Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 379

ตอนที่ 379 มีชื่อขึ้นป้ายประกาศ

จางปี้เยียนแทบจะระเบิดออกมาอย่างทนไม่ไหว มารดาเจ้าสิ ไม่คิดให้ผู้อื่นอยู่ดีมีสุขหรืออย่างไร

ลู่เจียวยิ้มละไมส่งนางกลับออกไป เหมือนไม่รู้ว่าตนเองกล่าวผิดอะไร

จางปี้เยียนรู้สึกหายใจไม่ออก สุดท้ายได้แต่สีหน้าดำคล้ำเดินไปถึงเรือนด้านหน้าก็เรียกหลี่เหวินปิน กลับ

เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังเชิญหลี่เหวินปินให้อยู่ต่อตามมารยาท หลี่เหวินปินยิ้มกล่าวอำลาแล้วก็จากไป

ปรากฏพอขึ้นรถม้า จางปี้เยียนก็มองหลี่เหวินปินด้วยสีหน้าเย็นเยียบ กล่าวเสียดสีว่า “คนเขาเป็นซิ่วไฉ เจ้าเองก็เป็นซิ่วไฉ คนเขาได้เป็นที่ปรึกษาหลังม่านของนายอำเภอหู ผู้คนให้ความเคารพ ทั่วอำเภอชิงเหอผู้ใดไม่รู้ว่าเซี่ยซิ่วไฉช่วยนายอำเภอหูขจัดขุนนางโกงกินไปสองคน ส่วนเจ้า ไม่ได้ความสักเรื่องก็แล้วไป วัน ๆ ยังเอาแต่เสแสร้งไปเรื่อย”

จางปี้เยียนกล่าวจบก็ไม่มองหลี่เหวินปินอีก สั่งการคนขับรถม้าด้านนอก “กลับ”

คนขับรถม้าตระกูลจางรับคำแล้วก็เคลื่อนรถม้า

ในบ้านตระกูลเซี่ย ลู่เจียวเล่าเรื่องที่จางปี้เยียนมอบโสมคนและเห็ดหลินจือให้นางให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟัง

“เจ้าไม่รู้หรอกว่าตอนนางหยิบของพวกนั้นออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร ข้ามองแล้วก็รู้สึกขำมาก นางน่าจะรู้สึกว่าชีวิตข้าไม่เคยเห็นของดีเช่นนี้ แต่พอเห็นข้าทำนิ่ง ถึงกับอธิบายเองว่านี่คือโสมคนและเห็ดหลินจือ หลายสิบปี”

ลู่เจียวเล่าอย่างรู้สึกขำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนางด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู กล่าวว่า “เจ้าคงตบหน้านางไปแล้วแน่เลย”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าใจนิสัยลู่เจียว

ลู่เจียวพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าก็ให้เฝิงจือไปเอาโสมคนและเห็ดหลินจือหลายสิบปีบ้านเราออกมาตอนนั้นเลย”

ลู่เจียวเล่าจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ถามอย่างสงสัยว่า “ก่อนหน้านี้บ้านเราขุดเห็ดหลินจือได้ เจ้าขายไปแล้วไม่ใช่หรือ”

ลู่เจียวอึ้งไป ก่อนจะหัวไวคิดได้ ยิ้มร่ากล่าวว่า “ความจริงต่อมาข้าไปขุดโสมคนและเห็ดหลินจือได้มาอีก แต่ไม่ได้ขาย เก็บไว้เผื่อใช้ ป้องกันไว้ก่อน หากมีคนป่วยขึ้นมาแล้วต้องใช้”

พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ไม่ได้สงสัย กลับเป็นลู่เจียวที่เห็นเขาไม่ได้สงสัยแม้แต่น้อยก็รู้สึกผิดเอง

แต่เรื่องห้วงอากาศนี้สำคัญมาก ตอนนี้นางยังไม่อาจพูดออกมาได้ รอให้นางตัดสินใจอยู่ร่วมกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นก่อนจึงค่อยบอกเขา

ลู่เจียวเปลี่ยนบทสนทนาไปพูดถึงเรื่องจางปี้เยียนชวนนางไปเดินเที่ยวร้านรวงในตลาด

“ข้าว่าตระกูลจางคิดดึงพวกเราไปเป็นพวก พวกเราต้องระวังหน่อย”

“อืม”

