ตอนที่ 492 ท่านแม่เป็นคนเช่นไร
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องนี้ก็หันไปมองมือปราบจ้าวถามว่า “มือปราบจ้าวยังมีชื่ออื่นอีกหรือไม่”
มือปราบจ้าวเงยหน้ามองลู่เจียวอย่างแปลกใจ “ข้าชื่อเดิมว่าชุยฮ่าว”
ครานี้ลู่เจียวถึงกับพูดไม่ออก คนสนิททั้งหมดของใต้เท้าโส่วฝู่มากันครบแล้ว ไม่ขาดแม้สักคน ก็ไม่รู้ว่าความเดิมในนิยาย คนเหล่านี้มาประจำข้างกายเขาได้อย่างไร
บนเตียง เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รู้เรื่องราวพวกนี้ พลันได้ยินมือปราบจ้าวบอกว่าเขาคือองครักษ์ประจำตัวมารดาเขา ก็มีสีหน้างุนงง
“นี่มันเรื่องอันใดกัน”
ลู่เจียวกลัวเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินแล้วพลั้งเผลอพูดออกไป ดังนั้นจึงหันไปมองพวกลูกทั้งสี่ข้างเตียง ยามนี้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คอพับโงนเงนจะหลับแล้ว ลู่เจียวนึกสงสารลูกๆ ยื่นมือไปอุ้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ขึ้นเตียง “พวกเจ้านอนกับท่านพ่อ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เหมือนรู้ตัว มองลู่เจียวอย่างเป็นห่วง “ท่านแม่จะไม่ออกไปนอกบ้านอีกแล้วใช่หรือไม่”
ลู่เจียวลูบศีรษะพวกเขา รับรองว่า “แม่จะไม่ไปไหนแล้ว พอพวกเจ้าตื่น แม่ก็อยู่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่จึงได้หลับอย่างวางใจ
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เล่าเรื่องตอนเขาสลบไปให้ฟังรอบหนึ่ง รวมทั้งเรื่องที่เขาเป็นลูกหลานจวนอ๋องฉิน
ก่อนหน้านี้ได้บอกแล้วว่า มารดาเขาสิ้นใจในห้องคลอดเพราะเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าเย็นเยียบยากบรรยาย นิ่งไปเป็นนานจึงได้เอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่า ความจริงถึงกับเป็นเช่นนี้”
เขากล่าวจบเงยหน้ามองไปยังมือปราบจ้าว “ตอนนี้ชีวิตท่านเองก็ดีมาก มั่นคงมาก ก็ใช้ชีวิตไปให้สบายใจเถิด อย่ามาติดตามข้าร่อนเร่ไปทั่วดีกว่า”
มือปราบจ้าวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็รีบคุกเข่าลงขอร้อง “คุณชาย หลายปีมานี้ข้าไม่เคยล้มเลิกตามหาคุณชาย ก็เพื่อจะได้หาคุณชายให้พบ แล้วทำภารกิจที่รับปากฮูหยินในปีนั้นให้สำเร็จ ขอคุณชายโปรดรับข้าไว้ด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไร้วาจาจะกล่าว ลู่เจียวถามมือปราบจ้าว “ท่านติดตามท่านพี่ข้า วันหน้าจะไม่นึกเสียใจภายหลังกระมัง”
“ข้าน้อยไม่เสียใจ”
“ได้ เช่นนั้นก็ได้”
ลู่เจียวรับปาก มือปราบจ้าวดีใจอย่างมาก กล่าวขอบคุณลู่เจียว “ขอบคุณ นายหญิง”
เขาไม่เพียงแต่ยอมรับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ยังยอมรับลู่เจียว
ลู่เจียวพยักหน้ากล่าวอีกคำว่า “วันหน้าท่านก็คอยช่วยอยู่เบื้องหลังอวิ๋นจิ่นก็พอ”
ด้วยสถานะเบื้องหลัง เขาจะได้ไม่มีชื่อในสมุดรายชื่อทาส จ้าวหงบุตรชายพวกเขาก็สามารถเข้าร่วมสอบเคอจวี่ได้ เขาก็ยังคงเป็นอิสระ
มือปราบจ้าวซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก โขกศีรษะให้ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างแรงทีหนึ่ง
