ตอนที่ 639 ท่านหญิงมาแล้ว
ลู่เจียวได้ฟังฮูหยินนิ่งป๋อ ก็รู้ว่าโมโห ฮูหยินนิ่งป๋อว่านาง นางทนได้ แต่ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ นางทนไม่ได้
ลู่เจียวหันไปมองฮูหยินนิ่งป๋อ กล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “ฮูหยินนิ่งป๋อกล่าวได้มีเหตุผลมาก เพียงแต่ตระกูลเล็กๆ เช่นพวกเรานี้ก็ได้แต่แสดงความสามารถเล็กๆ ไม่อาจเทียบกับการแสดงความสามารถยิ่งใหญ่ของใครบางคนได้”
สิ่งที่เรียกว่าการแสดงความสามารถยิ่งใหญ่นั้น ทุกคนล้วนรู้ดี
ตระกูลนิ่งเดินมาถึงวันนี้ ไม่ใช่เพราะส่งบุตรีเข้าวังหรือ จึงได้มีความมั่งคั่งเช่นวันนี้ นี่สิเรียกการแสดงความสามารถยิ่งใหญ่
ส่งบุตรีเยาว์วัยงดงามเข้าวังไปถวายแด่ฝ่าบาทที่อายุมากยิ่งกว่าบิดา ตระกูลนิ่งก็ช่างทำได้ลงคอ
ฮูหยินนิ่งป๋อไม่ใช่คนโง่ พอได้ฟังลู่เจียวก็เข้าใจควาหมายนาง อารมณ์โทสะที่ปะทุขึ้นมาแน่นอก ถลึงตาใส่ลู่เจียวถามว่า “เจ้ากล่าวอันใด”
ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร หน้าประตูร้านอาหารก็มีเสียงดังขึ้น
“มาแล้ว ซื่อจื่อจวนอู่กั๋วกงมาแล้ว คนข้างกายเขาเหมือนว่าเป็นท่านหญิง ใช่ เป็นท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ บุตรีองค์หญิงใหญ่”
ทุกคนในที่นั้นมีคนสี่ตระกูลใหญ่ ในกลุ่มพวกเขามีคนเคยเห็นท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ ดังนั้นซื่อจื่อ จวนอู่กั๋วกงกับท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ปรากฏตัว มีคนไม่น้อยจำได้ ส่งเสียงดังขึ้นทันที
ทุกคนในห้องโถงได้ยินวาจานี้ ก็รีบหยุดคุยกัน ทุกคนลุกขึ้นไปต้อนรับ แม้แต่คนสี่ตระกูลใหญ่เองก็ต้องไปต้อนรับที่หน้าประตู
ฮูหยินผู้เฒ่าหลายคนลุกไปถึงหน้าประตูอย่างรวดเร็ว
พอทุกคนเดินเข้าประตูมา ด้านหน้าสุดก็คือท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ ซื่อจื่อเนี่ยเยี่ยหลิงกับหลี่อวี้เหยาสองคนประคองท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่เดินเข้ามา
ด้านหลังพวกเขายังมีขบวนใหญ่ ในขบวนมีพ่อลูกตระกูลหู แต่ไม่มีฮูหยินหู
ลู่เจียวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้าไปต้อนรับ
ทุกคนในโถงชั้นหนึ่งต่างคารวะคนเบื้องหน้าอย่างนอบน้อม “คารวะท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ คารวะซื่อจื่อ”
ทุกคนไม่รู้จักหลี่อวี้เหยา ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจนาง คนไม่น้อยคิดว่าหลี่อวี้เหยาเป็นบ่าวรับใช้ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่มองทุกคนในที่นั้นด้วยสีหน้านิ่งเฉย นางเป็นบุตรีองค์หญิงใหญ่ แต่เล็กนางก็ชินกับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจทุกคน เพียงรับคำเบาๆ ว่า “อืม ลุกขึ้นได้”
กล่าวจบนางก็เงยหน้ามองไปด้านหลัง เห็นลู่เจียวก็ยิ้มกวักมือเรียกลู่เจียวเข้ามา
