Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 497

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 497

ตอนที่ 497 ซื้อบ้านแล้ว

ลู่เจียวหันไปมองจิ่นซิ่วด้วยสัญชาตญาณทันที ปีนี้จิ่นซิ่วแค่สิบห้า แต่งงานตอนนี้เร็วเกินไปหรือไม่

“ไม่น่าจะเหมาะกระมัง จิ่นซิ่วอายุน้อยไป น้าสวีย่อมไม่เห็นด้วย”

จิ่นซิ่วหน้าแดงทันที กระซิบว่า “พี่ลู่บอกเรื่องนี้กับท่านแม่ข้าแล้ว ท่านแม่ข้าเห็นด้วย พอพวกเราแต่งงานกันก็แยกกันอยู่ก่อน รอปีหน้าค่อย ค่อย…”

สาวน้อยเขินอายจนพูดต่อไปไม่ออก ลู่กุ้ยเห็นนางเช่นนี้ก็รีบกล่าวต่อว่า “ท่านแม่กับน้าสวีอยากให้แต่งก่อน รอปีหน้าจิ่นซิ่วโตอีกหน่อยค่อยร่วมหอ”

ยามนี้จิ่นซิ่วหน้าแดงก่ำราวกับเส้นเลือดสูบฉีดแล้ว

ลู่เจียวก็ไม่ทำให้นางลำบากใจต่อ กล่าวว่า “หากพวกเจ้าล้วนเห็นด้วย ก็ได้”

นางกล่าวจบก็กล่าวกับลู่กุ้ยว่า “พอแต่งงานแล้วต้องดีกับจิ่นซิ่วหน่อย หากให้ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ดีกับนาง ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”

นางกล่าวจบก็หันหน้าไปมองจิ่นซิ่ว “หากลู่กุ้ยรังแกเจ้า เจ้าก็เขียนจดหมายไปบอกพี่ พี่จะช่วยเจ้าจัดการเขาเอง”

ลู่กุ้ยรีบขอร้องว่า “พี่เจียว ข้าย่อมไม่กล้าเป็นแน่”

จิ่นซิ่วกับลู่เจียวต่างขำกับท่าทางเขา

ในยามนี้เอง เฝิงจือก็เดินเข้ามา ลู่กุ้ยรีบส่งเสียงดังว่า “พี่เจียว พวกเราไปดูบ้านกันเถอะ”

ลู่กุ้ยกล่าวจบก็เหลือบมองเฝิงจือ ความจริงเขาไม่ได้คิดอันใดกับเฝิงจือแล้ว แต่ก็อยากดูว่าเฝิงจือจะนึกเสียใจภายหลังหรือไม่ นี่ก็คงเป็นศักดิ์ศรีลูกผู้ชายกระมัง

แต่เฝิงจือสีหน้าปกติ ทำให้ลู่กุ้ยเข้าใจได้ทันที อีกฝ่ายไม่ได้คิดอันใดจริงๆ

เฝิงจือเดินเข้ามารายงานว่า “เหนียงจื่อ หลี่เหนียงจื่อ จู้เหนียงจื่อ ถันเหนียงจื่อส่งเทียบมาว่าพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมเยือนเหนียงจื่อ”

“ได้ ข้ารู้แล้ว เจ้าตอบกลับไป ให้คนนำไปส่ง”

บรรดาคนเหล่านี้ล้วนมีสามีที่ไปร่วมสอบที่เมืองหนิงโจว คิดว่าทุกคนยามนี้ต่างเคร่งเครียดอยากจะมาพูดคุยกับนางสักหน่อย

เฝิงจือรับคำออกไปเขียนตอบรับ

ลู่เจียวกับลู่กุ้ยและจิ่นซิ่วต่างเดินออกไป ลู่เจียวเหลือบตาขึ้นส่งสายตาตักเตือนใส่ลู่กุ้ยทีหนึ่ง

แววตานี้ลึกซึ้งมาก ลู่กุ้ยย่อมรู้ว่า ลู่เจียวเตือนเขาว่าอย่าได้คิดถึงผู้อื่น ในเมื่อตัดสินใจแต่งกับจิ่นซิ่วแล้ว ก็ต้องเก็บงำความคิดต่อผู้อื่นให้ดี

ลู่กุ้ยเข้าใจทันที มีทีท่ารับรองว่าวันหน้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก

ลู่เจียวจึงได้ปล่อยเขาไป ทุกคนขึ้นรถม้าเดินทางไปยังบ้านที่ลู่กุ้ยถูกใจ

ลู่กุ้ยดูไปสามหลัง หลังหนึ่งค่อนข้างใหญ่ แต่เก่าไปสักหน่อย หลังหนึ่งเล็กแต่เป็นบ้านใหม่ที่เพิ่งสร้างได้ไม่นาน อีกหลังพื้นที่กว้างตกแต่งดี และยังแยกเรือนตะวันออกกับตะวันตก บ้านนี้ราคาแพงมากถึงหนึ่งพันแปดร้อยตำลึง

ลู่กุ้ยถูกใจบ้านหลังนี้ แต่เงินในมือเขามีทั้งหมดแค่สองพันตำลึง เขาไม่คิดจะทุ่มไปซื้อบ้านในครั้งเดียว

สวีโต้วเสนอออกเงินส่วนหนึ่งช่วยซื้อบ้าน แต่ลู่กุ้ยรู้สึกว่าให้สวีโต้วออกเงินซื้อบ้านไม่ค่อยเหมาะ เขาจะรับเงินซื้อบ้านจากฝ่ายหญิงได้อย่างไร

ดังนั้นที่ลู่กุ้ยต้องการก็คือตอนนี้ซื้อหลังเล็กหน่อยไปก่อน รอให้มีเงินเก็บมากกว่านี้ค่อยซื้อหลังใหม่ที่ใหญ่ขึ้น

สวีโต้วกับสวีจิ่นซิ่วคิดแล้วก็เห็นด้วย อย่างไรก็เป็นเรื่องของทางฝ่ายชาย พวกนางพูดมากไปจะไม่ดี

ลู่เจียวเดินดูรอบๆ แล้วก็ตัดสินใจว่าให้เลือกบ้านที่ดีที่สุด จึงบอกลู่กุ้ยว่า “บ้านนี้เจ้าออกครึ่งหนึ่ง ข้าช่วยออกครึ่งหนึ่ง ถือเป็นของขวัญแต่งงานให้พวกเจ้า”

ลู่กุ้ยซาบซึ้งใจมากที่พี่สาวตนเองมอบของขวัญแต่งงานให้ ต่างกับรับจากสวีโต้ว

“ขอบคุณพี่เจียว”

ลู่เจียวสีหน้าเคร่งขรึม มองลู่กุ้ยกล่าวว่า “แต่ข้ามีเงื่อนไข”

“พี่เจียวว่ามา”

“บ้านต้องเป็นชื่อจิ่นซิ่ว”

สวีจิ่นซิ่วคิดไม่ถึงว่าลู่เจียวจะเสนอเช่นนี้ ในใจรู้สึกซาบซึ้งใจมาก แต่ก็เอ่ยปฏิเสธ “พี่เจียว ไม่ต้อง เป็นชื่อพี่ลู่ดีแล้ว”

ลู่เจียวยิ้มหันไปมองสวีจิ่นซิ่ว หญิงสาวจิตใจบริสุทธิ์ สวีโต้วอบรมสั่งสอนมาได้ดีมาก ไม่ละโมบไม่ริษยา แต่เพราะเป็นเช่นนี้นางจึงยิ่งชอบ

หญิงสาวยุคสมัยนี้จะไม่หย่ากันง่ายๆ มีบ้านก็มีสิ่งรับประกัน

แม้ว่าลู่กุ้ยเป็นคนซื่อ แต่ผู้หญิงมีบ้านก็จะรู้สึกมั่นคงดังนั้นลู่เจียวจึงยิ้มตบมือจิ่นซิ่ว “นี่เป็นของขวัญที่พี่มอบให้เจ้า”

ลู่เจียวกล่าวจบหันหน้าไปมองลู่กุ้ย ลู่กุ้ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ได้ ก็ทำตามพี่เจียวว่า”

“อืม ดีมาก”

ลู่เจียวควักตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึงมอบให้ลู่กุ้ย “พาจิ่นซิ่วไปซื้อบ้านนี้ แล้วไปลงทะเบียนที่ที่ว่าการอำเภอไป”

“ขอรับพี่เจียว”

แม้ว่าก่อนหน้านี้จิ่นซิ่วปฏิเสธ แต่เห็นลู่เจียวกับลู่กุ้ยยืนยันว่าจะมอบบ้านเป็นชื่อนางก็ดีใจมาก

“ขอบคุณพี่เจียว ขอบคุณพี่ลู่”

ลู่เจียวบีบแก้มนาง “รีบไปกับลู่กุ้ย ซื้อบ้านนี้ไว้ซะ”

“เจ้าค่ะ พี่เจียว”

