Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 649

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 649

ตอนที่ 649 สภาพอนาถรันทด

ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย เลิกคิ้วกล่าวว่า “แล้วเหตุใดเจ้าไม่ปล่อยให้หวางทงพั่นเปิดโปงเรื่องของหลิน จือฝู่ออกมา เช่นนี้ไม่ยิ่งดีหรือ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้ม “ในใจหวางทงพั่นยังคงมีความหวังสุดท้ายกับหลินจือฝู่อยู่บ้าง เขาไม่มีทางเปิดโปงเรื่องของเขาออกมา ข้าเองก็ขี้เกียจจะเปลืองแรงกับเรื่องนี้ให้มากความ ถึงตอนนั้นปล่อยให้เขาหลุดรอดไปได้ เช่นนี้ก็รู้สึกผิดต่อชาวบ้านแล้ว”

ลู่เจียวพยักหน้าเห็นด้วยกับเหตุผลนี้

ทั้งสองคนไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก หันไปคุยเรื่องอื่นต่อ

“วันนี้ข้าไปเดินเล่นที่ร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้ พอดีได้พบหันถง เจ้ารู้ไหมหันถงบอกเรื่องใดกับข้า”

ลู่เจียวดึงมือเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปในเรือนด้านข้าง ทั้งสองคนนั่งลง

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวก็ถามอย่าสนใจทันทีว่า “เรื่องอันใด”

“เขาอยากแต่งเฝิงจือเป็นภรรยา”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วตกใจ “เหตุใดอยู่ดีๆ จึงคิดมาแต่งเฝิงจือเป็นภรรยา”

แต่ไรมาก็ไม่เห็นพวกเขามีปฏิสัมพันธ์อันใด

ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เขามักมาบ้านเรา ย่อมได้เห็นนิสัยและพฤติกรรมของเฝิงจือ ไม่เพียงแต่หน้าตาดี แต่ยังมีความสามารถ เขาจะไม่หวั่นไหวได้หรือ กล่าวตามตรง เฝิงจือดีกว่าคุณหนูมีตระกูลมากนัก แต่คิดถึงว่าหากต้องให้นางแต่งไปกับหันถง ข้าตัดใจไม่ลง”

ลู่เจียวยู่ปาก เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็รู้ว่าเฝิงจือรับใช้ข้างกายช่วยงานลู่เจียวไม่น้อย เขาเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าไปบอกหันถงให้เขาแต่งคนอื่นก็แล้วกัน”

ลู่เจียวรีบรั้งเขาไว้ “เจ้าทำอะไรน่ะ มีอย่างที่ไหน จับผู้อื่นแยกจากกันเช่นนี้ ข้าตัดใจไม่ได้เท่านั้น เฝิงจือได้แต่งกับหันถง ไม่รู้ว่าข้าดีใจเพียงใด ทั้งสองคนล้วนเป็นคนดีมาก และหันถงกับเจ้าก็สนิทกัน วันหน้าพวกเราสองตระกูลย่อมต้องไปมาหาสู่กัน หากเฝิงจือแต่งกับหันถง พวกเราสองตระกูลย่อมไปมาหาสู่กันมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหันถงแต่งกับผู้อื่น เหมือนเช่นภรรยาเขาก่อนหน้านี้ พวกเราสองตระกูลจะได้ไปมาหาสู่กันไหมยังพูดยาก

เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็เห็นด้วย ได้แต่สงสารลู่เจียวที่จะไร้คนสนิทใช้งานได้ดี “เช่นนั้น ข้างกายเจ้าขาดบ่าวคนสนิท จะทำเช่นไร”

“ก่อนหน้านี้ตระกูลเราซื้อสาวใช้มาสี่คน ให้พวกบ่าวเก่าแก่เดิมของเราอบรมมาตลอด ไว้ให้เฝิงจือไปเลือกมาอบรมสักสองคน เจ้าวางใจ แม้นางจะแต่งกับหันถงก็ต้องรออีกสักระยะ”

ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูเฝิงจือก็นำคนยกอาหารเข้ามา

แต่นางหน้าแดง ลู่เจียวมองดูก็รู้ว่านางได้ยินที่พวกเขาคุยกัน ทำเอาอดหัวเราะขำไม่ได้

ทำเอาหน้าเฝิงจือยิ่งแดง วางอาหารเสร็จก็รีบวิ่งออกไป

ลู่เจียวหัวเราะลั่นไล่หลังไป

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางซุกซนก็อดยื่นมือไปบีบแก้มนางไม่ได้

