Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 946

Cover Renegade Immortal 1

946. เด็กผู้ชี้ไปยังหมู่บ้านดอกท้อ

ท่ามกลางมิติอันกว้างใหญ่ไพศาลมีกลุ่มก๊าซส่องสว่างขึ้นอยู่หนึ่งจุด กลุ่มก๊าซมีสีสันดูแปลกตาแต่มันกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็น

กลุ่มก๊าซนี้เต็มไปด้วยสีสันที่แตกต่างและสวยงดงามเป็นอย่างยิ่ง

ณ วันนี้ลำแสงหนึ่งสายลอยพุ่งผ่านกลุ่มก๊าซออกมา ลำแสงไม่ได้เร็วนักแต่เมื่อมันผ่านกลุ่มก๊าซไปจึงทำให้ดูราวกับกลุ่มก๊าซกำลังเดือดและถอยร่น

สิ่งน่าอัศจรรย์ก็คือคนที่อยู่ในลำแสงนั้นไม่ได้ใช้สมบัติอันใดเลย เขากำลังเคลื่อนไปด้วยร่างของตัวเอง

คนผู้นี้สวมชุดคลุมสีเขียวและดูราวกับอายุสามสิบปี ภาพลักษณ์ธรรมดาและไม่มีสิ่งใดพิเศษ หากจะมีสิ่งใดโดดเด่นนั่นคงจะเป็นบรรยากาศเก่าแก่ที่เปล่งออกมา

ราวกับเขามีชีวิตมาแล้วหลายหมื่นปี

หวังหลินเดินทางตลอด เขาไม่ได้ใช้บิดมิติ เพียงแต่เดินสงบนิ่งท่ามกลางดวงดาว

เขากลับมาจากมิติว่างได้สี่วันแล้ว

สี่วันก่อนเขาและฉิงชุ่ยเปิดเส้นทางกลับมาจากมิติว่างด้วยการช่วยเหลือของปรมาจารย์จงเฉิน หวังหลินไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในมิติว่าง เขาไม่ได้ถลำลึกถึงที่อยู่ของเย่มู่จื่อ หวู่ต้าวซานและอสรพิษพิฆาตจันทร์

ปรมาจารย์จงเฉินไม่ถามอะไรมากความ แต่เมื่อพวกเขาพูดเรื่องอสรพิฆาตจันทร์จึงพลันขมวดคิ้ว

หวังหลินไม่เอ้อระเหยกับปรมาจารย์จงเฉินนานนัก เขาตัดสินใจขอออกมาด้วยเรื่องส่วนตัว ปรมาจารย์จงเฉินขบคิดอยู่นานและไม่ได้บังคับให้หวังหลินอยู่ต่อ แม้จะมองไม่เห็นร่างเทพโบราณของหวังหลินหรือระดับบ่มเพาะที่สูงขึ้นกว่าเดิม เขาสามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่ทำให้ตกตะลึงยิ่งออกมาจากตัวหวังหลิน

แม้กลิ่นอายจะน่ากลัว พอผ่านเวลาไปมันเติบโตขึ้นในระดับที่น่าหวาดกลัวยิ่งยวด

ผนึกระดับบ่มเพาะของฉิงชุ่ยสลายตัวมันเองเมื่อเขากลับมา อีกทั้งพลังเทพต้นกำเนิดของเขาก็ไม่ได้หายไปจริงๆ มันแค่โดนระงับเอาไว้ด้วยผนึกเท่านั้น

หลังจากฟื้นฟูระดับบ่มเพาะมาได้ ฉิงขุ่ยไม่ได้อยู่กับปรมาจารย์จงเฉิน เขาหายตัวไปท่ามกลางดวงดาว ที่ไหนไม่มีใครทราบ

จากผิวเผินตอนที่ทั้งสองจากไปดูเหมือนว่าจะไม่ติดต่อสื่อสารกันเลย แต่หวังหลินรู้ได้ว่าฉิงชุ่ยจะออกมาตามหาเขา นอกจากนั้นฉิงชุ่ยยังไม่ได้ค้นความทรงจำของซวนเป่าเลย

เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในมิติว่าง หวังหลินรู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของลั่วเฉิน คลื่นด้านนอกผนึกหรือความลับของแดนสวรรค์ ทั้งหมดคือของใหม่ในความคิดหวังหลิน

สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงมากที่สุดก็คือลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า!

