ตอนที่ 775 สุนัขหรือ
ก่อนเข้าวัง เซี่ยอวิ๋นจิ่นบอกว่าคืนนี้เขาจะหาโอกาสกราบทูลเรื่องนี้ต่อฝ่าบาท เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้กราบทูล
ลู่เจียวไม่ได้กล่าวอันใดต่อ สองสามีภรรยาสนทนากับผู้คนรอบกาย งานเลี้ยงในวังคืนนี้ ฮ่องเต้ทรงอารมณ์ดีมาก ไทเฮาเองก็เช่นกัน บรรดาขุนนางในพระที่นั่งต่างก็แสดงอาการรื่นเริงกันไม่เลว
แม้ว่าฮองเฮากับองค์ชายใหญ่ไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อผู้อื่น
เรื่องนี้ทำให้สองแม่ลูกยิ่งมองก็ยิ่งโมโหมาก ฮองเฮามององค์ชายรองเป็นระยะ และยังมองสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ย จากนั้นก็มองไปยังบรรดาขุนนางที่ต่างเบิกบานใจ นางจะต้องจดจำคนเหล่านี้ไว้ วันหน้าจะได้คิดบัญชีกระจ่าง
องค์ชายใหญ่เซียวเจินมองเซียวเหวินอวี๋แล้วก็ทนแทบไม่ไหว ไม่อาจระงับความคิดชั่วร้ายในใจลงได้ เขาหันไปมองหลินจิงที่อยู่ไม่ไกลนัก หลินจิงตอบรับความคิดองค์ชายใหญ่ทันที จากนั้นก็ดึงหญิงสาวข้างกายไปคุยเล่น
งานเลี้ยงดำเนินมาได้ครึ่งหนึ่ง ฮ่องเต้ก็คล้ายว่าทรงเมาสุราแล้ว ไทเฮาส่งสัญญาณให้ขันทีประคองฮ่องเต้ไปพักผ่อน ฮ่องเต้กลับไม่ให้ขันทีประคอง แต่กวักพระหัตถ์เรียกเซียวเหวินอวี๋เข้ามา “อวี๋เอ๋อร์ ส่งเสด็จพ่อกลับ พวกเราพ่อลูกคุยกันสักหน่อย”
เซียวเหวินอวี๋รีบยื่นมือไปประคองฮ่องเต้ ประคองเขาเดินออกจากพระที่นั่ง ฮองเฮากับเซียวเจินด้านหลังมองด้วยแววตาเคียดแค้นชิงชัง ไทเฮาเห็นดังนี้แล้วก็อารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
แต่อายุมากแล้ว ยามนี้ไม่คิดอยู่ต่อ จึงรับสั่งให้ฮองเฮาดูแลงานเลี้ยงในวังต่อจากนี้
ฮองเฮารับพระบัญชา ส่งไทเฮากลับ
ฮ่องเต้เสด็จกลับ ไทเฮาเสด็จกลับ เซียวเหวินอวี๋ก็ไปแล้ว
ในที่สุดสีพระพักตร์ฮองเฮากับองค์ชายใหญ่ก็เป็นปกติ ฮองเฮาก็ทักทายบรรดาขุนนางด้วยท่าทีสูงสง่านิ่งสุขุม สีพระพักตร์มีรอยยิ้มอ่อนโยน
นางยังแสดงท่าทีว่าขุนนางที่ช่วยบุตรชายนางขึ้นสู่บัลลังก์ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างดี
องค์ชายใหญ่เองก็แสดงท่าทีได้เหมาะสมอย่างมาก ดูแลทักทายกับบรรดาขุนนางแทนเสด็จพ่อ
สำหรับองค์ชายใหญ่ ขุนนางในราชสำนักไม่น้อยต่างเห็นว่ามีความเป็นไปได้มาก
อย่างไรคนเขาก็เป็นโอรสฮองเฮา สถานะองค์ชายใหญ่ยังคงยอดเยี่ยม ไม่มีปัญหาที่จะเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวแม้แต่น้อย
ในงานเลี้ยง หลินจิงแอบดึงหญิงสาวนางหนึ่งปลีกตัวออกไป
เซียวเจินแววตาส่องประกายวาวเล็กน้อยก่อนจะรีบยิ้มทักทายขุนนางข้างกาย แสดงท่าทีให้พวกเขาดื่มสุรากินอาหาร และยังแสดงท่าทางใส่ใจบรรดาขุนนางอยู่ตลอดเวลา
เห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว องค์ชายใหญ่ก็ถือโอกาสพาคนเดินออกไป
