ตอนที่ 1018 ลงโทษ
แววตาเซียวจิ่งมีแต่ความงงงัน เขาคิดมาตลอดว่าเสด็จแม่รักเสด็จพ่อ ดังนั้นจึงได้คิดทำให้พวกเขาคืนดีกัน แต่มาถึงตอนนี้ เขาจึงได้รู้กระจ่างเรื่องหนึ่ง เสด็จแม่อาจไม่ได้รักเสด็จพ่อ หากนางรัก จะใจร้ายโหดเหี้ยมวางยาพิษเสด็จพ่อได้อย่างไร นางคิดสังหารเสด็จพ่อ
เซียวจิ่งปวดปลาบในใจจนกล่าวไม่ออก ไม่กล้ามองเสด็จพ่อตนเองอีก
ในฐานะรัชทายาท แต่เล็กเขาได้รับการอบรมสั่งสอน เขารู้ว่าตนเองได้กระทำผิดพลาดใหญ่หลวงไม่อาจให้อภัยได้ เซียวจิ่งลงคุกเข่าทันที “หม่อมฉันผิดไปแล้ว ขอเสด็จพ่อปลดหม่อมฉันจากตำแหน่งรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
หวังเมิ่งเหยาได้ยินคำพูดรัชทายาท ก็ส่งเสียงร้องแหวดังขึ้น “ไม่ได้ ไม่ได้นะเพคะ ฝ่าบาท จิ่งเอ๋อร์มีสถานะทายาทสายโลหิตสายตรงแห่งแคว้นต้าโจว เขาคือรัชทายาทแคว้นต้าโจว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ขอฝ่าบาททรงละเว้นจิ่งเอ๋อร์สักครั้ง หม่อมฉันยินยอมรับโทษประหารเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋มองนางด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ค่อยๆ เอ่ยวาจาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า “เจ้าคิดว่าชีวิตเจ้ามีค่าเพียงพอหรือ ตายเพื่อชดใช้ความผิดที่คิดสังหารฮ่องเต้ ยังคิดใช้ความตายปกป้องสถานะรัชทายาท ใช้ความตายปกป้องความผิดตระกูลหวัง”
ในใจเซียวเหวินอวี๋คับแค้นอย่างที่สุด อย่าว่าแต่เขาและนางรักกันมานานหลายปี แม้เป็นคนแปลกหน้าก็ไม่อาจทำลายเอาชีวิตผู้อื่นเช่นนี้
“ทหาร จับคนตระกูลหวังทุกคนเข้าคุกหลวง ปลดตำแหน่งรัชทายาทส่งไปสุสานหลวง ฮองเฮาไม่คู่ควรเป็นฮองเฮา ปลดเป็นสามัญชน พระราชทานสุราพิษ”
หวังเมิ่งเหยาคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะหนักหนาสาหัสเช่นนี้ ส่งเสียงร้องตกใจขึ้นว่า “ฝ่าบาท ทรงทำเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ”
ในตำหนัก เซียวเหวินอวี๋ไม่อยากมองนางอีก ออกคำสั่งดุดันทันที “นำตัวนางไปตำหนักเฉาหยางกง พระราชทานสุราพิษ”
โจวโย่วจิ่นรีบให้คนลากตัวหวังเมิ่งเหยาออกไป หญิงเหิมเกริมเช่นนี้ถึงกับกล้าวางยาพิษฝ่าบาท ไม่ลองคิดดูว่านางเป็นแค่สตรีสามัญ ได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาท ควรดีใจจึงจะถูกต้อง ปรากฏว่านางถึงกับกล้าวางยาพิษฝ่าบาท ไม่ใช่เพราะคิดว่านางมีบุตรชายหรือ
ยามนี้ดีเลย บุตรชายนางถูกปลด ตนเองได้รับพระราชทานสุราพิษ
หวังเมิ่งเหยาทนรับความกระทบกระเทือนจิตใจนี้ไม่ไหว เป็นลมหมดสติไปอีกครั้ง
ตอนโจวโย่วจิ่นให้คนลากตัวหวังเมิ่งเหยาออกไป ขันทีนอกประตูก็เข้ามารายงาน โจวโย่วจิ่นดีใจรีบวิ่งเข้าไปในตำหนัก ทูลว่า “ฝ่าบาท ใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋วเข้าวังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พอเซียวเหวินอวี๋ได้ยินก็ดีใจมาก รีบให้คนไปเชิญเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเข้ามา
