Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 1066

ตอนที่ 1066 ปิดบัง

เซียวเหวินอวี๋ได้ยินยังจะมีอันใดไม่เข้าใจ คนที่เป็นที่พึงใจของบุตรสาวก็คงมีเพียงคุณชายตระกูลฟู่ผู้นี้เท่านั้น เดิมก็ไม่ได้มีอันใด แต่พอคิดถึงว่าฟู่หลินอาจมีประสบการณ์บางอย่างเหมือนมารดาเขา เซียวเหวินอวี๋ก็เป็นห่วง หากคนผู้นี้คิดเป็นใหญ่ บุตรสาวมาพบเจอคนเช่นนี้ใช่ว่าโชคร้ายไหม

เซียวเหวินอวี๋กำลังคิดเอ่ยต่อ ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็เอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท ทุกคนต่างเหนื่อยล้าแล้วเพคะ ให้ทุกคนออกจากวังหลวงไปก่อนนะเพคะ”

เซียวเหวินอวี๋ได้สติขึ้นมา สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งบุตรสาวเอ่ยมากเท่าไร ก็ยิ่งล่วงเกินคนมากเท่านั้น วันหน้าตาแก่เหล่านี้ก็จะแค้นใจบุตรสาวตน

เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิดแล้วก็หันหน้าไปรับสั่งว่า “เอาละ วันนี้งานเลี้ยงในวังก็จบลงเพียงเท่านี้ก่อน ทุกคนกลับออกจากวังไปได้แล้ว”

บรรดาขุนนางในราชสำนักพากันลุกขึ้นรวดเร็ว ถวายบังคมลาฝ่าบาททันที พวกเขาเกรงว่าหากช้าไปอีกนิด บุตรชายตนเองอาจถูกรัชทายาทวิจารณ์จนไม่เหลือค่าแม้แต่แดงเดียว

เชอะ บุตรชายตระกูลพวกเขาไหนเลยจะอัปลักษณ์ ไหนเลยจะอ้อนแอ้นดังอิสตรี ไหนเลยเลยเอาแต่จับจ้องมองรัชทายาท

ฟู่หลินอยู่เป็นคนสุดท้าย เซียวเหวินอวี๋มองเขาแล้วไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกโมโห กล่าวน้ำเสียงดุดันว่า “คุณชายใหญ่ตระกูลฟู่ใหญ่อยู่ก่อน”

เซียวหวงเป็นห่วงว่าเซียวเหวินอวี๋จะคิดบัญชีฟู่หลิน อดเอ่ยเรียกไม่ได้ “เสด็จพ่อ”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยื่นมือไปดึงนางไว้ กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เสด็จพ่อเจ้าจะไม่ทำให้เขาลำบากใจ”

แม้ว่านางเองรู้กระจ่างใจดีว่า เหตุใดฝ่าบาทเห็นฟู่หลินแล้วขัดพระทัย แต่เชื่อว่าฝ่าบาทจะไม่มีเรื่องกับคนนอกจนขัดแย้งกับบุตรสาวตนเอง

เซียวหวงได้ฟังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็รีบมองไปยังเสด็จพ่อตนเอง เสด็จพ่อกำลังมองนางอย่างไม่พอใจ

เซียวหวงรีบเขยิบเข้าไปใกล้เซียวเหวินอวี๋รั้งแขนเสื้อเขาพลางออดอ้อนว่า “เสด็จพ่อ หม่อมฉันอยากบอกว่าหากเขาทำให้เสด็จพ่อทรงกริ้ว ก็ลงโทษเขาได้เลย หม่อมฉันจะไม่คิดสงสารเขา”

เซียวเหวินอวี๋แค่นเสียงฮึเยียบเย็น “ฮึ”

กล่าวจบลุกขึ้นมองฟู่หลินทีหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไป

ฟู่หลินเดินตามไปอย่างว่าง่าย ท่าทางเช่นนั้นดังสะใภ้แต่งเข้าบ้านสามี

เซียวหวงเป็นห่วงอย่างมาก ถามซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนว่า “เสด็จพ่อคงไม่ทรงหาเรื่องเขากระมังเพคะ”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยื่นมือไปจิ้มหน้าผากบุตรสาว “จริงๆ เลย บุตรสาวเลี้ยงโตมาแล้วก็เห็นคนนอกดีกว่า เสด็จพ่อรักเจ้ามาเพียงใด พอเจ้ามีชายในดวงใจก็เอนเอียงไปหาเขาทันที”

เซียวหวงดึงมือซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมาออดอ้อนด้วยท่าทางเขินอาย กล่าวว่า “เสด็จแม่ หม่อมฉันเปล่านะเพคะ อย่าได้ทรงใส่ความหม่อมฉัน”

