ตอนที่ 618 ตะเพิดออกไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวออกจากซีเฟิงย่วนได้ไม่นาน ก็มีคนสืบข่าวจากทางตระกูลหลิวได้ว่ามหาบัณฑิตหลิวรับลูกของเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นศิษย์ ประเด็นคือรับทีเดียวถึงสี่คน
ข่าวนี้เป็นที่สะเทือนเลือนลั่น แต่ละคนรู้สึกว่าคาดไม่ถึง ยิ่งถึงกับสงสัยว่าตนเองฟังผิดไป
มหาบัณฑิตหลิวระดับใด นั่นเรียกได้ว่าราวหินผามีอายุยาวนานและแข็งกร้าว ตอนนี้ตาแก่หินผาถึงกับตกลงรับบุตรชายเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นศิษย์ ประเด็นคือรับทีเดียวสี่คน
ไม่เป็นไม่ได้ๆ
หลายคนส่งคนมาสืบข่าว สุดท้ายได้ข่าวแน่นอนแล้วว่าไม่ผิด มหาบัณฑิตหลิวตกลงรับบุตรชายแฝดสี่เซี่ยถงจือ
เจ้าว่าเหตุใดเขาจึงรับ ได้ยินว่าบุตรชายทั้งสี่ของเซี่ยถงจือเป็นเด็กขั้นเทพ ฉลาดอย่างมาก มหาบัณฑิตหลิวได้ทดสอบก็ชอบทันที
แต่ก็มีคนได้ข่าวมาว่าที่มหาบัณฑิตหลิวรับบุตรชายเซี่ยถงจือไว้ เพราะฮูหยินเซี่ยถงจือรักษาอาการฮูหยินผู้เฒ่าหลิวได้
หากเช่นนี้ก็ไม่น่าแปลก
เพียงแต่วิชาการแพทย์ของฮูหยินเซี่ยถงจือสูงถึงเพียงนี้หรือ
คนในเมืองหนิงโจวไม่น้อยต่างพากันทอดถอนใจ คนส่วนใหญ่ก็พากันล้มเลิกความตั้งใจเดิม ไม่ได้คิดหาวิธีอันใด
แต่ตระกูลนิ่งกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนิ่งฮุยแห่งตระกูลนิ่งได้ข่าวก็โมโหราวอสุนีบาตฟาดใส่ เขาคิดไม่ถึงว่ามหาบัณฑิตหลิวถึงกับรับบุตรชายเซี่ยถงจือ และรับถึงสี่คน นี่ไม่ไว้หน้าตระกูลนิ่งเขาเลยหรือ
นิ่งฮุยยิ่งคิดก็ยิ่งเดือดดาล ปรากฏค่ำวันนั้นจึงพาคนไปบ้านตระกูลเซี่ย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกำลังกินอาหารกับลูกๆ อยู่ในโถงห้องอาหาร ได้รับรายงานจากพ่อบ้านเซียวก็สบตากันอย่างแปลกใจ จากนั้นก็ทั้งสองคนก็ลุกขึ้นเดินออกไป
“ตระกูลนิ่งที่เป็นสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหนิงโจวหรือ”
ก่อนหน้านี้ลู่เจียวเคยได้อ่านข้อมูลที่พ่อบ้านเซียวรวบรวมมา ดังนั้นจึงหันไปถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสัญชาตญาณทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วเล็กน้อย พยักหน้า “น่าจะเป็นพวกเขา พวกเขามากันยามนี้ เกรงว่าไม่ได้มาดี”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ย ลู่เจียวก็คิดถึงก่อนหน้านี้ตระกูลนิ่งเหมือนก็ไปรอคารวะมหาบัณฑิตหลิวที่ซีเฟิงย่วน แต่มหาบัณฑิตหลิวไม่ยอมพบพวกเขา
พวกเขาเพิ่งจากไป มหาบัณฑิตหลิวก็รับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เป็นศิษย์ มิน่าตระกูลนิ่งจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ลู่เจียวคิดไม่ถึงว่าตระกูลนิ่งจะมาหาพวกเขาถึงบ้าน นี่มันอันใดกัน มาระบายอารมณ์หรือ
สีหน้าลู่เจียวเย็นเยียบ ตามหลังเซี่ยอวิ๋นจิ่นออกไปห้องโถงกลางเรือนด้านหน้าตระกูลเซี่ย
