ตอนที่ 519 แส่หาเรื่อง ยุ่งเรื่องผู้อื่น
ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่า พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทีว่าจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาสู่ท่านพ่อและท่านแม่อย่างเด็ดขาด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นลูบศีรษะบุตรชายอย่างพึงพอใจ ลู่เจียวเดินเข้ามายิ้มให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “แม้ว่าที่นี่เป็นเมืองหลวง แต่ขอเพียงพวกเราไม่ก่อเรื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงผู้ใด พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วงมากเกินไป ท่านพ่อกับท่านแม่จะปกป้องพวกเจ้าให้ดีเอง”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กำลังจะกล่าวต่อ เซียวซานก็พาคนรับใช้สองคนรีบเข้ามารายงานว่า “คุณชาย จวนตระกูลหลิวกับจวนขุนพลหวังส่งคนนำของมาขอรับ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ยินก็สบตากัน
คิดไม่ถึงว่าตระกูลหลิวกับตระกูลหวังเกรงใจกันเช่นนี้ เมื่อวานพวกเขาเพิ่งมาถึงเมืองหลวง วันนี้ก็ส่งคนนำของขวัญมา
ช่างเกรงใจเกินไปแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรีบให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับสหายติดตามของพวกเขาไปเล่น พวกเขาทั้งสองคนเดินนำเซียวซานไปที่ห้องโถงกลาง
ตระกูลหลิวกับตระกูลหวังส่งพ่อบ้านและบ่าวหญิงมากัน พ่อบ้านและบ่าวหญิงตระกูลหวังล้วนสุภาพอย่างมาก กล่าวว่าฮูหยินขุนพลหวังได้ยินว่าพวกเขามาถึงเมืองหลวงเมื่อวาน จึงได้สั่งการให้นางนำของขวัญมามอบให้ เดิมฮูหยินคิดจะมาขอบคุณลู่เหนียงจื่อด้วยตนเอง แต่เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทที่มาโดยไม่ได้นัดหมาย ดังนั้นจึงให้นางนำของขวัญมาก่อน ไว้วันหน้าฮูหยินจะมาเยี่ยมคารวะขอบคุณเซี่ยจวี่เหรินกับลู่เหนียงจื่อด้วยตนเอง
ลู่เจียวได้ฟังก็รีบยิ้มตอบกลับว่า “ฮูหยินเกรงใจไปแล้ว ข้าเพียงทำในงานที่ข้าควรทำ โปรดช่วยนำวาจาข้าไปเรียนฮูหยินว่า ไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้ ในฐานะหมอ ข้าเพียงแค่ทำงานในหน้าที่ตนเองเท่านั้น”
ซย่าผอผอได้ฟังคำพูดลู่เจียว รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกดลึก ตอนนางมายังแอบคิด ลู่เหนียงจื่อคงไม่ใช่สตรีบ้านนอกนิสัยหยาบกระด้างกระมัง คิดไม่ถึงว่าพอได้เห็นก็ทำให้คนรู้สึกเปิดโลกทัศน์ ไม่เพียงแต่มีมารยาท ที่สำคัญคือนางยังหน้าตางดงามอย่างมาก
ได้ยินว่าครอบครัวพวกเขายังมีหนูน้อยน่ารักน่าชังอีกสี่คน เหนียงจื่อผู้นี้ช่างเป็นหญิงมีวาสนา ฮูหยิน บอกกับนางว่า ได้ยินว่าอ๋องเยียนชื่นชมเซี่ยซิ่วไฉผู้นี้มาก วันหน้าอาจจะใช้งานสำคัญ ดังนั้นอย่าได้มองว่าตอนนี้เขาสถานะต่ำต้อย เพราะวันหน้าสถานะย่อมไม่ธรรมดา
ซย่าผอผอเป็นผู้ดูแลรองประจำตัวฮูหยินจวนขุนพลหวัง เป็นผู้มีประสบการณ์อยู่บ้าง เห็นกิริยาท่าทางของเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มั่นใจว่าคนผู้นี้ย่อมไม่ด้อย ได้ยินว่าสอบได้เจี่ยหยวนประจำเมืองหนิงโจว การสอบหุ้ยซื่อครั้งนี้ไม่แน่อาจแย่งชิงตำแหน่งมาครองได้
“ลู่เหนียงจื่อ ตอนพวกท่านยังไม่มา ฮูหยินเรากล่าวถึงอยู่หลายครา โชคดีที่ท่านให้ความช่วยเหลือ จึงได้รักษาแขนของขุนพลหวังไว้ได้ หากขุนพลไร้แขน ก็เท่ากับสังหารเขา ดังนั้นท่านไม่เพียงแต่ช่วยท่านขุนพลหวังไว้ แต่ยังช่วยทุกคนในตระกูลหวังเรา ดังนั้นบุญคุณนี้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า”