ทั้งสองคนกล่าวจบก็ไม่พูดเรื่องนี้อีก ลู่เจียวแกะแผลเซี่ยอวิ๋นจิ่นออกมาใส่ยาใหม่

วันที่สิบสาม เดือนเก้า เริ่มการสอบย่วนซื่อ

การสอบย่วนซื่อจัดที่เมืองหนิงโจวรวมสามวัน สอบติดต่อกันสามรอบ รอบแรกสอบคัมภีร์โบราณก่อน จากนั้นก็สอบสี่ตำราห้าคัมภีร์ของขงจื่อ ตำราธรรมเนียมพิธีกรรมเจาฟู่และตำราต้าฟู่ ก่อนจะสอบรอบหลัก

หลังสอบสามวันก็จะขึ้นป้ายประกาศผลการสอบ

ตระกูลเซี่ยไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับการสอบครั้งนี้ เพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ร่วมสอบ คนที่บ้านก็ไม่ได้รู้สึกเคร่งเครียดอะไร

แต่ตอนจะไปดูประกาศ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็นึกห่วงใยขึ้นมา ประการแรก ก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับเงินช่วยนักเรียนทบทวนตำรา ในใจเขาเองก็อยากให้สอบได้สักสองสามคน

ประการที่สอง เขาเองก็อยากรู้ว่าหันถงกับจ้าวหงบุตรชายมือปราบจ้าวข้างบ้านจะสอบได้ไหม

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดาว่าน่าจะได้เวลาขึ้นป้ายประกาศแล้วก็ส่งโจวเส้ากงไปรอที่ที่ว่าการอำเภอ พอป้ายประกาศสีแดงติดขึ้นมาก็ให้ดูว่ามีชื่อหันถงกับจ้าวหงไหม

โจวเส้ากงเช้ามาก็ขับรถม้าไปเฝ้าที่หน้าประตูที่ว่าการอำเภอ

วันนี้มือปราบจ้าวข้างบ้านเองก็ไม่ทำอะไรทั้งนั้น วิ่งไปเฝ้าอยู่หน้าประตูที่ว่าการอำเภอเช่นกัน

หน้าประตูที่ว่าการอำเภอมีนักเรียนและบรรดาเครือญาติรุมล้อมอยู่ไม่น้อย

เมื่อก่อนอำเภอชิงเหอสอบผ่านสองสามคนก็ไม่เลวแล้ว บางครั้งถึงกับไม่มีสักคน

แต่วันนี้พอติดป้ายประกาศสีแดงขึ้น หน้าประตูที่ว่าการอำเภอก็พลันมีคนส่งเสียงดังกันขึ้นทันที

เพราะวันนี้อำเภอชิงเหอสอบติดถึงสิบเอ็ดคน นี่เป็นจำนวนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์อำเภอชิงเหอ

ไม่เพียงแต่นักเรียนและบิดามารดานักเรียนที่ว่าการอำเภอหน้าประตูจะตื่นเต้นดีใจ แม้แต่นายอำเภอหูเองก็ตื่นเต้นด้วยเช่นกัน

นี่คือความดีความชอบของเขา ถือว่าเป็นความดีความชอบของเขา

พอโจวเส้ากงอ่านประกาศแล้วก็รีบขับรถม้าเร่งกลับบ้านตระกูลเซี่ยไปรายงานเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว

“เรียนคุณชาย คุณชายหันถงกับคุณชายจ้าวหงมีชื่อขึ้นป้ายประกาศทั้งคู่ คุณชายจ้าวหงเป็นชื่อสุดท้าย”

โจวเส้ากงเพิ่งกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวยังไม่ทันได้ดีใจ มือปราบจ้าวกับหลูเหนียงจื่อก็ก้าวเข้ามาแล้ว

“อวิ๋นจิ่น ขอบคุณเจ้ามาก ขอบคุณเจ้าที่ช่วยจ้าวหงทบทวนตำรา ทำให้เขาโชคดีสอบได้เป็นซิ่วไฉแล้ว”

จ้าวหงเกือบสอบตก หากไม่ใช่อวิ๋นจิ่นคอยชี้แนะเขา ครั้งนี้เขาย่อมสอบตก

มือปราบจ้าวกับหลูเหนียงจื่อซาบซึ้งใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างมาก