หวังหลินไม่เคยคาดเดาได้ว่าลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าจะไปกระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างสี่แดนสวรรค์!

‘มหาสงครามระหว่างสี่แดนสวรรค์มีความรุนแรงมากกว่าสงครามระหว่างทุกชั้นฟ้าและพันธมิตรเซียนแน่นอน…’ หวังหลินถอนหายใจ เคลื่อนตัวผ่านกลุ่มก๊าซและมองไปข้างหน้า เขาหันกลับมาและไม่ได้เคลื่อนไหว

วินาทีต่อมาระลอกคลื่นปรากฏขึ้นจากจุดที่เขากำลังมองอยู่ ฉิงชุ่ยเดินออกมามองหวังหลินด้วยสายตาชื่นชม

หวังหลินยิ้มขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ศิษย์พี่มาแล้ว”

“ตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติพอจะท่องดวงดาวได้แล้ว ข้าจึงสบายใจ” ฉิงชุ่ยก้าวเท้าออกมาเคียงข้างหวังหลิน

หวังหลินสังเกตกลิ่นคาวเลือดอันแข็งแกร่งจากร่างฉิงชุ่ยได้ เขารู้สึกคลุมเครือว่าระดับบ่มเพาะของฉิงชุ่ยแข็งแกร่งมากกว่าหลายวันก่อนหลายเท่าตัว!

“ระหว่างทางข้าได้ยินผู้คนกำลังพูดถึงเจ้า ข้าจึงเข้าไปฆ่าพวกเซียนพันธมิตรที่ซ่อนตัวได้ดีเยี่ยมพวกนั้น!” แม้ฉิงชุ่ยจะพูดเหมือนไม่มีอะไร หวังหลินรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่นอน!

ความจริงเป็นไปตามที่เขาอธิบาย ดินแดนสังหารแห่งพันธมิตรเซียนมีจุดประสงค์ในการไล่ล่าเทพสายฟ้าซิ่วมู่ แม้หวังหลินจะหายตัวไปในมิติว่าง พวกเขาไม่ได้ยอมแพ้และยังอยู่รอบๆ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้กระจัดกระจายเป็นวงกว้างแต่กลับแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใกล้ๆกับจุดที่พวกเซียนทุกชั้นฟ้าอยู่

อย่างไรก็ตามดินแดนสังหารนี้โชคร้ายนัก หนึ่งในกลุ่มนั้นไปเจอกับฉิงชุ่ยเข้า ทั้งหมดจึงถูกสังหาร แม้กระทั่งหัวหน้ากลุ่มก็โดนฉิงชุ่ยกลืนกิน

หวังหลินตบกระเป๋านำวิญญาณดั้งเดิมของซวนเป่าออกมา เขาโยนมันให้ฉิงชุ่ย

ฉิงชุ่ยรับเอาไว้และวางแขนขวาตรงระหว่างคิ้วของซวนเป่า พลังเทพต้นกำเนิดพรั่งพรูเข้าไปในแขนฉิงชุ่ยและซวนเป่าตื่นขึ้นมา เสียงกรีดร้องระเบิดขึ้นดังระงม วิญญาณดั้งเดิมชักกระตุก

ฉิงชุ่ยหลับตาไปสักพัก จากนั้นลืมตาขึ้นมามีชั้นน้ำแข็งปกคลุมใบหน้า เขาโยนวิญญาณของซวนเป่ากลับไปให้หวังหลิน

หวังหลินไม่พูดอะไรและรับวิญญาณซวนเป่าเอาไว้ วิญญาณดวงนั้นสูญเสียสติและเป็นแค่แหล่งพลังเทพดั้งเดิมเท่านั้น

อดีตเทพผู้ทรงเกียรติ น้องของเทียนเป่าจบลงเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือเป็นเซียน หากประมาทแม้เพียงเล็กน้อยก็จะจบลงอยู่ในสภาวะนี้ หากต้องการผลลัพธ์ที่ต่างกัน เมื่อนั้นจะต้องแข็งแกร่งที่สุด

หวังหลินเก็บวิญญาณดั้งเดิมเข้าไปในกระเป๋าและมองฉิงชุ่ย สีหน้าฉิงชุ่ยกลับคืนเป็นปกติแต่ยังแฝงความเหี้ยมโหดอยู่ภายใน เขาพบร่องรอยเบาะแสจากวิญญาณของซวนเป่าแล้ว!