สองแม่ลูกพากันหัวเราะดังขึ้นมา

ในห้องทรงอักษร

เซียวเหวินอวี๋ลงนั่งแล้วก็มองฟู่หลิน กล่าวว่า “ว่ามา แท้จริงเจ้าคิดการใดกันแน่ หรือว่าเจ้าเป็นปีศาจร้ายผุดมาจากที่ใด”

ฟู่หลินได้ยินก็นิ่งตะลึง สงสัยว่าตนเองฟังผิด เงยหน้ามองไปยังฮ่องเต้ ปรากฏเห็นสีพระพักตร์ฮ่องเต้ยังคงเป็นปกติ

ฟู่หลินรู้สึกตื่นตกใจอย่างมาก ฮ่องเต้สงสัยว่าเขาเป็นวิญญาณมาสิงสถิต แต่กลับไม่รู้สึกตกพระทัย นับว่าเป็นเรื่องน่าตื่นตกใจจริงๆ

แต่พอฟู่หลินคิดถึงว่าเซียวหวง ไม่อยากให้ฮ่องเต้และฮองเฮารู้พวกเขามาจากที่ใด เขาย่อมไม่บอก

ฟู่หลินมองเซียวเหวินอวี๋ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ถามว่า “กระหม่อมขอทูลถาม ฝ่าบาททรงหมายความเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเหวินอวี๋เดิมคิดให้โอกาสฟู่หลิน ให้เขาบอกว่าเขามาจากที่ใด หากไม่มีอันใดปิดบัง ไม่แน่ว่าเขาอาจไตร่ตรองดูสักหน่อย แต่ปรากฏว่าคนผู้นี้ถึงกับไม่ยอมพูด

เซียวเหวินอวี๋ไม่พอใจ ไม่ยอมมองฟู่หลินต่อ โบกมือให้เขาออกไปทันที ฟู่หลินมองออกว่าเซียวเหวินอวี๋ ไม่พอใจ เขาก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา

ไม่ว่าอย่างไรอาหวงก็รักบิดามารดาในภพนี้มาก เขาต้องทำให้ฮ่องเต้ทรงยอมให้เขาแต่งกับอาหวงให้ได้

ฟู่หลินครุ่นคิดแล้วก็ลงคุกเข่า “ฝ่าบาท กระหม่อมอยากแต่งกับรัชทายาทจริงๆ ชีวิตนี้จะจงรักภักดีต่อรัชทายาท ปกป้องนาง คุ้มครองนาง ขอฝ่าบาททรงอนุญาตด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเหวินอวี๋ตวาดเย็นเยียบอย่างไม่เกรงใจทันที “เจ้าไม่คู่ควร ออกไปได้แล้ว”

ฟู่หลินในฐานะศิษย์เอกผู้อาวุโสสำนักเซียวเหยาภพก่อน เคยต้องทนรองรับอารมณ์เมื่อใดกัน ยามนี้สีหน้าอดแปรเปลี่ยนไม่ได้ แววตาพลันคุกรุ่นไปด้วยไฟโทสะ แต่พอคิดถึงสถานะเซียวเหวินอวี๋ ก็ทนอดกลั้นลงได้ ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินออกไป พอเขาเดินถึงหน้าประตูก็หยุดลง มองเซียวเหวินอวี๋กล่าวว่า “กระหม่อมจะทำให้ฝ่าบาทได้เห็นความรักของกระหม่อมที่มีต่อนาง”

พวกเขาล้วนเป็นคนที่รักอาหวง ดังนั้นเขายินดีทำให้ฝ่าบาทได้รู้ว่าเขารักอาหวงไม่ได้น้อยไปกว่าเขา แต่ยังมากยิ่งกว่า

ตกค่ำ เซียวเหวินอวี๋กลับตำหนัก ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนคุยกับเขาเรื่องฟู่หลิน

“ก่อนหน้านี้เห็นฝ่าบาทไม่ได้มองเขาแง่ร้ายเช่นนั้น เหตุใดพอได้พบหน้ากันกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้เพคะ”

เซียวเหวินอวี๋มองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกล่าวว่า “คุณชายใหญ่ตระกูลฟู่เดิมเป็นคนปัญญาอ่อน ตามหลักการแล้วแววตาควรกระจ่างใสดังกระดาษขาวถึงจะถูกต้อง แต่ก่อนหน้านี้เราเห็นแววตาเขากลับเหมือนลุ่มลึกยากหยั่งถึง คนผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา เกรงว่าเขามีที่มาไม่ธรรมดา”

พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็เป็นห่วงขึ้นมา “เช่นนั้นฝ่าบาททรงพาเขาไปห้องทรงอักษร เขาได้บอกเล่าที่มาของเขาหรือไม่เพคะ”