ลู่เจียวเร่งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบกิน เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งจะกินไปได้ครึ่งหนึ่ง นอกประตูเฝิงจือก็เดินเข้ามารายงาน ว่า “ใต้เท้า ฮูหยิน พ่อบ้านเซียวให้คนมาบอกว่า ฮูหยินหวางต้องการพบใต้เท้ากับฮูหยิน”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพอได้ฟังก็รู้ว่าคนที่มาน่าจะเป็นฮูหยินหวางทงพั่น

เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าเย็นเยียบทันที กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่พบ ให้นางกลับไป”

เฝิงจือหันหลังเดินออกไป

ในโถงห้องอาหาร ทั้งสองคนคุยเรื่องอื่นกันต่อ ไม่ได้เอ่ยถึงฮูหยินหวางอีก

แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งจะกินข้าวเสร็จ เฝิงจือก็เดินเข้ามา “ใต้เท้า ฮูหยิน ฮูหยินหวางถึงกับคุกเข่าอยู่หน้าประตูจวนเรา ด้านนอกมีเพื่อนบ้านมามุงดูกันไม่น้อยแล้ว”

ยามนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง

ทั้งสองคนลุกขึ้นออกจากห้องอาหารไปยังประตูใหญ่ที่เรือนด้านหน้า

นอกประตูตระกูลเซี่ย ฮูหยินหวางนำบ่าวมาคุกเข่าอยู่หน้าประตูจวนตระกูลเซี่ย ส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่ารันทดใจ

“ใต้เท้าเซี่ย ฮูหยินเซี่ย ขอร้องพวกท่านปล่อยสามีและบุตรชายข้าด้วย ข้าล่วงเกินพวกท่าน ข้าขอขมาต่อพวกท่านแล้ว ขอพวกท่านได้โปรดปล่อยบุตรชายเราไปด้วยเถิด”

“ฮูหยินเซี่ย ข้าควรตาย ข้าไม่ควรล่วงเกินท่าน ท่านเป็นบุตรีท่านหญิง ข้าจะไปกล้าล่วงเกินท่านโดยไม่ประมาณตนเองได้อย่างไร”

เพื่อนบ้านที่มุงดูกันอดไม่ได้ พากันวิพากษ์วิจารณ์ฮูหยินหวางกันขึ้นมาทันที

“วาจานางนี้หมายความเยี่ยงไร กล่าวหาว่าเซี่ยถงจือกับฮูหยินเซี่ยรังแกพวกเขาหรือ”

“ว่ากันว่าใต้เท้าเซี่ยเป็นใต้เท้าผู้ทรงธรรมแห่งเมืองหนิงโจวไม่ใช่หรือ วันนี้เขาออกหน้าให้ชาวบ้าน”

“วงการขุนนางมีดีที่ไหนกัน ล้วนดำมืดไปหมด ไม่แน่เขาอาจหาเรื่องตระกูลหวาง มีความแค้นเก่าอันใดกันมา ออกหน้าแทนชาวบ้าน ล้วนเป็นความเท็จทั้งเพ เจ้าเคยเห็นขุนนางคนไหนออกหน้าเพื่อชาวบ้านอย่างแท้จริงบ้าง”

“ก็ใช่”

ฮูหยินหวางได้ยินเสียงชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น

ยามนี้ ประตูใหญ่จวนตระกูลเซี่ยเปิดออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพาคนเดินออกมา

ฮูหยินหวางเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็พุ่งเข้าไปโขกศีรษะดังพลางกล่าวว่า “ใต้เท้าเซี่ย ขอท่านได้โปรดปล่อยสามีกับบุตรชายข้าด้วยเถิด ขอร้องท่านแล้ว”

ความจริงฮูหยินหวางไม่ได้มีความคิดอุบายอันใด แค่สุ่มลองไปอย่างสะเปะสะปะดูเท่านั้น

ตามหลัก นางควรฝากความหวังไว้ที่ตระกูลหลิน วันนี้นางก็ไปตระกูลหลินมา ใต้เท้าหลินกับฮูหยิน หลินก็ให้คำรับรองว่าจะช่วยหาหนทางให้

แต่ฮูหยินหวางรู้สึกว่าเรื่องครั้งนี้ร้ายแรงมาก ดังนั้นนางคิดไปคิดมาก็คิดมาขอร้องที่ตระกูลเซี่ย

ปรากฏเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวถึงกับไม่ให้นางพบ ฮูหยินหวางโมโหสุดขีด สุดท้ายจึงได้คุกเข่าลงร่ำไห้คร่ำครวญอยู่หน้าประตูจวนตระกูลเซี่ย

