Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 223

บทที่ 223

ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด

นั้นเป็นครั้งแรกที่เธอขับเครื่องบิน เขานั่งอยู่ข้างๆ จับมือสอนเธอ เธอฉลาดมาก แค่เริ่มเรียนก็ขับได้ ถึงแม้ตอนเริ่มจะขับเครื่องบินเฉไปเฉมา แต่ก็ขึ้นบินได้ตามปกติ

ตอนนั้นเขาชมว่าเธอฉลาด ยังบอกด้วยว่าเธอต่างกับคนทั่วไป…

เธอในตอนนั้นคิดแค่ว่าประโยคนั้นของเขาเป็นการชมเชยเธอจริงๆ ดวงตาจึงเปล่งประกายด้วยความดีใจ

หลงซีเป็นครูฝึกของค่ายฝึกนักฆ่า ตามปกติมักปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเย็นชา นักฆ่าฝึกหัดมากมายขนาดนั้น เขางกคำชมเชยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มักตำหนิวิจารณ์ผู้คนอยู่เสมอ นักฆ่าทั้งหมด ในค่ายฝึกนักฆ่าทั้งเคารพและหวาดกลัวเขา นานๆ ทีเขาถึงจะชมเชยสักคน ทำให้คนทั้งหมดอิจฉาตาร้อนกันไปหลายวัน และทำให้คนที่ถูกชมเบิกบานไปอีกหลายวัน…

เด็กสาวแทบทุกคนในค่ายฝึกนักฆ่าล้วนแอบรักครูฝึกหลงผู้นี้ คาดหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเขา

กู้ซีจิ่วนิสัยเย็นชามาตั้งแต่เกิด ตอนนั้นยังไม่รู้สึกหวั่นไหว แค่มีความรู้สึกดีต่อครูฝึกหลงผู้นี้

เธอน่าจะเริ่มชอบเขาตอนอายุ 17 เขาชมเธอบนเครื่องบิน กลิ่นอายจางๆ ของเขาทำให้เธอใจเต้นแรงเป็นครั้งแรก…

ยามนั้นเธอเบิกบานอย่างยิ่ง ใช้ลูกไม้ต่างๆ ตอนขึ้นบินกับเขา พอมองเห็นก้อนเมฆแล่นผ่านปีกเครื่องบิน เธอเลยพูดว่าอยากขี่นก ถลาลม…

เพียงแต่ตอนนั้นแค่พูดเล่นเท่านั้น ไม่เคยนึกเลยว่าจะได้ขี่นกบินอยู่บนท้องฟ้าจริงๆ

กระเรียนมงกุฎแดงตัวนี้บินเร็วมาก แต่บนหลังนกกลับไม่มีลมเท่าไหร่ และไม่สั่นสะเทือนด้วย นั่งอยู่ด้านบนสบายมากจริงๆ

ไม่จำเป็นต้องถามเลย หลงซือเย่ร่ายคาถาแหวกสายลมไว้บนหลังนกตัวนี้แน่นอน

ปกติแล้วหลงซือเย่ควรจะพูดน้อย แต่ขณะนี้กลับมีคำพูดมากมาย เขาพูดมากเหลือเกิน ส่วนใหญ่จะย้อนรำลึกถึงอดีต

ทว่ากู้ซีจิ่วกลับไม่พูดอะไรสักคำ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด

อดีตจะหวานชื่นสักเพียงใด แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นหลุมพรางขนาดใหญ่ เป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น เมื่อหวนนึกถึงก็ไม่รู้สึกหวานชื่นแล้ว รู้สึกแค่เจ็บใจ!

สายลมบนฟ้าพัดรำเพย พาความว้าวุ่นในใจให้ปลิดปลิวไป

ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเงียบอยู่ตลอด แต่ก็ลอบสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ ด้วย เห็นได้ชัดว่าหลงซือเย่ติดตั้งวัตถุที่มีคุณสมบัติคล้ายม่านพลัง พรางกายอะไรทำนองนั้นไว้ เนื่องจากมีบางครั้งที่พวกเขาพบเห็น ผู้คนขี่วิหคหลากสีสันบินผ่านมา คนเหล่านั้นบินเฉียดผ่านไป แต่กลับมองไม่เห็นพวกเขาที่อยู่บนตัวนก

ดูเหมือนหลงซือเย่จะมีฝีมือไม่น้อยจริงๆ สมกับเป็นหนึ่งในเจ้าสำนักของสามสำนักหลัก

และตลอดทางมานี้ก็ไม่เห็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจอมโรคจิตผู้นั้น โผล่ออกมาเลย เห็นได้ชัดว่าหนนี้พวกเขาสลัดหลุดแล้ว

“ซีจิ่ว เจ้าง่วงหรือไม่? ถ้าง่วงพิงข้าหลับสักหน่อยก็ได้ ถ้าถึงแล้วข้าจะปลุกเจ้า” นํ้าเสียงหลงซือเย่อ่อนโยน

กู้ซีจิ่วยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม และไม่มีทีท่าว่าจะหลับ

มุมปากเธอยกยิ้มเย้ยหยันบางๆ

เธอหลับไม่ลง เธอกลัวว่าหลังจากตื่นขึ้นมาแล้วจะพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด รอโดนควักอวัยวะภายในอีกครั้ง…

หลงซือเย่ก็คล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้ นัยน์ตาพลันมืดมนลงเล็กน้อย เม้มริมฝีปากบางนิดๆ เขาอ้าปากเหมือนอยากจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา กลายเป็นว่าเพียงถอนหายใจเท่านั้น

เขาถามสวรรค์กับอาณาจักรเฟยซิมิได้ใกล้กัน ระยะทางห่างไกลกันสองพันลี้

อาชาพันลี้เองยังต้องวิ่งทั้งวัน แต่นกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนี้เร็วกว่าอาชาพันลี้มากนัก โบยบินแค่ครึ่งคืน ยามย่ำรุ่งของวันเดียวกัน ด้านหน้าก็ปรากฏเงาของหุบเขาถามสวรรค์รางๆ แล้ว

รูปร่างเขาถามสวรรค์คล้ายคลึงกับเขาหลูซานในเกมออนไลน์มาก

หุบเขาสูงงดงาม ทว่าเปี่ยมอันตราย

เมฆาขาวลอยล่องตรงไหล่เขาราวกับเข็มขัดหยก ครึ่งหนึ่งของภูเขาซ่อนอยู่ในหมู่เมฆ ดั่งภาพวาดก็มิปาน

หุบเขาถามสวรรค์มีสามยอดเขา ยอดเขาตรงกลางเป็นยอดเขาที่สูงชันที่สุด

วินาทีที่มองเห็นเขาถามสวรรค์หลงซือเย่พลันถอนหายใจอย่างโล่งอก

ตั้งแต่ต้นจนจบคนผู้นั้นไม่ได้ไล่ตามมาเลย ดูเหมือนแผนหลบหนีที่ตนคิดขึ้นจะใช้ได้ผล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version