“ขอบคุณนายท่าน นายหญิง”
กล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังเหมือนกำลังครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังลู่เจียว ลู่เจียวโบกมือให้หลินตงกับพวกหร่วนไคออกไป
พอในห้องไม่มีคน เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้เอ่ยถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงได้ให้มือปราบจ้าวอยู่และไม่ให้เขาลงนามในสัญญาขายตัว เจ้าเชื่อใจเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
ลู่เจียวให้คนลงนามในสัญญาขายตัว ก็เพราะไม่ค่อยเชื่อใจผู้อื่น กลัวผู้อื่นแอบทำอะไรลับหลังนาย แต่นางกลับเชื่อใจมือปราบจ้าว ทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นประหลาดใจไม่น้อย
ลู่เจียวเชื่อใจมือปราบจ้าว ประการแรก ในนิยาย เขาภักดีมาก ประการที่สอง มือปราบจ้าวไปมีชีวิตของตนเองได้ แต่เขากลับยืนยันจะติดตามอารักขาเซี่ยอวิ๋นจิ่น นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาเป็นคนภักดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยต้องสนใจเรื่องสัญญาขายตัวด้วย
“ข้ารู้สึกว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์ภักดี ไม่จำเป็นต้องลงนามในสัญญาขายตัว อีกอย่าง วันใดเขาไม่อยากอยู่ต่อก็จะได้ไปได้”
ลู่เจียวรู้สึกเห็นใจหลูเหนียงจื่อกับพวกจ้าวหง หากมือปราบจ้าวลงนามขายตัวเป็นทาสรับใช้ หลูเหนียงจื่อก็ย่อมตามเป็นทาสด้วย จ้าวหงก็ไม่อาจสอบเคอจวี่ ด้วยความภักดีของมือปราบจ้าว เป็นไปได้มากว่าจะไม่สนใจหลูเหนียงจื่อกับจ้าวหง แต่การทำเช่นนี้จะสร้างความโกรธแค้นได้ง่ายมาก
มือปราบจ้าวเป็นคนภักดี ลู่เจียวไม่อยากให้เขาตกในสภาพภรรยาและบุตรชายเอาใจออกห่าง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า ไม่ซักถามเรื่องมือปราบจ้าวต่อ เขาหันไปมองลู่เจียวกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ “ขอบคุณเจียวเจียว หากไม่ได้เจ้า เกรงว่าครั้งนี้ข้าก็คงไม่รอดแล้ว”
ลู่เจียวยิ้ม “เช่นนั้นเจ้าก็รีบลุกขึ้นมาขยันอ่านตำราให้เร็วหน่อย นำตำแหน่งฮูหยินตราตั้งมาให้ข้า ข้าจะได้เป็นฮูหยินตราตั้งแห่งแคว้นต้าโจวแล้ว”
“แน่นอน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางของเขาทำเอาลู่เจียวนึกขำ ถามอย่างห่วงใยว่า “เจ้าหิวไหม”
แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นหลับไปสองวัน แต่ก็เอาแต่นอน กอปรกับลู่เจียวป้อนน้ำพุจิตวิญญาณให้เขา ย่อมไม่รู้สึกหิวจริงๆ
“ไม่หิว”
ลู่เจียวกุมท้อง ร้องว่า “แต่ข้าหิวแล้ว เจ้าจะกินเป็นเพื่อนข้าหน่อยได้หรือไม่”
เห็นท่าทางออดอ้อนน่ารักของนาง เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยื่นมือไปกุมใบหน้านาง กล่าวตอบอ่อนโยนว่า “ตกลง”
ลู่เจียวเรียกเฝิงจือที่อยู่นอกประตู ให้เฝิงจือไปเตรียมของกินมา
เฝิงจือรับคำแล้วก็ไป ลู่เจียวอยู่คุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นต่อ ทั้งสองคนคุยไปๆ ก็คุยไปถึงเรื่องชาติกำเนิดเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“เจ้าแค้นใจพวกเขาไหม”
