน…” สายตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเฉยชาและพ่นลมหายใจเย็นเฉียบ เขาเริ่มก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งและรวมเข้ากับแม่น้ำอเวจี แม่น้ำอเวจีเคลื่อนตัวดุจมังกรสีเหลืองและผ่านองครักษ์เทพทั้งแปดคนที่นั่งอยู่บนพื้นไปตรงๆ
ขณะที่เขาผ่านไป ร่างองครักษ์แปดคนแตกสลาย พวกมันถูกกักขังในแม่น้ำอเวจีและไม่อาจหนีออกมาได้ตลอดชีวิต
หยกแตกหักทั้งแปดลอยออกมาและถูกหวังหลินคว้าเอาไว้และเก็บใส่กระเป๋า เสียงร้องคำรามโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากปราสาทและพลังปราณสวรรค์บริสุทธิ์เส้นหนึ่งระเบิดพุ่งพล่านออกมา พลังสายนั้นควบแน่นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับพุ่งเข้าหาหวังหลิน
แม่น้ำอเวจีเคลื่อนไหวรอบตัวหวังหลินพลันยกขึ้นและก่อเกิดเป็นกำแพงเสาที่สามารถแบกรับสวรรค์ได้ หวังหลินอยู่ในแม่น้ำอเวจี ดังนั้นเมื่อปราณสวรรค์เส้นนั้นได้เข้าสู่แม่น้ำมันจึงภายเข้าไปภายใน
หวังหลินกล่าวเบาๆขณะที่อยู่ภายในแม่น้ำอเวจี “เปิดใช้งาน!”
แม่น้ำอเวจีพลันแตกกระจายและเปลี่ยนเป็นวังวนกวาดผ่านทั่วพื้นที่ทำให้ปราสาทสีขาวพังทลายทันที เสียงพื้นดินสั่นไหวดังกึกก้องไปทั่วดินแดน
ชายชราตัวเตี้ยพุ่งออกมาและลอยอยู่กลางอากาศ สตรีทั้งสามคนที่บ่มเพาะกับเขาต่างก็เหาะเหินออกมาด้วยและเฝ้ามองอยู่ด้านข้างอย่างเยือกเย็น
ชายชราตัวเตี้ยคนนี้ดูเจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง เขาไม่ได้ดูเหมือนกับเซียนเลยแต่ดูเหมือนโจรมากกว่า พลันตะโกนใส่หวังหลินด้วยความโกรธแค้น “หวังหลิน ข้าอดทนมาหลายครั้งเพราะข้าไม่ต้องการกลายเป็นศัตรูกับเจ้า แต่เจ้ามันไร้สำนึก! ถือว่ายากนักที่เซียนระดับต่ำจะบรรลุได้ระดับเช่นเจ้า ข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิตไปก่อน จงไปเสียตอนนี้ หากเจ้ามาทำให้ข้าโกรธอีกก็อย่าหาว่าฆ่าเจ้าโหดเหี้ยม!”
ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาชี้นิ้วมาข้างหน้าแทนและดัชนีแห่งความตายพุ่งเข้าใส่ชายชรา
ใบหน้าชายชราเปลี่ยนไป สายตาเคร่งขรึมกระพริบวาบจากนั้นสูดหายใจลึกพ่นปราณสวรรค์หนาแน่นออกมาทันที ก่อเกิดเป็นหมอกเทพที่ล้อมรอบดัชนีแห่งความตายได้ พลันเกิดเสียงซี่ๆออกมาจากข้างในและพวกมันสามารถล้มเลิกวิชาของกันและกันได้จริงๆ
“หวังหลิน เจ้าบังคับข้าเองนะ!” ชายชราตัวเตี้ยสัมผัสกระเป๋าด้วยใบหน้ามืดมัวและนำหยกสีฟ้าขนาดเท่ากำปั้นออกมา เขาสร้างผนึกและตะโกน “เมล็ดเทพ!”
หินหยกสีฟ้าสั่นเทาทันทีและเริ่มเคลื่อนไหวด้วยท่าทีประหลาด มันเปลี่ยนกลายเป็นเส้นด้ายสีฟ้านับไม่ถ้วนและส่งเสียงฮึมๆกระจายออกมาดุจอสรพิษกำลังเริงระบำ
ชั่วขณะที่เส้นด้ายสีฟ้าปรากฏ สีหน้าเหล่าเซียนรอบด้านเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัว สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างแท้จริง
เมื่อมองเส้นด้ายนับไม่ถ้วนนั้น ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยประกายแสงและกล่าวอย่างช้าๆ “อาหารอสูรเทพ!”
แม้ว่าเซียนรอบด้านไม่รู้ว่าหวังหลินกำลังพูดเรื่องอะไร แต่ชายชราตัวเตี้ยพลันเปลี่ยนสีหน้าอีกครั้งและอุทานออกมา “เจ้ารู้จักมัน!”
หวังหลินรู้สึกว่าเขาเคยเห็นมันมาก่อนตอนที่เห็นเส้นด้ายสีฟ้าในตัวฉวี่หยุนซาน เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้วมันคืออาหารอสูรเทพที่เขาเผชิญหน้าในแดนสวรรค์ตอนที่ร่วมทีมกับศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัว! หวังหลินไม่ได้อธิบายเรื่องนี้กับฉวี่หยุนซาน
ชายชราไม่อาจรู้ได้ว่าทำไมหวังหลินถึงรู้จักมัน หลังจากได้รับอาหารอสูรเทพนี้มาเขายังไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ที่นำมันออกมาเพราะเห็นได้ชัดว่าหมดหนทาง ปกติแล้วด้วยขั้นเทวะระดับกลางของเขาไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นี้ขึ้นได้ ทว่าเขายังมีเรื่องที่ไม่อาจพูดออกมาได้จึงต้องใช้มันออกมา
“กลืนมันซะ!” ขณะที่ชายชราตะโกนขึ้น ฝ่ามือสร้างผนึกและชี้ไปที่เส้นสีฟ้านับไม่ถ้วน
เส้นสีฟ้านับร้อยนับพันสายพุ่งเข้าใส่หวังหลินทันที
หวังหลินไม่คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้ ตอนนั้นขาเผชิญกับกองทัพอาหารอสูรเทพที่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่า ตอนนี้มันแค่หนึ่งพันตัว หวังหลินจึงไม่เคร่งเครียดเลย
เขาตบกระเป๋าและนำธงวิญญาณธรรมดาออกมา ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่หวังหลินคิดปัญหานี้ไว้แล้วดังนั้นจึงเตรียมการไว้ หวังหลินโบกสะบัดธงและเจ้ากิเลนที่เขาได้รับจากสำนักหลอมวิญญาณปรากฏขึ้น!
แม้ว่าอสูรตัวนี้จะเป็นเพียงวิญญาณกิเลน มันยังมีสติปัญญาอยู่บ้าง เมื่อมันปรากฏตัวออกมาจึงส่งเสียงคำราม ร่างกายสั่นสะท้านและศีรษะขนาดใหญ่ของมันจับจ้องบนอาหารอสูรเทพที่กำลังเข้ามา
ดวงตาเจ้ากิเลนพลันระเบิดลำแสงสีทองเจิดจ้า สายตาของมันดุจปิศาจที่หิวโหยมาหมื่นปีและในที่สุดก็เจออาหาร!