บนขั้นบันไดหน้าประตูจวนตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองฮูหยินหวางที่คร่ำครวญหวนไห้ด้วยสีหน้าเย็นเยียบ กล่าวว่า “ฮูหยินหวาง บุตรชายท่านมีคดีฆ่าคนตายหลายคดี พยานหลักฐานครบ ท่านวิ่งมาจวนตระกูลเซี่ยข้าร้องไห้คร่ำครวญอันใดกัน หรือท่านคิดว่าท่านร้องไห้แล้วข้าก็จะปล่อยบุตรชายท่านที่ต้องคดีฆ่าคนตายไป”

“ชีวิตบุตรชายท่านคือชีวิต ชีวิตผู้อื่นไม่ใช่ชีวิตหรือ ท่านรู้ว่าบุตรชายท่านขี่ม้าเหยียบคนตาย เด็กเพียงเจ็ดขวบ พ่อแม่เขาเจ็บปวดแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ท่านกลับมองว่าบุตรชายท่านฆ่าคนเป็นคนดี เด็กบ้านอื่นเขาอยู่กันดีๆ ไม่ใช่คนดีหรือ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดยาวเป็นชุดติดกันไม่หยุด เสียงร้องไห้ของฮูหยินหวางก็ยิ่งเบาลง ในใจเคียดแค้นอย่างไม่อาจบรรยาย แค้นใจแม่สามีตนเอง

นางคลอดบุตรชายออกมาก็ถูกแม่สามีแย่งไปเลี้ยงดูข้างกาย ต่อมายิ่งเลี้ยงยิ่งตามใจ ตอนเด็ก นางรู้สึกว่าบุตรชายเช่นนั้นไม่ดี เคยบอกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ถูกแม่สามีแล่นไปร่ำไห้ฟ้องหวางทงพั่น ว่านางไม่เคารพนาง ว่านางไม่ยอมรับนาง สามีนางก็หน้าดำคล้ำดุดันหันมาโมโหตำหนิใส่นางว่านางไม่เคารพมารดาสามี เป็นคนไม่กตัญญู หากนางเป็นเช่นนี้อีก ก็จะหย่านาง ให้นางกลับบ้านนางไป ต่อมานางจึงไม่กล้าพูดอีก

กล่าวได้ว่าบุตรชายนางเดินมาถึงวันนี้ ก็ล้วนเป็นเพราะแม่สามีกับสามีนางทำร้าย

ฮูหยินหวางคิดถึงเรื่องนี้แล้ว น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาไม่หยุด

คนรอบข้างได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น จึงได้รู้ว่าคนที่ร้องไห้คร่ำครวญถึงกับเป็นฮูหยินหวางทงพั่น คิดถึงว่าบุตรชายหวางทงพั่นทำร้ายคนตายไปมากมายหลายชีวิต และในนั้นยังมีเด็กอายุแค่ไม่กี่ขวบ

คนรอบข้างก็โมโหเดือดดาล มีคนถอดรองเท้าปาใส่ “หน้าไม่อาย เห็นๆ ว่าบุตรชายเจ้าทำร้ายผู้อื่นจนตาย ถึงกับแล่นมาร้องไห้ที่หน้าประตูจวนใต้เท้าเซี่ย”

“นางผู้นี้ย่อมไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ขว้างนางให้ตาย”

คนหนึ่งใช้รองเท้าปา หลายคนก็หาของมาปา มีคนถึงกับหยิบก้อนหินริมทางมาปาใส่

บ่าวรับใช้ตระกูลหวางรีบเข้าไปปกป้องฮูหยินหวาง “ฮูหยิน พวกเรากลับกันเถอะ รีบกลับกันเถอะ”

ฮูหยินหวางเงยหน้ามองสีหน้าเย็นชาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว รู้ว่านางอยู่ต่อก็คงไม่ได้ผลอันใด และในเมื่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นเปิดสืบคดีนี้เปิดเผย จะมาปล่อยสามีกับบุตรชายเพราะนางมาร้องไห้หรือ

ฮูหยินหวางจะทำเช่นไรได้ ได้แต่ให้คนประคองขึ้นรถม้า ชาวบ้านด้านหลังยังปาของใส่ไม่หยุด

“ไสหัวไป ทั้งครอบครัวล้วนไม่ใช่คนดี”

“จิตใจอำมหิตดังสุนัข บุตรชายตนเองฆ่าคนตาย ยังมีหน้ามาร้องไห้คร่ำครวญหน้าจวนใต้เท้าเซี่ย”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!