ลู่เจียวถามเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้า “หากเมื่อก่อนคิดว่าคงต้องโกรธแค้นเป็นแน่ แต่ตอนนี้ไม่โกรธแค้นแล้ว เจียวเจียวเปลี่ยนแปลงข้าไปมาก ตอนนี้ข้าเจอกับเรื่องใดก็ไม่ได้โกรธคนทั้งโลกดังเช่นเมื่อก่อนแล้ว ข้าคิดถึงทุกเรื่องได้ด้วยใจที่สงบนิ่งได้แล้ว”
“ก็เหมือนกับเรื่องที่จวนอ๋องฉินทอดทิ้งข้า หากเป็นเมื่อก่อน ข้าต้องโกรธแค้นพวกเขาอย่างแน่นอน ไม่แน่อาจกลับไปเมืองหลวงหาทางแก้แค้นพวกเขา แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะพวกเขาก็ไม่อาจเลือกได้ หากไม่ส่งออกไปคนหนึ่ง จวนอ๋องฉินก็อาจจะถูกกวาดล้างทั้งตระกูล อย่างไรคนที่มีเรื่องกับพวกเขาก็เป็นถึงฮ่องเต้”
“แต่หากข้ากลับไปนับญาติกับพวกเขาอีก จากนี้ก็คงไม่อาจทำตัวดังคนแปลกหน้าได้อีก”
พอลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ในที่สุดก็เข้าใจว่าในนิยาย เขาคือโส่วฝู่แคว้นต้าโจว ไม่ใช่คุณชายจวนอ๋องฉิน เขาไม่ได้ยอมรับชาติกำเนิดตนเอง คิดว่าเรื่องจวนอ๋องฉินถูกกวาดล้างในนิยาย น่าจะมีส่วนหนึ่งเป็นฝีมือของเขาด้วย
ลู่เจียวไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ต่อ นางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ยิ้มกล่าวว่า “ไม่นับก็ไม่นับ แต่เจ้าต้องพยายามแล้ว วันหน้ามีภรรยามีบุตร ต้องพยายามทำให้ภรรยาและบุตรเจ้ามีชีวิตที่ดี”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกนางหยอกจนขำ กุมมือนางพลางพยักหน้าหนักแน่น “แน่นอน”
เขาเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ทั้งสองคนคิดว่าเฝิงจือเตรียมของกินมาแล้วก็หันไปมองคิดไม่ถึงว่าคนที่เข้ามากลับเป็นมือปราบจ้าว
มือปราบจ้าวเข้ามาพร้อมกับประคองตั๋วแลกเงินในมือส่งให้ “คุณชาย นี่คือตั๋วแลกเงินที่ฮูหยินมอบให้ข้าในปีนั้น สามหมื่นตำลึง หากคุณชายมีชีวิตที่ไม่ดีนัก ก็ให้นำตั๋วแลกเงินมามอบให้คุณชาย หากคุณชายมีชีวิตที่ดี ก็ไม่ต้องมารบกวนชีวิตคุณชาย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสบตากันเป็นนานก่อนจะมองไปยังมือปราบจ้าวและตั๋วแลกเงินในมือเขา
จากเรื่องนี้ทำให้มองออกว่ามือปราบจ้าวเป็นคนซื่อตรง เห็นอยู่ว่าในมือมีเงินก้อนโตเช่นนี้ เขากลับไม่คิดแตะต้อง
เกรงว่าความหรูหราฟุ่มเฟือยของจ้าวเหอฮวาต่างๆ นานา ไม่ได้มาจากเงินก้อนนี้ของมือปราบจ้าว เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เป็นคนซื่อสัตย์ภักดี
มือปราบจ้าวเห็นทั้งสองคนมองมา ก็ผลักตั๋วแลกเงินไปตรงหน้า “คุณชาย เหนียงจื่อ รับไว้เถิด นี่คือเงินที่ฮูหยินต้องการให้คุณชาย ตอนนั้นนางบอกว่า ตั๋วแลกเงินในร้านแลกเงินส่วนนั้นยกให้คุณชายอีกคน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแสดงท่าทางบอกให้ลู่เจียวเก็บตั๋วแลกเงินไว้ จากนั้นก็เขามองไปยังมือปราบจ้าว ค่อยๆ กล่าวว่า “ท่านแม่ข้าเป็นคนเช่นไร ท่านเล่าให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่”