ซย่าผอผอพูดจนลู่เจียวรู้สึกเขิน เพราะตอนนั้นนางเองก็รับเงินขุนพลหวัง ตอนนี้คนเขาจดจำบุญคุณกลับทำให้นางรู้สึกเขิน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นข้างกายลู่เจียวเอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ตอนนี้ขุนพลหวังไม่อยู่เมืองหลวงหรือ”
ซย่าผอผอรีบตอบว่า “ตอนนี้ท่านขุนพลไม่อยู่เมืองหลวง รับราชโองการไปด่านชายแดนปราบศึก ระยะนี้แคว้นต้าโจวเรามีศึกกับเป่ยฉี ฝ่าบาทจึงส่งท่านขุนพลไปช่วยชายแดน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยถามอีกว่า “ที่แท้เป็นเช่นนี้ ขอผอผอช่วยบอกฮูหยินว่า อีกสักพักพวกเราจะไปเยี่ยมคารวะขอบคุณที่จวน”
คนเขานำของขวัญมามอบถึงบ้าน วันหน้าพวกเขาไปเยี่ยมคารวะขอบคุณก็เป็นการดำรงธรรมเนียมมารยาทอย่างหนึ่ง
ซย่าผอผอได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยิ้มเบิกบานอย่างยิ่ง “เจ้าค่ะ เช่นนั้นพวกเราก็จะรอต้อนรับเซี่ยซิ่วไฉกับลู่เหนียงจื่อ”
“ได้ ฝากกล่าวขอบคุณฮูหยินแทนพวกเราด้วย”
“อย่าได้เกรงใจๆ”
ซย่าผอผอกล่าวจบก็อำลากลับไป ลู่เจียวให้เฝิงจือไปส่งซย่าผอผอ
ในห้องโถง พ่อบ้านและบ่าวหญิงตระกูลหลิวยังไม่กลับ แต่สายตาที่บ่าวหญิงผู้นี้มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกลับไม่ค่อยดีนัก เหมือนมีความเป็นศัตรูอยู่ และจมูกยังเชิดชี้ฟ้า ท่าทางเหมือนดูแคลนผู้อื่นไม่น้อย
“พวกเจ้าก็คือเซี่ยจวี่เหรินกับลู่เหนียงจื่อที่มาจากอำเภอชิงเหอสินะ ได้ยินว่าพวกเจ้ารักษาคุณชายใหญ่เราหายหรือ”
สายตาบ่าวหญิงมีแววโมโห ช่างแส่หาเรื่องโดยแท้ ชอบยุ่งเรื่องผู้อื่นเสียจริง
เดิมท่านหญิงคิดว่าเจ้าขี้โรคนี่ช้าเร็วก็คงได้จบสิ้นไปเอง ปรากฏว่าเขาไม่เพียงแต่ไม่ตาย แต่ยังสอบจวี่เหรินกลับเมืองหลวงมาได้
เมื่อวานตอนค่ำ นายท่านรู้ว่าแม้ในบุตรชายอยู่ในสภาพที่สุขภาพไม่ดีนัก ยังสอบที่เมืองหนิงโจวได้ที่สิบสาม นายท่านดีใจอย่างมาก กล่าวขึ้นทันทีว่านี่คือบุตรชายแท้ๆ ของเขา บิดาพยัคฆ์ย่อมได้บุตรชายพยัคฆ์ ทำเอาท่านหญิงโมโหแทบแย่
บ่าวหญิงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แววตาที่มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็ราวกับศัตรูคู่อาฆาต
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพอรู้เรื่องราวในตระกูลหลิว ก่อนหน้านี้หลิวจื่อเหยียนเคยระบายทุกข์พวกนี้กับพวกเขามาครั้งหนึ่ง
ตอนมารดาหลิวจื่อเหยียนตั้งครรภ์เขา บิดาเขากับฮูหยินในตอนนี้ก็ได้เสียกันแล้ว มารดาเขารู้เรื่องนี้เข้า ทำเอาตอนตั้งครรภ์ไม่เบิกบานใจ สุดท้ายคลอดยากจนสิ้นใจจากไป
หลิวจื่อเหยียนไม่อยากจะเชื่อว่ามารดาเขาคลอดยากจนสิ้นใจจากไป เขาสงสัยว่าบิดาเขากับมารดาเลี้ยงแอบทำอะไรบางอย่างในห้องคลอดมารดาเขา ทำให้มารดาเขาต้องตายจากไป
ส่วนบิดาเขา เพราะสถานะหญิงผู้นี้จึงได้ก้าวขึ้นสูงต่อไปเรื่อยๆ
เพราะเรื่องนี้ทำให้สองผู้เฒ่าตระกูลหลิวรวมทั้งหลิวจื่อเหยียนต่างไม่พอใจอย่างมาก บิดาผู้ของเขาก้าวไปถึงตำแหน่งโส่วฝู่แล้วอย่างไร คุณธรรมส่วนตัวไม่คู่ควรกับการเป็นโส่วฝู่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรู้เรื่องราวภายในตระกูลหลิวมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเห็นบ่าวหญิงเชิดหน้าชี้ฟ้า ก็ไม่ได้โมโหมากนัก