ยามนี้เซียวเหวินอวี๋ส่งฮ่องเต้กลับตำหนักแล้ว กำลังสนทนากับฮ่องเต้ ฮ่องเต้รู้ว่าเขาเพิ่งจะออกมาจากตระกูลเซี่ย ย่อมต้องคิดถึงคนตระกูลเซี่ย จึงตรัสสุรเสียงนุ่มนวลว่า “เสด็จพ่อรู้เจ้าอยากอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยงเจ้า ไปเถอะ ไปคุยกับพวกเขา”
เซียวเหวินอวี๋รีบยิ้มขอบพระทัยฮ่องเต้ “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
รอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์และงดงาม
ฮ่องเต้เห็นเขาเช่นนี้ก็อดยื่นพระหัตถ์ไปลูบศีรษะเขาไม่ได้ “ไปเถอะๆ”
แม้ว่าลูกคนนี้ไม่ได้เติบโตมาข้างกายเขา แต่สนิทสนมกับเขา ไม่ได้มีความคับแค้นใจเขาแม้แต่น้อย
มองออกว่าตระกูลเซี่ยอบรมเขามาได้ดีมาก จิตใจบริสุทธิ์อย่างมาก แต่ในฐานะรัชทายาทกลับน่าจะดีเกินไปสักหน่อย
เซียวอวี้คิดไปก็หรี่ตามองไป
เซียวเหวินอวี๋ไม่ค่อยคุ้นเคยกับสภาพการณ์ในวัง เขารับสั่งให้ขันทีรับใช้พาเขากลับไปพระที่นั่งจัดงานเลี้ยงในวัง
เขาคิดหาโอกาสคุยกับท่านพ่อท่านแม่
แต่ขันทีพาเขาไปได้ระยะทางหนึ่ง เซียวเหวินอวี๋ก็พบว่าเส้นทางนี้ไม่ถูกต้อง เขาอดหยุดฝีเท้าหรี่ตามองมองไปยังขันทีนำทางไม่ได้
“ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้มาเส้นทางนี้กระมัง”
ขันทีผู้นี้ก็คือคนที่เสด็จพ่อส่งมารับใช้เขา
เดิมเขาไม่ได้คิดมากเพียงนนี้ ตอนนี้ดูท่าคนผู้นี้เกรงว่ามีอุบาย
ขันทีเห็นเซียวเหวินอวี๋มองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบก็อดตัวสั่นเล็กน้อยไม่ได้ รีบกล่าวทันทีว่า “องค์ชายรอง เส้นทางเดิมค่อนข้างไกล ลองใช้เส้นทางนี้ใกล้กว่าพ่ะย่ะค่ะ
เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิดแล้วก็นิ่งฟัง ได้ยินเสียงพูดคุยของงานเลี้ยงในวังดังแว่วมา ดูท่าเดินไปตามเส้นทางนี้ใกล้จริง แต่แม้เป็นเช่นนี้ เซียวเหวินอวี๋ก็ไม่ได้เชื่อขันทีผู้นี้เต็มที่
ในฐานะขันทีติดตามใกล้ชิด หากเดินทางลัดก็ควรบอกเขาก่อนสักหน่อยไม่ใช่หรือ
เซียวเหวินอวี๋คิดไปพลางก้าวเดินต่อไป ไม่คิดว่าเส้นทางมืดมิดด้านหน้ากลับมีเงาร่างหนึ่งเดินออกมา
เซียวเหวินอวี๋เงยหน้ามองไป พบว่าคนผู้นี้เดินมาถึงอย่างรวดเร็ว เป็นดรุณีน้อยอายุสิบสามสิบสี่ คุณหนูผู้นี้เขารู้จักก็คือเผยอวี่หลานสาวเผยโส่วฝู่ นางเป็นหญิงสาวตัวน้อย จะมาเดินในที่ลับตาคนเช่นนี้ได้อย่างไร
ขณะเซียวเหวินอวี๋กำลังคิดอยู่ เผยอวี่ก้เดินมาตรงหน้าเขา สีหน้านางก็แดงระเรื่อ ดวงตาโตมีความฉ่ำวาว หอบหายใจแรงอย่างมาก
เซียวเหวินอวี๋ได้รับการอบรมสั่งสอนจากลู่เจียวมาจนโต เรียนวิชาการแพทย์หลากหลายมาแต่เล็ก และเข้าวังครั้งนี้ ลู่เจียวมอบยาให้เขามาไม่น้อย
พอเขาเห็นท่าทางเผยอวี่เช่นนี้ ก็รู้ว่านางถูกคนวางยา และเป็นยาที่ไม่ดีอีกด้วย
เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิดแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมา พร้อมกับได้กลิ่นจากกายของเผยอวี่