“รีบไปเชิญพวกเขาเข้ามา”
โจวโย่วจิ่นพาฮองเฮาออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวย่อมเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้
ทั้งสองคนอดเป็นห่วงไม่ได้ ก้าวเข้าไปถามโจวโย่วจิ่น “ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง เป็นอันใดหรือไม่”
โจวโย่วจิ่นรายงานนอบน้อมว่า “เรียนใต้เท้าเซี่ย ฮูหยินโจวกั๋ว ฝ่าบาทไม่ค่อยดีนัก”
เขากล่าวจบก็เอ่ยอีกว่า “ฝ่าบาทให้ทั้งสองท่านเข้าเฝ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก้าวเข้าไปในพระตำหนัก ยามนี้มีขุนนางแคว้นต้าโจวยืนกันอยู่ไม่น้อย คนเหล่านี้พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็โล่งอก
วิชาการแพทย์ฮูหยินโจวกั๋วร้ายกาจมาก คิดว่าฝ่าบาทคงไม่เกิดเรื่องอันใดแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเข้ามาถึง รัชทายาทก็เอ่ยเรียกขึ้นก่อน “ท่านปู่ ท่านย่า”
กล่าวจบก็ขอบตาแดงก่ำ จากนั้นก็ร้องไห้ขึ้นมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมองเขาทีหนึ่ง ไม่ได้คิดสนใจแม้แต่น้อย ทั้งสองคนเดินไปตรงหน้าเซียวเหวินอวี๋ จากนั้นหลังถวายบังคมเสร็จ ลู่เจียวก็รีบถามว่า “ฝ่าบาท ไม่เป็นอันใดใช่ไหมเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋ส่ายหน้า “เราไม่เป็นอันใด แต่หมอหลวงฉีไม่ค่อยดีนัก ฮูหยินโจวกั๋วตรวจอาการให้หมอหลวงฉีสักหน่อย ดูว่าช่วยชีวิตเขาได้หรือไม่”
สีหน้าฉีเหล่ยซีดเซียวสลบไปแล้ว ลู่เจียวมองเซียวเหวินอวี๋สองสามที พบว่าแม้ว่าซูบผอม แต่ยังดีอยู่ ไม่ได้มีอันใด นางจึงหันหลังเดินไปหาหมอหลวงฉี เริ่มตรวจอาการให้หมอหลวงฉี พบว่าฉีเหล่ยถูกพิษจริง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงแก่ชีวิต
ลู่เจียวรีบนำโลหิตเขาออกมาแยกวิเคราะห์พิษที่ปะปนอยู่
ทุกคนในพระตำหนักต่างรอคอยเงียบๆ
โจวโย่วจิ่นพาคนนำศพนางข้าหลวงใหญ่อวิ๋นซินออกไป
มิผิด อวิ๋นซินตายเร็วมาก เพราะนางกินยาพิษลงไป ดื่มลงไปก็จะตายทันที
เซียวเหวินอวี๋เห็นทุกอย่างดังนี้ก็มีราชโองการ “ปิดตำหนักเฉาหยางกง พระราชทานสุราพิษให้ฮองเฮาตรวจสอบทุกคนในตำหนักเฉาหยางกง”
เขามองข้ามซั่งกวนเฮ่อไปจริงๆ คนผู้นี้ ถึงกับยื่นมือเข้ามาถึงนางข้าหลวงใหญ่ข้างกายฮองเฮาได้
คิดว่านอกจากหญิงผู้นี้ ในตำหนักฮองเฮาย่อมยังมีคนของซั่งกวนเฮ่อ เขาต้องสืบหาตัวคนเหล่านี้ออกมาให้หมด ต้องตรวจสอบทั้งหมดอีกครั้ง
ไม่นานลู่เจียวก็แยกแยะพิษในโลหิตของฉีเหล่ยได้ รู้แหล่งที่มาของพิษแล้ว