ทั้งสองคนยังคงมีสีหน้าเป็นปกติ มองบ่าวหญิงตระกูลหลิวกล่าวว่า “ใช่แล้ว พวกเรารักษาคุณชายใหญ่พวกเจ้าหายเอง ฮูหยินพวกเจ้าซาบซึ้งใจพวกเรา ดังนั้นจึงให้เจ้านำของขวัญมาหรือ”
“ฮูหยินโส่วฝู่ไม่เสียทีที่เป็นฮูหยินโส่วฝู่ ดำรงธรรมเนียมมารยาทเพียบพร้อมเช่นนี้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนพากันกล่าววาจาตามธรรมเนียมมารยาท ทำเอาบ่าวหญิงตระกูลหลิวถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที เป็นนานก่อนจะแค่นเสียงฮึเยียบเย็นกล่าวว่า “ฮูหยินมีคำสั่งให้บ่าวมอบตั๋วแลกเงินพันตำลึงให้ท่าน เป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตคุณชายใหญ่เราไว้ หวังว่าวันหน้าพวกท่านจะถอยห่างจากคุณชายใหญ่เราสักหน่อย ตระกูลหลิวเราไม่ใช่ว่าจะยอมให้ผู้ใดมาตะกายเกาะติดได้ง่ายดายเพียงนั้น”
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเยียบเย็น แต่สีหน้ายังคงอ่อนโยนดังเดิม เขากล่าวกับบ่าวหญิงตระกูลหลิวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ชีวิตคุณชายใหญ่จวนพวกเจ้ามีค่าแค่พันตำลึงหรือ ชีวิตช่างไร้ค่าจริง ใช่แล้ว ข้าได้ยินว่ามารดาเขาผู้นี้เป็นมารดาเลี้ยงหรือ”
บ่าวหญิงคิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะรู้แม้กระทั่งเรื่องนี้ สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน ถลึงตาใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่นตวาดว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใดกัน เจ้าเป็นแค่จวี่เหรินเล็กๆ ถึงกับกล้ากล่าวว่าฮูหยินเราเช่นนี้ พวกเจ้ารู้สถานะฮูหยินเราหรือไม่”
“ไม่ทราบ”
ความจริงเซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ เล่ากันว่าฮูหยินผู้นี้ก็คือท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่[1]ที่ถือกำเนิดจากพระชายาเอกในอ๋องผิงหลิง”
อ๋องผิงหลิงเป็นอ๋องจากตระกูลแซ่อื่นเพียงหนึ่งเดียวในแคว้นต้าโจว มีอำนาจทหารในมือ ประจำการอยู่ในอาณาเขตพื้นที่บรรดาศักดิ์ตนเอง
ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่เป็นบุตรีที่อ๋องผิงหลิงโปรดปรานอย่างมาก ถูกบิดาส่งมาเมืองหลวงเป็นข้ารับใช้ไทเฮา ความจริงก็เพื่อทำให้ฮ่องเต้ทรงเบาพระทัย
ตอนท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ท่านนี้รับใช้ไทเฮาอยู่นั้น เกิดพึงใจหลิวจ้วงหยวน ซึ่งก็คือหลิวโส่วฝู่ในตอนนี้ โดยไม่สนใจว่าหลิวโส่วฝู่ตอนนั้นมีภรรยาแล้ว ยังทอดสะพานให้เขา ต่อมาภรรยาหลิวโส่วฝู่คลอดยากสิ้นลมจากไป นางแต่งเป็นภรรยาหลิวโส่วฝู่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไปพลางมองบ่าวหญิงในห้องโถง บ่าวหญิงได้ยินคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ได้ใจขึ้นมาทันที แค่นยิ้มมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว “เชอะ บ้านนอกอย่างพวกเจ้าคงไม่เคยได้ยินชื่อฮูหยินเรามาก่อนล่ะสิ ฮูหยินเราเป็นถึงท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ในอ๋องผิงหลิง เติบโตมาข้างพระวรกายไทเฮา ยังใกล้ชิดกับฝ่าบาท ดังนั้นทางที่ดีพวกเจ้าอย่าได้ล่วงเกินฮูหยินเราจะดีกว่า”
……………
[1] เชื้อพระวงศ์หญิง เริ่มจากองค์หญิงหรือกงจู่ ก็คือพระธิดาฮ่องเต้ จากนั้นลงไปก็จะเป็นจวิ้นจู่หรือท่านหญิงพระธิดาของชินอ๋องกับพระชายาเอก รองลงไปอีกก็จะเป็นเซี่ยนจู่หรือท่านหญิงพระธิดาจวิ้นอ๋องกับพระชายาเอก เป็นต้น