ฉิงชุ่ยมองหวังหลินและเอ่ยขึ้นมา “ซิ่วมู่ ข้าจำเป็นจะต้องไปดินแดนสังหารของฝ่ายพันธมิตรเซียนเพื่อไปเอาของบางอย่าง เจ้าจะไปกับข้าไหม?”

หวังหลินขบคิดและเอ่ยขึ้นมา “ศิษย์พี่รอข้าสักสิบวันได้หรือไม่?”

ฉิงชุ่ยพยักหน้า “ตกลง ข้าจะรอเจ้าอีกสิบวัน!” ฉิงชุ่ยไม่เสียเวลาเปล่า เขาก้าวเท้าและหายตัวไปในความว่างเปล่า วินาทีนั้นจิตสังหารมหึมาก็หายวับในทันที!

หวังหลินถอนหายใจ เขารู้ว่าฉิงชุ่ยต้องเจอใครสักคนภายในวิญญาณของซวนเป่า หลังจากขบคิดเล็กน้อยหวังหลินก้าวเท้าปรากฏระลอกคลื่น ผสานตัวเข้ากับโลก

เหตุผลที่ขอเวลาสิบวันเพราะมีสองเรื่องที่เขาต้องทำ!

ในดินแดนเขตเหนือของพันธมิตรเซียนมีดาวเคราะห์เซียนอยู่ดวงหนึ่ง ดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ส่วนลึกของเขตเหนือและห่างไกลจากการต่อสู้หลายวันก่อน มันจึงไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ดาวเคราะห์ดวงนี้เต็มไปด้วยพลังปราณและปกคลุมด้วยผืนป่ากว้างใหญ่ไพศาล

มันคือดาวเคราะห์เซียนระดับเจ็ด!

รอบดาวดวงนี้มีดาวเคราะห์ดวงที่น้อยกว่าอีกสามดวงทำให้กลายเป็นดาวบริวาร

ดาวเคราะห์เซียนระดับเจ็ดดวงนี้ยังมีชื่อเรียกขานอันสวยงามว่า จันทราทมิฬ

พื้นที่ส่วนใหญ่ของดาวจันทราทมิฬปกคลุมอยู่ในผืนป่า ชาวบ้านธรรมดาจำนวนมากกระจายตัวไปทั่วดวงดาว สำนักหลากหลายแห่งยังอยู่ภายในภูเขามากมาย

ส่วนทิศใต้ของดาวมีภูเขาแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มันถูกเรียกกันว่าภูเขาสวรรค์ ภูเขาแห่งนี้สูงมากและด้านบนของมันถูกปกคลุมอยู่ในสายหมอก ไม่มีใครรู้ว่ายอดอยู่ตรงไหน

ทางเดินหินเล็กๆนำทางขึ้นไปสู่บนภูเขา ส่วนที่เหลือถูกซ่อนไว้ในก้อนเมฆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้คือแดนสวรรค์

ทุกเช้าจะมีเสียงระฆังดังกึกก้องจากยอดภูเขา นกน้อยสวยงามบินผ่านก้อนเมฆและเร่ร่อนไปในภูเขาสวรรค์ เสียงร้องของมันตัดเข้ากับเสียงระฆัง

ฉากเหตุการณ์นี้ราวกับออกมาจากรูปวาด สง่างามดุจสวรรค์ซ่อน

ต่อง…ต่อง…ต่อง…เสียงระฆังเจาะทะลวงก้อนเมฆแพร่กระจายออกมาจากยอดเขา ทำให้จิตใจผู้ฟังรู้สึกสงบสุข

ตีนเขามีหมู่บ้านของชาวบ้านอยู่แห่งหนึ่ง ที่นี่ไม่ได้มีผู้คนมากมายนัก มีราวๆร้อยครัวเรือนเท่านั้น หมู่บ้านเต็มไปด้วยต้นท้อและลำต้นกำลังเบ่งบาน สายลมรุนแรงพัดผ่านทำให้กลิ่นดอกท้อแพร่กระจาย