ลู่เจียวพาคนนั่งรถม้ากลับ ลู่กุ้ยพาจิ่นซิ่วไปซื้อบ้านอย่างดีอกดีใจ ซื้อบ้านแล้วตอนบ่ายก็ไปที่ว่าการอำเภอลงทะเบียนด้วยกัน

ตกค่ำสวีจิ่นซิ่วกลับมาเล่าให้สวีโต้วฟัง สองแม่ลูกต่างดีใจจนนอนไม่หลับ

สวีโต้วดึงมือจิ่นซิ่วไปกุมกล่าวว่า “ซิ่วเอ๋อร์ ที่แม่ดีใจที่สุดก็คือเรื่องแต่งงานของเจ้า เจ้าได้พบกับผู้เกื้อกูล วันหน้าต้องทะนุถนอมวาสนานี้ไว้ รู้ไหม อย่าได้เพราะพี่ลู่เจ้ารักเจ้าก็ไม่ทะนุถนอมวาสนานี้ วันหน้าแต่งงานแล้วก็ต้องรู้จักให้ความเคารพบิดามารดาสามี อ่อนโยนกับสามี วันหน้ามีลูกก็ต้องอบรมสั่งสอนให้ดี ให้เขาเป็นบุคคลมีความสามารถ อย่าสอนให้เขาเป็นเหมือนพี่ชายเจ้า”

พูดถึงบุตรชาย สวีโต้วก็ร้องไห้ออกมา นางรู้สึกว่านางละเลยการอบรมบุตรชาย เป็นความผิดนาง

จิ่นซิ่วเห็นมารดาร้องไห้ก็ยื่นมือไปกอดนางไว้ “ท่านแม่ พี่ชายช้าเร็วสักวันหนึ่งก็จะเข้าใจว่าทำสิ่งใดผิดพลาดไป ท่านแม่อย่าได้เสียใจไป”

สวีโต้วกอดบุตรสาวแน่น สองแม่ลูกร้องไห้แล้วก็สงบลง “เอาเถอะ ไม่คิดถึงลูกเนรคุณแล้ว มาคิดเรื่องมงคลของซิ่วเอ๋อร์ดีกว่า เจ้าโชคดีกว่าแม่มาก ได้เจอบ้านตระกูลลู่ แม้แต่แม่ก็พลอยโชคดีตามเจ้าไปด้วย”

วันหน้านางได้อยู่ร่วมกับบุตรสาวและบุตรเขย ในใจสวีโต้วก็รู้สึกมั่นคง วันหน้าขอเพียงนางหาเงินมาสมทบให้บุตรสาว นางยังได้เลี้ยงดูบิดามารดาตน ช่างเป็นเรื่องดีงามเสียจริง

สวีโต้วกับสวีจิ่นซิ่วเพิ่งกล่าวจบ บุตรชายตนเองก็เกิดเรื่อง

ซูเหลียงเฉินฆ่าเฉินเจาตี้ผู้เป็นน้าสะใภ้ตายตอนเที่ยงคืน

เริ่มแรกลู่เจียวไม่รู้เรื่องนี้ แม้ว่าได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากข้างบ้าน ยังคิดว่าแม่สามีทะเลาะกับสะใภ้ ระยะนี้ทางบ้านตระกูลซูวุ่นวายมาก มักจะเอาแต่ทะเลาะกัน

ลู่เจียวคิดว่าครั้งนี้ก็คงเป็นยายเฒ่าซูทะเลาะกับเฉินเจาตี้ลูกสะใภ้ ผู้ใดจะรู้ว่าหร่วนจู๋เดินเข้ารายงานว่า

“เหนียงจื่อ บุตรชายสวีเหนียงจื่อฆ่าเฉินเจาตี้ตายแล้ว”

“จริงหรือเท็จกัน”

ลู่เจียวสีหน้าตกใจ บุตรชายสวีโต้วเป็นหนอนหนังสือที่เรียนจนสมองเขลา มารดาเขาหย่ากับบิดาเขาขนาดนั้น ตอนนี้กลับเพิ่งมาฆ่าเฉินเจาตี้ นางรู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้

แม้ว่าในใจลู่เจียวคิดเช่นนี้แต่ก็สั่งการหร่วนจู๋ “เจ้ารีบไปโรงหีบน้ำมันบอกเรื่องนี้กับน้าสวี หากนางอยากไปดูที่บ้านตระกูลซู เจ้าพานางไป หากบ้านตระกูลซูไม่ให้เข้าไป เจ้าก็พานางบุกเข้าไป”

“เจ้าค่ะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!