ในห้องโถง คุณชายใหญ่ตระกูลนิ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าคร่ำเครียด พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดินออกมา คุณชายใหญ่ตระกูลนิ่งก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจได้ยินว่าถงจือใต้เท้าเพิ่งมาใหม่รูปงามมาก แต่คิดไม่ถึงว่าถึงกับงามเช่นนี้ มองไปยังฮูหยินด้านหลังเขาก็ยิ่งงดงามชวนหลงใหล
นิ่งฮุยมองจนตกตะลึงพรึงเพริด แต่ไม่นานก็ได้สติ ว่าวันนี้ตนเองมาเพื่อการใด
เขามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เอ่ยขึ้นว่า “ท่านก็คือถงจือใหม่เมืองหนิงโจวหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวอ่อนโยนว่า “ใช่แล้ว ท่านคือ”
นิ่งฮุยได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มีสีหน้าได้ใจ เขาเลิกคิ้วท่าทางวางอำนาจกล่าวว่า “ข้ามาจากตระกูลนิ่งแห่งเมืองหนิงโจว ท่านพ่อข้าคือท่านนิ่งป๋อ น้องสาวข้าก็คือเจาอี๋เหนียงเหนียง”
นิ่งฮุยกล่าวจบ เดิมคิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวจะตกใจ จากนั้นก็จะยิ้มประจบ ปรากฏเขากล่าวจบ พบว่าอีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเป็นปกติไม่แปรเปลี่ยน นิ่งฮุยอึ้งไปก่อนจะโมโหตามมา จากนั้นก็โมโหยกเท้าถีบเก้าอี้ตระกูลเซี่ยลอยหวือ ตวาดอย่างเดือดดาลว่า “ถงจือตำแหน่งกระจ้อยร่อยถึงกับมาอวดอ้างบารมีต่อหน้าข้าที่เมืองหนิงโจวนี่ ผู้ใดมอบเกียรตินี้แก่เจ้ากัน”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเคร่งเครียดขึ้นทันที มองนิ่งฮุยด้วยแววตาดุดัน เอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “ข้าก็คือจ้วงหยวนปีนี้แห่งแคว้นต้าโจวที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง รับตำแหน่งขุนนางระดับหก เจ้าเป็นแค่ราษฎรธรรมดา ถึงกับแล่นมาหาเรื่องถึงจวนข้า คิดว่าข้าไม่กล้าทำอันใดเจ้าหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแววตาดุดัน สีหน้าเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยียบ
แม้ตระกูลนิ่งมีบรรดาศักดิ์ชั้นป๋อแต่ก็มีแต่ตำแหน่งไร้อำนาจ ในวงศ์ตระกูลก็ไม่ได้มีตำแหน่งขุนนางอันใด ก็แค่มีเงินทอง สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลพวกเขาก็คือมีเจาอี๋เหนียงเหนียงที่ฝ่าบาทโปรดปราน ดังนั้นแวดวงเมืองหนิงโจวจึงไม่มีผู้ใดกล้ามีเรื่องกับตระกูลพวกเขา
แต่หากมาคิดให้ดี ตระกูลนิ่งไม่ได้ยิ่งใหญ่อันใด พวกเขาก็แค่อาศัยการค้าจนร่ำรวย ที่จวนก็ไม่มีคนใดเป็นขุนนาง ดังนั้นนิ่งฮุยทำกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเช่นนี้ถือว่าเป็นการล่วงเกินขุนนาง สามารถเอาผิดลงโทษได้
นิ่งฮุยคิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นถึงกับจัดการยากเพียงนี้ พลันถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นทำเอาตกใจ ไม่นานก็ได้สติคืนมา ในใจเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม
“เยี่ยมมาก แค่ถงจือระดับหกตัวกระจ้อย ถึงกับกล้าไร้ความเคารพต่อข้า ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าเยี่ยงไร”
นิ่งฮุยอยู่ที่เมืองหนิงโจวมานาน แต่ไรมาได้รับการยกยอเอาใจ ปรากฏวันนี้กลับเจอตอ ทำเอาเขาโมโหอย่างมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่สนใจจะเกรงกลัวเขา แค่นยิ้มกล่าวว่า “ราษฎรไร้ตำแหน่งถึงกับกล้าพูดจาโอหังต่อหน้าผู้เป็นขุนนาง ข้าก็จะขอดูว่าเจ้าจะทำอันใดข้าได้”
กล่าวตามตรง ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวผู้ใด แม้ว่าเขาเป็นแค่ถงจือระดับหก แต่เขามีตำแหน่งขุนนาง ประการที่สอง ข้างกายเขามีคนร้ายกาจ แม้ว่าไม่อาจนำออกมาเปิดเผยในที่แจ้ง แต่ก็ยังแอบให้ความช่วยเหลือได้
นิ่งฮุยเดิมคิดข่มขู่เซี่ยอวิ๋นจิ่น จะได้ถือโอกาสแย่งตำแหน่งศิษย์ที่เขาได้ไปมาครอง หากเขายอมมอบให้เอง มหาบัณฑิตหลิวย่อมไม่อาจกล่าวอันใดได้
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะเจอคนไม่เกรงกลัวผู้ใดเช่นเซี่ยอวิ๋นจิ่น
นิ่งฮุยรู้สึกตกใจ แต่ก็ฝืนยืนขึ้นถลึงตาใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่น ตวาดอย่างโมโหว่า “ตอนนี้เจ้าขอโทษข้ายังทัน หากข้าเดินออกไปแล้ว จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ เป็นแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไร้วาจาจะกล่าวกับคนเช่นนี้ ไม่คิดสนทนากับคนสมองไม่ดีอีก “ไสหัวไป”
นิ่งฮุยโมโห หันไปมองลูกน้องข้างๆ “พังที่นี่ให้ราบ”
ลูกน้องที่นิ่งฮุยพามายกเท้าคิดจะถีบของในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นแววตาเย็นเยียบ ตวาดออกไปนอกประตูว่า “พวกเจ้า เข้ามาจับคนเหล่านี้โยนออกไป”
นอกประตู หร่วนไคและถงอี้พุ่งเข้ามาในห้องโถงกลาง พอสองคนเข้ามาก็ยกเท้าถีบลูกน้องตระกูลนิ่งที่กำลังคิดลงมือ ปรากฏลูกน้องตระกูลนิ่งถูกจัดเสียจนหน้าตาบวมปูดเขียวช้ำ แม้แต่นิ่งฮุยเองก็โดนไปหลายหมัด ถูกตะเพิดออกไป
นิ่งฮุยยืนอยู่นอกประตูตระกูลเซี่ย โมโหตะโกนด่าทอเป็นชุด สุดท้ายจึงได้ขึ้นรถม้าไปจากตระกูลเซี่ยด้วยท่าทางฮึดฮัด
พวกเขาเพิ่งจะจากไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็สั่งการหร่วนไคกับถงอี้ “พวกเจ้าสองคนลอบไปทำให้ม้าตกใจ จำไว้ ต้องทำให้ไม่มีผู้ใดจับได้ ทำให้คุณชายใหญ่ตระกูลนิ่งบาดเจ็บ ดีที่สุดก็ให้เจ็บหนัก ให้เขาไม่มีเวลาออกมาหาเรื่องอีก”
“ขอรับ” สองคนออกไปทันที เซี่ยอวิ๋นจิ่นหยิบยาเรียกโจวเส้ากงเข้ามา สั่งการกล่าวว่า “เจ้าไปจวนหลินจือฝู่ หาทางวางยาเฉาชิงเหลียน ดีที่สุดให้นางเสียโฉม”
โจวเส้ากงหันหลังออกไปปฏิบัติตามคำสั่ง
ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียว สีหน้าเคร่งเครียดอยู่บ้าง “เจียวเจียว เจ้าจะคิดว่าข้าโหดเหี้ยมหรือไม่”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ข้ารู้เจ้าทำเพื่อป้องกันไว้ก่อน และรู้สึกรำคาญที่ผู้อื่นเอาแต่มาหาเรื่องเจ้า”