ร่างกายของเผยอวี่โดนคนวางยากำหนัด
สีหน้าเซียวเหวินอวี๋พลันแปรเปลี่ยน ดูท่าเผยอวี่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในตอนนี้ เพราะมีคนคิดทำลายชื่อเสียงเขา หากไม่เหนือความคาดหมาย คนผู้นี้ก็คือองค์ชายใหญ่
เผยอวี่เป็นหลานสาวคนโตของเผยโส่วฝู่ หลานสาวถูกเขากระทำอันใดลงไป แค่คิดก็รู้แล้วว่าขุนนางในราชสำนักจะผิดหวังในตัวเขาเพียงใด ตระกูลเผยจะโมโหมากเพียงใด
เซียวเจินโหดเหี้ยมจริงๆ
ขณะที่เซียวเหวินอวี๋กำลังคิดอยู่ เผยอวี่พลันยื่นมือออกมารั้งแขนเสื้อเขาไว้ จ้องมองเขาตาปริบๆ กล่าวว่า “ข้า ข้าหลงทาง เจ้าพาข้ากลับเข้าไปในงานเลี้ยงในวัง ได้หรือไม่ ข้าร้อนมาก ทรมานมาก ข้าไม่สบายแล้ว”
เซียวเหวินอวี๋รู้ว่าเรื่องนี้เร่งด่วนจึงรีบยื่นมือไปคว้าเผยอวี่ จากนั้นก็ยกมือตีนางจนสลบ ขันทีข้างกายแสดงอาการเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
จากนั้นเขาออกคำสั่งองครักษ์ในมุมลับ “นำตัวเขาโยนไว้ในพุ่มไม้”
เซียวเหวินอวี๋เข้าวังแม้ว่านำผู้คุ้มกันมาด้วยห้าคน แต่เพราะในวังมียอดฝีมือมากมาย ปกติเขาไม่ให้ผู้คุ้มกันทั้งห้าติดตาม แต่ให้พวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่ในตำหนักของเขาก็พอ เวลาออกจากตำหนักก็จะพาไปเพียงแค่คนเดียว
ยามนี้องครักษ์ได้ยินคำสั่งเซียวเหวินอวี๋ ก็รีบฟาดขันทีสลบโยนเข้าพุ่มไม้
เซียวเหวินอวี๋เคลื่อนไหวรวดเร็ว ควักเอายาถอนพิษกำหนัดออกมาใส่ปากตนเอง พร้อมกันป้อนใส่ปากเผยอวี่ไปหนึ่งเม็ด
เขาเพิ่งจะลงมือเสร็จ ทางเดินมืดสลัวก็มีเสียงฝีเท้าคนเดินมาอย่างร้อนใจ “คุณหนู ท่านอยู่ที่ไหนเจ้าคะ”
“คุณหนู ท่านตอบพวกเราสักคำ”
นอกจากนี้ก็มีเสียงตะโกนเรียกสองข้างทาง และยังเอ่ยอย่างร้อนใจ “พวกเจ้าไม่ต้องรีบ เสี่ยวอวี่ไม่เป็นอันใด พวกเราออกตามหากันดู”
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินก็รู้สึกว่าน้ำเสียงคุ้นหูมาก คิดอยู่นาน พลันนึกได้ว่าเป็นเสียงหลินจิง
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินเสียงหลินจิง ก็อดคิดถึงเรื่องราวในความฝันที่พวกนางทำกับตระกูลเซี่ยพวกเขาไม่ได้
สีหน้าเขาเย็นเยียบลงทันที มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะ
แต่ตอนนี้ต้องพาเผยอวี่ไปก่อน
เซียวเหวินอวี๋คิดแล้วก็ยื่นมือขึ้นอุดปากเผยอวี่ พานางออกไป
เดิมวิทยายุทธ์เซียวเหวินอวี๋ก็ไม่ธรรมดา กอปรกับมีองครักษ์ยอดฝีมือ ดังนั้นย่อมทะยานหลบหนีสายตาพวกหลินจิงไปได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่เพิ่งจะกินยาถอนพิษลงไป เผยอวี่ยังทรมานอยู่ เอาหัวซุกไซ้ถูไถหัวไหล่เซียวเหวินอวี๋อยู่ตลอดเวลา
ร่างเซียวเหวินอวี๋อดขมวดขึ้งไม่ได้ เหตุใดนางเอาแต่ซุกไซ้ราวกับสุนัขซุกไซ้คน