“เปล่า เราสงสัยว่าเขามีใจคิดการอื่น ดังนั้นจึงได้ห้ามไม่ให้หวงเอ๋อร์แต่งกับเขา แต่ไรมาผู้ชายก็มีใจคิดครอบครองความเป็นใหญ่ คนผู้นี้มีอุบายในใจ เจ้าดู แค่เพียงเวลาสั้น อาหวงถึงกับชอบเขาและต้องการแต่งกับเขาเพียงผู้เดียว คนผู้นี้ฝีมือร้ายกาจมากเกินไป เราไม่เห็นด้วยที่จะให้อาหวงแต่งกับเขา”

นอกจากเป็นห่วงเซียวหวงโดนหลอกแล้ว ยังเป็นห่วงแคว้นต้าโจว หากสืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้แคว้นต้าโจวมาแล้วก็ควรรับผิดชอบ ไม่อาจปล่อยให้ตกอยู่ในมือผู้คิดการไม่ซื่อ

ครั้งนี้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่ได้ดึงดันจะให้เซียวหวงแต่งกับฟู่หลินอีก นางเพียงแค่เอ่ยเตือนเซียวเหวินอวี๋ “แม้ว่าพวกเราคัดค้าน ก็ไม่อาจคัดค้านกับหวงเอ๋อร์อย่างเปิดเผย อย่าได้ต้องมีเรื่องทำลายความรักผูกพันระหว่างสายโลหิตกันเพราะคนนอกเพียงคนเดียว พวกเราทำให้หวงเอ๋อร์ได้เห็นความคิดเป็นใหญ่ของคนผู้นี้ได้ ตอนนี้นางเพิ่งจะอายุสิบห้า ยังไม่ร้อนใจต้องแต่งงาน ดังนั้นอย่าได้ทรงร้อนพระทัยไปเพคะ”

“ได้ ข้าจะทำให้หวงเอ๋อร์ได้เห็นความคิดเป็นใหญ่ของคนผู้นี้”

เดิมเซียวหวงเป็นห่วงว่าเซียวเหวินอวี๋จะบังคับให้นางเลือกคู่ครอง

ปรากฏพบว่าเสด็จพ่อมิได้ทรงทำเช่นนั้น คล้ายว่าทรงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่ได้ถามนางเรื่องนี้อีก

เซียวหวงดีใจที่ไม่ทรงเอ่ยถึงเรื่องนี้ บรรดาสตรีที่ถูกขับไล่ไปจากเมืองหลวงก่อนหน้านี้ทยอยกันเดินทางกลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง ระยะนี้นางต้องยุ่งกับงานในสำนักหงเหวินก่วน ดังนั้นจึงไม่รีบร้อนใจแต่งงานในตอนนี้

วันนี้สำนักหงเหวินก่วนมีหญิงฝีมือยุทธ์ร้ายกาจผู้หนึ่งมาถึง ตระกูลหญิงผู้นี้เปิดสำนักฝึกยุทธ์ เดิมตระกูลมีเงินทอง แต่ต่อมาสำนักยุทธ์ถูกคนถล่ม บรรดาศิษย์ในสำนักถูกทำร้ายบาดเจ็บ เงินทองก็ร่อยหรอหมดสิ้น

ในตอนนั้นเอง นางก็ได้ทราบราชโองการที่รัชทายาทประกาศ นางจึงได้นำคนในครอบครัวเดินทางมาเมืองหลวงเพื่อร่วมการสอบ ตำแหน่งที่นางสอบก็คือมือปราบศาล

แม้ว่ามือปราบไม่นับว่าเป็นตำแหน่งที่เป็นเรื่องเป็นราว แต่หากนางได้เป็นมือปราบ ตระกูลนางก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคนมีอิทธิพลมาหาเรื่อง

ตระกูลพวกนางก็ขาดแต่คนมีอิทธิพลหนุนหลัง

เซียวหวงสั่งให้เจี้ยงเสวี่ยลงไปทดสอบนางด้วยตนเอง พบว่าหญิงผู้นี้ฝีมือไม่เลวอย่างมาก นางจึงได้ออกข้อสอบอีกชุด สอบคุณสมบัติการเป็นมือปราบ หญิงผู้นี้ถึงกับตอบได้ไม่เลว เซียวหวงพึงพอใจมาก ยอมให้นางสอบผ่าน

วันนี้นอกจากหญิงผู้นี้สอบผ่านแล้ว ยัง มีหญิงอีกสองสามคนก็สอบผ่านมาด้วย หญิงเหล่านี้จะถูกนางส่งไปรับตำแหน่งในพื้นที่ต่างๆ แม้ว่าไม่นับว่าเป็นตำแหน่งสำคัญอันดับต้น แต่ก็นับได้ว่าเป็นก้าวแรกแห่งการเข้าสู่วงการขุนนางอย่างเป็นทางการ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version