“ทูลฝ่าบาท หมอหลวงฉีโดนพิษบุปผาพิษเจียหลัวในป่าลึกแดนใต้ บุปผาเจียหลัวนี้ไร้สีไร้กลิ่น ยามเข้าใกล้จึงทำให้ถูกพิษได้ง่าย หากกินเข้าไปก็จะตายทันที แม้หมอหลวงฉีถูกพิษ แต่เพราะไม่ได้กินลงไป พิษนี้จึงยังไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมากนักในตอนนี้ หม่อมฉันจะรีบถอนพิษให้เขาเพคะ”
“ได้”
เซียวเหวินอวี๋โล่งอก เอ่ยขึ้นว่า “ฮองเฮาทายาพิษไว้บนตัวรัชทายาท ทำให้หมอหลวงฉีและเราเองถูกพิษ”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบ ทุกคนในตำหนักต่างมองไปยังฮ่องเต้ ในนาทีนี้ทุกคนพบว่าสีหน้าฮ่องเต้หนุ่มซีดเซียวอย่างมาก ดังนั้นแม้ว่าฝ่าบาทดูแล้วไม่เป็นอันใด ความจริงเขาเองก็ถูกพิษ
ในเวลานี้ทุกคนต่างมองไปยังรัชทายาทด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
รัชทายาทร้องไห้เอ่ยว่า “เสด็จพ่อ หม่อมฉันมีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋มองรัชทายาทด้วยสีหน้าเย็นเยียบ เอ่ยว่า “เราเคยบอกเจ้านานแล้วว่า เจ้าอย่าไปหาเสด็จแม่เจ้า แต่เจ้ากลับไม่ฟัง แอบลอบไปให้ได้ ตอนนี้เจ้าทำความผิดใหญ่หลวงเพราะเสด็จแม่เจ้า ล้วนเป็นผลที่เจ้าควรต้องรับไว้เอง”
เขากล่าวจบก็ไม่คิดมองเซียวจิ่งอีก มีราชโองการทันที “ทหาร รีบนำรัชทายาทเดินทางไปสุสานหลวง ชีวิตนี้ห้ามออกจากสุสานหลวงแม้แต่ก้าวเดียว”
ในที่สุดเซียวจิ่งยืนไม่ติด ร่างโงนเงนทรุดลงนั่งกับพื้นร่ำไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด
นอกพระตำหนักองครักษ์รีบเข้ามาดึงตัวเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
ในพระตำหนัก ความจริงในใจเซียวเหวินอวี๋เองก็ปวดร้าว มองตามแผ่นหลังเซียวจิ่งไปอย่างเงียบงัน
ตั้งแต่เซียวจิ่งเพิ่งจะเกิดมาจนโตเป็นเด็กหนุ่ม เขาได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อย แต่เขาไม่เข้าใจว่า เหตุใดสุดท้ายเซียวจิ่งยังคงเป็นเช่นนี้ หากใจเซียวจิ่งเชื่อมั่นในตัวเขามากกว่านี้ก็คงไม่เดินมาถึงขั้นนี้
ความจริงตามธรรมเนียมแล้ว เซียวจิ่งต้องโดนโทษประหาร แต่เขาตัดใจไม่ลง เขาได้แต่ส่งบุตรชายไปเฝ้าสุสานหลวงแทน
เซียวเหวินอวี๋สั่งให้คนพาตัวเซียวจิ่งไปส่ง คืนนั้นมีราชโองการหลายฉบับ
หนึ่ง ฮองเฮาปองร้ายฝ่าบาท ปลดจากตำแหน่งฮองเฮา พระราชทานสุราพิษ
สอง รัชทายาทเซียวจิ่งถูกปลดส่งไปเฝ้าสุสานหลวง
สาม ตระกูลหวังถูกคุมตัวเข้าคุกหลวงมอบให้ซานซือตัดสิน หากไม่ได้ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ก็จะถูกเนรเทศไปด่านชายแดน ไม่อาจย่างกรายเข้าสู่เมืองหลวงชั่วชีวิต
หากตระกูลหวังร่วมก่อเหตุครั้งนี้ก็จะต้องประหารเก้าชั่วโคตร
ราษฎรแคว้นต้าโจวได้รู้เรื่องนี้อย่างรวดเร็ว แต่ละคนตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดฮองเฮาต้องวางยาพิษฝ่าบาท ได้ยินว่าฝ่าบาทดีต่อฮองเฮามาก มีบุตรด้วยกันถึงสามคน เหตุใดจึงใจร้ายวางยาพิษฝ่าบาทได้ลงคอ
ฝ่าบาทน่าสงสารจริง