ลู่เจียวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เดินเข้าไปหา ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ยื่นมือไปดึงมือลู่เจียว พร้อมกับก้มหน้ามองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ข้างกายลู่เจียว
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่เห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ชอบมาก อดยื่นมือไปลูบศีรษะเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ได้ “เจียวเจียว นี่คือบุตรชายเจ้าหรือ”
ลู่เจียวรีบยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ พวกเขาเป็นบุตรชายข้าเอง”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่รีบหันไปบอกชิวเยว่สาวใช้ว่า “เอาของขวัญที่เตรียมให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ออกมามอบให้เด็กๆ”
“เจ้าค่ะ ท่านหญิง”
ชิวเยว่ประคองกล่องของขวัญหรูหรางดงามสี่ใบออกมาทันที
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่หันขวับไปมองท่านแม่ ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบหันไปกล่าวขอบคุณท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่เสียงดังกังวาน “ขอบพระคุณท่านหญิง”
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่คิดเอ่ยปากว่า ข้าคือท่านยายพวกเจ้า แต่คิดแล้วก็ไว้ก่อน อีกสักครู่ค่อยบอก
นางยิ้มลูบศีรษะเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ จากนั้นก็ดึงมือลู่เจียวเดินไปที่โต๊ะหลักของงานเลี้ยง
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยิ้มตาหยี วิ่งไปหาหลี่อวี้เหยา ส่งเสียงเรียก “น้าหลี่”
หลี่อวี้เหยารับคำดีใจ “เอ๋ พวกเจ้าคิดถึงน้าบ้างไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พยักหน้า “คิดถึง”
หลี่อวี้เหยามองสี่หนูน้อยน่ารัก ก็เริ่มมีความคิดในใจขึ้นมาอีกครั้ง
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่น่ารักเพียงนี้ หากได้คนหนึ่งมาเป็นบุตรเขยนางจะดีเพียงใด
หากบุตรีนางได้แต่งเข้าตระกูลเซี่ย วันหน้าย่อมไม่มีเหตุขัดแย้งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ เจียวเจียวไม่ใช่คนที่นิยมทรมานผู้อื่น กลับกัน นางเป็นคนมีเมตตาอย่างมาก ชอบช่วยเหลือผู้อื่น กับคนนอกก็ใจดีมีเมตตา นับประสาอันใดกับสะใภ้ตนเอง ที่สำคัญที่สุดก็คือก่อนหน้านี้นางได้ยินนางเอ่ยว่า ไม่ชอบการยัดเยียด นางอุ่นเตียงให้บุตรชาย ยังกำหนดกฎประจำตระกูลว่า หากผู้ชายอายุสี่สิบไม่มีบุตรชายจึงจะรับอนุได้
หลี่อวี้เหยาคิดถึงเรื่องนี้ก็อยากให้บุตรีแต่งกับบุตรชายตระกูลเซี่ยขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับความคิดนี้
ยามนี้แววตานางมองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ แอบคิดว่าคนไหนเหมาะจะเป็นบุตรเขยนางดี
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่รู้ความคิดหลี่อวี้เหยา ยามนี้กำลังดีใจที่ได้พบหูหลิงเสวี่ยด้านหลังหลี่อวี้เหยา เอ่ยทักทายว่า “พี่หลิงเสวี่ย พี่ก็มาด้วยหรือ”