กลิ่นดอกท้อทำให้ผู้คนรู้สึกสงบ

เสียงระฆังดูเหมือนจะเป่าความหนาวเย็นของกลางคืนในยามเช้า ควันพวยพุ่งและเสียงสุนัขเห่าปรากฏขึ้น

ขณะควันลอยขึ้นไปในอากาศ ราวกับมันกำลังลบเลือนเศษเสี้ยวความมืดมิด มองไกลๆแล้วดุจภาพวาดกำลังเคลื่อนไหวและมีเขตแดนของตัวเอง

หวังหลินยืนอยู่ห่างไกลอย่างเงียบๆมองหมู่บ้านตรงหน้า

ควันขโมง ต้นท้อส่ายไปมาและบ้านเกือบร้อยหลังอยู่คงที่ สิ่งเคลื่อนไหวและคงที่ขัดแข้งกันและกันเหมือนชีวิตยุ่งๆเอ้อระเหย การรวมกันโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ทำให้หวังหลินทั้งรู้สึกคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน

สิ่งที่เขานึกถึงไม่ใช่หมู่บ้านเบื้องหน้าแต่เป็นช่วงชีวิตวัยเด็กตอนที่อยู่บนดาวซูซาคุ

“ต้นท้อเบ่งบานดอกสีขาว เด็กสาวจะไม่โดนตระกูลเซียนพาไป ปีก่อนบ้านหลางคนรุ่นสองขึ้นไปบนภูเขา ปีถัดมาบ้านหลางรุ่นแรกกลายเป็นถุงกระดูก ลูกสาวร้องไห้จนตาย…ต้นดอกท้อเบ่งบานดอกสีขาว เด็กๆไม่ควรถูกเซียนเต๋าพาไป หากพูดเรื่องอายุข้า ข้ายังไม่เจอเต๋าของตัวเอง เสียงสุนัขเห่า แมวข่วน เกรงกลัวผู้ใช้เต๋ากลับมา”

น้ำเสียงเด็กอ่อนเยาว์ดังเข้าหูหวังหลินพร้อมกับเสียงกระดิ่ง เด็กผู้หนึ่งสวมเสื้อผ้ารัดแน่นขี่บนวัวมุ่งไปทางหมู่บ้าน

จมูกวัวเจาะรูแขวนห่วงเหล็กพร้อมกระดิ่งหนึ่งคู่ ขณะที่วัวเดินไปกระดิ่งกระทบกันจนเกิดเสียง ด้านหลังเป็นลูกวัวเดินตามกันหลายตัว

เด็กคนนั้นเห็นหวังหลินแต่ไม่เกรงกลัว เขาร้องเสียงฮึมฮำต่ไปและค่อยๆเข้ามาหาหวังหลิน เด็กคนนั้นเงยศีรษะขึ้นพลางเอ่ยเสียงด้วยดวงตากลมโต “ลุง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่หล่ะ? หลงทางใช่ไหม?”

หวังหลินยิ้มและพยักหน้า “ที่นี่คือที่ไหน?”

เด็กหนุ่มชี้ไปตรงหน้าและเอ่ยน้ำเสียงอ่อนเยาว์ “ที่นี่คือหมู่บ้านดอกท้อ!” เขาเอ่ยขึ้นมานั่งบนวัวเดินเข้าไปในหมู่บ้าน มีแต่เพียงเสียงฮึมฮำดังสะท้อนต่ไปเรื่อยๆ…

หวังหลินถอนหายใจ เมื่อไหร่ที่เสียงฮึมฮำดังเข้าหู ความเศร้าเล็กๆพวยพุ่งขึ้นมาภายใน หวังหลินพึมพำ “ดาวจันทราทมิฬ หมู่บ้านล่างภูเขาสวรรค์…น่าจะเป็นที่นี่แหละ”

เสียงจากชายชราใกล้ตายจึงคิดถึงบ้านดังสะท้อนอยู่ในหูหวังหลิน

“โปรดนำเถ้าของข้ากลับไปที่ดาวจันทราทมิฬในดาราจักรพันธมิตรเซียน มีภูเขาหนึ่งเรียกกันว่าภูเขาสวรรค์ ข้าจำได้ว่ามีหมู่บ้านหนึ่งใต้ภูเขา โปรดนำเถ้าของข้าไว้ที่นั่น…”[1]

1. ซุนไท่ ผู้อาวุโสสำนักซากศพ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!