มือปราบจ้าวยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ เสียงดังกล่าวว่า “พรุ่งนี้บ้านข้าจะจัดเลี้ยงพวกเจ้าทั้งครอบครัว พวกเจ้าจะต้องมากินเลี้ยงนะ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเองก็ดีใจ ยิ้มรับคำกล่าวว่า “ได้ พรุ่งนี้พวกเราทั้งครอบครัวจะไปร่วมงานเลี้ยง ท่านอาจ้าววางใจ”

มือปราบจ้าวกับหลูเหนียงจื่อพูดคุยอย่างดีใจอีกสักครู่ก็ขอตัวกลับ

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวยิ้มอย่างดีใจ “หันถงกับจ้าวหงล้วนสอบติด นี่เป็นเรื่องมงคลใหญ่ยิ่ง”

ทั้งสองคนเพิ่งกล่าวจบ ลู่กุ้ยก็วิ่งเข้ามารายงานเสียงดังว่า “พี่เจียว พี่เขย คุณชายหันมา”

พอลู่กุ้ยกล่าวจบ หันถงก็พุ่งเข้ามา พอเข้ามาก็โผไปหาเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดึงมือเขาไปกุมพร้อมกับสะอื้นไห้กล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น ข้าสอบได้แล้วๆ”

มหาโชคโดยแท้

ระยะนี้ตระกูลหันเกิดเรื่องมากมาย เขายังสอบผ่านเป็นซิ่วไฉได้อย่างราบรื่น หันถงรู้สึกว่าตนเองราวกับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

หันถงกุมมือเซี่ยอวิ๋นจิ่นไว้พลางกล่าวอย่างตื้นตันใจว่า “อวิ๋นจิ่น ข้าสอบได้แล้ว ในที่สุดข้าก็สอบได้แล้ว ขอบคุณเจ้ามาก โชคดีที่มีเจ้าช่วยข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงสอบซิ่วไฉไม่ได้แน่ๆ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็ดีใจไปกับเขาด้วย แต่ก็ไม่ได้อ้างว่าเป็นความดีความชอบตนเอง เขายิ้มมองหันถง กล่าวว่า “นี่เพราะเจ้าขยันขันแข็งเอง อย่าได้เอาความดีไปมอบให้ผู้อื่น”

เขากล่าวจบก็ยิ้มกล่าวว่า “ยินดีด้วย วันหน้าเจ้าก็เป็นซิ่วไฉแล้ว”

หันถงพยักหน้าเต็มแรง ร่ำเรียนอ่านตำรามาหลายปี ในที่สุดก็สอบเป็นซิ่วไฉได้แล้ว นับว่าไม่เสียแรงร่ำเรียนมา

เขารู้ดีว่าหากไม่ใช่อวิ๋นจิ่นคอยช่วย อาศัยแค่ตัวเองย่อมสอบซิ่วไฉไม่ได้อย่างแน่นอน และเขาก็รู้ว่าที่เขาร่ำเรียนได้เป็นซิ่วไฉได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว จากนี้ไปเขาไม่คิดจะเรียนต่อแล้ว เขาจะหันไปตั้งใจทำการค้า

หันถงครุ่นคิดแล้วก็กล่าวอย่างดีใจว่า “พรุ่งนี้บ้านข้าจัดเลี้ยง อวิ๋นจิ่นกับพี่สะใภ้จะต้องมานะ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรีบคิดถึงว่าพรุ่งนี้บ้านมือปราบจ้าวก็จัดเลี้ยง

“ไม่ได้ พรุ่งนี้บ้านมือปราบจ้าวจัดเลี้ยงเพื่อนบ้าน ก่อนหน้านี้พวกเรารับปากไปแล้ว พรุ่งนี้ไปกินเลี้ยงบ้านเขา”

พอหันถงได้ฟังก็รีบกล่าวว่า “งั้นบ้านข้าก็จัดวันมะรืน วันมะรืนพวกเจ้าจะต้องไปนะ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกำลังจะรับปากเขา ลู่กุ้ยก็เดินเข้าประตูมารายงานอีกว่า “พี่เขย พี่เจียว อาจารย์ใหญ่หลูกับเซี่ยเหนียงจื่อมาขอพบ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินว่าเซี่ยเหนียงจื่อมาก็มีสีหน้าเย็นเยียบ แต่เห็นแก่หน้าอาจารย์ใหญ่หลูจึงไม่พูดอะไร โบกมือให้ลู่กุ้ยไปเชิญเข้ามา

ลู่กุ้ยเชิญอาจารย์ใหญ่หลูกับเซี่ยเหนียงจื่อเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!