หูหลิงเสวี่ยยิ้มตาหยีพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวกับต้าเป่าอย่างดีใจว่า “วันนี้พวกเจ้ามีเวลามาด้วยหรือ ไหนบอกว่าพวกเจ้าคารวะท่านอาจารย์หลิวเรียนหนังสือแล้ว”
ต้าเป่าพยักหน้ากล่าวว่า “ท่านแม่ข้าบอกว่าวันนี้จะมีงานรับบุตรีบุญธรรม พวกเราเป็นคนตระกูลเซี่ยจึงต้องมาร่วมงาน ดังนั้นนางให้คนไปรับพวกเรามาจากซีเฟิงย่วน”
หูหลิงเสวี่ยได้ฟังต้าเป่าก็หัวเราะดัง จากนั้นก็เขยิบเข้าไปใกล้ต้าเป่ากล่าวว่า “วันหน้าข้าเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเจ้าแล้วนะ”
หลี่อวี้เหยาเห็นว่าพอบุตรีเข้าใกล้ต้าเป่าแล้ว นิสัยก็ร่าเริงอย่างมาก
นางดีใจขึ้นมาทันที บุตรสาวปีนี้เจ็ดขวบ ถูกแม่สามีกดจนนิสัยเงียบขรึมมาก นางรู้สึกผิดมาตลอด ล้วนเพราะนางเป็นมารดาที่ไม่ได้ความ จึงได้ทำให้บุตรสาวตนเองถูกแม่สามีทำจนเป็นเช่นนั้น
คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวพออยู่กับต้าเป่าแล้ว ถึงกับร่าเริงมาก หลี่อวี้เหยาอดหยุดมองต้าเป่าไม่ได้ พอมองก็รู้สึกว่าต้าเป่าน่ารักมาก หน้าตาดีและยังฉลาด ที่สำคัญที่สุดก็คือมีความเป็นพี่ชายคนโต ไม่เพียงแต่ดูแลน้องชายได้ แม้แต่บุตรชายของนางก็ยังดูแลดีอย่างมาก
ต้าเป่าไม่รู้ความคิดในใจหลี่อวี้เหยา กำลังเงยหน้าทักทายกับผิงอันในอ้อมกอดหูซ่าน
“ผิงอัน เจ้าก็มาด้วย คิดถึงพี่ชายหรือไม่”
ผิงอันตัวน้อยหัวเราะดัง ยื่นมือไปเกี่ยวนิ้วเขาไว้ ดิ้นจะลงจากอ้อมกอดหูซ่าน เขาค่อยๆ ก้มลง ให้ผิงอันได้เกี่ยวนิ้วกับต้าเป่า
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่พาลู่เจียวเดินถึงโต๊ะหลัก
คนในโถงไม่น้อยเห็นภาพนี้ก็พากันตื่นตกใจ แต่ไม่กล้าซุบซิบกันต่อหน้าท่านหญิง
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่เป็นบุตรีองค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่เป็นพระภคินีแท้ๆ ของฝ่าบาท ความสัมพันธ์พี่น้องใกล้ชิดอย่างมาก
หากพวกเขากล้าล่วงเกินท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ องค์หญิงใหญ่ย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่ พวกเขาแต่ละคนก็คงโชคร้ายแล้ว อีกอย่างเบื้องหลังท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ยังมีจวนอู่กั๋วกง อู่กั๋วกงเป็นขุนนางที่ฝ่าบาทโปรดปรานที่สุด
ดังนั้นทุกคนในที่นี่ต่างไม่กล้าล่วงเกินท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ เห็นลู่เจียวได้รับความโปรดปรานจากท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ ทุกคนก็อดสบตากันไม่ได้ แต่ละคนไม่กล้าวิพากษ์
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ดึงลู่เจียวไปนั่งที่โต๊ะหลัก จากนั้นก็สั่งการทุกคนกล่าวว่า “ทุกคนเข้าประจำที่นั่งได้”
ซื่อจื่อจวนอู่กั๋วกงรู้จักคนสี่ตระกูลใหญ่เมืองหนิงโจว ดังนั้นจึงสั่งให้เชิญคนสี่ตระกูลใหญ่เข้าประจำที่นั่งหลัก คนที่เหลือก็นั่งโต๊ะอื่นๆ กันไป แม้แต่พวกหลินจือฝู่เองก็ได้แต่นั่งโต๊ะที่สอง